Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Page 1 of 3 1 2 3 LastLast
Results 1 to 10 of 21

Thread: " อานันท์ ปันยารชุน สอนมวยนักข่าวฝรั่งเรื่องในหลวงของเรา "

  1. #1
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    19
    Warning Points:
    0/5

    " อานันท์ ปันยารชุน สอนมวยนักข่าวฝรั่งเรื่องในหลวงของเรา "


    ขออนุญาตเจ้าของกระทู้ครับ ขอนำรูปมาลงใหม่ เนื่องจากที่มีอยู่เดิมหายไป เพื่อให้กระทู้นี้ สามารถโชว์รูปที่หน้าเวบได้ ครับ
    ขอบคุณภาพจากลิงก์ http://image.ohozaa.com/io/__fwdder_...3q86286350.jpg ครับ
    หากรูปที่เรานำมาไม่เหมาะสม ขอชวนเจ้าของกระทู้เข้ามาแก้ไขได้ครับ

    ท่านอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี 2 สมัย ที่สอนมวยนักข่าวฝรั่งเรื่องในหลวงของเรา อย่างตรงไปตรงมาดุเด็ดเผ็ดมัน ชนิดที่คนถามมีสิทธหงายหลังได้ง่าย ๆ ... จึงขออนุญาตนำมาฝากชุมชนนี้คะ
    ...........................................................

    มาร์วัน มาคาร แห่งอินเตอร์เพรส เซอร์วิส :
    ข้อจำกัดประการหนึ่งสำหรับนักข่าวต่างประเทศเมื่อรายงานเรื่องสถาบันกษัตริย์ก็­คือกฎหมายว่าด้วยความผิดอาญาฐานหมิ่นพระบรมราชานุภาพ
    คุณได้กล่าวถึงพระราชดำรัสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พ.ศ.2548
    พระองค์รับสั่งว่าพระเจ้าแผ่นดินก็อาจพลาดได้
    แต่ผู้สื่อข่าวไทยไม่ได้จับมาเป็นประเด็นและยังคงทำงานข่าวอย่างที่เคยทำมาก่อน­หน้านั้น
    คุณคิดว่าจะมีโอกาสไหมที่นักการเมืองชั้นนำของไทยจะนำทางโดยกล่าวว่าเรามีความเ­คารพในสถาบัน
    แต่ไม่เห็นเหตุผลที่จะต้องมีกฎหมายแบบนี้
    ซึ่งควบคุมการรายงานข่าวเกี่ยวกับสถาบันตามที่เป็นอยู่
    และแผนที่รายงานเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคต


    นายอานันท์ ปันยารชุน :
    นี่เป็นคำถามค่อนข้างยาก
    เหมือนกับว่าคุณจะเอาแต่ประโยชน์โดยไม่ยอมเสียอะไรเลย
    ด้านหนึ่งคุณจะต้องคำนึงถึงเจตนารมณ์ของประชาชน
    ผมใคร่จะเรียนว่าผมไม่ทราบว่ากฎหมายมาตรานี้เกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ใน 2
    วาระที่ผมเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งผมมีโอกาสได้เฝ้าฯ
    พระเจ้าอยู่หัวเป็นครั้งคราว
    พระองค์ท่านไม่เคยรับสั่งแม้แต่ครั้งเดียวเรื่องที่มีการวิพากษ์วิจารณ์
    ทั้งที่หลายเรื่องก็ไม่เป็นธรรม เรื่องเล็กๆ น้อยๆ
    เหล่านี้พระองค์ท่านไม่เอามาเป็นเรื่องรบกวนพระทัย
    และไม่ทรงเห็นว่าสำคัญพอที่จะหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นกับนายกรัฐมนตรีของพระองค­์

    อีกด้านหนึ่งคุณก็ต้องเข้าใจว่าบางเรื่อง
    เฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของตะวันตก ความขลังของสถาบันกษัตริย์
    ซึ่งกำลังลื่นไหลไปตามกระแสหลักด้วยคิดว่ากษัตริย์ควรทำตนให้เหมือนสามัญชน
    นั่นก็อาจเป็นเรื่องดี คนไทยเราไม่ขัดข้องในกระแสดังกล่าว
    แต่ผมคิดว่าพวกคุณก็ต้องเคารพแนวคิดและขนบประเพณีของผู้คนในประเทศนี้
    พระเจ้าอยู่หัวไม่เคยรับสั่งเรื่องนี้กับผมเลย
    แต่ในความเห็นส่วนตัวผมเองก็ไม่ค่อยชอบกฎหมายนี้
    เผอิญผมได้รับการศึกษาในต่างประเทศ และใช้ชีวิตในต่างประเทศ
    แต่พวกคุณต้องเข้าใจว่าในประเทศนี้
    พระมหากษัตริย์ดำรงอยู่ในสถานะที่จะล่วงละเมิดมิได้โดยเจตนารมณ์ของประชาชน
    ผมเชื่อแน่ว่าพระองค์ท่านไม่เคยทรงวิตกว่ากฎหมายมาตรานี้จะมีอยู่หรือไม่
    แต่คนไทยจะไม่ยอมแน่ พวกคุณอาจจะต้องคอยนานถึง 20 หรือ 50 ปี
    แต่คนไทยไม่ว่าจะผิดหรือถูกจะไม่ยอมทน "คำวิพากษ์วิจารณ์"
    พระเจ้าอยู่หัวของเราโดยเด็ดขาด นี่คือความรู้สึกของคนไทย

    ถ้าหากคุณทำประชามติ (เรื่องนี้) ในวันพรุ่งนี้
    คุณก็จะได้เห็นว่ามีการออกเสียงเห็นชอบเพิ่มมากขึ้นกว่าครั้งที่แล้ว
    ผมคิดว่านี่เป็นลักษณะการคิดของคนไทย เป็นสิ่งที่ฝังรากลึกมากว่า 800 ปี
    ซึ่งคงจะล้มล้างกันไม่ได้ง่ายๆ
    บางครั้งผมอดที่จะอัศจรรย์ใจไม่ได้ว่าคนไทยเรานี่ดูจะเป็นคาทอลิกยิ่งเสียกว่าอ­งค์พระสันตะปาปา
    (เสียงหัวเราะ)
    ผมเชื่อเสมอว่าคนไทยเป็นพวกสนับสนุนระบอบราชาธิปไตยยิ่งกว่าพระเจ้าอยู่หัวเสีย­อีก
    (เสียงหัวเราะ)

    ไม่เพียงแต่ประชาชนคนไทยเท่านั้น
    รัฐบาลไทยเองก็วิตกกังวลไปด้วยทุกครั้งที่มีหนังสือ
    หรือสิ่งตีพิมพ์ออกมาใหม่ วิจารณ์พระเจ้าอยู่หัว
    ผู้ที่เดือดร้อนที่สุดคือรัฐบาลซึ่งจะจัดการห้ามจำหน่ายหนังสือเล่มนั้น
    ภาพยนตร์เรื่องนี้สกัดนั่น สกัดนี่ ทำไมหรือ
    เหตุผลก็คือรัฐบาลเกรงว่าถ้าไม่ทำอะไรเลยจะถูกประชาชนตำหนิ
    ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณจะตำหนิรัฐบาลก็ไม่ถูกนัก
    เพราะที่ทำไปก็เพียงตอบสนองความรู้สึกของประชาชน


    โจนาธาน เฮด จาก บีบีซี :
    ผมสังเกตว่าเมื่อคุณพูดถึงความสำเร็จต่างๆ
    ของพระเจ้าอยู่หัว ความสำเร็จประการหนึ่งก็คือ
    การแทรกแซงของพระองค์มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อความสงบ
    และความกลมเกลียวกันของสังคม แต่คุณก็เคยพูดอย่างไม่เป็นทางการว่า
    คุณเองไม่ค่อยมั่นใจในความกลมเกลียวนัก
    ผมทราบมาว่ามีคนจำนวนไม่น้อยตำหนิสุภาพบุรุษท่านหนึ่ง
    ซึ่งขณะนี้กำลังปลาบปลื้มกับการเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลระดับยอดของบริติชพรีเมี­ยร์ลีก
    ว่าเป็นต้นเหตุของความร้าวฉานส่วนใหญ่ในสังคม
    ผมชักจะสงสัยว่าสังคมไทยได้เปลี่ยนแปลงไปมากจนเกินกว่าที่พระองค์จะมีส่วนช่วยธ­ำรงความสามัคคีของสังคมไว้ได้ปัจจุบันสังคมได้ก้าวไปไกลมาก
    และปัญหาก็ซับซ้อนเกินจะเยียวยาด้วยการแทรกแซงของพระองค์แล้ว

    นายอานันท์ :
    คุณโจนาธาน แม้ว่าคุณกับผมจะศึกษามาในสถาบันเดียวกันก็ตาม
    (เสียงหัวเราะ) ผมต้องขออนุญาตเห็นต่าง ผมไม่เคยใช้คำว่า "แทรกแซง" เลย
    สำหรับผมพระองค์ท่านทรงยึดตัวบทกฎหมายตามตัวอักษรและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญอย่­างเคร่งครัด
    เรื่องซึ่งชาวต่างประเทศมองว่าพระองค์ท่าน "แทรกแซง" ผมขอแยกออกเป็น 2
    ประเภท ประเภทแรกเป็นการแทรกแซงที่ริเริ่มด้วยบุคคลผู้นั้นเอง
    ในกรณีของพระเจ้าอยู่หัว การแทรกแซงเป็นการเข้าไปโดยมีผู้ร้องขอ
    จะเห็นได้ว่ามีความแตกต่างกันเล็กน้อย อีกประการหนึ่ง
    ตลอดระยะเวลาที่ผมทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ครั้งนั้น
    ผมได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ ถวายรายงาน ไม่เคยมีรับสั่งใดๆ
    แม้แต่ครั้งเดียวที่เกี่ยวข้องกับการเมืองของประเทศ
    หากจะมีครั้งใดที่ทรงรู้สึกว่าอาจจะก้าวล้ำขอบเขต
    พระองค์ท่านก็ทรงยับยั้งไว้ในกรอบวินัยที่ทรงตั้งไว้ จะรับสั่งกับผมว่า
    "นี่เป็นเรื่องที่นายกฯ มาขอความเห็นนะ"

    ฉะนั้น เมื่อผมเขียนสุนทรพจน์ครั้งนี้ ผมได้ชี้ให้เห็นชัดว่าไม่ใช่
    "ปรึกษานายกรัฐมนตรี" แต่ "ขอเข้าเฝ้าฯ ปรึกษา"
    ถ้าไม่ใช่เป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีนำขึ้น
    พระองค์จะไม่พระราชทานคำปรึกษาใดๆ เลย
    หากจะทรงมีความเห็นก็จะให้เฉพาะเรื่องที่ทูลถามเท่านั้น
    มีบางคนที่ไม่ได้มาจากประเทศที่มีกษัตริย์
    หรือมาจากประเทศที่กษัตริย์ลดบทบาทลงตามกระแสความคิดของส่วนนั้นๆ ของโลก
    แต่สำหรับประเทศไทย สถาบันกษัตริย์เป็นแบบกลางๆ
    ยังคงรักษาพระราชพิธีและพระราชประเพณี ยังคงมีพิธีกรรมและพิธีการ
    แต่กระนั้น กษัตริย์และพระราชวงศ์จะใกล้ชิดประชาชนกว่ากษัตริย์ในประเทศอื่นๆ
    แม้ว่าในบางประเทศกษัตริย์และราชวงศ์จะปฏิบัติองค์ดั่งสามัญชน
    เช่นขี่จักรยาน หรือไปซื้อของตามห้างร้านเหมือนคนทั่วไปก็ตาม
    ในหลวงของเรารู้จักชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรของพระองค์เป็นอย่างดี
    ทรงเข้าใจความคิดจิตใจของคนธรรมดาสามัญ
    จนมีคำติติงว่าทรงให้เวลากับชาวไร่ ชาวนา คนยาก คนจน
    มากกว่าให้เวลากับชาวเมือง
    ในหลวงทรงเชื่อว่าประเทศไทยไม่ใช่เพียงผู้คนในกรุงเทพฯ
    ประเทศไทยคือดินแดนในชนบท

    ถ้าคุณได้เรียนรู้พระราชประวัติ และพระราชกรณียกิจต่างๆ ตลอดระยะ 60
    ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่าพระองค์ทรงมุ่งเป้าไปที่ชนบทและชาวบ้าน
    ผู้ยากไร้ขัดสน พระองค์เป็นกษัตริย์พระองค์เดียวที่อาจจรรโลงเกียรติแห่งสถาบันนี้ไว้ได้
    แต่ก็ยังแนบสนิทกับราษฎรยิ่งกว่ากษัตริย์พระองค์ใดในโลก


    จอห์น ฮาร์เกอร์ - สมาชิก FCCT มาหลายทศวรรษ (นักข่าวอิสระ) :
    ผมอยากถามความเห็นของคุณในการรายงานข่าวของผู้สื่อข่าวต่างประเทศเรื่องการปฏิว­ัติเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว

    นายอานันท์ :
    ความจริงผมคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีโอกาสได้เห็นว่านักสังเกตการณ์ชาวตะวันตกเริ่มจะ­คิดเรื่องประชาธิปไตยทำนองเดียวกับคุณทักษิณ (เสียงหัวเราะและปรบมือ) ผมเป็นนักศึกษาในประเทศอังกฤษ 7 ปี
    อยู่ในประเทศอเมริกา 12 ปี และเดินทางไปทั่วโลกในระยะเวลา 50 ปี
    ผมมักถูกกล่าวว่าเป็นคนไทยนิสัยฝรั่ง อย่างไรก็ตาม
    ผมไม่เคยคิดว่าคนตะวันตกจะคิดแบบง่ายๆ ขนาดที่คิดว่าสามารถจะยัดเยียดประชาธิปไตยให้กับอิรักได้
    ต้องการเปลี่ยนทั้งโลกให้เป็นประชาธิปไตยด้วยการปลูกฝังกระบวนการ
    ผมคิดไม่ถึงเลยว่าคนตะวันตกบางคนจะถือเอาว่าการเลือกตั้งคือประชาธิปไตย

    ในที่นี้บางคนอาจได้อ่านบทสัมภาษณ์ของผมที่ลงพิมพ์ในบางกอกโพสต์
    เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว เราสนใจเพียงรูปแบบ มีรัฐธรรมนูญ มีการเลือกตั้ง
    มีฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ เท่านั้นหรือ เราไม่รู้
    หรือลืมไปแล้วว่าประชาธิปไตยนั้น เป็นเรื่องของสังคมเปิด
    เรื่องหลักนิติธรรม เรื่องความโปร่งใส เรื่องเสรีภาพของสื่อมวลชน
    เรื่องภาระความรับผิดชอบ
    เรื่องการมีส่วนร่วมเรื่องความเป็นอิสระของฝ่ายตุลาการ
    เรื่องการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน เรื่องการถ่วงดุลอำนาจ
    ผมรู้สึกงงงวยอย่างมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วโลกในช่วงไม่กี่ปีมานี่
    เราพากันหลงทางจนขนาดไม่รู้ว่าเรามาจากไหน เราเป็นใคร
    และเรากำลังจะไปไหนแล้วหรือ เราลืมค่านิยมต่างๆ ของเราแล้วหรืออย่างไร
    เราเบาปัญญาขนาดนั้นเทียวหรือ
    ผมไม่กังวลหรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศไทยในอนาคต
    ที่ผมกังวลอย่างยิ่งก็คือ โลกของเราจะเป็นอย่างไร
    นี่เป็นคำถามที่สาหัสสากรรจ์ที่คุณต้องถามตัวเอง
    เรากำลังจะก้าวไปในทิศทางใด เราลืมหลักการพื้นฐานไปเสียแล้วหรือ
    เราลืมหลักศีลธรรมไปเสียแล้วหรือ

    ดอมินิก โฟลเดอร์ แห่งเอเชีย อิงก์ : ในคำนำของเดนิส (เกรย์)
    ในหนังสือเล่มนี้ มีข้อสังเกตว่าพระเจ้าอยู่หัวได้การโฆษณาประชาสัมพันธ์มากมายชนิดที่หลายต่อหลา­ยคนได้แต่ฝัน
    และหากคุณพิจาณาจากช่วงเวลา 60 ปีมานี่
    คุณลงความเห็นได้ไหมว่าสถาบันกษัตริย์ในประเทศไทย
    ในกาลข้างหน้าจะอยู่ในสภาพมั่นคงดีต่อไปเช่นที่พระองค์ท่านได้ดำเนินการไว้


    นายอานันท์ :
    ผมพูดอยู่เสมอว่าสถานภาพของพระเจ้าอยู่หัวของเราที่สูงขึ้นถึงระดับนี้หลังจากค­รองราชย์มา
    60 ปี เป็นผลมาจากบารมีที่พระองค์ทรงสร้างมา มิได้เป็นเรื่องการสืบทอด
    เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์ในวัยเพียง 17-18 พระชันษา
    ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าพระองค์จะเป็นประมุขของชาติแบบใด
    แต่ผมคิดว่าด้วยพระปรีชาสามารถ พระวิริยอุตสาหะ และมุ่งมั่น
    พระองค์ทรงได้จำเริญขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ดี
    เมื่อกล่าวถึงพระเจ้าอยู่หัวของเรา
    พระองค์ท่านไม่เพียงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่
    แต่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ดีด้วย ผมขอชี้ว่ามีความแตกต่าง
    เพราะผู้ใดผู้หนึ่งอาจเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่
    ทั้งที่มีข้อบกพร่องและข้อเสียหลายประการ
    แต่ถ้าหากเราพูดว่าผู้นั้นเป็นคนดีสำหรับผมมีความหมายมากกว่า ฉะนั้น
    เมื่อเรากล่าวถึงพระองค์ท่านว่าทรงเป็นกษัตริย์ที่ดี
    จึงมีความหมายลึกซึ้งกว่าที่กล่าวว่าพระองค์ท่านเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่
    การจะเป็นพระมหากษัตริย์ที่ดี เป็นคนดี
    เป็นเรื่องที่จะต้องได้มาด้วยอุตสาหะของตนเอง
    ไม่ใช่สืบทอดมาแต่อย่างไรก็ตาม
    สถาบันพระมหากษัตริย์นั้นซึมลึกอยู่ในประเทศไทยและความเป็นไทย
    ผมมั่นใจว่าสถาบันนี้จะยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์และดำเนินต่อไป

    มาถึงประเด็นที่ว่าผู้ใดจะเข้ามาแทนที่
    และผู้นั้นจะพยายามทำได้ดีเท่าองค์ปัจจุบันไหม
    ผมว่าไม่ค่อยยุติธรรมนักที่จะคาดหวังว่าผู้สืบทอดตำแหน่งนี้
    จะสามารถเดินตามรอยเท้าของบุคคลที่ยิ่งใหญ่ได้
    ถ้าหากคุณดูผู้นำระดับโลกที่มีบุตรชายและหญิงเดินตามรอยเท้าพ่อ อย่างเช่น
    เชิตชิลล์ ผมว่ามันไม่ยุติธรรมที่จะคาดหวังว่าบุตรธิดาเหล่านั้นจะประสบความสำเร็จอย่างพ่­อ
    กระนั้นก็ตาม ผู้ที่สืบทอดราชบัลลังก์คงจะพยายามจนสุดความสามารถที่จะทำให้ได้เทียมเท่าในหลว­งพระองค์นี้
    จะสำเร็จหรือไม่เพียงใดนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
    คำถามคือว่าผู้นั้นจะพยายามทำหรือไม่ และจะสำเร็จแค่ไหน
    ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่อาจคาดเดาได้
    และถึงแม้ว่าผู้นั้นจะพยายามแล้วแต่ไม่สำเร็จ
    เขาผู้นั้นก็ยังคงเป็นพระเจ้าแผ่นดินได้
    เป็นประมุขของสถาบันซึ่งจะคงอยู่ถาวรในประเทศไทย
    ประชาชนจะยังคงรับได้ว่าเรามีพระเจ้าแผ่นดินที่ทรงสง่าราศี
    แม้จะมีข้อจำกัดบางประการ
    เราก็ยังคงเคารพนับถือว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินของเรา

    นี่แหละที่ผมเห็นว่าเป็นการขัดแย้งในตัวเองของผู้สื่อข่าวและผู้สังเกตการณ์ต่า­งประเทศ
    ทางหนึ่งพวกคุณตำหนิพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้ว่า "แทรกแซง"
    อีกทางหนึ่งคุณก็คล้อยตามคนไทย
    และอาจจะไม่รู้ตัวว่ายังต้องการพึ่งพระราชอำนาจของพระองค์อยู่
    พวกคุณไม่อาจจะเอาแต่ประโยชน์โดยไม่ยอมเสียอะไรเลย
    ถ้าหากคุณไม่ต้องการให้พระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้ "แทรกแซง"
    การที่พระเจ้าอยู่หัวองค์ต่อไปไม่ทรง "แทรกแซง" จะไม่ถูกต้องได้อย่างไร
    ผมไม่แน่ใจว่าคำชี้แจงของผมชัดเจนหรือไม่ ที่ผมจะอธิบายก็คือ
    พระบารมีของพระมหากษัตริย์เป็นสิ่งที่สร้างสมมาด้วยพระองค์เอง
    เป็นสิ่งที่สืบทอดกันไม่ได้
    ผู้ที่สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระองค์อาจจะพยายามสร้าง
    แต่จะสำเร็จหรือไม่ก็ได้ ถ้าหากไม่สำเร็จก็ไม่มีเหตุผลที่เราจะไม่พอใจ
    ผู้นั้นยังคงอยู่เป็นพระเจ้าแผ่นดิน เป็นสัญลักษณ์ของสถาบัน

    แต่พวกคุณไม่อาจจะกล่าวว่าเราคนไทยหวังพึ่งพระเจ้าแผ่นดินพระองค์นี้อย่างมาก
    จนจะเกิดสุญญากาศหากขาดพระองค์ท่านไป
    คุณตัดสินใจเองก็แล้วกันว่าต้องการพระเจ้าอยู่หัวที่มีบทบาทหรือนิ่งเฉย
    คุณเองก็ตกอยู่ในกับดักเช่นเดียวกันกับคนไทยทั้งหลาย
    คุณเองก็เริ่มที่จะจู้จี้ช่างเลือก ผมเคารพในสถาบันกษัตริย์
    แต่ความเคารพหลักของผมคืออะไร ความเคารพหลักของผมคือสถาบัน
    และถ้าเรามีพระมหากษัตริย์ผู้ทรงบารมีเช่นนี้ถือว่าเป็นรางวัลพิเศษ


    เดนิส เกรย์ แห่งสำนักข่าวเอพี :
    คุณคงทราบว่าคนไทยเกือบทุกคนและฝรั่งที่อยู่ในประเทศนี้
    มักแสดงความวิตกกังวลว่า หากประเทศไทยไม่มีในหลวงก็จะมีแต่ความวุ่นวาย
    มีปัญหา บางคนก็ว่าอาจถึงขั้นจลาจล


    นายอานันท์ :
    ก็เป็นฝรั่งพวกเดียวกันนี่แหละที่พร่ำบ่นว่าพระเจ้าอยู่หัวทรง "แทรกแซง"
    ในเรื่องนั้น เรื่องนี้ แต่เมื่อไม่มีพระองค์ท่านแล้วก็จะพร่ำหา
    เลือกเอาก็แล้วกันว่าต้องการอะไรกันแน่ แต่สำหรับตัวผมนั้นบอกได้เลยว่า
    อะไรก็ตามที่พวกคุณกล่าวหา ล้วนไม่เป็นความจริง
    พระองค์ท่านไม่เคยแทรกแซงในเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น
    พระองค์ท่านไม่มีวาระซ่อนเร้น

    เดนิส เกรย์ แห่งสำนักข่าวเอพี :
    ม่เว้นแต่ละวันที่ผมและเพื่อนๆ นักข่าว
    บางทีคุณ หรือคนไทยบางคนจะพูดกันว่า แย่มากเลยนะถ้าประเทศไทยไม่มีในหลวง
    เพราะประเทศจะวุ่นวายโกลาหล จริงไหมครับ

    นายอานันท์ : คุณต้องเข้าใจนะ ผมก็เป็นคนส่วนน้อย
    ผมเบื่อพวกนักข่าวต่างประเทศเสียจริงๆ (เสียงหัวเราะ เสียงปรบมือ)
    แต่ผมก็เบื่อพวกคนไทยมากกว่า
    ผมพูดที่โต๊ะอาหารว่าครั้งหนึ่งพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสว่า
    จะครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยาม ตลอดเวลา 15
    ปีที่ผ่านมา ผมได้พยายามที่จะชี้ให้เห็นความแตกต่างระหว่าง "ประโยชน์"
    ซึ่งหมายถึงผลประโยชน์ทางวัตถุ และ "ความสุข"
    ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณพอใจหรือไม่

    ถ้าคุณวัดจีดีพีของประเทศ
    ผลที่ได้จะไม่สะท้อนพัฒนาการของประชาชนอย่างแท้จริงเลย
    คุณต้องดูดัชนีวัดความสุขของประชาชน แบบที่ทำกันที่ภูฏาน
    ผมเคยเชื่อเสมอมาจนกระทั่ง 2-3 ปีที่แล้ว
    ถ้าคุณวัดประเทศไทยตามดัชนีวัดความสุขมวลชนของประเทศ
    คุณก็จะพบว่าแทนที่จะอยู่ในลำดับที่ 65 ตามจีดีพี
    เราก็จะขึ้นไปอยู่ประมาณลำดับที่ 25 หรืออาจจะถึง 20 ก็ได้

    แต่ผมต้องยอมรับว่าผมเลิกความคิดนี้แล้ว เพราะผมไม่สามารถเข้าใจคนไทยได้
    (เสียงหัวเราะ) จะด้วยเหตุใดก็ตาม คนไทยไม่เพียงแต่จะมองสิ่งต่างๆ
    ไปในแง่ร้ายเท่านั้น แต่ยังชอบลงแส้ทรมานตนอีกด้วย
    เรามีการลงประชามติเรื่องรัฐธรรมนูญ ทันทีที่ผลออกมา
    คนพวกนี้ก็เป็นกังวลว่าผลออกมาไม่ดี
    เพราะเสียงส่วนใหญ่ที่เห็นชอบนั้นมีเพียง 57% เสียงที่ไม่เห็นชอบประมาณ
    41% คะแนนเสียงต่างกัน 15%
    และถ้าดูจำนวนเสียงทั้งหมดจะเห็นว่าเป็นความแตกต่างระหว่างเกือบ 15
    ล้านเสียง กับ 11 ล้านเสียง ซึ่งก็คือส่วนต่าง 15% ของผู้ที่ออกไปลงเสียง
    4 ล้านเสียง ถ้าคุณอ่านหนังสือพิมพ์ไทย อ่านบทความ
    ฟังรายการวิพากษ์วิจารณ์ข่าว ล้วนแสดงความคิดเห็นว่าเสียงต่างกันน้อยมาก
    ซึ่งผมไม่เข้าใจเลยจริงๆ
    อีกประการหนึ่งทันทีที่ผลการลงประชามติออกมาส่วนใหญ่รับร่างรัฐธรรมนูญ
    ก็มีการพูดถึงรัฐประหารครั้งต่อไป (เสียงหัวเราะ) ผมถามว่าพลาดตรงไหน
    มันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถจะอธิบายได้
    เป็นเรื่องไร้ตรรกะและเหตุผลโดยสิ้นเชิง
    ผมให้คำตอบเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ผมโทษคุณทักษิณ
    (เสียงหัวเราะและเสียงปรบมือ)


    จอห์น แอลลัน เรย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น :
    คุณอานันท์ได้ชี้แจงและพูดถึงสถาบันกษัตริย์ และพระราชอำนาจของกษัตริย์
    ผมสังเกตว่าตลอดเวลาคุณอานันท์ใช้สรรพนามเพศชายในภาษาอังกฤษ
    เป็นไปได้ไหมในอนาคตที่ยาวนานจะมีการใช้สรรพนามเพศหญิง


    นายอานันท์ :
    ผมไม่เห็นมีอุปสรรคใดๆ ในอนาคต
    ผมไม่ทราบว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันระบุไว้ว่าอย่างไร
    ผมชื่อว่าเป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่แล้ว
    ผมไม่คิดว่าคนไทยจะเห็นเป็นเรื่องขบคิดกันมาก ไม่เหมือนชาวญี่ปุ่น
    ซึ่งในเรื่องนี้ถึงกับมีสงครามกลางเมือง
    ดูกรณีที่เจ้าชายชาวญี่ปุ่นองค์หนึ่งโทษนิสัยโปรดปรานการดื่มน้ำเมาของพระองค์ว­่าเกิดจากประเด็นที่ว่าสตรีอาจจะขึ้นครองบัลลังก์ได้
    เราไม่เคร่งครัดถึงปานนั้น
    ประการหนึ่งคนไทยไม่เอาจริงเอาจังกับเรื่องอย่างนั้น
    ใครที่มาเมืองไทยและเอาจริงเอาจังกับคนไทยแล้วค่อนข้างจะอันตรายกับตนเองสักหน่­อยนะ
    (เสียงหัวเราะและปรบมือ)

    บทส่งท้าย

    นายอานันท์ : เรื่องหนึ่งซึ่งผมไม่ค่อยสบายใจนักคือ
    มีการกล่าวถึงพระเจ้าอยู่หัวว่าไม่เคยเห็นแย้มพระสรวล
    ผมคิดว่าเป็นข้อจำกัดอันเนื่องมาจากธรรมเนียมประเพณีและความเคารพในพระองค์ท่าน
    มีบุคคลไม่กี่คน
    บทความหรือบทสัมภาษณ์ไม่กี่ชิ้นที่สามารถถ่ายทอดให้คนทั่วไปได้เห็นด้านที่ผ่อน­คลายของพระองค์
    ผมจะเล่าเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ให้ฟังสัก 2-3 เรื่อง
    ปกติแล้วผมจะไม่เปิดเผยเรื่องที่พระเจ้าอยู่หัวรับสั่งกับผมในฐานะนายกรัฐมนตรี
    แต่ผมว่าสมควรในกรณีนี้เพื่อที่เราจะได้รู้จักพระองค์ท่านดีขึ้นในฐานะมนุษย์ธร­รมดา

    เรื่องแรกนั้นเกิดขึ้นเมื่อผมทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญฉบับ
    2540 มีบางเรื่องซึ่งผมคิดว่าพระเจ้าอยู่หัวจะสนพระทัย
    เมื่อฉบับร่างเสร็จสมบูรณ์แล้ว ผมได้ขอเข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายรายงาน
    และยก 3-4 ประเด็นที่คิดว่าจะสนพระทัย แต่พระองค์ท่านไม่ได้สนพระทัยนัก
    แน่นอนพระองค์สนพระทัยประเด็นที่ว่าจะตราพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติหรือไม­่
    นอกเหนือจากนั้นก็ไม่ค่อยสนพระทัยเรื่องที่ผมรายงานสักเท่าใด
    ตอนสุดท้ายพระองค์รับสั่งว่า "คุณอานันท์
    มันแปลกดีนะที่ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้
    กำหนดไว้ว่าพระมหากษัตริย์จะต้องเป็นพุทธมามกะ ต้องเป็นอัครศาสนูปถัมภก
    ต้องเป็นนั่น ต้องเป็นนี่
    แต่ไม่มีตรงไหนในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ระบุว่าพระมหากษัตริย์ต้องเป็นคนไทย" (เสียงหัวเราะและปรบมือ)
    ผมขอท้าพวกคุณว่าในบรรดาคนไทย 62 ล้านคน
    มีใครไหมที่ปราดเปรื่องคิดถึงรายละเอียดด้านเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้

    อีกเรื่องหนึ่งเมื่อผมเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวาระที่ 2
    โดยอุบัติเหตุอีกนั่นแหละ (เสียงหัวเราะ) ในการเข้าเฝ้าฯ ครั้งแรก
    ผมถวายคำนับแล้วลงกราบพระบาท พอผมยืนขึ้น ทรงรับสั่งว่า "Shane, come
    back" (เสียงหัวเราะ)
    พวกคุณที่อายุไม่มากนักอาจจะไม่รู้เรื่องเชนว่าเป็นมาอย่างไร
    เชนเป็นภาพยนตร์ที่พวกเราได้ชมกันเมื่อ 40 หรือ 50 ปีก่อน
    เชนเป็นคนเที่ยงธรรม เป็นนายอำเภอของเมืองเมืองหนึ่งที่มีปัญหาหนักมาก
    เขาทำให้เมืองสงบเรียบร้อย กวาดล้างมือปืนวายร้าย
    แล้วก็วางอาวุธปลดเกษียณตัวเองไปอยู่ในชนบท
    แต่ความวุ่นวายก็เกิดขึ้นในเมืองนั้นอีก เราเลยพูดกันติดปากว่า "Shane,
    come back" (เสียงหัวเราะและปรบมือ)


    ที่มา : บทสัมภาษณ์ ฯพณฯ อานันท์ ปันยารชุน
    "พระมหากษัตริย์ที่ดีและยิ่งใหญ่" จากหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
    ฉบับวันจันทร์ที่ 24 กันยายน 2550

    หมายเหตุ : คำถาม-คำตอบ ฯลฯ อานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี
    หลังการกล่าวแนะนำหนังสือเรื่อง The King of Thailand in World Focus
    กับผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ที่โรงแรมโอเรียนเต็ล

    Like jaowow ถูกใจ ข้อความนี้ ที่สุด

  2. #2
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    19
    Warning Points:
    0/5
    ฝากเพิ่มเติมด้วยนะคะ...


    ทรงพระเจริญ

  3. #3
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    77
    Warning Points:
    0/5
    ไม่ว่ากี่ครั้ง ก็ปลื้มปรีติ อิ่มเอมใจ ทุกๆ ครั้งที่ได้รับรู้เรื่องของพระองค์

    ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

    ขอบคุณมากๆ นะคะ สำหรับสิ่งดีๆ ก่อนนอนคืนนี้

  4. #4
    Lookyeeja's Avatar
    Lookyeeja is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,141
    Warning Points:
    0/5
    ขอบคุณนะคะ
    "รักพ่อค่ะ"
    ขอบคุณ SBN สำหรับความเอื้อเฟื้อที่แสนดีนะจ๊ะ

  5. #5
    greenpark's Avatar
    greenpark is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    98
    Warning Points:
    0/5


    รักพ่อมากค่ะ

  6. #6
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    19
    Warning Points:
    0/5
    พ่อยิ่งใหญ่เหมือนภูเขา...เราจะตาม
    [SIGPIC][/SIGPIC]

  7. #7
    gookgai is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    0
    Warning Points:
    0/5
    ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

    รักพ่อมากค่ะ

  8. #8
    cutiezee is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,040
    Warning Points:
    0/5
    คุณอานันท์ตอบนักข่าวได้ดีมากเลย ขอขอบคุณจขกท.มากนะค่ะที่นำมาให้อ่าน
    ถ้าไม่ได้อ่านกระทู้นี้ ตอนนี้ก็คงไม่กระจ่าง
    ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

  9. #9
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    24
    Warning Points:
    0/5
    รักพ่อหลวง ขอให้พระองค์ทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแร็ง
    อยู่เป็นมิ่งขวัญของพวกเราไปอีกนานแสนนาน

    ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ที่นำมาแชร์กันนะคะ
    คุณอานันท์ ก็เป็นบุคคลทีเราชื่นชอบอยู่แล้ว ท่่านน่ารักมากค่ะ

  10. #10
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    20
    Warning Points:
    0/5
    ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
    "รัก"พ่อ คะ

Page 1 of 3 1 2 3 LastLast

Comments from Facebook

Similar Threads

  1. Replies: 1
    Last Post: 05-19-2021, 02:42 PM
  2. Replies: 1
    Last Post: 05-05-2021, 01:58 PM
  3. Replies: 1
    Last Post: 05-03-2021, 01:32 PM
  4. Replies: 1
    Last Post: 03-29-2021, 04:38 PM
  5. Replies: 1
    Last Post: 03-28-2021, 10:35 PM

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •