ขอบคุณข่าวจาก www.soccersuck.com/ss
Quote Originally Posted by Zaine_R
แมลงสาบกู้ชีพ!สิงห์สะดุดเจ๊าหม้อ 1-1

แม้ว่าดิดิเย่ร์ ดร็อกบาจะกลับมาทำประตูให้กับเชลซีด้วยการเป็นคนยิงตีเสมอสโต๊ค 1-1 แต่นั่นก็ไม่เพียงพอให้ทีมคว้าชัยชนะสำคัญที่ต้องการได้ จบลงแบ่งกันไปทีมละแต้ม ทำให้โอกาสที่จะกลับไปลุ้นแชมป์ดูเลือนลางมากขึ้นไปอีก

พรีเมียร์ ลีก

วันเสาร์ที่ 2 มีนาคม 2554


สโต๊ค ซิตี้ 1 : 1 เชลซี

ประตู :
1-0 จอน วอลเตอร์ส น.8,1-1 ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา น.33

เชลซ๊เจอบททดสอบสำคัญอีกหนึงเกมเมื่อต้องเดินทางมาเยือนรังของสโต๊ค ซิตี้ที่เล่นได้อย่างดุดัน แข็งแกร่งและหนักหน่วง ซึ่งแน่นอนว่าลูกทีมของอันเชล็อตติต้องการ 3 แต้มเน้นๆ

เกมนี้อันเชล็อตติวางดร็อกบาและอเนลก้าลงล่าตาข่าย ดร็อปตอร์เรสที่ยังคงทำประตูให้ทีมไม่ได้เสียทีเป็นตัวสำรองไปก่อน

ครึ่งแรก

สุดตีน!วอลเตอร์สลากไปยิง
เริ่มเกมมาได้แค่ 8 นาทีเท่านั้นสโต๊คก็มาได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจากความยอดเยี่ยมของวอลเตอร์สที่แตะบอลได้ก่อนลูอิซ ก่อนที่จะกระชากขึ้นทางซ้าย จี้เข้าหากรอบเขตโทษล็อคหลอกเอสเซียงแล้วอัดเต็มเหนี่ยวผ่านเช็กเข้าไปตุงตาข่ายสะบัด สโต๊คนำแล้ว 1-0

เกือบได้คืนเร็วแล้ว
อีกเพียงแค่ 1 นาทีต่อมา เชลซีก็เกือบจะได้ประตูตีเสมอแบบทันควัน จากจังหวะที่ยกบอลข้ามกองหลังแล้วโคลทะลุกับดักล้ำหน้าไปพุ่งตัวโหม่งเล่นทาง แต่เบโกวิชยังเหนียวดีดตัวปัดเอาไว้ได้

สิงห์ติดๆขัดๆ
เข้าสู่ช่วง 15 นาทีแรก เกมของเชลซีดูเหมือนว่าจะติดขัดทำอะไรไม่ค่อยสะดวกอยู่มากพอสมควร ทั้งการเซ็ตเกมกันตรงกลางและพื้นที่สุดท้าย กลายเป็นสโต๊คที่สวนแต่ละทีได้เสียวตลอด

ซี๊ด!อเนลก้าไม่พร้อมซ้ำ
นาทีที่ 21 แฟนเชลซีเป่าปากซี๊ดกันหมดเพราะเสียดาย จากจังหวะที่แลมพาร์ดยิงยัดจากนอกกรอบเขตโทษบอลพุ่งแหวกกองหลังแถมยังส่ายนิดๆ ทำให้เบโกวิชที่ตั้งใจจะรับให้จังมือก็ทำบอลทะลัก แต่อเนลก้าที่อยู่ตรงนั้นไม่พร้อ มทำให้ถูกสกัดออกมาได้ก่อน

ตอนนี้เกมของเชลซีดีขึ้นกว่าในช่วงต้นเกมมากแล้ว แต่ความเหนียวแน่นในแนวรับของสโต๊คก็ยังคงยันเอาไว้ได้อยู่

โจนส์ดวลลูอิซมันส์
เชื่อว่าทั้งเกมเราๆท่านๆคงจะได้เห็นภาพที่โจนส์กับลูอิซเบียดแย่งชิงจังหวะใช้ความแข็งแกร่งของร่างกายและจังหวะที่พอเหมาะเพื่อเอาชนะฝ่ายตรงข้ามให้ได้ ซึ่งดูไปแล้วคู่นี้ก็สมน้ำสมเนื้อกันดี

มันมาแล้ว!แมลงสาบบินโขกตุง
นาทีที่ 33 การประสานงานของอเนลก้าและดร็อกบาส่งผลให้ทีมได้ประตูจนได้ จากจังหวะที่อเนลก้ายึกยักก่อนเหลือบเห็นดร็อกบาที่เสาไกลรีบตักบอลเข้าไปให้ดร็อกบาวิ่งเบียดกองหลังไปพุ่งตัวโหม่งสะบัดบอลเสียบตาข่ายเข้าไปอย่างสวยงาม เชลซีตีเสมอเป็น 1-1

งานนี้ตากล้องไม่พลาดรีบจับภาพไปยังตอร์เรสที่นั่งอยู่บนม้านั่งสำรองทันที อันนี้ก็แล้วแต่ใครจะคิดอย่างไร ก็ว่ากันไป ฮา

โจนส์ทำได้ดี
เกมนี้รู้สึกว่าโจนส์จะค่อนข้างสร้างปัญหาให้กับทางแนวรับของเชลซีได้มากพอสมควร เพราะพี่แกทั้งแข็งแกร่งแล้วยังเสียบอลยากด้วย ตะลุยเข้าไปแต่ละทีต้องมีซ้อนตลอด ไม่งั้นอาจจะเสียวได้

รามิเรสทำอะไรเนี่ย
นาทีที่ 41 รามิเรสพลาดโอกาสที่จะลุ้นยิงเองหรือจ่ายถวายพานให้เพื่อนไปอย่างน่าเสียดาย จากจังหวะที่ดร็อกบาตักบอลเข้ากรอบเขตโทษให้กับเขาซึ่งไม่ล้ำหน้า มีเวลาเอาบอลลงค่อนข้างเยอะ แต่ดันจับบอลไม่ดีเด้งออกหลังไปซะอย่างนั้น

จบครึ่งแรกที่ถือว่าเล่นกันได้สนุกไปด้วยสกอร์สมานฉันท์ 1-1

ครึ่งหลัง

เกมชักจะดุเดือด
ลงมาในช่วงครึ่งหลังดูเหมือนว่าชักจะเดือดขึ้นมาหน่อยๆแล้ว เพราะว่ามีการปะทะใส่กันหลายครั้ง แถมโบซิงวายังไปเสียบหนักใส่เอ็ทเธอริงตันอีกด้วย จึงโดนใบเหลืองไปตามระเบียบ

สิงห์จัดหนักส่งตอร์เรส,กาลูลง
นาทีที่ 61 เชลซีไม่รีรออะไรให้เสียเวลาจัดการส่งตอร์เรสและกาลูลงไปเสริมเกมรุกให้กับทีม โดยเปลี่ยนเอาอเนลก้าและรามิเรสออกไป ก็ต้องมาลุ้นกันว่าตอร์เรสจะสามารถเปิดซิงให้กับตัวเขาเองได้หรือไม่

หม้อเกือบได้อีกเม็ด
นาทีที่ 66 สโต๊คเกือบไปแล้วที่จะได้ประตูขึ้นนำไปอีกครั้งหนึง จากจังหวะฟรีคิกที่วิลสันให้เพื่อนแตะเปลี่ยนจุดแล้ววิ่งมาอัดเต็มข้อ บอลพุ่งแหวกกองหลังเป้นช่องผ่านมือของเช็กที่รับยังไงก็ไม่ทันแล้ว แต่อัดคานเข้าอย่างจัง น่าเสียดายแท้

เช็กเซฟโคตร!
จังหวะต่อเนื่องกันเลยที่สโต๊คได้ลูกเตะมุมก่อนที่จะโยนปั่นเข้ากลางเป็นฮูธที่เทคตัวได้สูงกว่าใครเพื่อนโหม่งบอลเต็มๆหัว แต่เจอเช็กดีดตัวปัดเอาไว้ได้นิดหนึงก่อนที่บอลจะชนคานแล้วถูกเคลียร์ออกไป

เช็กไม่หลอนเซฟได้ดี
นาทีที่ 73 เช็กยังคงมีสมาธิและสติแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย จากจังหวะที่สโต๊คโยนบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษเป็นเอ็ทเธอริงตันโหม่งสวนกลับเข้าไปหน้าประตูแล้วมีวอลเตอร์สยืนล้ำหน้าอยู่ยึกหลอกว่าจะเล่นแต่ไม่เล่นแล้วปล่อยก่ะให้เข้า แต่เช็กยังล้มตัวเซฟเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม

สิงห์ชักจะยังไง
ไปๆมาๆกลายเป็นว่าเชลซีตื๊อไปเสียสนิทไม่สามารถทำเกมขึ้นไปลุยได้ แถมยังโดนสโต๊คเล่นจังหวะสวนกลับได้ออกรสออกชาติอีกต่างหาก อีแบบนี้ถ้าไม่รีบเร่งเครื่องตัวเองขึ้นมาคงจะยากแน่

แมลงสาบยิงสนั่นคาน
นาทีที่ 80 ดร็อกบาโชว์เทคนิคการทำประตูได้อย่างยอดเยี่ยม จากจังหวะที่เขากลับตัวยิงในกรอบเขตโทษแบบเต็มข้อ แม้บอลจะผ่านมือของเบโกวิชไปแล้ว แต่ก็ชนคานเข้าอย่างจัง ถ้าลูกนี้เข้าจะเป็นอะไรที่สวยสุดๆ

สิงห์ไล่บี้บ้าง
ตอนนี้เชลซีเริ่มทำได้ดีมากขึ้นกว่าเดิมตอนนี้กลายเป็นฝ่ายบุกบี้ใส่ทางสโต๊คอย่างไม่หยุดยั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถยิงผ่านบล็อกหรือมือของเบโกวิชไปได้เลย

ฟูลเลอร์โขกเสียวมาก
ช่วงทดเวลานาทีแรก สโต๊คเกือบได้เฮลั่นกันทั้งสนามจากจังหวะที่โยนบอลเข้าไปในเขตโทษให้กับฟูลเลอร์ที่เสาสองโขกมุมแคบผ่านมือเช็กไปแล้ว แต่ก็ผ่านหน้าประตูไปเช่นเดียวกัน ทำให้ได้แค่ลุ้นเท่านั้น

จบ 90 นาทีสโต๊คสามารถยันเสมอกับเชลซีไปได้ 1-1 ทำให้ลูกทีมของอันเชล็อตติเก็บได้เพียงแต้มเดียวมีเพิ่มเป็น 55 คะแนนตามหลังแมนฯยูไนเต็ดจ่าฝูงอยู่ถึง 11 คะแนน

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

สโต๊ค ซิตี้ :
แอสเมียร์ เบโกวิช 5.5,ไรอัน ชวอครอสส์ 6,โรเบิร์ต ฮูธ 6.5,แดนนี่ ฮิกกิ้นบอธอม 5(คอลลินส์ - น.90),มาร์ค วิลสัน 6.5,รอรี่ ดีแล็ป 6,เกล็น วีแลน 6.5(ไวท์เฮด - น.85),แมทธิว เอ็ทเทอริงตัน 7,เจอร์เมน เพนแนนท์ 6(ฟูลเลอร์ - น.90),โจนาธาน วอลเตอร์ส 7.5,เคนวิน โจนส์ 6.5

เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก 8,จอห์น เทอร์รี่ 6,ดาวิด ลูอิซ 5.5,แอชลี่ย์ โคล 6,โจเซ่ โบซิงวา (อีวาโนวิช - น.80),แฟรงค์ แลมพาร์ด 6.5,มิคาเอล เอสเซียง 6,ฟลอร็องต์ มาลูด้า 5,รามิเรส 6(กาลู 5 น.61),นิโกลาส์ อเนลก้า 6(ตอร์เรส 5 น.61),ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา 7