อ่ะแหน่ ประเดิมกระทู้พูดคุยอันใหม่ (จริง ๆ อันนี้พิมพ์ไว้ว่าจะลงไดอารี่ แต่ว่าขอเห่อลงกับเค้าหน่อยยย) . . กับเมืองที่พึ่งจะได้ไป . . โตเกียวฮะ ! ปกติไปแต่โอซาก้า คันไซบ้านน้อกกกกบ้านนอก (แต่ก็มีเสน่ห์นะฮะ) ตอนนี้ได้ยลเมืองใหญ่กับเค้าซะที ฮี่ฮี่ ได้ไปนาริตะสองรอบถ้วนทั้งหมดหกคืน . . พักโรงแรมไกลตัวเมืองสุดกู่ . .

ตกลงกับเพื่อนจะเข้าโตเกียวไปเที่ยววัด ไปกันทั้งหมด 3 คน มีพูดญี่ปุ่นเป็นทั้งหมด 1 คนถ้วนแบบกระท่อนกระแท่นเล็กน้อย -_-" (แต่ก็เป็นเพียงความหวังเดียวของเราในวันนั้น)

จากโรงแรมนั่ง shuttle bus มาสถานีรถไฟนาริตะ (เพื่อนเรียกนาริตะเอกิ . . เอกิแปลว่าสถานีนั่นเอง)

อะ ที่หมายแรกของเรา . . Asakusa district อื้ม ไปยังไงดี ต้องวางแผน (พึ่งจะมาวางเรอะ !) เพื่อนคนที่พูดญี่ปุ่นได้บอกว่า นี่ซื้อตั๋วรถไฟจากนี่ไปลง Asakusa station นะค้า . . แต่พอจะเข้าไป shibuya ต้องซื้อตั๋วอีก เพราะมันคนละบริษัทคนละสายกัน . . เพื่อนอีกคนที่เกลือเรียกพี่ ซ้ำยังพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ บอกว่า นี่ไป JR สิ ข้าชัวววร์มาก ถามเพื่อนมาแล้วว่าซื้อ JR ครั้งเดียวเที่ยวได้ทั้งวัน . . เพื่อนที่พูดญี่ปุ่นได้บอกว่า แล้วไปถูก?

เพื่อนเกลือระล่ำระลักบอกว่า ก็เดี๋ยวถาม ๆ เค้าไปก็ได้ . .

อะ งั้น ซื้อตั๋วที่ไหน?


เพื่อนเกลือบอก . . คนที่โรงแรมบอกว่าเดินไปจากนาริตะเอกิหน่อยนึง

ไปทางไหน?

เพื่อนเกลือบอก . . ไม่รู้


โอเคสวัสดี . . เพื่อนอีกคนเลยบอกว่า ชั้นยอมออกค่าตั๋วให้แล้วไปทางที่ชั้นชัวร์ซะ . . (แต่เพื่อนเกลือยังไม่เกลือพอที่จะให้คนอื่นออกค่าตั๋ว :P ก็ยังดี ถือว่าเกลือยังไม่เกาะจิตใต้สำนึกซักเท่าไหร่)


ขนาดว่าชัวร์ยังไม่ใช่ง่าย ๆ มันต้องไปต่อรถไฟ ที่พวกเรามัวแต่นั่งเม้าท์แล้วเลย . . -_-" (ถ้าจำไม่ผิดต่อที่ Ueno ป่าวว้า?)


เพราะฉะนั้นนิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าถ้าจะไปไหนกรุณาศึกษาเส้นทางให้รอบคอบล่วงหน้าก่อนเดินทางนะฮะ โดยเฉพาะบ้านเมืองที่เราพูดภาษาเค้าไม่รู้เรื่อง . .




คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่พอขึ้นรถไฟแล้วจะ "หลับ"


ไปถึงลงสถานีที่บอก ออกมาเจอหน้าวัดเลยค้าาา . . แดงเด่นเป็นสง่า วัด Sensō-ji เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สู้ดดดดดของโตเกียวเลยฮะ . . วัดนี้ถูกระเบิดทำลายไปไม่น้อยสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง แล้วได้สร้างซ่อมแซมขึ้นมาใหม่ จนเป็นสัญลักษณ์ของการเกิดใหม่ แล้วความสงบสุขแก่คนญี่ปุ่นด้วยนะฮะ



ทางเข้าด้านหน้า
















อย่างที่เห็นมีของที่ระลึกขายเรียงรายมากมายอยู่ข้างทาง น่ารัก แต่ไม่ซื้อ (อื้ม จะบอกทำไม)


ก็พากันไปทำตัวกระเหรี่ยงไหว้กระถางธูปที่เค้าให้กวักควันเข้าตัว . . lol มีป้าญี่ปุ่นเดินมาทำท่า กวัก กวัก กวัก โชว์ โอเคค้า เข้าใจแล้ว >_<


กระถางธูป . . ที่ไม่เข้าใจว่า กระดาษห่อทำไมต้องนาซี?



ส่วนนี่ที่จุดธูป . . : D







อันนี้ก็คล้าย ๆ กับคนไทยนะ ประมาณว่าเสี่ยงเซียมซีแล้วเจอไม่ดีก็ไม่เอากลับฮะ












เดิน ๆ ไป เพื่อนเกลือเห็นดอกไม้ชนิดหนึ่ง . . ถึงกับดีใจ เฮ้ย ๆ ๆ ซากุร้าาาาาาาาาาาาา . .

คนญี่ปุ่นแถวนั้นหันมา อุเม่ะ . .


ตึ้ง! ดอกบ๊วยคับพี่น้อง ไม่ใช่ซากุระ






เพื่อนเกลือเสร่อทุกเวลา


ก็ไปแวะทานของ local อร่อยมากกก แนะนำร้านโซบะตรง Asakusa แต่จำชื่อไม่ได้ . . แบบว่าซดน้ำโฮก ๆ กันเลยทีเดียว . . (ตอนทานนี่มี emoticon ตาวิ๊งปิ๊ง ๆ ขึ้นมาด้วยนะเอ้อ)




นี่ฮะ ร้านโซบะหัตถ์เทวะ อร่อยมาก ลองซ้าถ้าได้ไป




ทานเสร็จก็เดินไปขึ้นรถไฟ ระหว่างทางเห็นคนขี่จักรยานหุ้มแฮนด์กันเพียบเพราะมันหนาวมากกก


หลังจากเที่ยววัดแล้ว ก็นั่ง Yamanote line ไปเรื้อนศีลแตกกันที่ Shibuya . .



ตื่นเต้นกันมาก . . ยืนดูคนข้ามถนน lol กระเหรี่ยงไม่เคยเห็นห้าแยกยั้วเยี้ยขนาดนี้

ยืนดูได้แป๊บนึง เพื่อนไม่เกลือบอกว่า เอ้ย ยังไม่มืด ไปสวนสาธารณะกันดีกว่า . . อะได้ จัดไป (อีกนัยหนึ่งแปลว่า พากุไปสิ)

ก็นั่งรถไฟต่อไป ชื่อสวนอะไรไม่รู้ แต่สวยจัง เดินกันอยู่พักใหญ่ สบายใจ . .














เข้าไปในสวนก็มีวัดอีก นี่ก็เป็นที่ที่เค้าเขียนขอพรมาแขวนไว้ . .




นี่เลย ซากุระของน้องเกลือ . . -_-"





พอแสงแดดหมดก็เริ่มทำตัวเป็นแมงเม่านั่งรถไฟเข้าแสงสีที่ Shibuya



ตอนเดินหาสถานีรถไฟ . . -_-" ก็หลง ๆ ไปตรอกเล็ก ๆ ร้านน่ารัก ๆ


ที่นี่เราก็จะเห็นรูปปั้นน้องหมา Hachikō อยู่ตรงหน้าสถานี shibuya ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็จะใช้เป็นจุดนัดพบกัน เพราะมันง่ายดี . . (รวมถึงเราด้วย ถ้าหลงเจอกันที่นี่นะไรงี้)






เพื่อนเกลือถามเค้าว่า ทำไมต้องมีมาตั้งด้วย สำคัญยังไง . . เลยบอกมันว่าความซื่อสัตย์ดั่งย่าเหลอะเอ็งรู้จักรึเปล่า . .


ได้เวลาช้อปปิ้ง ก็ซื้อของนิดหน่อย หาอะไรทาน แล้วก็นั่งรถไฟกลับโรงแรม ใช้เวลากว่าสองชั่วโมง . . เป็นการเดินทางเต็มวันที่สนุกใช้ได้ . .

แต่พอกลับถึง Narita ก็ดึกมากแล้ว free shuttel bus หมดเลยนั่งแท๊กซี่กลับโรงแรม

(ที่ญี่ปุ่น ถ้าจะเรียกแท๊กซี่ตามร้านอาหารหลังหม่ำเสร็จ บอกว่า taxi เค้าไม่ค่อยรู้เรื่องนะ ต้องเรียกว่า ทาคุชี้~ หรืออย่างตอนอยู่โอซาก้าจะนั่งรถแท๊กซี่ไป rinku outlet พยายามพูดยังไง พี่แท๊กก็ไม่เข้าใจ จนเขียนให้ เค้าถึงพูดออกมาว่า โอ้ ริงคุ เอ้าโต่ะเล่ทโต่ะ . . (นี่ขาดโต่ะไปถึงกับฟังไม่รู้เรื่องกันเลยนะฮะ !)



กลับมานอนสลบจบวันแรก . .


วันที่สองไม่มีอะไรมาก เดิน Aeon ซื้อกล้อง หาอะไรทาน กลับโรงแรมนอน -_-"



วันที่สามบินกลับ . . แล้วหลังจากกลับมาก็มีบินไปรอบที่สอง ได้เที่ยวอีกแล้ว !