นำข่าว "น้ำตาล" มาเพิ่มเติม จากที่ได้ลงกระทู้
อนาคต "ตาล" เมืองเพชร ... อนาคตน้ำตาลโตนดที่ดีที่สุดในประเทศไทย
นายกำธร กิตติโชติทรัพย์ ประธานสหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โมเดิร์นเทรดบิดเบือนกลไกตลาดน้ำตาลทรายของประเทศและทำลายระบบโชห่วยขณะนี้ เพราะนำน้ำตาลทรายถุงกิโลกรัมไปวางขายทั่วประเทศในราคาเท่ากันหมด โดยใช้น้ำตาลเป็นตัวดึงผู้บริโภคเข้าห้างต่ำกว่าราคาน้ำตาลทรายอ้างอิงที่ พาณิชย์กำหนดในต่างจังหวัดมาก ทั้งที่ข้อเท็จจริงวันนี้ ราคาน้ำตาลทรายที่ผ่านยี่ปั๊ว-ซาปั๊วไปนั้น ต้นทุนจะต้องสูงกว่าพาณิชย์ด้วยซ้ำ ทำให้คนเข้าไปซื้อในห้างแม้แต่ร้านโชห่วยเองก็ต้องเข้าไปซื้อ
"การที่พาณิชย์ไปตรวจห้างแล้วน้ำตาลขาดมันแน่นอนอยู่แล้ว แต่มันเป็นดัชนีชี้วัดว่าน้ำตาลพอหรือไม่พอไม่ได้ เพราะโมเดิร์นเทรดบิดเบือนกลไกตลาดโดยสิ้นเชิง แล้วยังมีหน้ามาร้องขอน้ำตาลเพิ่ม มีเหตุผลหรือไม่ ถ้าอยากได้เพิ่มก็น่าจะไปบรรจุขายเอง" นายกำธรกล่าว
น้ำตาลวิกฤติส่อขาดแคลนและแพง อุตฯเพิ่มโควตาก.โยนพาณิชย์คุมราคา
ขอขอบคุณ ข่าวจากหน้าเวบ BIOTHAI เมื่อ 01 มี.ค. 2011
ก.อุตสาหกรรมพร้อมเพิ่มน้ำตาลโควตา ก.รับมือน้ำตาลขาดแคลน โยนเรื่องราคาแพงต้องถามพาณิชย์เพราะเป็นหน้าที่โดยตรง ฟากพาณิชย์แฉน้ำตาลถูกลักลอบไปขายเพื่อนบ้าน
นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึงกรณีที่มี กระแสข่าวว่าน้ำตาลทรายในตลาดขาดแคลนและมีราคาแพง ว่ากระทรวงอุตสาหกรรมมีแผนรองรับไว้แล้วเพราะหากปริมาณน้ำตาลทรายเพื่อการ บริโภคภายในประเทศ (โควตา ก.) ไม่พอจริง ก็สามารถพิจารณาปรับเพิ่มน้ำตาลโควตา ก.จากปัจจุบันที่อยู่ 25 ล้านกระสอบได้ และขณะนี้พบว่ายังมีปริมาณน้ำตาลเหลือค้างกระดานที่รอการขึ้นงวดอยู่ 1.6 ล้านกระสอบ ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับปกติ
"ต้องเข้าใจว่ากระทรวงอุตสาหกรรมเป็นฝ่ายผลิต ซึ่งที่ผ่านมาก็ติดตาม ตลอด ซึ่งหากปริมาณน้ำตาลค้างกระดานเหลือต่ำกว่า 1 ล้านกระสอบเมื่อไหร่ ก็พร้อมพิจารณาเพิ่มโควตา ก.ให้ แต่ถ้าพิจารณาเพิ่มให้ตอนนี้ก็ไม่มีเหตุผลพอ หรือไม่ก็ตั้งจุดกระจายน้ำตาล ในต่างจังหวัดเปิดขายตรงให้กับหน่วยงานต่างๆ โดยให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายเป็นผู้ดำเนินการเหมือนที่ผ่านมา รวมทั้งพิจารณาใบอนุญาตขนย้ายให้เร็วขึ้น" นายชัยวุฒิกล่าว
นายชัยวุฒิกล่าวถึงกรณีที่มีการร้องเรียนว่า ราคาน้ำตาลทรายอยู่ระดับ 30-35 บาทต่อกิโลกรัม ว่าเป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ที่ต้องควบคุมเพราะอุตสาหกรรมมีหน้าที่ดูแล การผลิต ซึ่งหากเราไปเร่งเพิ่มโควตา ก.ให้ตอนนี้ก็เท่ากับว่าจะไปเข้าทางใคร ส่วนหากกระทรวงพาณิชย์จะขอโควตาน้ำตาลพิเศษเพิ่มอีกนั้นก็คงต้องหารือกันอีก ที เพราะตอนนี้น้ำตาลโควตาเดิมที่ให้ไปก็ยังไม่หมด
ด้านแหล่งข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ราคาน้ำตาลทรายในขณะนี้เป็นการเริ่มส่งสัญญาณว่าต้นทุนราคาน้ำตาลที่สะท้อน ต้นทุนอยู่ที่ 25-26 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนที่บอกว่าน้ำตาลราคา 30 บาทต่อกิโลกรัมนั้น อาจจะเป็นน้ำตาลชนิดพิเศษที่ไม่มีการควบคุมราคา และเชื่อว่าคงไม่มีใครกล้ากักตุนน้ำตาลทรายไว้ปริมาณมากๆ แน่ เพราะขณะนี้เริ่มมีการส่งสัญญาณแล้วว่าราคาน้ำตาลในอนาคตจะมีการปรับลด ลง
รายงานจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งอีกว่า สาเหตุที่น้ำตาลทรายขาดตลาดได้เกิดขึ้นมาเป็นปีแล้ว เพราะขณะนี้ราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกมีราคาสูงกว่าราคาขายปลีกในประเทศ ทำให้เกิดการลักลอบส่งออกโดยเฉพาะการนำไปขายในประเทศเพื่อนบ้าน ขณะเดียวกันโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้น้ำตาลทรายได้มาแย่งซื้อน้ำตาลทรายโควตา ก.เพราะต้นทุนถูกกว่า ก็ยิ่งทำให้น้ำตาลหายไปจากตลาด
นายฉัตรชัย ชูแก้ว ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ และโฆษกกระทรวงพาณิชย์ (ฝ่ายการเมือง) กล่าวว่า นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ได้กำชับให้แจ้งปัญหาน้ำตาลทรายขาดแคลนและราคาแพงไปยังกระทรวง อุตสาหกรรม เพื่อให้เร่งผลิตและกระจายน้ำตาลเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น ขณะที่กระทรวงพาณิชย์จะพยายามประสานนำน้ำตาลทรายไปจำหน่ายตามจุดขาดแคลน หรือมีราคาแพง เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน
นางสาวสุวรรณดี ไชยวรุตม์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ที.ซี.ฟาร์มมาซูติคอล อุตสาหกรรมจำกัด ผู้ผลิตชาขาวพร้อมดื่มภายใต้ชื่อ "เพียวริคุ" เปิดเผยว่า ภาพรวมต้นทุนวัตถุดิบในขณะนี้ยอมรับว่ายังมีการปรับราคาเพิ่มสูงขึ้นอย่าง ต่อเนื่องโดยเฉพาะราคาเม็ดพลาสติกและน้ำตาล ส่งผลให้บริษัทต้องมีการปรับแผนการดำเนินงานใหม่ด้วยการหันมาสั่งซื้อวัตถุ ดิบล่วงหน้า พร้อมกับผลิตสินค้าให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงของตลาดเพื่อลด ต้นทุนที่สูงขึ้น เนื่องจากบริษัทยังไม่มีแผนที่จะปรับราคาสินค้าขึ้นในขณะนี้ และคาดว่าจะยังคงตรึงราคาสินค้าไปจนถึงสิ้นปี เพราะเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา บริษัทได้มีการปรับราคาสินค้าขึ้นมาแล้วหนึ่งครั้ง
คุมเข้มน้ำตาล สกัดลักส่งออก หวั่นเติมวิกฤติ
ขอขอบคุณ ข่าวจากหน้าเวบ BIOTHAI เมื่อ 03 มี.ค. 2011
"เทือก" รับภาพแย่งซื้อน้ำมันปาล์ม รัฐบาลเสียหาย สั่ง "วิเชียร" กำชับทุก สน.สแกนเข้ม ผวา! "น้ำตาล-นม" ซ้ำเติมวิกฤติ หลังราคาตลาดโลกพุ่ง แต่ตลาดในประเทศราคาไม่ขยับ "ชัยวัฒน์" ยันไม่ขาดแคลนความหวานแน่ สั่งเพิ่มโควตาในโมเดิร์นเทรด ลุยสอบสต็อกโรงงานเมืองกาญจน์
ภาพการแย่งซื้อน้ำมันปาล์มในต่างจังหวัด รวมถึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีแนวโน้มปรับราคายังเป็นปัญหาที่หลายฝ่าย ให้ความกังวล เพราะมีผลกระทบในวงกว้าง โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มแห่งชาติยอมรับถึงภาพการแย่งซื้อน้ำมัน ว่า ไม่ดีต่อรัฐบาล และได้สั่งการไปแล้ว รวมถึงสั่งการไปที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้ทุกโรงพักทุกท้องที่ดูว่าถ้ามีใครเอาน้ำมันปาล์มไปขายต่อในราคาที่ แพงกว่าลิตร 47 บาท ให้จับกุมดำเนินคดีได้ทันที
นายสุเทพยังกล่าวถึง ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีราคาสูงขึ้นว่า เรื่องเหล่านี้ก็เป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์จะต้องไปดูแล โดยได้รับมอบหมายให้มาดูเฉพาะบางเรื่องที่เป็นวิกฤติเท่านั้น แต่รัฐบาลก็กังวลใจ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเองก็เป็นห่วงและติดตามเป็นพิเศษ ทั้งน้ำมัน น้ำตาลหรือไข่ไก่ ซึ่งก็พยายามดูว่าการขึ้นราคาสินค้า หากต้นทุนแพงขึ้นก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่หากฉวยโอกาสก็ต้องดำเนินการ โดยเฉพาะเรื่องน้ำตาล ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้ชี้แจงต่อนายกฯ แล้วว่ามีปัญหาเรื่องต้นทุน และจะไปแก้ไข ซึ่งสิ่งที่กังวลคือน้ำตาลรอบๆ ประเทศเรามีราคาสูงขึ้นหมดแล้ว ดังนั้นก็ต้องดูด้วย ไม่เช่นนั้นอาจมีคนนำน้ำตาลในประเทศไปขายต่างประเทศได้ ก็จะยุ่งอีก
นาง พรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า มีนโยบายให้กรมการค้าภายในดูแลการจำหน่ายน้ำมันปาล์มให้เป็นธรรม และขอเตือนผู้ค้าทุกช่วงการค้าให้จำหน่ายน้ำมันปาล์มในราคาที่กำหนด พร้อมปิดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน รวมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลไม่ให้ลักลอบนำน้ำมันปาล์มจุกสีชมพู ออกนอกราชอาณาจักร โดยหากประชาชนพบเห็นการจำหน่ายน้ำมันปาล์มเกินราคา กักตุนสินค้า ปฏิเสธการจำหน่าย หรือมีพฤติกรรมทำให้น้ำมันขาดตลาด แจ้งสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 ผู้แจ้งจะได้รับเงินสินบนนำจับ 25% ของค่าปรับที่ผู้กระทำความผิดได้ชำระต่อศาล
สำหรับปัญหาเรื่องน้ำตาล นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ได้ส่งหนังสือขอความร่วมมือไปยัง 4 โรงงานน้ำตาลทรายที่ผลิตน้ำตาลทรายบรรจุถุง 1 กิโลกรัม (กก.) จำหน่ายให้ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ (โมเดิร์นเทรด) ได้แก่ น้ำตาลมิตรผล ไทยรุ่งเรือง วังขนาย และคอนบุรี ในการเพิ่มปริมาณน้ำตาลจากปีที่แล้วที่ส่งมอบ 105 ล้านถุง เป็น 266 ล้านถุง (2.66 แสนตัน)
แหล่งข่าวจาก 3 สมาคมโรงงานน้ำตาล กล่าวว่า การบรรจุน้ำตาลทรายขายถุง กก.ขาดทุน เพราะค่าแพ็กเกจ และต้นทุนการบรรจุที่แพง แต่กระทรวงพาณิชย์กลับไม่ให้ปรับราคาขายเพิ่ม
นายธีระชัย แสนแก้ว นายกสมาคมชาวไร่อ้อยอีสานเหนือ กล่าวว่า ชาวไร่อ้อยไม่เห็นด้วยที่จะพิจารณาเพิ่มปริมาณน้ำตาลทรายบริโภคในประเทศ (โควตา ก.) จากที่ปีนี้กำหนดไว้ที่ 25 ล้านกระสอบ เพราะปริมาณน้ำตาลทรายที่กำหนดไว้เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง 3 ล้านกระสอบ ซึ่งถือว่าสูงอยู่แล้ว และขณะนี้น้ำตาลทรายยังเหลือที่จะขึ้นกระดานอีกถึง 20 ล้านกระสอบ หรือเฉลี่ยเดือนละ 2 ล้านกระสอบ หากขายไม่หมดก็จะกระทบราคาอ้อย และหากเพิ่มโควตา ก. ไปอีก 3 ล้านกระสอบตามข่าวจริง ก็เท่ากับชาวไร่จะสูญรายได้เข้าระบบประมาณ 3,000 ล้านบาท
“น้ำตาลทรายตลาดโลกราคาเฉลี่ยที่ 800 ดอลลาร์ต่อตัน หรือ 24 บาทต่อ กก. เทียบกับในประเทศที่ควบคุมหน้าโรงงาน 14-15 บาทต่อ กก. หากดึงน้ำตาลที่จะส่งออกมาขายในประเทศ 3 ล้านกระสอบ ก็เท่ากับสูญรายได้ 3,000 ล้านบาท” นายธีระชัยกล่าว
แหล่งข่าวจากแวดวงน้ำตาล กล่าวว่า หากพิจารณาตัวเลขบริโภคน้ำตาลทรายที่สูงสุดช่วง ม.ค. ที่มีการใช้ถึง 5.1 แสนกระสอบต่อสัปดาห์นั้น ระยะเวลาที่เหลือ 10 เดือน หากมีการใช้ในอัตราสูงสุดเช่นกันก็เพิ่มโควตา ก. เพียง 1.5 ล้านกระสอบก็เพียงพอ เนื่องจากยังมีปริมาณน้ำตาลเหลือค้างกระดานจากปีที่แล้วอีก 1.5 ล้านกระสอบ
นายประเสริฐ ตปนียางกูร เลขาธิการ สอน. กล่าวว่า ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบสต็อกในโกดังน้ำตาลทรายในโรงงานทั่ว ประเทศ 46 แห่ง ว่ามีปริมาณที่ใกล้เคียงกับตัวแทนที่แจ้งไว้กับ สอน.หรือไม่ เพื่อป้องกันปัญหาการลักลอบส่งออก หรือการกักตุน โดยในวันที่ 3 มี.ค. นายชัยวุฒิจะนำร่องตรวจสอบที่จังหวัดกาญจนบุรีก่อน
“เบื้อง ต้นได้รับรายงานว่าปริมาณน้ำตาลทรายค้างกระดาน ซึ่งเป็นน้ำตาลที่มีการซื้อขายและพร้อมนำไปจำหน่ายในตลาดมีกว่า 1.4 ล้านกระสอบ ซึ่งเป็นปริมาณที่สูงเพียงพอต่อความต้องการบริโภคน้ำตาลทรายในประเทศ แต่เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้ประชาชนจึงต้องตรวจสอบให้ชัดเจน” นายประเสิรฐกล่าว
เขาระบุว่า การลักลอบส่งออกนั้นเชื่อว่าโรงงานน้ำตาลไม่กล้าทำ แต่กลุ่มยี่ปั๊วและซาปั๊วอาจมีบ้าง โดยลักลอบขายในลาว, กัมพูชา และพม่า โดยเฉพาะในด่านแม่สอด ที่ จ.ตาก และด่านอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกระบวนการของกองทัพมด ซึ่งภาพรวมของน้ำตาลยืนยันว่าจะไม่ขาดแคลน แต่จะมีปัญหาบ้างในห้างโมเดิร์นเทรด ซึ่งก็ได้เพิ่มปริมาณแล้ว
นาย ประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า ใน 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2554 พบว่ามีการลักลอบส่งออกน้ำตาลตามชายแดนมากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณตะวันออกที่ติดกับกัมพูชาที่มีการลักลอบนำออกเป็นพิเศษ และตามแนวชายแดนลาวที่มีบ้างเล็กน้อย ซึ่งที่จับกุมได้มีลักษณะเป็นกองทัพมด
“ข้อมูลช่วง 4 เดือนแรก มีการลักลอบนำน้ำตาลออก 6 ราย จำนวน 3.03 หมื่นกิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 5.3 แสนบาท สูงกว่าทั้งปีงบประมาณ 2553 เกือบเท่าตัว” นายประสงค์กล่าว และว่า การลักลอบนำน้ำตาลออกมาก เพราะส่วนต่างราคามีสูง โดยหากลักลอบนำออกไปขายจะได้กำไรต่อกิโลกรัมเพิ่มขึ้นถึง 6 บาท
ส่วนการปรับราคานมนั้น นายสุรชาติ คหินทพงษ์ ประธานกรรมการสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น ระบุว่า ผู้ประกอบการได้รับความเดือดร้อนจากต้นทุนที่สูงขึ้นมาก โดยเฉลี่ย 30-35% ซึ่งได้ยื่นเรื่องไปยังกระทรวงพาณิชย์เพื่อขอปรับขึ้นราคาแล้ว แต่ไม่ได้รับการตอบรับ ซึ่งอาจทำให้ผู้ประกอบการหันไปส่งออกน้ำนมดิบไปต่างประเทศแทน เพราะได้ราคาดีกว่า และอาจทำให้เกิดปัญหาสินค้าขาดตลาดเหมือนกับปัญหาน้ำตาลทรายได้
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวถึงกรณีผู้ผลิตนมสดพร้อมดื่มเตรียมขอปรับขึ้นราคาว่า ขอให้ผู้ประกอบการจัดทำข้อมูลผลกระทบการขึ้นน้ำนมดิบที่มีต่อต้นทุนให้กรม พิจารณา และหลังจากนั้นนำเสนอนางพรทิวา โดยจะพิจารณาผลกระทบอย่างเป็นธรรม ช่วงนี้ขอให้ผู้ผลิตรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรเป็นปกติ อย่าอ้างว่ากระทรวงไม่ยอมให้ขึ้นราคา และไปบีบเกษตรกรต่อ เพราะกระทรวงพร้อมดูแลผลกระทบให้
นางวัชรียังกล่าวถึงการปรับขึ้นราคาน้ำมันถั่วเหลืองว่า กำลังให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบสต็อก รวมถึงผลกระทบราคาถั่วเหลืองในตลาดโลก เพื่อวิเคราะห์ต้นทุนให้รอบด้านก่อนการปรับขึ้นราคา
แหล่งข่าวจากผู้ค้าน้ำมันถั่วเหลือง กล่าวว่า ผู้ผลิตน้ำมันถั่วเหลืองได้ขอแจ้งให้พิจารณาขึ้นราคา 2 ระยะ คือ ระยะแรกปรับขึ้นทันทีจากขวดละ 46 บาท เป็น 49 บาท เพราะปกติน้ำมันถั่วเหลืองจะแพงกว่าน้ำมันปาล์ม แต่ปัจจุบันกลับถูกกว่า ทำให้คนแห่ซื้อจนเกิดขาดแคลน ดังนั้นจึงขอปรับราคาขึ้นไปใกล้เคียงกับปี 2551 ที่ตอนนั้นน้ำมันปาล์ม 47.50 บาท น้ำมันถั่วเหลือง 49 บาท ส่วนระยะต่อมาขอให้ปรับขึ้นตามต้นทุนแท้จริง เพราะราคาถั่วเหลืองในตลาดโลกปรับขึ้นแล้วกว่า 13%
กระทุ้งพาณิชย์ขึ้นราคาน้ำตาลถุง ขอขาย25บาทชาวไร่จวกค้าปลีก
ขอขอบคุณ ข่าวจากหน้าเวบ BIOTHAI เมื่อ 14 มี.ค. 2011
น้ำตาลติดแบรนด์ชงพาณิชย์ขอขึ้นค่าบรรจุภัณฑ์ถุงกิโลกรัมเพิ่มอีก 1.40 บาทต่อถุง หลังแบกภาระขาดทุนส่ง ชี้ราคาขายปลีกเป็นถุงละ 25 บาท จวกชาวไร่ จวกโมเดิร์นเทรด บิดเบือนราคาน้ำตาลถุงขาย
แหล่งข่าวจาก 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย เปิดเผยว่า ขณะนี้ 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทรายได้ทำหนังสือไปยังนางพรทิวา นาคาศัย รมว.กระทรวง พาณิชย์ เพื่อขอปรับขึ้นค่าบรรจุภัณฑ์น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ที่มีการบรรจุถุงปริมาณ สุทธิ 1 กิโลกรัม (กก.) ที่มีเครื่องหมายทางการค้าของผู้ผลิต (แบรนด์) จากเดิมที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการกำหนดให้คิดค่าบรรจุ ภัณฑ์ไม่เกิน กก.ละ 0.75 บาท เพิ่มอีกไม่เกิน กก.ละ 1.40 บาท หรือรวมเป็นค่าบรรจุภัณฑ์ที่ กก.ละไม่เกิน 2.15 บาท
ทั้งนี้ เนื่องจากต้นทุนบรรจุภัณฑ์และค่าแรงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ขาดแรงจูงใจในการขายน้ำตาลบรรจุถุงกิโลกรัม เพราะการลงทุนเครื่องจักรในการบรรจุต้องลงทุนอย่างต่ำ 10 ล้านบาทขึ้นไป แต่พาณิชย์กลับคิดต้นทุนเพียง 0.75 บาทต่อถุงเท่านั้น ดังนั้น ราคาขายปลีกในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลควบคุมไว้ รวมค่าบรรจุภัณฑ์ของน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ขณะนี้จึงอยู่ที่ 23.60 บาทต่อถุง ซึ่งหากปรับค่าบรรจุถุงเป็น 1.40 บาท ก็จะมีผลต่อราคาขายเพิ่มเป็นถุงละ 25 บาท ซึ่งระดับดังกล่าวจะจูงใจให้มีโรงงานน้ำตาลทรายมาบรรจุเพิ่มขึ้น
ปัจจุบัน มีผู้ทำตลาดน้ำตาลทรายถุง กก.เพียง 4 ราย ที่จำหน่ายให้กับห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ (โมเดิร์น
เท รด) ทั้งบิ๊กซี โลตัส คาร์ฟูร์ รวมถึงเซเว่น-อีเลฟเว่น ฯลฯ ได้แก่ กลุ่มน้ำตาลมิตรผล ภายใต้แบรนด์ "มิตรผล" ซึ่งเป็นรายใหญ่สุด น้ำตาลไทยรุ่งเรือง ภายใต้แบรนด์ "ลิน" กลุ่มวังขนายภายใต้แบรนด์ "วังขนาย" และบริษัท น้ำตาลคอนบุรี ภายใต้แบรนด์ "KBS" ที่เพิ่งจะเริ่มทำตลาดในคาร์ฟูร์
นายคมกริช นาคะลักษณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด กล่าวว่า หากกระทรวงพาณิชย์ต้องการให้มีน้ำตาลทรายบรรจุถุงกิโลกรัมขายในห้างมากขึ้น ก็ควรจะปรับราคาค่าบรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้นอีก 1.40 บาทต่อถุง เพราะระดับ 0.75 บาทต่อถุงนั้นเป็นอัตราที่ต่ำมาก หากต้องซื้อเครื่องจักรใหม่มาลงทุนจะขาดทุนทันที
"ถ้าวันนี้เขามีกำไรจริง เชื่อว่าจะมีคนลงมาเล่นตลาดนี้อีกมาก เหมือนกับข้าวถุงที่ขณะนี้มีเป็น 10 ยี่ห้อในห้าง แต่น้ำตาลมีแค่ 3 ยี่ห้อหลักๆ เท่านั้น แม้ตัวโมเดิร์นเทรดเอง สินค้าอื่นๆ จะนำมาทำเป็นแบรนด์ของตนเองยกเว้นน้ำตาลเพราะไม่คุ้มครับ ซึ่งมิตรผลวันนี้ก็ผลิตเต็มกำลังเครื่องจักรที่มีแล้ว ถ้าจะเพิ่มก็ต้องลงทุนเครื่องจักรใหม่ไม่คุ้ม อย่างของเก่ามันนานแล้วและเราก็ต้องการสร้างแบรนด์เท่านั้น" นายคมกริชกล่าว
นายกำธร กิตติโชติทรัพย์ ประธานสหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โมเดิร์นเทรดบิดเบือนกลไกตลาดน้ำตาลทรายของประเทศและทำลายระบบโชห่วยขณะนี้ เพราะนำน้ำตาลทรายถุงกิโลกรัมไปวางขายทั่วประเทศในราคาเท่ากันหมด โดยใช้น้ำตาลเป็นตัวดึงผู้บริโภคเข้าห้างต่ำกว่าราคาน้ำตาลทรายอ้างอิงที่ พาณิชย์กำหนดในต่างจังหวัดมาก ทั้งที่ข้อเท็จจริงวันนี้ ราคาน้ำตาลทรายที่ผ่านยี่ปั๊ว-ซาปั๊วไปนั้น ต้นทุนจะต้องสูงกว่าพาณิชย์ด้วยซ้ำ ทำให้คนเข้าไปซื้อในห้างแม้แต่ร้านโชห่วยเองก็ต้องเข้าไปซื้อ
"การที่พาณิชย์ไปตรวจห้างแล้วน้ำตาลขาดมันแน่นอนอยู่แล้ว แต่มันเป็นดัชนีชี้วัดว่าน้ำตาลพอหรือไม่พอไม่ได้ เพราะโมเดิร์นเทรดบิดเบือนกลไกตลาดโดยสิ้นเชิง แล้วยังมีหน้ามาร้องขอน้ำตาลเพิ่ม มีเหตุผลหรือไม่ ถ้าอยากได้เพิ่มก็น่าจะไปบรรจุขายเอง" นายกำธรกล่าว
ขอขอบคุณรูป จาก
1.http://www.thaisugarmill.com/index.php?lang=th&ds=news_detail-view&id=hx1gbtdytn6acgur
2.http://gotoknow.org/blog/koogger/256135
3.http://news.mediathai.net/detail_news.php?newsid=82572
4.http://oldweb.ocsb.go.th/showcontent.asp?head_id=25&id=569