Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Page 1 of 2 1 2 LastLast
Results 1 to 10 of 19

Thread: IONTO (ไอออนโต) คืออะไร และดีจริงหรือไม่

  1. #1
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    3,485
    Warning Points:
    0/5
    พอดีไปเจอข้อมูลนี้มานะค่ะแล้วตกลงการทำ "ไอออนโต"นี้มันดีหรือไม่ดีค่ะ ใครที่เคยทำมาแล้วผลเป็นยังงัยช่วยมาแชร์กันด้วยนะค่ะ


    สข. - สมาคมแพทย์ผิวหนัง" ฟันธง คลินิก "ไอออนโต - โฟโน" หลอกลวง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคผิวหนังเผยคนอยากหน้าสวยใสถูก "ไอออนโต โฟโน" หลอกดูดเงิน ระบุคลินิกเพื่อความงามกว่า 10,000 แห่งใช้เครื่องมือแพทย์ทั้งสองชนิดเข้าข่าย "หลอกลวง"ประชาชนเพราะการทำไอออนโต-โฟโน กฎหมาย ระบุชัดให้"แพทย์"และนักกายภาพบำบัด เป็นคนทำ ด้าน "แพทยสภา-กองโรคศิลปะ" กระทรวงสาธารณสุข เตือนอย่าโฆษณา

    ไอออนโต-โฟโน คืออะไร ?
    การมีใบหน้า"เนียนใส"เป็นที่ปรารถนาของคนทั่วไปโดยเฉพาะหนุ่มสาวยุคดิจิตอล ใครที่มีใบหน้า "ใสแน่ว" แต่งแต้มด้วย"น้ำยาอุทัยทิพย์"ที่คนสมัยโบราณเอาไว้หยดใส่น้ำดื่มเพื่อแก้อาการร้อนในด้วยแล้วยิ่งดู"สวยใส"ไร้เดียงสา จึงไม่แปลกถ้าจะมี "คลินิค" เพื่อเสริมสร้างความงามแข่งกันเปิดร้านจนมีให้เห็นอยู่แทบทุกหัวมุมถนน

    คลินิคแต่ละแห่งจะมีเทคนิคการเรียกลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็น"วัยใส วัยสาว"ด้วยสารพัดการเสริม และรักษาความงามตั้งแต่หัวจรดเท้า และที่กำลังนิยมอยู่ในขณะนี้ก็คือเครื่องไอออนโตโฟเรซิส (Iontophoresis)และ โฟโนโฟเรซิส (phonophoresis) มาใช้ในการรักษาแผลเป็นจากสิวและฝ้า โดยจะใช้เครื่องมือนี้ควบคู่กับ วิตามินเอ นำมาแก้ปัญหาของ สิวอุดตัน แผลเป็น รอยหลุม วิตามินซี นำมาแก้ไข ปัญหา หน้าหมองคล้ำ ฝ้า กระ ฟอกสีผิวให้ขาวขึ้น Kojic Acid นำมาแก้ไขปัญหา หน้าหมองคล้ำ ฝ้า กระ ฟอกสีผิวให้ขาวขึ้น Albutin นำมาแก้ไขปัญหา หน้าหมองคล้ำ ฝ้า กระ ฟอกสีผิวให้ขาวขึ้น Aloe vera หรือ Hyaluronic acid นำมาช่วยรักษาปัญหารูขุมขนกว้าง ทำให้ผิวหน้ากระชับ และAzeleic Acid นำมารักษาปัญหาฝ้า รอยดำ

    สำหรับ โฟโนโฟเรซิส นั้นเป็นวิธีการเพิ่มการดูด ซึมของยาโดยใช้อัลตราซาวด์ช่วย แต่จากการศึกษา การใช้ โฟโนกับยา xylocaine, fluocinolone acetonide และ amphoterin B พบว่าไม่ได้เพิ่มการดูดซึม ดังนั้น โฟโน จึงยังไม่สามารถทำได้จริงอย่างคำโฆษณา

    การทำโฟโนในปัจจุบันก็คือการรักษาด้วยอัลตราซาวด์ธรรมดา อัลตราซาวด์เป็นคลื่นเสียงความถี่สูงซึ่งหูมนุษย์ไม่ได้ยิน และที่นำมาใช้รักษาในเวชศาสตร์ฟื้นฟูจะใช้คลื่นเสียงความถี่ 0.8-1 เมกกะเฮิร์ต เครื่องอัลตราซาวด์จะให้ความร้อนกับเนื้อเยื่อซึ่งอยู่ในชั้นลึก เช่น กล้ามเนื้อ กระดูก และเส้นเอ็นมากกว่าเนื้อเยื่อผิวหนังซึ่งอยู่ตื้น จึงใช้อัลตราซาวด์รักษาโรคกระดูก โรคกล้ามเนื้ออักเสบ หรือเส้นเอ็นอักเสบได้ผลดี และไม่นิยมใช้รักษาการ อักเสบในชั้นผิวหนัง

    แพทย์ผู้เชี่ยวชาญชี้เข้าข่าย "หลอกลวง"
    รศ.พญ.พรทิพย์ ภูวบัณฑิตสิน สาขาจิตวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะ แพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ในฐานะคณะกรรมการสมาคมแพทย์ ผิวหนังกล่าวกับ"ผู้จัดการรายสัปดาห์"ว่า มีคลินิคและสถานเสริมความงาม จำนวนมากนิยมนำเครื่อง ไอออนโต โฟโน มาใช้ในการรักษาแผล รอยดำที่เกิด จากสิว ฝ้า โดยมีการโฆษณาว่าผู้ที่ใช้เครื่องทั้งสองแล้วนอกจากจะทำให้หายจากรอยดำ ฝ้าแล้วยังมีใบหน้าที่สวยใสอีกด้วย

    "หมอมีโอกาสเป็นตัวแทนของสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยเข้าประชุมเรื่องมาตรฐานการ ใช้เครื่องมือไอออนโต โฟโน ที่กระทรวงสาธารณสุข และได้รับคำอธิบายจากผู้รู้ จึงมีความเข้าใจในเครื่อง มือดังกล่าวเพิ่มขึ้น"

    หลักการทำไอออนโตฟอเรซิส (ionotopho resis) เดิมเป็นวิธีการชุบโลหะ โดยแช่โลหะ 2 ขั้วในสารละลาย เมื่อปล่อยกระแสไฟฟ้าตรง ผ่านขั้วทั้งสองจะมีการแตกตัวของสารละลาย สารซึ่งแตกตัวจะถูกผลักไปเกาะกับโลหะที่ต้องการชุบ จึงใช้หลักการนี้กับยาทาผิวหนัง โดยหวังว่ากระแสที่ผ่าน วงจรจะทำให้สารละลายซึ่งเป็นยาถูกผลักเข้าไปในชั้นผิวหนังเพิ่มขึ้น

    พญ.พรทิพย์ อธิบายอีกว่า ในปัจจุบันมีการ นำไอออนโตฟอเรซิส มารักษาผิวหน้ากันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะการทำไอออนโตด้วยวิตามินซี วิตามินอี และวิตามินเอ เพื่อช่วยรักษาฝ้าหรือลดริ้วรอย ซึ่งแพทย์หลายคน อาจจะลืมไปว่าวิตามินซี วิตามินอี และวิตามินเอ สามารถซึมผ่านผิวหนังได้ดีไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการผลักยาด้วยไอออนโต และเมื่อใช้ ไอออนโตวิตามินดังกล่าวก็ไม่สามารถถูกผลักเข้าไปได้จริงเป็นเพียงคำบอกเล่าว่าน่าจะผลักได้แต่ไม่มีงานวิจัยยืนยันแต่อย่างใดเนื่องจากการทำ ไอออนโต ด้วยวิตามินซีกระแสไฟฟ้าจะต้องผ่านเข้า ไปในสารละลายวิตามินซีซึ่งคงทำให้ประสิทธิภาพของวิตามินซีเสื่อมลงเช่นกัน

    "หมอยืนยันว่าการทำไอออนโตและโฟโนเพื่อผลักวิตามินต่างๆสู่ผิวหน้าเข้าข่ายการหลอกลวงประชาชนแน่นอน"พญ.พรทิพย์ระบุ

    ส.แพทย์ผิวหนัง เตือนจนหน่าย
    พญ.พรทิพย์ อธิบายต่อว่า กฏหมายของไทยบังคับให้ผู้ใช้เครื่องอัลตราซาวน์จะต้องผ่านการอบรม คือเป็นแพทย์หรือนักกายภาพบำบัดเท่านั้น เพราะถ้าใช้ผิดวัตถุประสงค์จะเกิดอันตรายกับผู้ป่วยได้ เช่นการใช้ความเข้มของคลื่นสูงไปหรือการแช่หัวอัลตราซาวด์ บริเวณจุดเดียวจะทำให้เกิดโพรงอากาศ ในโดย: [0 3] ( IP )ความคิดเห็นที่ 1
    เซลล์ทำลายเนื้อเยื่อได้ และยังมีข้อห้ามใช้ในผู้ตั้งครรภ์และเด็กเล็ก หรือใช้ในบริเวณใกล้กระดูกไขสันหลัง ฯลฯ

    การนำอัลตราซาวด์มาใช้รักษาผิวพรรณ โดยอ้างว่าช่วยเพิ่มการดูดซึมของยาและช่วยลดริ้วรอยจากการเสื่อมของผิวหนัง ซึ่งเป็นการใช้เครื่องมือผิดหลัก เพราะอัลตราซาวด์จะมีผลต่อเนื้อเยื่อลึกกว่าผิวหนังจึงไม่ช่วยเพิ่มการดูดซึมของยาแต่อย่างใด เนื่องจากการสั่นของอัลตราซาวด์จะทำให้เกิดการ เคลื่อนย้ายของส่วนประกอบภายใน เซลล์ได้จึงมีผู้นำคลื่นอัลตราซาวด์มากระตุ้นเซลล์ผิวหนังซึ่งเสื่อม ตามธรรมชาติโดยหวังว่าคลื่นอาจช่วยปลุกเซลล์ให้ฟื้นตัวกลับมาทำงานเหมือนเดิม แต่การเสื่อมของเซลล์ผิวหนังตามวัย ยังไม่มีผู้ใดทราบว่าเป็นจากเหตุใด การรักษาด้วยอัลตราซาวด์ไม่ใช่การรักษาที่ต้นเหตุจึงไม่ได้ผล

    เครื่องไอออนโตและ โฟโน ไม่ใช่เครื่องมือชนิดใหม่ แต่เป็นเครื่องมือมาตรฐาน ซึ่งเวชศาสตร์ฟื้นฟูใช้มานานหลายสิบปี การใช้ ไอออนโตเพื่อเพิ่ม การดูดซึมของยาก็เป็นเรื่องล้าสมัย เพราะเสียเวลาผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่แน่นอนและระคายผิวหนัง ส่วนเครื่องโฟโน จะมีประโยชน์ ในการรักษาการอักเสบของเนื้อเยื่อซึ่งอยู่ชั้นลึกกว่าผิวหนัง การนำมาใช้ในผิวหนังปกติและสร้างกระแสว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่เป็นการหลอกลวงผู้บริโภค เอาเปรียบตักตวงผลประโยชน์ โดยปล่อยผู้บริโภคให้หลงงมงาย

    พญ.พรทิพย์ระบุอีกว่าสมาคมแพทย์ผิวหนังได้เคยออกหนังสือเตือนทั้งในวารสารสมาคมและวาร สารการแพทย์อื่นๆว่าการนำเครื่องไอออนโตและโฟโน เข้ามาใช้ในสถานความงามเป็นเรื่องที่ผิดทั้งกฎหมายและผิดทั้งจริยธรรมแต่ไม่มีใครเชื่อ ซึ่งเรา ก็คงจะทำอะไรไม่ได้

    "หมอโรคผิวหนังทั้วประเทศมี 500 กว่าคน มีส่วนน้อยที่ไปเปิดคลินิคความงาม ส่วนหมอที่เปิดคลินิคความงามส่วนมากก็เป็นหมอทั่วไป ซึ่งเป็น เรื่องที่ผิดปกติว่าหมอผู้เชี่ยวชาญจะไม่ไปทำอะไรที่คิดว่าทำแล้วมันไม่ได้ผลจริงๆ"พญ.พรทิพย์ระบุ

    กองโรคศิลปะ-แพทยสภา ชี้ผิดจริยธรรม
    ขณะที่สำนักมาตรฐานสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ (กองโรคศิลปะ) ซึ่งเป็นหน่วยงาน ที่รับผิดชอบโดยตรงได้ออกหนังสือแจ้งให้คลินิคและสถานเสริมความงามที่ใช้เครื่องไอออนโตและโฟโน ซึ่งมีกว่าหมื่นแห่งทั่วประเทศ ว่าไอออนโตและโฟโน เป็นเครื่องมือแพทย์ ส่วนใหญ่ใช้ในทางกายภาพบำบัด จึงควรทำโดยแพทย์หรือนักกายภาพ บำบัดเท่านั้น หากมีผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการเข้า ไปใช้บริการในสถานที่ให้บริการด้วยเครื่องดังกล่าวผู้ประกอบการอาจจะถูกถอนใบอนุญาต

    เช่นเดียวกับคณะกรรมการแพทยสภา ที่ได้ออกหนังสือเตือนคลินิคที่ใช้เครื่องมือดังกล่าว ตามมติในการประชุม ครั้งที่ 2/2545 เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2545 ว่าด้วยการกระทำด้วยเทคนิคไอออนโต มีลักษณะเป็นการโอ้อวดสรรพคุณของเครื่องมือเครื่องใช้โดยไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการที่เป็นมาตรฐานของวิชาชีพเวชกรรม และอาจทำให้ประชาชนเกิดความคาดหวังในสรรพคุณเกินความเป็นจริง เข้าข่ายขัดต่อข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2526 หมวด 7 ข้อ 2 เข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 คือการใช้เทคนิคไอออนโตและโฟโน ต้องเป็นแพทย์หรือนักกายภาพ บำบัดเท่านั้น ไม่ควรทำบริเวณผิวหนังที่อักเสบและติดเชื้อ, บริเวณผิวหนังที่มีการไหลเวียนของโลหิต และมีความรู้สึกน้อยกว่าปกติ, ไม่ควรทำที่อวัยวะสืบพันธุ์ เหนือดวงตา ตำแหน่งหัวใจ, กระโหลกศีรษะ, ไขสันหลัง, หน้าท้องของหญิงมีครรภ์, ตำแหน่งที่เป็นมะเร็ง, ตำแหน่งที่หัวกระดูกในเด็กที่ยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ และในผู้ที่ใช้เครื่องกระตุ้นการเต้นของหัวใจฯลฯ

    ปัจจุบันการใช้เครื่องไอออนโตและโฟโน รักษาผิวหน้าให้สวยใส จึงน่าจะเข้าข่ายการกระทำที่ผิดกฎหมายเพราะคลินิคและสถานเสริมความงาม ต่างๆ มี"นักกายกรรมบำบัด" ทำหน้าที่แทน"นักกายภาพบำบัด" ทั้งสิ้น

    อย.ระบุ “3 ทรีเดย์ - 3 Tree Days” มีสารต้องห้ามเสี่ยงฝ้าถาวร

    อย.ตรวจพบเครื่องสำอาง “3 ทรีเดย์ - 3 Tree Days” ผสมวัตถุห้ามใช้คือ ไฮโดรควิโนนและกรดวิตามินเอ อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภค เกิดการแพ้ ผื่นแดง ผิวหน้าดำ เป็นฝ้าถาวร เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ จัดเป็นเครื่องสำอางไม่ปลอดภัย ผู้ผลิตมีโทษจำคุก 1 ปีปรับไม่เกิน 60,000 บาท

    น.พ.ศุภชัย คุณารัตนพฤกษ์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กล่าวว่า อย.เก็บตัวอย่างเครื่องสำอาง “3 ทรีเดย์ - 3 Tree Days” จากสถานที่จำหน่ายทั้งในกรุงเทพฯ และส่วนภูมิภาค ส่งตรวจวิเคราะห์แล้วพบวัตถุห้ามใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง จึงได้นำเสนอคณะกรรมการเครื่องสำอางพิจารณา และมีมติในการประชุมครั้งที่ 1/2546 เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2546 ให้ประกาศผลการตรวจสอบหรือผลวิเคราะห์ให้ประชาชนทราบ เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค โดยพบว่า

    1. ผลิตภัณฑ์ชื่อ “3 Tree Days Natural Duo Beauty Lightening Formula” เลขที่ผลิโดย: [0 3] ( IP )ความคิดเห็นที่ 2
    ต 006 วันเดือนปีที่ผลิต 06 11 02 และเลขที่ผลิต 007 วันเดือนปีที่ผลิต 14 02 03 ในกล่องประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ 2 ชนิด คือ ครีมทาสิว ทรีเดย์ เนเชอรัล (สูตรขาวเนียน) ผลวิเคราะห์พบวัตถุที่ห้ามใช้คือ ปรอทแอมโมเนีย , ทรีเดย์ เนเชอรัล โลชั่นป้องกันแสงแดด-ฝ้า ผลวิเคราะห์พบวัตถุที่ห้ามใช้คือ ไฮโดรควิโนนและกรดวิตามินเอ

    2. ผลิตภัณฑ์ชื่อ “3 เดย์ ไบรเทน แอนด์ รีไวเทน เลขที่ผลิต 007วันเดือนปีที่ผลิต 18 02 03 ในกล่องประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ 2ชนิด คือ 3 Tree Days ครีมลดริ้วรอยหมองคล้ำ-ฝ้า สูตรพัฒนาใหม่ ผลวิเคราะห์พบวัตถุที่ห้ามใช้คือ ไฮโดรควิโนน 3 Tree Days โลชั่นป้องกันแสงแดด-ฝ้า ผลวิเคราะห์พบวัตถุห้ามใช้คือ โฮโดรควิโนน

    น.พ.ศุภชัย กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ข้างต้นอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภค เช่น เกิดการแพ้ ผื่นแดง ผิวหน้าดำ ผิวบางลง เกิดพิษสะสมของสารปรอท ทำให้ทางเดินปัสสาวะอักเสบและไตอักเสบ ระคายเคือง เกิดจุดด่างขาวที่หน้าผิวหน้าดำ เป็นฝ้าถาวร รักษาไม่หาย หน้าแดง แสบร้อนรุนแรง เกิดการอักเสบ ผิวหน้าลอกอย่างรุนแรง และอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ และจัดเป็นเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัยในการใช้ ซึ่งกฎหมายกำหนดโทษสำหรับผู้ผลิตเพื่อขาย ผู้นำเข้าเพื่อขายและผู้ขาย ให้จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงประกาศให้ประชาชนระมัดระวังในการซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ควรเลือกซ้อจากแหล่งที่มีความน่าเชื่อถือ






    ข้อความข่างล่างจากเวบทั่วไปค่ะ


    ผิวสวยด้วย ไอออนโต





    เรื่องการปรับสภาพผิวหน้าให้เนียนใสด้วยวิธีไอออนโตนี้ ดูจะเป็นเรื่องฮิตติดลมบนเป็นที่สนอกสนใจของสาวๆ ทั้งหลาย จนถึงขั้นที่ไม่เล่าให้ฟังคงจะไม่ได้แล้ว

    การปรับสภาพผิวด้วยวิธี Iontophoresis หรือที่เรียกย่อๆ ว่า ไอออนโต ที่กำลังฮือฮาว่าเป็นของใหม่ในขณะนี้นั้น แท้ที่จริงแล้วเริ่มรู้จักกันมาตั้งแต่ ค.ศ.1747 คือ นับได้ 253 ปีแล้ว คำว่า Iontophoresis มาจากภาษากรีก แปลว่า การนำเอาประจุไฟฟ้าเข้าไป นำมาใช้ทางการแพทย์ เพื่อทำให้ยาซึมผ่านผิวหนังลงไปได้มากขึ้น

    ที่นิยมนำมาใช้มากที่สุดได้แก่ การใช้รักษาโรคเหงื่อออกมากผิดปกติ จึงเริ่มมีการใช้ไอออนโตมารักษาตั้งแต่ ค.ศ.1936-1948 โดยใช้เครื่องมือไอออนโต และสารเคมีเป็นแค่น้ำประปาธรรมดา นอกจากนั้นก็มีการใช้สารเคมีต่างๆ มาใช้กับเทคนิคนี้ เพื่อรักษาโรคผิวหนังต่างๆ เช่น ใช้เมลาดินีนรักษาโรคด่างขาว, ใช้ยาชาลิโดเคน เพื่อทำให้เกิดการชาเฉพาะที่ของผิวหนัง, ใช้โซเดียมซาลิไซเลทในการรักษาหูดที่ฝ่าเท้า, ใช้ซิงค์ออกไซด์ ในการรักษาแผลที่ผิวหนัง จนมาถึง ใช้กรดวิตามินเอและเอสโตรเจน ในการรักษาแผลเป็นจากสิว

    สำหรับการนำไอออนโตมารักษาฝ้านั้น อดีตนักวิจัยสถาบันสาธารณสุขแห่งชาติสำหรับอเมริกา กล่าวว่า เมื่อ ค.ศ.1993 มีงานวิจัยของคณะแพทย์ญี่ปุ่นตีพิมพ์ ในวารสารการแพทย์ชื่อ "Skin Surgery" ว่าใช้ Iontophoresis ของวิตามินซีมารักษาฝ้า และรอยดำจากการเกิดผื่นแพ้สัมผัส สามารถทำให้รอยดำเหล่านี้จางลงได้บ้าง

    วิธีไอออนโตนั้น จัดเป็นเพียงเทคนิคเสริมในการรักษาฝ้า และผู้ป่วยก็จะต้องเข้าใจว่า ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีใดๆ ที่จะรักษาฝ้าให้หายขาดได้ ดังนั้นจึงต้องหลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆ ที่กระตุ้นให้เกิดฝ้าไม่ว่าจะเป็น แสงแดด, ความร้อน และต้องคำนึงถึงเวลาและค่าใช้จ่ายด้วย เนื่องจากเทคนิคไอออนโต เป็นเครื่องมือทางการแพทย์ จึงไม่แนะนำให้ไปรับบริการ จากสถานเสริมความงาม เพราะนอกจากจะไม่ปลอดภัย ไม่ได้ผล ยังมักมีราคาแพงอย่างไม่สมเหตุสมผลด้วย บางแห่งคิดค่าทำไอออนโต ครั้งละหลายพันถึงหมื่นบาท ทั้งๆ ที่ราคาควรอยู่ประมาณ ครั้งละ 500-1,000 บาท

    นอกจากนั้นผู้ที่ใช้เครื่องกระตุ้นการเต้นของหัวใจ ผู้ที่มีประวัติแพ้ยาตัวที่จะนำมาทำไอออนโต ผู้ที่มีบาดแผลที่ผิวหนัง หรือผิวหนังติดเชื้อบริเวณที่จะทำ และผู้ที่มีประวัติโรคลมชัก ไม่สมควรทำไอออนโต นอกจากนั้นการมีสุขภาพผิวที่ดียังมีปัจจัยหลังคือ การหลีกเลี่ยงการโดนแดดจัด การงดสูบบุหรี่ งดดื่มเครื่องดอง ของเมาเสพย์ยาเสพติด รับประทานอาหารให้ครบหมู่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอและมีสุขภาพจิตที่ดีด้วย

    + + + + + + + + + + + + + + + + + + +








    การรักษาด้วย ไอออนโต IONTO



        • 5 มี.ค. 49 00.00 น.
        • อ่าน 648 ครั้ง
      • เลือกขนาดตัวอักษร :
    • โรงพยาบาลยันฮี โดย โรงพยาบาลยันฮี
    ไอออนโต (IONTO) คืออะไรใช้รักษาอะไรได้บ้างมีอันตรายหรือไม่คงเป็นคำถามที่หลาย ๆ คนเกิดความสงสัย เพราะคงจะได้ยินกันมากในช่วง 2 ปีนี้ แต่ไม่ทราบว่าคืออะไร และใช้รักษาอะไร ไอออนโต ชื่อเต็มคือ ไอออนโตโฟรีซีส (IONTOPHORESIS) คือ เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ชนิดหนึ่งที่มีประจุไฟฟ้าอย่างอ่อนเป็นสื่อกลางลสู่ผิวหนัง ประจุไฟฟ้าดังกล่าวจะช่วยให้รูขุมขนของผิวหนังโดยเฉพาะบนใบหน้าเปิดกว้างมากขึ้น และทำให้วิตามินที่จะใช้รักษาสามารถแทรกซึมลงไปยังผิวหนังได้มากกว่าการทาครีมหรือโลชั่นแบบธรรมดา ซึ่งอยู่ได้แค่ผิวหนังชั้นบนเท่านั้น วิตามินที่ใช้ในการรักษาด้วยไอออนโตมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด คือ วิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินอี โดยแพทย์จะพิจารณาใช้วิตามินเอ วิตามินซี หรือวิตามินอื่น ๆ ตามลักษณะของผิวหน้า ดังนี้ วิตามินเอ : ใช้เมื่อใบหน้ามีรอยแผลเป็นจากสิว ซึ่งเป็นร่องลึกกระจายอยู่ตามใบหน้า การใช้วิตามินเอ จะช่วยทำให้แผลเป็นเหล่านั้น ตื้นและเนียนเรียบขึ้น รวมทั้งยังช่วยให้ใบหน้าที่หยาบกร้าน นุ่มเนียนขาวใสยิ่งขึ้น วิตามินซี : ใช้เมื่อแพทย์พบว่าผิวหน้าแห้ง มีจุดด่างดำ มีรอยเหี่ยวย่น แพทย์จะใช้วิตามินซีเพื่อช่วยในการบำรุงเซลล์ต่าง ๆ บนผิวหน้าให้คืนกลับมามีชีวิตชีวาขึ้น จะเห็นได้ว่า การทำไอออนโตนั้น สามารถทำให้ใบหน้าขาวใส นุ่มเนียนน่าสัมผัสขึ้น และยังสามารถรักษาฝ่า กระตื้น ลดริ้วรอย จุดด่างดำ ลดรอยแผลเป็นบางชนิดหรือรอยแผลเป็นจากอีสุกอีใส รวมทั้งลดรอยหลุมจากสิวได้ด้วยนะคะ การที่คุณจะไปทำไอออนโต (IONTO) หมอขอแนะนำนะคะ ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง ซึ่งแพทย์เป็นผู้ตรวจสภาพผิวหนาของคุณอย่างละเอียดก่อนทำไอออนโต เพราะหากพบว่ามีสิวอักเสบเกิดขึ้น แพทย์จะรักษาสิวให้หายเป็นปกติเสียก่อน ส่วนผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย แพทย์อาจให้ครีมกันแดดทาเพื่อให้ใบหน้าปรับสภาพก่อนทำไอออนโต สำหรับผู้ที่มีผิวหน้าปกติก็สามารถทำไอออนโตได้ทันที โดยมีวิธีการ คือ 1. แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง (SKIN) จะตรวจสภาพผิวหน้า เพื่อวิเคราะห์ว่าควรใช้วิตามินเอ หรือวิตามินซี ที่เหมาะกับการบำรุงผิวหน้าของคุณ 2. ทำความสะอาดผิวหน้าโดยการล้างหน้าให้สะอาด เพื่อไม่ให้มีเครื่องสำอางหรือครีมใด ๆ ตกค้าง อยู่บนใบหน้า ซึ่งอาจเกิดปฏิกิริยากับตัวยาได้ 3. ทาวิตามินที่เหมาะกับสภาพผิวหน้าของคุณ โดยเมื่อทาทั่วหน้าแล้วจึงใช้เครื่องไอออนโต (IONTO) กระตุ้น ขับวิตามินเขาสู่ผิวหน้าใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที ต่อครั้ง ก็เสร็จแล้วค่ะ 4. คุณควรรักษาอย่างสม่ำเสมอ อาทิตย์ละ 1 - 2 ครั้ง ประมาณ 5 - 8 ครั้ง เพื่อให้ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ 5 หลังการรักษาแล้วแพทย์จะแนะนำให้ ใช้ครีมกันแดดและหลีกเลี่ยงแสงแดดที่แรงจัด หลังทำไอออนโตคุณจะสังเกตได้ว่าผิวหน้าจะมีสีชมพูระเรื่อ เนื่องจากกระแสไฟฟ้าไปกระตุ้นระบบหมุนเวียนของเลือดบริเวณนั้นได้ดีขึ้นนั่นเอง ปัจจุบันการทำไอออนโตมีการทำกันแพร่หลาย คุณสามารถปรึกษาและเข้ารับการรักษาได้ที่คลินิกใกล้บ้านหรือโรงพยาบาล ที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง การรักษาด้วยไอออนโต (IONTO) จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคุณสุภาพสตรีและสภาพบุรุษที่ต้องการใบหน้าดูขาวใสเนียนนุ่มปราศจากริ้วรอยและจุดด่างดำนอกจากจะสะดวก รวดเร็ว ไม่ยุ่งยากแล้ว ยังปลอดภัยด้วยนะคะ
    • การรักษาด้วย ไอออนโต IO…

    • การรักษาด้วย ไอออนโต IO…

  2. #2
    fahh's Avatar
    fahh is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    13
    Warning Points:
    0/5
    ไม่ได้อ่านข้อมูลข้างบนค่ะ (ยาวจัง อิอิอ)

    แต่จะมาบอกว่าทำอยู่ค่ะ รู้สึกว่าหน้าดีขึ้นนะค่ะ นิ่มขึ้นรูขุมขนก็น้อยลงด้วย แผลก็จางลงด้วย
    เมื่อเทียบกับราคาเราว่าคุ้มมากค่ะ แต่ไม่รู้จะเป็นสำหรับบางคนรึป่าวอ่ะค่ะ เพราะน่าจะขึ้นอยู่กับหน้าแต่ละคนด้วยค่ะ

    ทำที่ผิวดีคลีนิค ตรงลาดพร้าวอ่ะค่ะ เราชอบที่นี้มากเลย ^-^

  3. #3
    PrimmRose's Avatar
    PrimmRose is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    29
    Warning Points:
    0/5
    งงเล็กน้อยค่ะ อ่านช่วงบนเหมือนไม่ได้ผลอะไร แต่อ่านช่วงล่างเหมือนจะเป็นวิธีที่ดีวิธีหนึ่ง ตกลงดีหรือไม่ดีค่ะ ใครเคยทำช่วยแจ้งผลหน่อยค่ะ

  4. #4
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    3,485
    Warning Points:
    0/5
    Quote Originally Posted by fahh View Post
    ไม่ได้อ่านข้อมูลข้างบนค่ะ (ยาวจัง อิอิอ)

    แต่จะมาบอกว่าทำอยู่ค่ะ รู้สึกว่าหน้าดีขึ้นนะค่ะ นิ่มขึ้นรูขุมขนก็น้อยลงด้วย แผลก็จางลงด้วย
    เมื่อเทียบกับราคาเราว่าคุ้มมากค่ะ แต่ไม่รู้จะเป็นสำหรับบางคนรึป่าวอ่ะค่ะ เพราะน่าจะขึ้นอยู่กับหน้าแต่ละคนด้วยค่ะ

    ทำที่ผิวดีคลีนิค ตรงลาดพร้าวอ่ะค่ะ เราชอบที่นี้มากเลย ^-^
    ที่ผิวดีเค้าคิดต่อครั้งหรือเป็นคอร์สค่ะ เพื่อนไปทำ ไอออนโต ที่คลีนิคแถวๆทองหล่อ เค้าคิดครั้งละ 900 บาทค่ะ ไม่รู้ว่าถูกหรือแพง

    Quote Originally Posted by PrimmRose View Post
    งงเล็กน้อยค่ะ อ่านช่วงบนเหมือนไม่ได้ผลอะไร แต่อ่านช่วงล่างเหมือนจะเป็นวิธีที่ดีวิธีหนึ่ง ตกลงดีหรือไม่ดีค่ะ ใครเคยทำช่วยแจ้งผลหน่อยค่ะ
    ข้อมูลข้างบนจาก"สมาคมแพทย์ผิวหนัง" ค่ะ ส่วนอีกสองข้อความข้างล่างไปได้มาจากเวบทั่วๆไปนี่แหล่ะค่ะ

    วันนี้คุยกับเพื่อนที่ไปทำมา บอกว่า "ให้แกคิดซ่ะว่าไปให้เค้านวดหน้า ละกันและดีกว่าไม่ทำอะไรเลย" ชีว่าเงี้ยค่ะ

  5. #5
    fahh's Avatar
    fahh is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    13
    Warning Points:
    0/5
    คิดเป็นครั้งก็มี เป็นคอร์สก็มีค่ะ แต่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าราคาเป็นครั้งเท่าไหร่อ่ะค่ะ
    เพราะเราทำแบบเป็นคอร์ส

    คอร์สนี่ราคาจะรู้สึก ขึ้นอยู่กับวิตามินที่ทำ และจำนวนครั้งต่อคอร์สที่เลือกด้วยอ่ะค่ะ เค้าจะดูว่าเราเข้ากับวิตามินใดส่วนของเรา เราทำวิตามิน C อ่ะจ้ะ

    ส่วนที่เพื่อนคุณไปทำ เราว่าที่ผิวดีน่าจะถูกกว่านะค่ะ เพราะเรารู้สึกว่า ถ้าเราดูราคาของเราที่ทำเป็นคอร์ส หารๆๆดู ต่อครั้ง น่าจะอยู่ที่ประมาณ 600-700 จ้า

    แต่ก็อย่างที่บอกค่ะ ราคาเป็นครั้งอาจแพงกว่า ถ้าเลือกทำเป้นคอร์ส เอ เข้าใจมั้ยหว่า ^-^ อ่านเองยังแอบงง 55555

  6. #6
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    33
    Warning Points:
    0/5
    Waddee kha khun NINA, I keep on reading to this room (beauty secret) almost everyday, thanks so much again that you have opened this room kha, this time I read this post every words and made me understand more than What I have found out by myself in the past, this is exactly what I am looking for and waiting for the solution (an answer) about my face!so now I know, why and how that made my face turns to red and dark! it's getting better since I've change some creams and takes some Vitamins. Thank you sooooooooomuch indeed for this post and also to the SBN members that sharing posted kha.

  7. #7
    kunmuay's Avatar
    kunmuay is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    349
    Warning Points:
    0/5
    เคยทำอะค่ะ คืออยากบอกว่าเหมือนนวดหน้าจริงๆนั่นแหละแต่ดีกว่าหน่อยตรงที่ผลักยาได้เยอะกว่า(มั๊ง) หมวยลงสองคอร์สแล้วเลิก มันเห็นผลช้าอะค่ะ คือถ้าช่วยผ่อนคลายกระชับรูขุมขนหรืออะไรงี้ก็พอได้แต่ถ้าหวังยาวๆ ยากค่ะ ต้องทำเลเซอร์แรงๆถึงเอาอยู่

  8. #8
    Meesook's Avatar
    Meesook is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    454
    Warning Points:
    0/5
    เคยไปทำค่ะ แต่จำไม่ได้ว่าเป็นไอออนโต หรือว่าโฟโน ตอนนั้นผิวแพ้อะไรไม่รู้ เป็นผื่นแดง หน้าแห้ง ลอกเลยค่ะ พอไปทำทรีทเม้นต์นี้ ครั้งเดียวผิวหยุดลอกเลยค่ะ แต่คุณหมอบอกว่าตัวยาที่ใช้จะไม่เหมือนกันในแต่ละเคสนะคะ บางเคสผิวไม่ได้มีปัญหาเค้าก็ใช้พวกวิตามินทำทรีทเม้นท์ให้

    แต่ของทินีผิวแพ้และลอก ก็ใช้เป็นยาของทางคลีนิคสำหรับผิวที่แพ้ ทำทรีทเม้นท์ครั้งเดียวผื่นกับผิวที่ลอกๆ หายเลยค่ะ แต่ก็ไปทำซ้ำอีกอาทิตย์ละครั้งเพื่อฟื้นฟูผิว ผ่านไปสามอาทิตย์ผิวก็ชุ่มชื้นเป็นปรกติค่ะ

    ต่อมาเวลารู้สึกว่าผิวแห้งๆ ก็ไปทำอีก ครั้งเดียวผิวชุ่มชื้นหน้าเนียนขึ้นเห็นๆ ค่ะ

    แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทรีทเม้นท์นี้ใช้หลักการอะไรผิวถึงดีขึ้น (อ่านจากที่คุณหมอสมาคมแพทย์ผิวหนังบอกมันก็ไม่น่าจะมีหลักการอะไรที่เวิร์ค) หรือว่ามันเป็นเพราะตัวยาที่เค้าใช้มาทาให้ก็ไม่แน่ใจนะคะ แต่ทินีทำแล้วเวิร์ค ก็เลยชอบไปทำเวลารู้สึกว่าผิวแห้งๆ ค่ะ

  9. #9
    PrimmRose's Avatar
    PrimmRose is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    29
    Warning Points:
    0/5
    หรือว่าได้ผลทางจิตใจ? ว่าเราทำแล้ว

  10. #10
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    33
    Warning Points:
    0/5
    Hooooooh , khun torb dai "don jai" sud sud loei kha! trong pao loei! jeng jing jing!!!

Page 1 of 2 1 2 LastLast

Comments from Facebook

Similar Threads

  1. BOTOX และ FILLER คืออะไร
    By srichardson in forum VENUS; Beauty, Life, Love, Family ครอบครัว ความรัก ความงาม
    Replies: 66
    Last Post: 02-03-2011, 07:20 PM
  2. จิตไม่หวั่นในโลกธรรม คืออะไร ?
    By PREZZO in forum WORLD; Around you เรื่องราวส่วนรวมรอบตัว
    Replies: 3
    Last Post: 11-14-2009, 10:59 PM
  3. นิมิตสมาธิ คืออะไร ?
    By PREZZO in forum WORLD; Around you เรื่องราวส่วนรวมรอบตัว
    Replies: 6
    Last Post: 11-05-2009, 05:31 PM

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •