Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Results 1 to 5 of 5

Thread: รายละเอียดคดียึดทรัพย์ ฉบับภาษาชาวบ้าน

  1. #1
    yai_625's Avatar
    yai_625 is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    254
    Warning Points:
    0/5
    พูดจาภาษาชาวบ้าน คดียึดทรัพย์ทักษิณ 7.6 หมื่นล้านบาท

    จากนี้ไป สภากาแฟต่างๆ ก็ยังอาจจะพูดคุยกันอีกมากมายเรื่อง “คดียึดทรัพย์ทักษิณ” ไทยทนก็หวังว่า คนไทยจะเห็นข้อมูลกระจ่าง และครบด้านมากขึ้น และมีข้อมูลที่ใกล้เคียงเท่าเที ยมกัน คนไทยเรารักสงบ รู้รักสามัคคีเสมอมา จึงหวังว่า เราจะคุยกันอย่างเปิดใจต่อกันมาก ขึ้น ใคร่ครวญทุกเรื่องด้วยหัวใจไทย ร่วมกัน และ “เติม” ความรัก ความเข้าใจ ให้กลับมาเป็น “ขวานไทย ใจหนึ่งเดียว” ที่สงบสุขและเข้มแข็งต่อไป

    ไทยทนอยากเสนอบทสนทนาสมมุติเพื่อ ทำความเข้าใจต่อ“คดียึดทรัพย์ ทักษิณ” ระหว่าง พี่แดง (หมายถึง ประชาชน) และ ขาว (หมายถึง คุณธรรม ความชอบธรรม) ดังนี้

    พี่แดง : ขาวว่าไม๊ ? ท่านทักษิณนี่ เขาร่ำรวยมาด้วยอาชีพสุจริตตั้งแต่ก่อนเป็นนายกฯ ไปยึด ไปอายัดเขาหมดทำไม ? ต่อให้เขาโกงในตำแหน่งนายกฯ อย่างมากมันน่าจะคืนส่วนที่เขามีมาก่อนคืนเขาไปนะ

    ขาว : พี่แดงลองนึกดูนะ สมมุตินายดำ ทำอาชีพสุจริต จนมีรถบรรทุกยักษ์ของตัว ธุรกิจก็ดีขึ้นเรื่อยๆจนฐานะร่ำ รวย มีรถบรรทุกเป็นสิบล้านบาท ต่อมาเขาอยากรวย ก็เอาเงินที่บอกว่าได้มาอย่างสุจริต มาลงทุนซื้อรถขนไม้ แล้วเข้าไปตัดไม้ ทำลายป่า แล้วขนออกมา เมื่อถูกจับได้ เขาบอกว่า ก่อนเขามาทำทุจริตตัดไม้นี่ เขามีทรัพย์สินมากมายอยู่แล้วที่ ได้มาอย่างสุจริต ต้องคืนรถเขาด้วย” พี่แดงว่าน่าจะคืนไม๊ ? อย่าลืมนะพี่ ประเทศเสียหายตั้งเท่าไร ป่าเสียหาย ชาวบ้านเสียหายไปอีกเท่าไร ? ถามพี่จริงๆเหอะ ถ้าใครจะลงทุนทำทุจริต แล้วถูกจับได้ อย่างมาก สิ่งที่ทุจริตมา โกงมาก็จะโดนยึดไป ต้นทุนเดิมต้องคืนให้นี่ คนจะเลิกทุจริตไม๊พี่ ? มีแต่ได้ หรือไม่ก็เสมอตัว

    พี่แดง : อย่างนั้น ป่าหมดแน่ โกงกันหมดแน่ แต่มันเทียบกันได้เหรอ ? เอาเฉพาะที่เขาได้มูลค่าเพิ่มใน หุ้นไปไม่ดีเหรอ ? ทำไมต้องเอาทั้งหมดด้วย

    ขาว : อย่างที่เขาคำนวณคร่าวๆแค่กรณี เดียวนะพี่ ผมขอใช้เลขกลมๆนะพี่ อย่างลดส่วนแบ่งรายได้โทรศัพท์มือถือระบบพรีเพดจาก 25-30% เป็น 20% นี่ ภาครัฐเสียประโยชน์ 8 หมื่นล้านบาท ชินคอร์ปฯ ถือหุ้นประมาณครึ่งหนึ่งในบริ ษัทนั้นอาจได้ประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ครอบครัวถือหุ้น ครอบครัวชินวัตรถือหุ้นประมาณครึ่ง หนึ่งในชินคอร์ปฯ ก็มีมูลค่าเพิ่มแค่ 2 หมื่นล้านบาท พี่ว่าประเทศควรทวงคืน 2 หมื่นบาทที่ครอบครัวได้ไป หรือ 8 หมื่นบาทที่ภาครัฐเสียหายล่ะพี่ ประมาณว่า กรณีเดียวก็ใกล้เคียงมูลค่าหุ้น ทั้งหมดอยู่แล้วนะ ยังมีการเอื้อประโยชน์ในการเชื่อมต่อสัญญาณโรมมิ่ง การกำหนดภาษีสรรพสามิตและให้ภาค รัฐรับภาระ ให้ Exim Bank ปล่อยกู้พม่า ฯลฯ พี่คิดดูนะ ถ้าพี่ขายคอมพิวเตอร์ มีคนมีเงินปลอมตัวมาดูลาดเลา แล้วมาทุบกระจก ขโมยเครื่องพี่ไป พอจับได้ พี่จะเอาแค่เครื่องคืน หรือจะต้องคิดค่าตู้กระจกด้วยล่ะพี่แดง

    พี่แดง : เออ..จริง ถ้าเป็นของพี่ พี่ก็ต้องเอาทั้งหมดที่มันทำให้พี่เสียหาย แต่ขาว ... กรณีนี้ ทักษิณเขาถูกกลั่นแกล้งไม่ใช่เหรอ ? ท่านบอกท่านเจอกับ กระบวนการ “ยุติความเป็นธรรม” ไม่ได้รับความเป็นธรรมมาหลายปี
    ขาว : พี่แดงรู้หรือเปล่า กรณีนี้ มีการรับฟังผู้ฟ้องยึดทรัพย์ให้การต่อศาล ประมาณ 9 ครั้ง และผู้คัดค้านคือ ครอบครัวชินวัตรให้การถึง 24 ครั้ง ข้อมูลที่ศาลรวบรวมก็ครบถ้วนจาก ทั้ง 2 ฝ่าย การตัดสินก็มีเหตุผลอย่างที่ได้ยินกัน มันก็เป็นธรรมอยู่นะพี่แดง

    พี่แดง : แต่เขาถูกเอาผิด เริ่มตั้งแต่การปฏิวัติ แล้วจะเป็นธรรมได้ยังไง ?

    ขาว : แต่พี่แดง...ช่วงปฏิวัตินี่มัน แค่ปีเดียวนะพี่ แล้วหลักฐานก็ตรงกับที่ครอบครัวชินวัตรเขายอมรับนะพี่ ครอบครัวเขาไม่กล้าบอกเลยนะว่า เป็นการปลอมข้อมูลมากลั่นแกล้ง เพราะครอบครัวเขาก็ยอมรับว่าข้อ มูลทั้งหมดเป็นเรื่องจริง

    พี่แดง : แต่เขาบอกว่า ก็เขาโอนหุ้นในครอบครัวเขาธรรมดา พ่อแม่โอนให้ลูก จะโอนให้ถูกๆในราคาทุน จะไปอิจฉาเขาทำไม ?

    ขาว : พี่แดงได้ดูหรือเปล่า มีหลักฐานว่า 1 วันก่อนโอนหุ้นชินฯให้ลูกต่ำกว่าราคาตลาดในวันที่ 1 กันยายนน่ะ พานทองแท้ต้องทำหนังสือใช้หนี้ แม่อีก 4,500 ล้านบาท ทักษิณ หญิงอ้อ และลูก ก็ให้การตรงกันว่าเป็นค่าหุ้นทหารไทย 150 ล้านหุ้น และค่าใบสำคัญแสดงสิทธิฯ 300 ล้านหน่วย แต่มันเป็นเท็จ..พี่แดง ทุนที่ว่าของหุ้นมัน 1,500 ล้านบาทจริง แต่ใบสำคัญฯนี่มันแถมมาฟรีนะพี่ ของ 1,500 ล้านบาท ขายให้ลูก 4,500 ล้านบาท จะบอกว่าแม่ขายให้ลูกธรรมดาๆ ได้ยังไง ? มันมีหนี้ปลอมตั้ง 3,000 ล้านบาท จากหนี้ทั้งหมดประมาณ 5,056 ล้านบาท มันตั้ง 60% เป็นหนี้ปลอม...

    พี่แดง : มันอาจไม่ปลอมนะ มันเป็น “หนี้บุญคุณ” ไงล่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ

    ขาว : คือประเด็นมันอยู่ที่ว่า ที่อ้างว่าโอนให้ลูกนี่ มันจริงหรือเปล่า ? เขายังมีข้อมูลอีกนะว่าหุ้น TMB มีราคาแค่หุ้นละ 5.70 บาท และ ใบสำคัญ TMB-C1 มีราคาหน่วยละ 1.30 บาท รวมกันก็ 1,245 ล้านบาท แต่ต้องซื้อแม่ 4,500 ล้านบาท พี่แดงว่าพานทองแท้ซื้ออย่างคน บรรลุนิติภาวะแล้วจริงๆหรือ เปล่า ? แล้วเจ้าหนี้ปลอมนี่แหละ เป็นเครื่องมือให้ลูกคืนปันผลให้แม่ตลอดเวลา เขาก็เลยไม่เชื่อไงว่าเป็นการโอน หุ้นกันจริงๆ
    พี่แดง : พี่ก็ว่า เรื่องพานทองแท้ ดูท่าจะเป็นเรื่องอำพรางจริงๆ แต่พินทองทาล่ะ แม่เขาก็ให้ของขวัญวันเกิดลูก 370 ล้านบาท ธรรมดาๆ ไปเอาเรื่องเขาทำไม ?

    ขาว : แล้วพี่ว่ามันจริงเหรอ ถ้าเป็นธรรมเนียมปรกติที่ว่าจริง ทำไมพี่ครบรอบวันเกิดมาก่อนแล้วตั้งหลายปี ก็ไม่มีขนาดนี้ พูดกันเป็นหลักสิบล้านบาทเท่านั้น แพทองธารก็ไม่มี ดูมันจะเป็นเรื่องปลอมๆมากกว่า เพราะเป็นขั้นที่ จะแบ่งรับโอนหุ้นจากพี่ชาย 367 ล้านบาท ซึ่งทำให้ พินทองทาถือหุ้น 367 ล้านหุ้น และ พานทองแท้ถือหุ้น 366.95 ล้านหุ้น เท่าๆกัน พอดีๆ จึงเป็นการปรับจำนวนหุ้นที่ต้อง การใช้ชื่อถือแทนมากกว่า พี่คิดดู พานทองแท้ต้องแบกหนี้ปลอมตั้ง 3,000 ล้านบาท แต่พี่กลับต้องโอนหุ้นชินคอร์ปฯ ให้น้องพินทองทาในราคาถูกๆ คือที่ราคาพาร์ โดยไม่ได้แบ่งหนี้ปลอมไปด้วย ครั้งแรก วันที่ 9 กันยายน 2545 ก็ 367 ล้านหุ้น และครั้งที่ 2 วันที่ 4 มิถุนายน 2546 อีก 73 ล้านหุ้น ทำให้ น.ส. พินทองทา ถือหุ้น จำนวน 440 ล้านหุ้น มากกว่าพี่ชายซึ่งเหลือหุ้นเพียง 293.95 ล้านหุ้นเสียอีก พี่ชายต้องแบกภาระมหาศาล แต่ให้น้องมีหุ้นมากกว่า จะทำให้เชื่อว่าเป็นการโอนกันเยี่ยง ผู้บรรลุนิติภาวะที่เป็น อิสระแท้จริงได้อย่างไรล่ะพี่ ?

    พี่แดง : แกนี่ละเอียดดีจัง แต่เขาแบ่งสมบัติเท่าๆกันที่ว่า แล้วไปยุ่งอะไรเขา ?

    ขาว : ถ้าบอกว่า เป็นการแบ่งทรัพย์สินระหว่างลูกๆให้เท่าๆกัน พี่รู้ไหมว่า หลังขายหุ้นแล้ว เป็นเงินสดหมดแล้ว จะแบ่งให้น้องคนเล็ก คือ พินทองทา ก็ไม่ผิดกฎหมายอะไรแล้วนะ เพราะไม่ใช่หุ้นสัมปทานแล้ว แต่ก็กลับไม่ได้แบ่งให้ ดูแล้ว มันก็เพราะภารกิจต้องใช้ชื่อถือ หุ้นแทนมันหมดแล้วนั่นเอง ถึงไม่ต้องแบ่งให้น้องแล้ว และจะบอกว่าเป็นการแบ่งสมบัติในครอบครัวจึงไม่น่าเชื่อถือ

    พี่แดง : แต่พ่อแม่เขาจะโอนให้ลูก ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ใครๆก็โอนให้ลูกทั้งนั้น

    ขาว : พี่เห็นท่านทักษิณกับสโมสรฟุตบอล แมนฯซิตี้หรือเปล่า ? นี่ไง เอาค่าขายในครอบครัวโอนไปซื้อ มันก็เป็นหลักฐานว่า ที่คนใกล้ชิดถือก็ถือให้แบบปลอมๆ ตอนหลังก็โอนกลับไปเป็นของพ่อแม่ อยู่ดี พี่ลองไปดูใน internet ก็ได้นะ ลองหา Thaksin Manchester City ดู พี่แทบจะไม่เห็นเรื่องของลูกๆ เลย ทักษิณเองก็บอกด้วยซ้ำว่า “I bought…” เป็นต้น ไม่ใช่ลูกๆซื้อ แต่ลูกๆก็สารภาพกับศาลว่า ใช้เงินที่ได้จากการขายนี่แหละ จ่ายเงินซื้อสโมสรฟุตบอล และเหมืองเพชรให้พ่อ ก็เท่ากับให้ใช้ชื่อถือแทนใช่ไหมล่ะ พอพ้นตำแหน่งก็เอากลับไป แต่ป่านนั้น ก็เอาอำนาจรัฐไปเอื้อประโยชน์เพิ่มมูลค่าหุ้นมหาศาลแล้ว

    พี่แดง : แล้วกรณีบรรณพจน์ล่ะ เขาเป็นถึงหุ้นส่วน ประธานกลุ่มชินฯ ได้รับโอนหุ้นไปก็ไม่แปลก

    ขาว : แต่เขาพบว่า มีตัวอย่างหนี้จำนวน 102,135,225 บาท เพื่อชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนหุ้น SHIN เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2542 เป็นเงินที่คุณหญิง พจมาน เป็นผู้ออกเงินชำระทุกบาททุกสตางค์ พี่คิดดูนะ นายบรรณพจน์มีเงินเข้าบัญชีหลายสิบล้านบาท ก็มิได้คืนเงินเลย แม้เศษๆ 135,225 บาทก็ไม่ได้คืนนานถึง 3-4 ปีด้วยเงินของตนเอง บางช่วงนี่ นาย บรรณพจน์ เป็นผู้ถือหุ้นที่มีหุ้นมากที่ สุดของครอบครัวชินวัตรแล้ว คือมีหุ้น 404,430,300 หุ้นตามทะเบียนหุ้นวันที่ 9 เมษายน 2546 มีหุ้นมูลค่ากว่า 5,500 ล้านบาท (ราคาตลาดหุ้น SHIN หุ้นละ 13-14 บาทในช่วงเวลาดังกล่าว) ก็ยังไม่คืนเงินคุณหญิงพจมานแม้แต่บาทเดียว รอจนรับปันผลหุ้น SHIN จึงนำมาชำระคืน
    แล้วในช่วงท้าย เขาก็ยังมีการเปิดบัญชีแยกเงินรับปันผลและค่าขายหุ้นจากบัญชีสำหรับชีวิตปรกติของตัวด้วย

    พี่แดง : แล้วน้องสาวล่ะ ยิ่งลักษณ์ได้หุ้นแค่ 20 ล้านบาท จะไปยุ่งอะไรกับเขา ?

    ขาว : กรณีนี้แหละชัดมากเลยพี่ ก็คล้ายๆบรรณพจน์ น้องสาวแท้ๆ เป็นผู้บริหารระดับสูง มีเงินเยอะแยะ แต่ก็ไม่จ่ายค่าหุ้น 20 ล้านบาทเลย อ้างเป็นการค้างหนี้
    เพียงแค่ 20 ล้านบาท และก็ไม่ได้คืนเงินเลย เป็นเวลา 3-4 ปี ทั้งที่ก็มีเงินไม่น้อย แล้วจึงทยอยชำระด้วยปันผลที่ได้รับจากหุ้นที่ได้รับโอนนั้น โดยไม่ใช้เงินของตนเองเลยเช่นกัน โดยชำระคืนหนี้ค่าหุ้นดังกล่าว จากปันผลที่ได้รับ 2 ครั้งแรก 9 ล้านบาท และ 11 ล้านบาท โดยครั้งที่ 2 นั้น ได้รับปันผลมา 13.5 ล้านบาท ก็สั่งจ่ายเต็มจำนวน หลังจากนั้นจึงขีดฆ่า...คงรู้ตัวว่า จ่ายเกินหนี้แล้ว... และแก้ไขเป็น 11 ล้านบาท นับว่าเป็นการจ่ายด้วยสัญชาติญาณโนมินีจริงๆ เลยนะพี่
    แล้วส่วนที่เหลือจากเข้าบัญชี พินทองทา ซึ่งต่อมาบอกว่าเป็นค่านาฬิกา หรูหลายเรือน ก็คงแล้วแต่ว่าใครจะเต็มใจเชื่อว่า หลานเป็นคนซื้อนาฬิกาหลักล้านบาทหลายเรือน แล้วขายต่อให้หรืออย่างไร ... แหม แต่มันช่างเป็นเวลาที่ประจวบพอ ดีกับการคืนปันผล...ในจำนวน ที่เพิ่งขีดฆ่าบนเช็คเพื่อแก้ไข จำนวนไปอย่างเหลือเชื่อ

    พี่แดง : แล้วไอ้วินมาร์คนี่ เขาก็ว่าเป็นของนาย มามุส โมฮัมหมัด อัล อัลซาลี มหาเศรษฐี ชาวตะวันออกกลาง เห็นหญิงอ้อก็ให้การว่า เป็นเพื่อนของท่านทักษิณมากตั้ง เป็น 10 ปีก่อนขายหุ้นให้ มีทรัพย์สินมากกว่าทักษิณอีก

    ขาว : พี่รู้เปล่า เรื่องนี้ ทักษิณปกปิดมาตลอด โดยในวันที่ 11 กันยายน 2543 ประชาชาติธุรกิจ ได้พาดหัวข่าวใหญ่โดยคุณ ประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ ว่า “ตะลึง ! ‘ทักษิณ’ โอนหุ้น 900 ลบ. เข้าบริษัทบนเกาะฟอกเงิน” ในวันที่ 12 กันยายน 2543 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์ ที่สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย การขายหุ้นอสังหาริมทรัพย์ 5-6 บริษัทให้แก่กองทุนวินมาร์คนั้น “เป็นการขายหุ้นให้แก่นักลงทุนต่างประเทศธรรมดา ไม่มีอะไรที่พิสดาร ... ขายไปในราคาพาร์หุ้นละ 10 บาท ..ตอนนี้อสังหาริมทรัพย์ในตลาดต่ำกว่าราคาพาร์ทั้งนั้น เราขายได้ราคาพาร์ในช่วงนี้ก็ถือว่าเฮงแล้ว” ตอนนั้นกำลังเข้ารับตำแหน่ง หากบอกว่าเป็น นายมาห์มูด โมฮัมหมัดฯ เศรษฐีจากตะวันออกกลางอย่างที่ คุณหญิง พจมานให้การนั้น ก็จะไม่ง่ายกว่าหรือ
    นอกจากนั้น น.ส. ยิ่งลักษณ์ ทำหนังสือถึง กลต. อันเป็นหลักฐานทางราชการและอ้างอิงในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 24 มีนาคม 2549 ว่า “จากการตรวจสอบข้อมูลทะเบียนบริษัท SC พบชื่อ วินมาร์ค แต่ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับครอบ ครัว” สะท้อนว่า ไม่ได้ทราบอยู่แล้วว่าเป็นเพื่อนกันกว่าสิบปี มิเช่นนั้น ทำไมต้องไปสำรวจทะเบียนผู้ถือหุ้น จึงได้ “พบชื่อ” และ น.ส. ยิ่งลักษณ์ยังยืนยันว่า ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับครอบครัว ชินวัตร อีกด้วย ทั้งๆที่เป็นช่วงวิกฤต และถูกประท้วงมากมาย ก็ยังไม่เปิดเผยให้กระจ่าง ก็ค่อนข้างสะท้อนว่าเป็นความเท็จ
    ที่สำคัญคือ กลต. ตรวจสอบพบว่า ในยอดรวม 1,500 ล้านบาทค่าหุ้น 5-6 บริษัทที่วินมาร์คซื้อจากทั้งคู่ นั้น เงินประมาณ 1,200 ล้านบาทมาจากบัญชีที่ใช้ชื่อวินมาร์ค แต่ประมาณ 300 ล้านมาจากบัญชีของตนเอง แต่อ้างชื่อวินมาร์ค !!
    โดย ดีเอสไอ และ กลต. พบหลักฐานชัดแล้วตรงกันว่า วินมาร์คและแอมเพิลริชเป็นของ พ.ต.ท. ทักษิณ และคุณหญิง พจมาน ผ่านกองทุน ซิเนตร้าทรัสต์ และ บลูไดมอนด์ และพบตรงกับ คตส. อีกประการ คือ วินมาร์ค มี รหัสบัญชี 121751 ที่ ธ. ยูบีเอส สิงคโปร์ เคยถือหุ้น SHIN ประมาณ 54 ล้านหุ้น (พาร์ 1 บาท = 5.4 ล้านหุ้นช่วงพาร์ 10 บาท) ด้วย !!

    พี่แดง : เขาก็บอกว่าเขาโอนแอมเพิลริชไป ให้ลูกแล้วไม่ใช่เหรอ ?

    ขาว : เขาพบหลักฐานว่า แอมเพิลริช เป็นของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ขณะเป็นนายกรัฐมนตรี จนถึงปี 2548 ตามหนังสือรับรองบริษัท มีเงื่อนไขว่า “Any withdrawal is to be authorised by Dr. T. SHINAWATRA solely.” แสดงว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ยังเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามแต่เพียงผู้เดียวในช่วงเวลาดังกล่าว จนถึงปี 2548 จึงได้มีชื่อบุตรทั้งสองปรากฏเป็น ผู้มีอำนาจลงนาม ไม่ตรงกับที่ได้อ้างว่าโอนหุ้น ARI ให้นาย พานทองแท้ ชินวัตร ในวันที่ 1 ธันวาคม 2543
    ทักษิณก็แถลงเองนะว่า ไม่เคยทำนิติกรรมอะไร ก็แสดงว่า ที่อ้างว่าโอนหุ้นให้ลูกตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2543 นั้น ก็กลับไม่ได้โอนอำนาจการถอนทรัพย์สินเลย จะเชื่อว่า มีเจตนาโอนจริงได้ยังไงล่ะพี่
    นอกจากนั้นนะพี่ ในวันที่ 24 สิงหาคม 2544 UBS ทำรายงาน 246-2 ต่อสำนักงาน กลต. โดยนับหุ้น SHIN จำนวน 10,000,000 หุ้น ของแอมเพิลริช รวมกับหุ้นอีกจำนวนอีก 5,405,913 หุ้น ทั้งนี้ มีหลักฐานว่าเป็นหุ้นของวินมาร์ค รวมเป็น15,405,913 หุ้น (พาร์ 10 บาท) คิดเป็นร้อยละ 5.24 ก็เป็นหลักฐานยืนยันการนับหุ้น 10 ล้านหุ้นของ แอมเพิลริช และอีกกว่า 5 ล้านหุ้นของวินมาร์คเป็นของเจ้า ของเดียวกันตามมาตรา 258 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ
    พี่แดง : เอ้อ...เขาบอกว่าไอ้ รายงาน 246-2 ที่ ธ.ยูบิเอสทำนี้ เป็นฐานะคัสโตเดียนซึ่ง “ไม่มีหน้าที่ต้องรายงานนี้” จะเอาเอกสารนี้มาอ้างอีกทำไม

    ขาว : พี่แดง มันเหมือน ยอมคนหนึ่งออกนอกกะแล้ว ไม่มีหน้าที่แล้ว มาถ่ายรูปโจรปล้นทรัพย์ได้ จะบอกว่า ยามที่ถ่ายภาพโจรปล้นทรัพย์ได้นอกกะทำงาน ไม่มีหน้าที่ต้องส่งภาพนั้น ก็ไม่เป็นเหตุให้ไม่เอาภาพถ่าย นั้นมาใช้เป็นหลักฐานเอาผิด โจรในภาพเหรอพี่
    การอ้างว่าไม่มีหน้าที่ไม่ได้แก้ ความจริงบนรายงานนี้เลย โดยในเดือนกุมภาพันธ์ 2549 คือประมาณ 5 ปีต่อมา UBS ก็ยังยืนยันว่า เอกสารนี้มีที่ผิดเล็กน้อย คือ ไม่ใช่เป็นการขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในราคาหุ้นละ 179 บาทแต่อย่างใด แสดงว่าการนับรวมหุ้นเป็นของบุคคล เดียวกันเกิน 5% (triggered) ไม่ผิดด้วยพี่ พี่เข้าใจไหม triggered นี่เขาเติม “ed” ด้วยนะ แสดงว่ารวมกันแล้วผ่านเกณฑ์ตามกฎหมายแล้วพี่
    แสดงว่า หุ้นวินมาร์คกับแอมเพิลริชเป็น ของคนเดียวกันตามกฎหมาย ต้องเป็นของครอบครัวชินวัตร ไม่ใช่ของนาย มามุส ที่เอามาโม้หรอกพี่ และในเมื่อนายพานทองแท้ ยอมจ่ายค่าปรับ กลต. เมื่อต้นปี 2549 แต่ไม่ได้พูดถึงวินมาร์คเลย ก็เพราะวินมาร์คเป็นของทักษิณและ ภรรยามาตั้งแต่ปี 2537 และก็แสดงว่า ธ.ยูบีเอสน่าจะเห็นว่าเจ้าของที่แท้จริงคือทักษิณเหมือนกันทั้งแอมเพิลริชและวินมาร์คนั่นเอง

    พี่แดง : เอาล่ะ .. เอาล่ะ ซุกหุ้นก็ซุกหุ้น แต่ที่เขาบริหารบ้านเมืองแล้วหุ้นขึ้นกันเยอะแยะ กลุ่ม ปตท. ก็ขึ้น กลุ่มปูนซิเมนต์ฯก็ขึ้น ธนาคารหลายแห่งก็ขึ้น ก็ทำไมมาเอาผิดแต่เขาล่ะ ?

    ขาว : มันไม่ได้ขึ้นกันทุกบริษัทนะพี่ หลังวิกฤตที่เจ๊งๆกันไปก็เยอะ แยะ ที่รอดและฟื้นขึ้นมาก็มีเหตุผล แตกต่างกันไป กลุ่ม ปตท. กลุ่มปูนฯ ขึ้นก็เพราะราคาปิโตรเคมีฟื้นตัว ราคาปูนฟื้นตัว กลุ่มธนาคารบางธนาคารก็ทรุดไป บางธนาคารที่ขึ้นได้ ก็เพราะเพิ่มทุนสำเร็จ เศรษฐกิจฟื้นตัว นี่ถ้ามีกลุ่มอื่นที่เอาอำนาจรัฐ เอื้อพวกพ้องเหมือนๆของท่าน ทักษิณ ก็ต้องเอาผิดเหมือนกันแหละ มันไม่ใช่หุ้นขึ้นก็เอาผิด แต่เพราะใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์ หุ้นของตัวที่ซ่อนไว้ ทั้งเรื่อง ลดส่วนแบ่งรายได้ระบบพรีเพด การแปลงค่าสัมปทานกิจการโทรคมนาคม เป็นภาษีสรรพาสามิต และให้ภาครัฐรับภาระ การแก้ไขสัญญา ปรับลดอัตราค่าใช้เครือข่ายร่วม ( Roaming ) กรณีอนุมัติโครงการยิงดาวเทียม IP STAR การอนุมัติแก้ไขสัญญาสัมปทาน การอนุมัติให้ใช้เงินค่าสินไหม ทดแทน ดาวเทียมไทยคม 3 ไปเช่าช่องสัญญาณต่างประเทศ เอื้อประโยชน์ บ.ชินคอร์ป ฯ และ บ.ชินแซท เทิลไลท์ จำกัด และ กรณีอนุมัติให้รัฐบาลสหภาพพม่า กู้เงินธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ เอ็กซิมแบงค์ เพื่อนำไปซื้ออุปกรณ์การพัฒนาระบบโทรคมนาคมของพม่า จาก บ.ชินแซท ฯ มันก็ใช้อำนาจรัฐเบียดบังประโยชน์ ของรัฐไปเป็นของตัวตั้งมากมาย

    พี่แดง : นี่มันก็ราวๆปล้นชาติเลยนะเนี่ ย ขอบใจนะขาวที่อธิบายให้ฟัง พี่ยังเห็นไม่เท่าขาว แต่เราก็รักกันเหมือนเดิมนะ

    ขาว : แน่นอนอยู่แล้วพี่ เอาความจริงมาคุยกันด้วยเหตุด้วยผล รักกันเหมือนเดิม บ้านเมืองจะได้สงบร่มเย็น และเจริญก้าวหน้าต่อไปสักทีนะครับ
    จากนี้ไป ก็เป็นเวลาแห่งการทำความเข้าใจ ให้ตรงกัน และส่งเสริมเติมความรักต่อกันให้ รู้รักสามัคคี เพื่อพ่อหลวงศูนย์รวมดวงใจของเราทุกคนครับ

  2. #2
    Lookyeeja's Avatar
    Lookyeeja is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,141
    Warning Points:
    0/5
    ไม่ได้เข้าซะนานเลย พี่ใหญ่จ๋า อ่านแล้ว มันน่ายึดหมดนะ 555555

  3. #3
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    131
    Warning Points:
    0/5
    Quote Originally Posted by Lookyeeja View Post
    ไม่ได้เข้าซะนานเลย พี่ใหญ่จ๋า อ่านแล้ว มันน่ายึดหมดนะ 555555
    ไม่ได้เข้าซะนานเช่นกัน.....เห็นด้วยเลยนะคะกับคุณลูกหยี....

    ไปหละ..แว๊บบบบบบ

  4. #4
    KAN's Avatar
    KAN is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,782
    Warning Points:
    0/5
    น่านะยึดให้หมด และ เอาเค้ากลับมาถ่ายรูป จูบแผ่นดินไทยอีกซักที 555+++

    ไปดีฝ่าาาาาาา วี้วววววววดดดดดดดดดดดดดดดด

  5. #5
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    8,389
    Blog Entries
    9
    Warning Points:
    0/5
    ขออนุญาตเจ้าของกระทู้และเจ้าของกรุ๊ปครับ ทดสอบระบบการเชื่อมต่อกระทู้ระหว่าง Social Group และ Main Forum ครับ

    ขอบคุณครับ

Comments from Facebook

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •