หนึ่งในโปรแกรมการตรวจสุขภาพประจำปีที่สาวๆ ไม่ควรมองข้ามนั่นก็คือการตรวจภายในที่แผนกสูตินรีเวช จะทั้งสาวโสดหรือสาวๆ ที่แต่งงานแล้วก็จำเป็นต้องเข้ารับการตรวจภายในประจำปีด้วยกันทั้งนั้น เพราะเรื่องของระบบสืบพันธุ์ภายในเองที่เป็นเรื่องซับซ้อน จำเป็นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์จากแผนกสูตินรีเวชในการเข้ามาดูแลและให้คำแนะนำ แต่ทั้งนี้เรื่องที่สาวๆ ควรทราบเอาไว้เกี่ยวกับการตรวจภายในที่แผนกสูตินรีเวชตามโรงพยาบาลต่างๆ จะมีอะไรบ้าง เพื่อที่จะได้เตรียมตัวถูก บทความนี้อาสาเอาข้อมูลดีๆ มาฝาก


สาวโสด จำเป็นต้องตรวจภายในหรือไม่
สิ่งสำคัญอันดับแรกที่สาวๆ หลายคนอาจจะสงสัย สำหรับสาวโสดที่ยังไม่แต่งงานหรืออาจจะยังไม่เคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์มาก่อนจำเป็นต้องเข้ารับการตรวจที่แผนกสูตินรีเวชหรือไม่ คำตอบคือถ้าหากสาวๆ คนไหนที่ยังไม่เคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์ โอกาสในการเป็นมะเร็งปากมดลูกอาจจะแทบไม่มี แต่เพื่อความปลอดภัยและเป็นการ Check up ประจำปีก็แนะนำว่าสาวๆ ควรวางแผนเพื่อเข้ามาตรวจที่แผนกสูตินรีเวชไว้จะดีกว่า อย่างน้อยๆ จะได้ตรวจสุขภาพรังไข่หรือเยื่อบุโพรงมดลูกว่าเป็นอย่างไรบ้าง มีอะไรที่ควรระวังหรือไม่ ฯลฯ

เริ่มเข้าแผนกสูตินรีเวชได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่
สิ่งควรทราบลำดับถัดมาเกี่ยวกับการเข้าตรวจภายในที่แผนกสูตินรีเวชนั่นก็คืออายุขั้นต่ำของสาวๆ แนะนำว่าควรมีอายุตั้งแต่ 25-30 ปีก็สามารถเริ่มตรวจภายในได้แล้ว หรือถ้าหากสาวๆ เริ่มมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อยหรือก่อน 25 ปีก็สามารถเข้ารับการตรวจที่แผนกสูตินรีเวชได้เลย ไม่จำเป็นต้องรอให้อายุถึงเกณฑ์ ทั้งนี้เพื่อเป็นการตรวจสุขภาพภายในของอุ้งเชิงกราน รังไข่ มดลูก และอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นตามมาจากการมีเพศสัมพันธ์นั่นเอง

รอผลหลังจากตรวจเสร็จ
หากสาวๆ ที่วางแผนเข้ามาตรวจภายในที่แผนกสูตินรีเวช อาจจะสงสัยว่าหลังจากตรวจเสร็จแล้วใช้เวลารอผลนานไหม คำตอบก็คือใช้เวลาไม่ได้นาน หลังจากตรวจเสร็จภายในวันก็สามารถทราบผลได้แล้ว หากผลตรวจภายในออกมาปกติก็สามารถกลับบ้านได้เลย หรือถ้าหากสาวๆ เลือกโปรแกรมการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกก็อาจจะต้องใช้เวลาในการรอผลจากห้องแล็บประมาณ 1 สัปดาห์โดยประมาณ

สำหรับการตรวจภายในที่แผนกสูตินรีเวชนั้นไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอย่างที่คิด สาวๆ สามารถแจ้งเงื่อนไขของตนเองได้ เพื่อที่สูตินรีแพทย์จะได้เลือกใช้เครื่องมือในการตรวจได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับสรีระร่างกายของสาวๆ แต่ละคน และถ้าหากสาวๆ ละทิ้งความเขินอายออกเพื่อสุขภาพที่ดี และยังทำให้โอกาสในการห่างไกลโรคร้ายต่างๆ ก็ย่อมมีมากขึ้นตามไปด้วย