วันี้ได้รับforward mail จากเพื่อนค่ะ เห็นว่าน่าจะมาแชร์ให้เพื่อนๆได้รู้จะได้ระวังตัวค่ะ
ระวังภัย ตอน แก้วน้ำเคลือบยา
>
>
> อันนี้น่า กลัวค่ะ อายุ 40 ยังโดนได้ โอ้
>
> (ส่งมาด้วยความห่วยใย หากเป็นการรบกวนต้องขออภัยมา ณ ที่นี้)
> เตือนภัยร้ายที่อาจเกิดกับคุณหรือคนใกล้ตัวคุณ
>
> เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับพี่สาวของจอยเองค่ะ เธอชื่อ พี่แก้ว
>
> พี่แก้วอายุ 40 ต้นๆ เป็นหญิงร่างเล็ก หน้าตาคมคายจัดว่าสวยเลยทีเดียวค่ะ
>
> พี่แก้วเป็นคนมีรถแต่ไม่ชอบขับรถจึงชอบใช้บริการของรถปอ.และรถตู้เป็นประจำ
>
> ประมาณเดือน ธ.ค.2552 วันนั้นเธอไปทำธุระแถวสุทธิสาร เวลาประมาณ 17.30 น.
>
> พี่แก้วกำลังยืนรอรถตู้เพื่อจะกลับบ้านแถวดาวคะนอง ขณะที่ยืนรอรถ มีคุณป้าคนหนึ่ง
>
> ยื่นแก้วน้ำซึ่งบรรจุน้ำกับน้ำแข็งให้ พร้อมพูดว่า"หนูจ๋าช่วยถือแก้วให้ป้าหน่อยจ้ะ
>
> ป้าขอหยิบของในกระเป๋าประเดี๋ยวนึง" หลังจากที่ช่วยถือแก้วให้คุณป้า เพียงไม่ถึง5นาที
>
> ก็รู้สึกว่าตัวเองชามากๆ และไม่สามารถ บังคับตัวเองได้ แถมยังเดินตามคุณป้าขึ้นรถตู้
>
> คันที่จอดรออยู่ข้างหน้าไปหน้าตาเฉยเลย พี่แก้วรับรู้ถึงความไม่ปกติ เธอพยายามต้อต้าน
>
> กับความผิดปกติของร่างกาย มันทรมานมากๆ ด้วยความที่เธอเป็นคนฉลาดจึงแกล้งทำเป็นหลับ
>
> เธอสังเกตว่าในรถตู้คันนั้นมีเหยื่ออีก 2 สาว ซึ่งคงจะถูกหลอกมาจากที่อื่น อาการทั้ง
2 คนนั้น
>
> หมดสติค่ะ นอกจากเหยื่อเคราะห์ร้ายแล้วยังมีป้ามหาภัยกับผู้ชายวัยกลางคน 1คน เป็นคนขับ
>
> และอีก 1 คนนั่งเคียงข้างกันอยู่หน้ารถ ระหว่างทางทั้ง 3 คนไม่มีบทสนทนาใดๆเลย
>
> หลังจากที่พี่แก้วขึ้นรถแล้วพวกมันก็ขับรถวนอนุสาวรีย์ชัยฯอยู่ประมาณ 4 รอบ
>
> หลังจากนั้นรถก็ขึ้นทางด่วนมุ่งตรงไปจ.ชลบุรี มันก็ขับวนไปวนมาจนไปจอดที่หน้า Lotus
พัทยา
>
> ขณะนั้นเป็นเวลา เกือบ 4 ทุ่ม พวกมันเข้าใจว่าพี่แก้วหลับอยู่ พวกมันทั้ง 3
คนลงไปคุยกันข้างหน้า
>
> ของห้างโลตัส ทิ้งเหยื่อไว้ลำพัง
เมื่อพี่แก้วลืมตาแอบดูก็พบว่าประตูแง้มอยู่นิดนึงพอจะมีทางรอดทาง
> เดียว
>
> แต่ต้องเสี่ยง
จึงรวบรวมพลังในร่างกายทั้งหมดเลื่อนประตูกระโดดลงมาและวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต
>
> วิ่งหนีมาแต่ตัวจริงๆเลยค่ะส่วนกระเป๋าสะพายซึ่งบรรจุเงินและโทรศัพท์มือถือ
อันตรธารหายไปโดยไม่รู้
> ตัวตั้งแต่
>
> ในรถตู้แล้วล่ะค่ะ พี่แก้ววิ่งไปขอความช่วยเหลือกับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง
พี่มอเตอร์ไซค์ก็ใจดีขี่รถพาพี่แก้ว
>
>
> มาที่สถานีรถประจำทางซึ่งเ่วลานั้นเป็นเวลาที่รถทุกคันหยุดเดินรถ(ดึกมากแล้วประมาณ
4-5ทุ่ม)
>
> พลันเหลือบไปเห็นชายวัยกลางคนนั่งรอรถอยู่เหมือนกัน
จึงเข้าไปเล่าเหตุการณ์ให้ฟังพร้อมฝากพี่แก้วไว้
> กับ
>
> ชายคนนั้น
ชายคนนี้เป็นวิศวกรพอเห็นว่าคงไม่สามารถพาตัวเองและพี่แก้วกลับกรุงเทพได้เนื่อง
> จาำกไม่มีรถ
>
> โดยสารจริงๆ จึงโทรศัพท์หาวิศวกรรุ่นน้องให้มารับที่สถานีเพื่อไปส่งปลายทางที่บางนา
หลังจากนั้นไม่
> นาน
>
> รถรุ่นน้องก็ขับเข้ามาจอดเทียบ วิศวกรรุ่นพี่และพี่แก้วก็ขึ้นรถไปด้วยกัน
ระหว่างทางพี่แก้วก็ใจเต้นตูม
> ตาม
>
> กลัวว่าจะหนีเสือปะจรเข้ นั่งรถไปก็ภาวนาไปให้พระคุ้มครอง
จนรถแล่นมาถึงและจอดที่แยกบางนา
>
> พี่แก้วก็เอ่ยปากขอยืมเงินวิศวกรคนนั้น(แค่เศษเหรียญ)เพื่อใช้โทรศัพท์หาสามีให้มารับ
คุณวิศวกรก็เลย
> ให้ยืม
>
> โทรศัพท์ พร้อมเงินติดกระเป๋า
ส่วนพี่แก้วก็ขอบคุณพร้อมยื่นนามบัตร(ที่ติดมาในกระเป๋าเสื้อ)ให้เผื่อว่า
> จะไป
>
> เที่ยวที่สวนลิ้นจี่ที่อัมพวา และก็ลาจากกัน
ส่วนพี่แก้วไม่นานสามีก็ขับรถมารับกลับบ้าน พี่แก้วไม่สามารถ
> ฝืน
>
> ร่างกายได้รีบบอกสามีให้ช่วยส่งโรงพยาบาลด่วน เมื่อไปถึงร.พ.ก็เล่าอาการให้หมอฟัง
หมอบอกว่า
> สมัยนี้
>
> มียาตัวใหม่ที่สามารถซึมซับเข้าสู่้ร่างกายทางผิวหนังได้ทันที
อาการจะชาไปทุกส่วนของร่างกาย
>
> ส่วนพี่แก้วที่มีอาการแย่มากเนื่องจากร่างกายทำปฏิกิริยาต่อต้านกับฤทธิ์ยา
จึงต้องนอนให้น้ำเกลือในร.พ
> .
>
> ถึง 3 วัน ยังโชคดีที่พี่แก้วไม่เป็นเหยื่อของพวกมันและยังได้วิศวกรช่วยชีวิตมาได้ค่ะ
ส่วนเหยื่อที่เหลือ
>
> ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร
พี่แก้วบอกว่าวินาทีนั้นไม่ได้คิดถึงอะไรแล้วขอแค่เอาตัวให้รอดออกมาจากรถตู้ก่อน
> ค่ะ
>
> จึงอยากเตือนภัยพี่ๆเพื่อนๆให้ช่วยส่งต่้อ mail นี้เยอะๆนะคะ
>
> จากนั้นไม่นาน วิศวกรคนนั้นก็ได้ติดต่อขอไปเที่ยวที่สวนพร้อมแฟนสาว ส่วนพี่แก้วได้ใช้
>
> โอกาสนี้ตอบแทนบุญคุณค่ะ
>
>
>
>