กองเรือล่าวาฬญี่ปุ่นออกเดินทาง มุ่งหน้ามหาสมุทรแอนตาร์กติก
(ข่าวจาก
ผู้จัดการออนไลน์ 2 ธ.ค.53)
เอเอฟพี - หนึ่งในกองเรือล่าวาฬสัญชาติญี่ปุ่น เดินทางออกจากท่า วันนี้ (2) มุ่งหน้ายังน่านน้ำแอนตาร์กติก เพื่อออกล่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมยักษ์ใหญ่ดังกล่าว กลุ่มกรีนพีซ รายงาน และคาดการณ์ว่า ปฏิบัติการล่าวาฬในปีนี้อาจสิ้นสุดลงเร็วกว่าปกติ
เรือล่าวาฬ นิสชิน มารุ ออกเดินทางจากท่าเรืออินโนชิมา ทางตะวันตกของญี่ปุ่นวันนี้ “ล่าช้ากว่าฤดูกาลล่าวาฬของทุกๆ ปี” กลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติดังกล่าว รายงาน
“ทุกๆ ปี เมื่อออกเดินทางจากท่า เรือนิสชิน มารุ จะรวมตัวกับเรือลำอื่นๆ นอกชายฝั่ง โดยไม่หยุดแวะที่ท่าเรือไหน และตั้งขบวนกองเรือ เพื่อมุ่งหน้าไปยังมหาสมุทรแอนตาร์กติกด้วยกัน” โฆษกกรีนพีซ กล่าว
ญี่ปุ่นปลิดชีพวาฬในน่านน้ำแอนตาร์กติกหลายร้อยตัวต่อปี โดยใช้ช่อง ว่างทางกฎหมายจากเกราะคุ้มครองการล่าวาฬเชิงพาณิชย์ ซึ่งอนุญาตให้มีการล่าวาฬเพื่อการวิจัยเท่านั้น
ทว่า ทางกลุ่มกรีนพีซ ระบุว่า ปฏิบัติการล่าวาฬของญี่ปุ่นในมหาสมุทรแอนตาร์ติกอาจเสร็จสิ้นเร็วขึ้น “เนื่องจากมีความต้องการเนื้อวาฬไม่มากเหมือนก่อน และการระดมเงินเพื่อใช้ในการล่าวาฬก็มีจำนวนน้อยลง”
“มีความเป็นไปได้สูงที่ เรือนิสชิน มารุ จะกลับมาเร็วกว่าปกติ” กลุ่มกรีนพีซระบุในคำแถลง “คาดว่า จำนวนวาฬที่ถูกล่าจะลดลงด้วยอย่างมาก”
โฆษกของสำนักประมงญี่ปุ่น ปฏิเสธการยืนยันข่าวการออกเดินทางของกองเรือล่าวาฬ เนื่องจาก เหตุผลด้านความปลอดภัย
ประเทศที่ต่อต้านการล่าวาฬ ซึ่งนำโดยออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ รวมทั้งกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติต่างๆ โจมตีญี่ปุ่นกรณีการล่าวาฬประจำปี และวิพากษ์วิจารณ์ถึงความป่าเถือน อีกทั้งยังไม่เห็นความจำเป็นในการล่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทางทะเลที่ใหญ่ที่ สุดในโลกชนิดนี้
ญี่ปุ่น ระบุว่า การล่าวาฬเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมดั้งเดิม และไม่ได้บิดบังความจริงที่ ผลสุดท้ายเนื้อของวาฬจะกลายเป็นอาหารอยู่บนโต๊ะดินเนอร์
กลุ่มนักอนุรักษ์ต่างๆ โดยเฉพาะ กลุ่ม ซี เชพเพิร์ด คอนเวอร์เซชัน โซไซตี ได้ตามรังควานเรือล่าวาฬในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมา โดยการออกเรือก่อกวนการล่าวาฬ
เมื่อวานนี้ (1) ทาง ซี เชพเพิร์ด คอนเวอร์เซชัน โซไซตี แถลงว่า ได้เปิดตัวเรือเร็วลำใหม่ โดยตั้งชื่อว่า “ก็อดซิลลา” เพื่อใช้ไล่ตามกองเรือล่าวาฬของญี่ปุ่น ในน่านน้ำแอนตาร์กติก
เรือเร็วก็อดซิลลา เข้ามาประจำการแทนที่เรือ อาดี กิล ซึ่งปะทะกับเรือล่าวาฬในน่านน้ำสากลจนล่มกลางทะเล
ผลการสืบสวนของทางการนิวซีแลนด์ พบว่า เรือทั้งสองลำล้วนมีความผิด จากอุบัติเหตุครั้งนั้น โดยเรือของ ซี เชพเพิร์ด ตามราวีเรือญี่ปุ่น จนเกิดการชน และเป็นสาเหตุให้เรือ อาดี กิล จมลงสู่ท้องทะเล ดังกล่าว
ทางการออสเตรเลียต่อต้านการล่าวาฬของญี่ปุ่นอย่างรุนแรง และเริ่มยื่นดำเนินคดีกับญี่ปุ่นในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ กรณีการฆ่าวาฬอย่างทารุณ
เรือก็อดซิลลา เรือเร็วลำใหม่ขององค์กรซี เชพเพิร์ด
เรือนิสชิน มารุ หนึ่งในกองเรือล่าวาฬของญี่ปุ่น (แฟ้มภาพ)