Originally Posted by Petrboat
http://image.ohozaa.com/io/1pwn2.png
เพราะอะไรทำไม เชลซี ถึงฟอร์มตกอย่างน่าใจหาย ?????
..........ในขณะที่กระแส เอล กลาซิโก้ กำลังกึกก้องท่ามกลางบรรยากาศอันแสนเหน็บหนาวจนบาดลึกถึงขั้วหัวใจทำให้เกิดเครื่องหมายคำถามมากมายมาขึ้นมาตั้งแง่ใส่อภิมหากุนซือ โชเซ่ มูรินโญ่ จอมอหังการณ์..
คำถามที่ว่านั่นก็คือเพราะเหตุใด เดอะ สเปเชี่ยล วัน ที่ขึ้นชื่อในด้านการสร้างมาตรฐานเกมรับอันเหนียวแน่นถึงได้เสียประตูเละเทะขนาดนั้น ?
นับตั้งแต่ เรอัล มาดริด เจอ ดาวิด บีญ่า พิฆาตประตูที่ 3 เข้าไปเปรียบได้ดั่งกับว่าตัว มูรินโญ่ ถูกคำสาปให้ทำได้เพียงนั่งปลงในผลงานของลูกทีมอยู่ข้างสนามเพราะโดน บาร์เซโลน่า งัดลูกโหดมาเล่นขนาดนั้นเป็นใครก็คงโชว์สกิล "เครียด" ไม่ออก
http://totalfootballmadness.com/wp-c...ho-Clasico.jpg
ผลที่ตามมาจึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทำดีมาจนเกือบๆ 1 ใน 3 ของซีซั่นแต่พบเหตุการณ์อันไม่คาดฝันแบบนั้นที่ คัมป์ นู เข้าไปอนาคตกุนซือ ณ เบอร์นาบิว ก็สั่นคลอนเล็กน้อยเหมือนกัน..
จะว่าไปแล้วช่วงนี้เส้นชะตาของเหล่าผู้จัดการทีมยักษ์ใหญ่คนก็อยู่บนเส้นด้ายหลายคน.. รอย ฮอดจ์สัน ถูกสบประมาทว่าไม่เหมาะกับการคุมระดับ ลิเวอร์พูล และสถานการณ์ต่างๆ เริ่มไม่สวยงามเหมือนที่คาดหวังไว้ตอนต้น
ส่วนทางด้าน ราฟาเอล เบนิเตซ ตกอยู่ในสภาวะตึงเครียดเป็นพิเศษเพราะเข้ามารับงานต่อจาก โชเซ่ มูรินโญ่ ที่วาดความสำเร็จ 3 แชมป์ไว้ให้คนทั่วโลกตราตึงแล้วพอตัว เอลราฟา ต้องมาสานต่อความกดดันจึงเป็นศัตรูที่อันตรายที่สุด
ทว่าในความรู้สึกแล้วมีอีกคนที่กำลังประสบปัญหาแต่ว่าเจอในสิ่งที่แตกต่างออกไป.. คาร์โล อันเชล็อตติ คนนี้การันตีฝีมือได้ว่าของแท้แต่พอทีมผลงานแย่ภาพวันเก่าๆ เสี่ยหมีเฮดช็อตเริ่มลอยมาให้เห็นเป็นลางๆ กันอีกครั้ง..
ออกสตาร์ทด้วยการยิงคู่แข่งไส้แตกชนะ 5 นัดรวดถล่มไป 21 ดอกและเจอเปิดซิงเพียงประตูเดียวเท่านั้นในเกมที่บุกไปเอาชนะ เวสต์แฮม 1 - 3 จนเกิดเสียงอุทานออกมาอย่างต่อเนื่องว่า "เอ็งเอาแชมป์ไปเถอะ"
ไม่พอ.. เชลซี เคยนำ แมนยูไนเต็ด มากสุดด้วยช่องว่าง 5 แต้มแต่เพราะเหตุใดปัจจุบันนี้ทีมที่อยู่บนหัวตารางจึงเป็นปีศาจแดงหาใช่สิงโตน้ำเงินครามที่ร้อนแรงในช่วงเปิดซีซั่น ?
อันนี้มันน่าคิดจริงๆ ครับแต่โดยส่วนตัวแล้วผมขอแยกออกเป็น 2 ปัจจัยหลักๆ ..
อย่างแรกเลยคือการที่ เรย์ วิลกิ้น ตำนานของสโมสรจึงถูกเด้งฟ่า่ผ่าอย่างกระทันหัน.. อันนี้ส่งผลต่อสภาพจิตใจนักเตะเป็นแน่แท้เพราะแค่เกมแรกที่ปราศจากชายที่หน้าตาคล้าย ทอม เฮนนิ่ง ออฟเรโบ ไปเพียงเกมเดียวทัพสิงห์บลูปราชัยทันที..
และที่ร้ายแรงไปกว่านั้นคือเป็นการพ่ายคาบ้านให้กับ ซันเดอร์แลนด์ ถึง 0 - 3 ในชนิดที่เล่นกันได้สมควรแพ้ด้วยความสัตย์จริง
จะบอกว่าถูกเฉดหัวออกเพราะ วิลกิ้น ไม่เก่งก็ไม่ใช่.. รับช่วงต่อเป็นคนตราทัพในช่วงที่ทีมไร้กุนซือก็เคยมาแล้ว หรือจะเป็นการช่วยประสานงานกับ กุส ฮิดดิงค์ ผงาดคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ 2009 น่าเชิดชูชะมัด
ปีที่ผ่านมาก็ยังคงทำหน้าที่ต่อไปและผนึุกกำลังกับ คาร์โล อันเชล็อตติ จนกระชากแชมป์ลีกสูงสุดจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาครองได้สำเร็จแถมคอยเป็นล่ามให้กับตัว อันเช่ อีกด้วยเวลากุนซือคางทูมอยากระเบิดโทสะใส่นักเตะบางคน
http://amongoodfriends.files.wordpre...-ancelotti.jpg
เรื่องของเรื่องคือมันน่าสงสัยไม่น้อยเมื่อ ไมเคิ่ล เอมินาโล่ อดีตหัวหน้าแมวมองผู้ซึ่งเคยเกือบอิมพอร์ต เนย์มาร์ โกทูลอนดอน ดันเป็นผู้ที่ขึ้นมารับตำแหน่งแทนซึ่งบ่งบอกได้เป็นนัยๆ เลยว่างานนี้มีลับลมคมไหนจากคนเบื้องบนอย่างไม่ต้องสงสัย
ตัวอันเช่เองก็ดูเหมือนจะแอนตี้เสียด้วยเพราะสังเกตุได้ง่ายๆ เลยว่าเวลาืที่ตัวเขาต้องการความแน่ใจบุคคลที่จะปรึกษาเป็นอันดับแรกไม่ใช่ เอมินาโล่ แต่กลายเป็น พอลล์ คลีเมนต์ ผู้ช่วยอีกคนต่างหาก..
ของแบบนี้ต่อให้พูดสัก 10 วันมันก็ไม่จบเพราะมันหามูลความจริงที่เชื่อถือไม่ได้.. ต่อความยาวสาวความยืดต่อไปก็ไม่เกิดประโยชน์และยังถือว่าโชคดีที่ เรย์ วิลกิ้น เองยอมใจเย็นไม่เอาเรื่องที่สิ่งที่เกิดขึ้น
อีกสิ่งนึงที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือการที่ผู้เล่นตัวหลักประสบปัญหาอาการบาดเจ็บ.. ซึ่งผมให้น้ำหนักในส่วนนี้ค่อนข้างเยอะมากถ้าว่ากันถึงเรื่องในสนามล้วนๆ ไม่ต้องเอาคนอื่นมาเอี่ยว
การเสีย จอห์น เทอร์รี่ ไปทำให้แผงเกมรับยวบลงทันทีไม่ต้องรีรออะไร.. แถมช่วงนั้นปราการหลังบราซิลเลี่ยนอย่าง อเล็กซ์ ก็ดันมาเจ็บพร้อมกันพอดีส่งผลให้ เรนาโต้ เปาโล เฟอร์เรร่า ต้องลงไปเล่นแทนจนเสียผู้เสียคน
นั่นแสดงให้เห็นว่าขุมกำลังตัวสำรอง เชลซี ไม่สามารถทดแทนกันได้เหมือนฤดูกาลก่อนๆ.. บทจะดันดาวรุ่งอย่าง เจฟฟรี่ บรูม่า ลงไปเล่นก็ดันเกรงว่าประสบการณ์จะไม่พอซึ่งอันนี้ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าถ้าเป็นแบบนั้นอันเช่จะบอกว่าซีซั่นนี้ดันดาวรุ่งเต็มตัวเพื่อ ???
คือของแบบนี้มันต้องกล้าลอง.. เพราะจะว่าไปดาวรุ่งส่วนใหญ่มีโอกาสเฉพาะนัดที่ไม่สำคัญเท่านั้น.. จอสช์ แม็คเอแคร่น ได้ลงเล่นเยอะจริงแต่ก็เหมือนที่ผมบอกไปถ้าเกมใหญ่ก็ได้ลงช่วงคับขันสุดๆ หรือไม่ก็เฉพาะเวลาที่ทีมยิงสกอร์ขาดแค่นั้นเอง
ตัดบทสรุปด้านดาวรุ่งและเกมรับไปมาต่อกันที่แดนกลางกันต่อ.. อันนี้ผมว่าร้ายแรงที่สุดเพราะภาพก็ฟ้องในทางอ้อมเมื่อ ดิดิเยร์ ดร็อกบา หรือ นิโกล่าส์ อเนลก้า ไม่มีตัวเปิดป้อนอย่าง แฟรงค์ แลมพาร์ด พวกเขาก็ไม่ได้มีจังหวะได้จบงามๆ สักที
ส่วนใหญ่ที่เห็นๆ กันคือาศัยชงเองกินเองแบบนั้นความหลากหลายไม่พอ เจอจับทางได้เกมตัน ขาดนักเตะที่มีวิชชั่นไปแบบนี้กองหน้าเหนื่อย..
ตัวแทนที่น่าจะทำหน้าที่ได้ดีที่สุดอย่าง ยอสซี่ เบนายูน ก็ดันบาดเจ็บยาวครั้นจะให้ รามิเรส มาเล่นแทนก็ไม่ไหวเพราะยังปรับตัวกับบอลอังกฤษไม่ได้แถมสไตล์ก็ไม่ให้อีกต่างหาก
http://v4admin.sportnetwork.net/uplo...MP-9375502.jpg
หลายครั้ง ฟลอล็องค์ มาลูด้า ต้องมาเล่นแต่ก็ทำให้เกมริมเส้นดูดร็อปไปเพราะ แอชลีย์ โคล จะเติมความร้อนแรงทางด้านซ้ายได้เผ็ดมันที่สุดต้องคอมโบร่วมกับ มาลูด้า เท่านั้น
แล้วพอลองใช้ ยูริ เชียร์คอฟ เล่นก็พอไปวัดไปวาได้ นักเตะคนนี้ผ่านบอลเก่ง เอาตัวรอดดี แต่มิติไม่เพิ่มเพราะเวลาเล่นดันชอบไปทับไลน์กับ มาลูด้า และ เอโคล ที่ถนัดเท้าซ้ายด้วยกันทั้งนั้น
เจอกุนซือฝ่ายตรงข้ามจับทางหาตัวเข้าและคนรอซ้อนแบบเต็มสตรีมเสียหน่อยเกมรุกก็ตื้อไปเสียดื้อๆ ????
ร้ายยิ่งไปกว่านั้นคือการขาด ไมเคิ่ล เอสเซียง เพราะโดนโทษแบนถึง 3 นัดส่งผลกระทบต่อทีมอย่างมาก.. คือไม่มีคนสร้างสรรค์เกมตรงกลางประสิทธิภาพมันก็หายแต่ว่าขาดความหนาแน่นอย่าง เอสเซียง ไปแดนกลางดูเบาหวิวไปโดยปริยาย
เอากันง่ายๆ นัดที่แพ้ ซันเดอร์แลนด์ มีเพียง จอห์น โอบิ มิเกล ที่สอบผ่านส่วน เชียร์คอฟ ดูดร็อปและ รามิเรส ออร่ายังไม่ถึงสร้างความหนาแน่นแบบที่ เอสเซียง ทำยังไม่ได้เลยโดน ลี แคทเทิ่ลโม คนเดียวกลบ 3 มิดฟิล์ดสิงโตน้ำเงินครามซะเรียบวุธ
เกมวันเสาร์ืที่จะถึงนี้ เชลซี เตรียมเปิดรัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ ต้อนรับการมาเยือนของ เอฟเวอร์ตัน น่าจะเคลียร์ปัญหาหลายๆ อย่างไปได้เพราะ จอห์น เทอร์รี่ ฟิตปั๋งส่วน เอสเซียง ก็พ้นโทษแบนกลับมา
จะขาดก็เพียงแค่ แฟรงค์ แลมพาร์ด ที่ยังเป็นข้อสงสัยว่าชายคนนี้หรือไม่ที่คือต้นเหตุแห่งการฟอร์มทรุดของ เชลซี ตัวจริง ?
ยังไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าจะเป็นเช่นไรเพราะถ้าหาก เชลซี คืนฟอร์มกลับมาชนะได้ก็จะเป็นแบบเดิมคือเสียงเชิดชูกลับมาอีกครั้งเหมือนตอนที่ออกสตาร์ทร้อนแรงตอนต้นฤดูกาลทั้งๆ มี แลมพาร์ด ในแผงฟอร์เมชั่นแค่ 2 นัดเท่านั้น
บางทีทนรอไป 10 วันเพื่อยลโฉมของ "เดอะ แฟรงค์" อย่างเต็มตัวเราคงได้บทสรุปสักทีว่า เชลซี ที่เคยร้อนแรงนั้นมันเป็นความสามารถของแท้หรือเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา..
ถ้าผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยครับตอนเขียนมึนหัวมากแต่ก็ยังอยากเขียนเพราะต้องการเขียนให้เสร็จก่อนเกมเจอเอฟเวอร์ตัน
Petrboat