Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Page 1 of 2 1 2 LastLast
Results 1 to 10 of 20

Thread: >>>หน้าฝนกำลังจะไป หน้าเที่ยวกำลังจะมา เลยแวะมาเตือนเรื่อง AKA หัวหินค่ะ<<<

  1. #1
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    581
    Warning Points:
    0/5

    >>>หน้าฝนกำลังจะไป หน้าเที่ยวกำลังจะมา เลยแวะมาเตือนเรื่อง AKA หัวหินค่ะ<<<

    ไม่แน่ใจว่าเพื่อนๆ เห็นกันหรือยัง ช่วงนี้เป็นข่าวในพันทิปมากมาย
    เจ้าทุกข์ทยอยออกมาเล่าประสบการณ์ที่ประทับใจ ในทางที่ไม่ดีสุดๆ

    เห็นว่ากำลังจะเข้าหน้าเที่ยว เลยแวะมาเตือนว่า ปลอดภัยไว้ก่อนนะคะ
    ทรัพย์สินเป็นของนอกกาย แต่ชีวิตสำคัญค่ะ อยู่ด้วยความไม่ประมาทนะคะ


    เรื่องล่าสุด จากกระทู้นี้ http://www.pantip.com/cafe/blueplane.../E8309827.html
    ขอก๊อปมาลงนะคะ จะได้อ่านกันง่ายๆ



    โดนยกเค้าที่ AKA Resort หัวหิน วันที่28-29 สค 2552
    สวัสดีคะ

    ดิชั้นได้เข้าพักที่อาคารีสอร์ตพร้อมเพื่อนๆรวมทั้งหมดสี่คนในวันที่ 28 สค. คะ
    พวกเราจองห้อง 2 bedroom pool villa คะ
    ซึ่งเป็นบ้านเล็กๆสี่หลังในรั้วเดียวกัน (บ้านสองหลังเป็นห้องนอน
    อีกหนึ่งหลังเป็นห้องครัว และหลังสุดท้ายเป็นห้องนั่งเล่น )
    แล้วก็มีสระว่ายน้ำคั่นกลาง
    ห้องเบอร์ 118 คะ ซึ่งเป็นที่อยู่มุมรีสอร์ต สองด้านของกำแพงเป็นป่าคะ
    กำแพงด้านนึงสูงมาก ส่วนอีกด้านก็เตี้ยมาก ( เตี้ยขนาดที่ผู้ชายปีนได้สบายๆ
    โดนไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยคะ)
    กำแพงด้านเตี้ยนี้เป็นกำแพงของห้องน้ำ outdoor ห้องเพื่อนดิชั้นคะ

    พวกเราสี่คนเช็คอินประมาณเวลาเที่ยง
    สี่โมงเย็นก็ออกไปทานอาหารเย็น
    แล้วกลับเข้ามาตอนประมาณทุ่มสองทุ่ม
    แล้วก็เล่นน้ำต่อ แล้วก็นั่งเล่นกันต่อในห้องรับแขกจนถึงดีหนึ่ง จึงแยกย้ายไปนอน

    ตอนนั้นพวกเรายังเอาเงินออกมานับเพื่อทำกองกลางสำหรับไปเที่ยวปราณบุรีต่อใน
    วันรุ่งขึ้นคะ เลยแน่ใจว่าทุกคนยังมีเงินอยู่ก่อนนอน

    ห้องดิชั้นนอนตีสามเพราะนั่งเล่นกันต่อกับเพื่อนอีกคนนึง
    อยู่ดีๆดิชั้นก็ง่วงมาก อาจเป็นเพราะเพลีย เลยหลับไป
    เพื่อนก็เลยหลับไปด้วย ห้องดิชั้นจึงไม่ได้ปิดไฟนอน
    ประตูห้องดิชั้นล๊อคกลอนทุกตัว ยกเว้นห้องน้ำ ที่เราไม่ล็อคจากด้านในห้องเป็นปกติอยู่แล้ว
    เพราะต้องใช้ตลอด

    ห้องเพื่อนหลังจากแยกย้าย เค้าสองคนก็ปิดไฟนอนกันเลย

    ดิชั้นกับเพื่อนตื่นมาในวันรุ่งขึ้นสายมากๆ ประมาณสิบเอ็ดโมง..ไม่รู้เพราะเพลียหรืออะไร
    ปกติแล้วเวลาไปเที่ยว ตจว จะตื่นเร็วนะคะ

    แล้วดิชั้นก็ยังอาบน้ำแต่งตัวตามปกติเพื่อ check out
    11.40ดิชั้นโทรบอก front ให้เอารถกอล์ฟมารับไปlobby คะ
    ระหว่างนั้น เพื่อนดิชั้นที่พักอีกห้องนึงเดินมาบอกว่า
    ห้องโดนยกเค้า เงินในกระเป๋าไม่เหลือเลย
    แต่กระเป๋าไม่หายสักใบนะคะ
    ห้องเพื่อนดิชั้นมีกระเป๋าตังค์สามใบที่อยู่ในกระเป๋าถืออีกที
    เป็นของเพื่อนดิชั้นสองคนสองใบ และกระเป๋าเงินกองกลางคะ
    รวมทั้งกล้องถ่ายรูป และmemory cardใน BB (ย้ำว่าเป็นแค่memory card คะ)

    ดิชั้นจึงเชคกระเป๋าในห้องดิชั้นทันที เงินในกระเป๋าไม่เหลือเลยเหมือนกันคะ
    ห้องดิชั้นมีกระเป๋าตังค์สามใบ
    ซึ่งก็อยู่ในกระเป๋าถือเช่นเดียวกันคะ
    แปลกใจมากที่ไม่เอากระเป๋าถือไปด้วย
    เพราะมีทั้งกุชชี่x3 หลุยส์x2
    ทุกคนที่อ่านน่าจะคิดเหมือนดิชั้นนะคะว่าเพราะอะไรถึงเอาไปแต่เงิน
    ของที่จับมือใครดมไม่ได้

    อุกอาจมากเลยนะคะที่เข้ามาตอนเรายังอยู่ในห้อง และมีเวลา
    นิ่งนอนใจในการค่อยๆหยิบเงินออกจากกระเป๋าตังค์ซึ่งอยู่ในกระเป๋าถือแต่ละใบ


    ดิชั้นจึงติดต่อกับเจ้าหน้าที่รีสอร์ตและตำรวจคะ
    ตำรวจบอกว่าที่นี่เกิดหลายครั้งแล้ว
    กล้องวงจรปิดในรีสอร์ตก็ไม่มี มีแต่ที่lobby & ที่จอดรถ

    front managerบอกทางเราว่า
    โรงแรมมีsafety boxในห้องไว้บริการลูกค้าฟรี
    ลูกค้าเลือกที่จะใช้หรือ่ไม่ใช้ก็ได้
    แต่ถ้าของหายแล้วไม่ได้ใช้
    ทางโรงแรมก็ไม่สามารถรับผิดชอบ

    ดิชั้นไม่กังวลเรื่องเงินหรอกคะ
    รวมกันสี่คนหมื่นกว่าบาทกับกล้องหนึ่งตัว

    ปัญหาคือจะให้ดิชั้นเข้าไปนอนในsafety box ด้วยมั๊ยคะ
    เรื่องนี่ไม่ใช่ปัญหาแค่เรื่องทรัพย์สินแล้วนะคะ
    แต่เกี่ยวกับชีวิตด้วย ที่อุกอาจเข้ามาตอนที่พวกเรานอนอยู่ในห้องแท้ๆ
    โดยที่ไม่มีใครตื่นสักคน
    ถ้าเข้ามาขโมยตอนที่เราไม่อยู่ในห้องเหมือนที่อื่นๆก็อาจเป็นเรื่องปกติของขโมย

    เรื่องผ่านไปก็สองอาทิตย์กว่าๆแล้วคะ
    ตอนแรกไม่กล้าลงมาก เพราะกลัวว่าจะไม่เชื่อ
    กลัวว่าจะคิดว่าเป็นการโจมตีกันทางการค้า

    พอมาอ่านเจอในเคสอื่นๆหลังจากดิชั้นอีกสามเคสภายในสองอาทิตย์
    ดิชั้นเลยอยากเตือนคนอื่นๆด้วยคะ

    ถ้าเป็นไปได้ fwd mailให้คนอื่นๆอ่านด้วยนะคะ

    ขอบคุณมากๆคะ

    จากคุณ : เก็ดถวา หน้าฝน
    เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 52 18:54:33


    ---------------------------------------------------------

    ขอเพิ่มเติมคะว่า
    ทรัพย์สินที่อยู่ในห้องมีทั้งเกมส์psp ipod touch โทรศัพย์มือถือสี่คนห้าเครื่อง
    กล้องถ่ายวิีดีโอ และคอมพิวเตอร์สามเครื่อง
    แต่ไม่หายเลย
    ทั้งๆที่ถ้าจะขโมยก็ได้
    ขโมยกลัวอะไร
    หรื่อว่าเป็นคน....
    ที่จะออกมาเดินเฉิดฉายได้อย่างเนียนๆ
    โดยไม่มีของกลาง

    จากคุณ : เก็ดถวา หน้าฝน
    เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 52 19:33:53
    ----:: Brief Olive / Vert Fonce ... i'm !oving u ::----

  2. #2
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    581
    Warning Points:
    0/5
    และอีกหนึ่งราย รายที่สามกำลังดำเนินการกับทาง resort อยู่ จึงทำการแจ้งลบกระทู้ไปค่ะ


    อีกมุมหนึ่งสำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจจะใช้บริการ AKA HUAHIN RESORT
    เรื่องที่เกิดขึ้นกับเราอาจจะยาวไปนิดนึงนะคะ แต่รบกวนช่วยอ่านจนจบแล้วช่วยหาทางออกด้วยค่ะ ตอนนี้มืดแปดด้านไปหมดแล้ว และนอกจากนั้นจะได้เป็นอุทาหรณ์เตือนใจผู้ใช้บริการโรงแรมและรีสอร์ทหลายๆที่ด้วยค่ะ



    เรื่องเริ่มมาจากว่า คุณแม่ได้ไปซื้อของที่ห้างโรบินสัน เชียงใหม่ ครบตามยอดที่เค้ากำหนดเอาไว้ และได้ส่งชิงโชคไปจนได้รับรางวัลเป็น แพคเกจที่พักจำนวน 2 ท่านเป็นเวลา 1 คืน ที่ AKA หัวหิน รีสอร์ท จนวันศุกร์ที่ 4 กันยายน 2552 ได้มีโอกาสได้เข้าพัก และได้เข้าเช็คอินเมื่อเวลา 12.30 โดยประมาณของวันดังกล่าว หลังจากเช็คอินเสร็จ ทางพนักงานต้อนรับก็ได้พาเรากับเพื่อนผู้หญิงอีกคนนึง ไปที่ห้องพักหมายเลข 126 โดยนั่งรถกอล์ฟของโรงแรมไป (ซึ่งห้องพัก126 นั้น น่าจะอยู่ในส่วนลึกที่สุดของโครงการนี้) หลังจากเข้าถึงห้องพักแล้ว บอกได้เลยว่า ประทับใจมาก ทั้งบรรยากาศของห้องพัก การต้อนรับของพนักงาน สุดยอดเลยจริงๆ เรากับเพื่อนก็ไม่รีรอ รีบเปลี่ยนชุดว่ายน้ำ เข้าไปอาบน้ำล้างตัวในห้องน้ำ และลงไปเล่นน้ำที่สระส่วนตัวในห้องพักทันที จนถึงเวลาประมาณ 5.00 น. ก็เข้าไปอาบน้ำแต่งตัวในห้องพัก เพื่อที่จะออกไปทานข้าวเย็นข้างนอกโรงแรม

    หลังจากไปทานข้าวเย็นและเดินเล่นที่ตลาดหัวหินเรียบร้อย ก็เดินทางกลับเข้าที่พัก เมื่อถึงที่พักก็เดินทางกลับเข้าห้องพักโดยรถกอล์ฟเหมือนตอนเช็คอิน ถึงห้องพักเมื่อเวลาประมาณ 22.30 น. พอถึงห้องพักเพื่อนผู้หญิงอีกคนที่ไปด้วยกัน ก็กลัวเพราะเนื่องจากห้องพักที่เป็นหลังสุดท้ายของโครงการ และบรรยากาศที่มืดมาก ณ เวลานั้น ก็ไม่รีรอรีบเปิดไฟทุกดวงที่มีในบริเวณห้องพัก ไม่ว่าจะเป็นสระน้ำ ห้องนอน ห้องรับแขก ห้องสปา และที่ขาดไม่ได้คือ ระเบียงทางเดินเข้าบ้าน แล้วถึงพบว่า ไฟตรงระเบียงทางเดินนั้นไม่ติด เรากับเพื่อนก็ยังเข้าใจกันว่า สงสัยสวิตช์ไฟคงจะอยู่ตรงระเบียงหน้าบ้าน เลยออกไปดูตรงหน้าบ้านก็ไม่มีสวิตช์ไฟ แล้วพอดีพบพนักงานของโรงแรมอยู่คนนึงเดินอยู่แถวนั้น เลยเรียกให้เค้ามาดูไฟให้ แต่เค้าก็แค่ยืนดูอยู่หน้าบ้าน แล้วบอกเราว่าสงสัยไฟคงเสีย แต่พอดีเราเห็นว่ามันดึกมากๆแล้ว เลยบอกไปว่าไม่เป็นไร คือเราก็ไม่ได้แจ้งให้เค้ามาซ่อมให้ในขณะนั้น แล้วก็กลับเข้าห้องพักไป

    หลังจากนั้นก็ชวนเพื่อนออกไปเล่นน้ำกันต่อ แล้วก็หาตะเกียงน้ำมันที่ทางโรงแรมมีไว้ให้ จะเอาไปจุดเพิ่มความสว่างตรงโต๊ะข้างสระว่ายน้ำ แต่ปรากฏว่าจุดไม่ได้เพราะตะเกียงไม่มีน้ำมัน เพื่อนเราก็เริ่มกลัว เพราะมันมืดตรงทางเข้าบ้าน (เพราะทางเข้าบ้านนั้นคือบริเวณที่ไฟเสีย ถัดมาอีกสัก2-3ก้าวก็จะเป็นสระว่ายน้ำพอดี) เลยตัดสินใจโทรไปบอกทางพนักงานประจำฟรอนท์ออฟฟิศให้เรียกช่างมาซ่อมไฟให้ เวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง ก็ยังไม่มีช่างโผล่มา (*ในช่วงเวลานั้นเรากับเพื่อนอยู่ที่สระน้ำตลอด แต่ตอนนั้นยังอยู่ในชุดไปรเวทกันทั้งคู่ เพราะคิดว่าจะให้ช่างมาทำไฟให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยเปลี่ยนชุดเล่นน้ำ) เพื่อนเราก็เลยโทรไปทางฟรอนท์อีกที แต่พนักงานบอกว่า "อ้าว แจ้งฝ่ายช่างไปแล้ว ช่างยังไม่ไปอีกเหรอคะ งั้นเดี๋ยวจะแจ้งให้อีกที" อีกไม่นานช่างก็มาเรียกที่หน้าบ้าน เดินเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าช่างและบันไดลิง โดยที่มีพนักงานอีกคนยืนรออยู่บริเวณประตูใหญ่หน้าบ้าน (โดยที่เราไม่ได้เห็นว่าหน้าตาของช่างเป็นอย่างไร) หลังจากนั้นประมาณ 10-15 นาที ช่างก็ซ่อมไฟตรงบริเวณทางเดินหน้าบ้านให้เสร็จแล้วก็ขอตัวกลับไป

    เราก็เลยรีบเข้าห้องจะไปเปลี่ยนชุดล้างตัวเพื่อลงเล่นน้ำ ปรากฏว่าน้ำในห้องน้ำไม่ไหล -*- งงมาก เพราะตอนบ่ายที่ใช้น้ำก็ยังปกติ เลยออกไปเช็คสวิตช์ปั๊มน้ำตรงทางเดินอีกที ก็ได้ยินเสียงเครื่องปั๊มน้ำทำงาน แต่น้ำก็ยังไม่ไหลอยู่ดี เลยคิดว่าสงสัยต้องใช้เวลาให้เครื่องมันทำงานอีกสักพักนึงน้ำถึงไหล เลยไม่รอช้า ลงไปเล่นน้ำทั้งๆที่ยังไม่ได้ล้างตัว ผ่านไปสัก 20 นาทีได้ เพื่อนเราก็จะลงมาเล่นน้ำมั่ง จะไปล้างตัวที่ห้องน้ำ ปรากฏว่าน้ำก็ยังไม่ไหลอยู่ดี เลยโทรไปแจ้งกับทางฟรอนท์ว่าน้ำไม่ไหล ไม่นานนักช่างคนเดิมก็มา แต่คราวนี้มาพร้อมกับช่างอีกคนนึงด้วย(ซึ่งเราเดาว่าเป็นคนเดียวกับที่มาตอนซ่อมไฟแต่ยืนรออยู่หน้าบ้าน) แล้วก็ขอเข้าไปเช็คน้ำในห้องด้วยกันทั้งคู่ แต่ขณะนั้นเรากับเพื่อนได้ลงน้ำตัวเปียกอยู่ในชุดว่ายน้ำด้วยกันทั้งคู่ เลยไม่ได้เดินตามเข้าไปดู เพราะผู้หญิงในชุดน้อยชิ้น+ตัวเปียก เดินตามผู้ชายที่เป็นใครก็ไม่รู้ ดูจะไม่ปลอดภัยนัก เรากับเพื่อนเลยนั่งรออยู่ที่ข้างสระน้ำ ช่างสองคนนั้นก็เข้าไปเช็คประมาณ 3-5 นาที แล้วออกมาบอกเราว่า ขอไปเช็คปั๊มน้ำหน้าบ้าน ทั้งคู่ก็ออกไปหน้าบ้านด้วยกัน สัก 2-3 นาทีก็กลับเข้ามาและขอเข้าไปเช็คน้ำในห้องพักอีกรอบ แต่คราวนี้ช่างที่มาซ่อมไฟเดินเข้าไปในห้องคนเดียว ส่วนอีกคนนึงยืนอยู่ตรงทางเดินหน้าทางเข้าห้อง ชวนเรากับเพื่อนคุย ประมาณ 3 นาที ช่างไฟก็เดินออกมา บอกว่าน้ำไหลแล้ว และก็ขอตัวกลับไป

    เรากับเพื่อนก็เล่นน้ำกันต่ออีก จนสักประมาณตีหนึ่ง ก็เข้าไปอาบน้ำ ระหว่างที่เราอาบน้ำอยู่เพื่อนก็มาถามว่า เห็นมือถือของเค้ามั๊ย มันหายไปไหนไม่รู้ เราก็เลยเอามือถือของเราโทรหา แต่มันเป็นระบบตอบรับว่า ไม่สามารถติดต่อหมายเลขที่ท่านเรียกได้ในขณะนี้ เราก็ยังมองโลกในแง่ดีบอกว่าสงสัยมันอยู่ในมุมอับสัญญาณมั้งเลยติดต่อไม่ได้ แต่ตอนนั้นเพื่อนเรามั่นใจแล้วว่ามือถือหาย เราเองบอกว่าอย่าเพิ่งไปโทษปรักปรำทันที มันไม่ได้ ถ้าเกิดโวยวายไปแต่กลับมาเจอทีหลังมันไม่ดี แต่เพื่อนก็เริ่มใจเสีย ระแวงมากเลยเอากระเป๋าถือของทั้งเราและเค้ามาหนุนนอนใต้หมอน เพื่อนเรารีบเช็คของในกระเป๋าทันทีว่ามีของหายไปบ้างมั๊ย แต่ทุกอย่างอยู่ครบ แต่ตัวเราเองไม่ได้เอะใจเลยว่าเงิน 35,000 บาทในกระเป๋าได้หายไปแล้ว

    ลืมบอกไปค่ะว่าก่อนหน้านี้ที่รู้สึกตัวว่าโทรศัพท์มือถือได้หายไป นาฬิกาข้อมือยังวางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งอยู่เลยนะคะ

    ตื่นมาตอนเช้า วันเสาร์ที่ 5 กันยายน 2552 ประมาณ10.00 น. กะว่าจะไปกินอาหารเช้าของทางโรงแรมก่อนแล้วค่อยมาแต่งตัว แต่ระหว่างที่เรากำลังล้างหน้าแปรงฟัน จู่ๆเพื่อนก็มาถามว่า นาฬิกาข้อมือของเราไปไหน บอกตรงๆว่า ตกใจมากก เราก็บอกเพื่อนว่าก็อยู่บนโต๊ะแป้งไง เลยรีบแปรงฟันให้เสร็จออกมา เจอเพื่อนเราหน้าแบบคนตกใจและงงแบบสุดขีด บอกเราว่า มันไม่มีอ่ะ ทั้งนาฬิกาของเราและของเค้าเลย ทั้งๆที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งทั้งคู่ แล้วจู่ๆมันจะหายไปได้ยังไง แล้วประตูที่อยู่กับโต๊ะแป้งก็ถูกเปิดอยู่ เลยไม่กินข้งกินข้าวกันละ รีบแต่งตัว เก็บกระเป๋าออกมาเช็คเอ้าท์และแจ้งกับทางฟรอนท์ว่าของหาย

    สักพัก front office manager ก็ออกมารับเรื่อง เราเลยเล่าเรียงลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วแจ้งว่า มือถือ และนาฬิกาข้อมือ2เรือนได้หายไป (*เพราะตอนนั้นเรายังไม่รู้ตัวว่าเงินในกระเป๋าหาย) เราก้ได้ลองถามเค้าดูว่า "เหตุการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นกับทางรีสอร์ทมาบ้างมั้ย" เค้าก็ตอบมาว่า "เค้าขอพูดตรงๆเลยว่า เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดมาแล้วครั้งนึง" (ซึ่งเราได้มาทราบภายหลังจากทางตำรวจว่า เคยเกิดกรณีแบบนี้ที่AKAมาแล้วหลายครั้ง) ทางผู้จัดการคนนั้นเริ่มแรกก็ถามว่าจะให้ติดต่อเจ้าหน้าที่มาดำเนินเรื่องที่โรงแรมเลยมั้ย เราก็คิดว่าของที่หายไปยังไงก็ไม่ได้คืน พร้อมกับไม่อยากไปรื้อฟื้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะบอกตรงๆว่ากลัวมากก ที่ของหายระหว่างที่เราก็หลับอยู่ในห้อง ถ้าเกิดมันเกิดเหตุการณ์ที่ร้ายแรงกว่านั้น หรืออาจถึงชีวิตล่ะ!!! เลยบอกไปว่าไม่แจ้งความก็ได้ แต่ทางโรงแรมควรจะปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยให้มากกว่านี้ เพราะเหตุการณ์นี้มันไม่ควรจะเกิดขึ้นในโรงแรม5ระดับดาวเลย

    แต่สักพัก คุณ front office manager ก็มีโทรศัพท์เข้ามา ขอตัวไปคุยโทรศัพท์สักพักกลับเข้ามา คำพูดก็เปลี่ยนไปเป็นพยายามโน้มน้าวไม่ให้เราแจ้งความเพราะที่ผ่านมาถึงแจ้งความไปก็ไม่ได้ของคืนอยู่ดี แล้วเสนอเป็นห้องพักฟรี แต่เพื่อนเราปฏิเสธเสียงแข็งทันที บอกว่าไม่อยากกลับมาที่นี่อีกแล้ว เพราะกลัวและเสียความรู้สึกมากก คุยกันเสร็จเราก็เดินทางกลับกรุงเทพฯ

    บอกตรงๆว่าลึกๆ เหมือนเหตุการณ์ทุกอย่างมันยังดำเนินอยู่ในความคิดนะคะ ทั้งเราและเพื่อนค่อยๆเรียงลำดับเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้น พร้อมกับถามตัวเองว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร มันอาจจะเกิดขึ้นได้ ณ ตอนไหนบ้าง แล้วใครน่าสงสัย ยังคิดกันเลยว่า ถ้าเราไม่ได้มีชีวิตรอดมายืนกันอยู่ตรงนี้ล่ะ คือมันกลัวมากค่ะ พูดจริงๆ แบบว่าขวัญเสีย เหมือนคนเจอผีเลยค่ะ

    กลับถึงกรุงเทพฯเราก็เข้าบ้านเพื่อน เก็บของเรียบร้อยแล้วก็ออกมาเดินเล่นที่สยาม ซื้อนู้นนี่จนเงินในกระเป๋าตังค์ที่ติดตัวอยู่ไม่พอ เลยเปิดกระเป๋าจะหยิบเงินฉุกเฉินมาใช้ ปรากฏว่าเงิน 35,000 ที่ซ่อนไว้ หายไปหมด ไม่เหลือแม้แต่ใบเดียว(*เงิน35000ในกระเป๋าคือเงินฉุกเฉิน+เงินที่แม่ฝากมาซื้อของที่กรุงเทพนะค่ะ ซึ่งถ้าเงินในกระเป๋าตังค์ไม่หมดเราจะไม่เปิดหรือหยิบเงินฉุกเฉินในกระเป๋าสะพายมาใช้เลย) พอพบว่าเงินหายไปแล้ว ตกใจมาก เพราะถือว่าเรารู้ตัวช้าไปมากจริงๆ เลยรีบกลับบ้านเพื่อน คิดทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใหม่ทั้งหมด คิดแล้วขนลุกเลยค่ะ ว่ามันน่าจะหายไปพร้อมกับมือถือตั้งแต่แรกแล้ว เพราะตอนนอนเราเอากระเป๋ามานอนหนุน มันทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ตอนที่ช่างมาซ่อมน้ำ แล้วที่ช่างอีกคนนึงชวนเราคุยอยู่นอกห้องนั้น เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจไม่ให้เราดูเข้าไปในห้องรึเปล่า

    เลยตัดสินใจว่ายังไงก็ต้องตีรถกลับไปหัวหินเช้าอีกวันเพื่อทำเรื่องแจ้งความกับตำรวจ จริงๆแล้วลำบากมากค่ะ เพราะเรากับเพื่อนไม่มีรถยนต์ขับ วันที่ไปนั้นได้ไปเช่ารถมาเพื่อไปเที่ยวจริงๆ เพราะเพื่อนเราเป็นแอร์อยู่ที่การ์ต้า กลับมารอบนี้คือขอวันหยุดเลยได้มาเที่ยว แล้วเราก็มาจากต่างจังหวัดไม่ได้ขับรถมาอยู่แล้ว แต่โชคดีที่พี่ที่สนิทกันของเพื่อนเรา ขอสมมติว่าชื่อ พี่เจ เค้ารู้เรื่องแล้วตกใจมาก(เพราะเค้าก็ทำงานโรงแรมเหมือนกัน) เลยอาสาจะไปส่ง แต่เพื่อนเราไปไม่ได้เพราะเค้าติดธุระจริงๆ เราเลยไปกับพี่เจและเพื่อนพี่เจอีกคน

    พอไปถึงก็พุ่งเข้าสถานีตำรวจก่อนเลย ระหว่างรอร้อยเวรอยู่ ก็มีตำรวจหญิงคนนึงมาคุยด้วย เราเล่าเหตุการณ์คร่าวๆให้เค้าฟัง แล้วเค้าก็บอกว่า ที่ AKA เนี่ยยังไม่มาขึ้นทะเบียนประวัติพนักงานกับทางตำรวจเลย พี่แจ้งไปหลายทีแล้ว ล่าสุดไม่กี่วันก่อนพี่ก็แจ้งไป แต่ทางโรงแรมก็ยังไม่ติดต่อมาสักที พี่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่มาทำเรื่อง แล้วเวลามันเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น เราก็เลยเช็คประวัติพนักงานไม่ได้

    หลังจากรอจนร้อยเวรว่าง ที่ได้เดินทางไปที่โรงแรมเพื่อจะตรวจสอบข้อมูลต่างๆ และเพื่อขอดูสถานที่เกิดเหตุ แต่เมื่อไปถึงคุณ front office manager ก็มารับเรื่อง เมื่อทำการพูดคุยเบื้องต้นเรียบร้อยแล้ว ทางตำรวจก็ขอดูห้องที่เกิดเหตุแต่คุณ front office manager กลับบอกว่าตอนนี้มีแขกใหม่เช็คอินแล้วคงให้ดูไม่ได้ เลยให้ไปดูห้องอื่นที่แบบแปลนห้องคล้ายๆกันแทน หลังจากเล่าเหตุการณ์อีกรอบเพื่อให้เห็นภาพเหตุการณ์แบบชัดๆที่ห้องนั้น ก็ได้ย้ายที่คุยมาคุยกันที่ห้องอาหารทางด้านหน้าโรงแรมแทน แล้วก็ได้มีการเรียกช่างประจำการของวันนั้นๆ ทั้งกะเช้าและกะดึกมา เพื่อให้เราได้ดูหน้าและชี้ตัวผู้ต้องสงสัย คนแรกมาถึง เราก็พยายามดูหน้าและนึกอยู่หลายรอบ สักพักช่างคนนั้นก็พูดขึ้นมาว่า ผมคือคนที่พี่เรียกให้ไปดูไฟหน้าบ้านไง ที่บอกว่าไฟเสีย เราก็อ๋อ คือพนักงานคนที่เดินอยู่หน้าบ้าน ที่เราเรียกมารอบแรกนี่เอง อีกสักพักใหญ่ก็มีผู้ชายอีกคนนึงเดินเข้ามา เรารู้สึกว่า หน้าคุ้นๆแต่ไม่แน่ใจ เลยโทรมาถามเพื่อนที่มาพักด้วยกัน เพื่อนเราก็บอกว่าจำตาได้ ให้ดูที่ตามันเลย มันจะตาขาวเยอะกว่าตาดำ เราหันไปดูอีกที ใช่เลย คนนี้แหละไอ่ช่างที่มาซ่อมไฟให้เรารอบแรก และคือคนที่ได้เข้าๆออกๆห้องเรารอบที่มาซ่อมน้ำให้ เดินมาถึงโต๊ะที่เรากับตำรวจนั่งอยู่ก็ยกมือไหว้คุณตำรวจ และกลับหลบตาเรา อีกสักพักก็มีผู้ชายอีกคนนึงเดินมา เราจำหน้าได้แต่ไกลเลยว่าคนนี้แหละ คือคนที่ชวนเราคุยอยู่ที่หน้าห้อง (คนที่เราสงสัยว่าเค้าชวนเราคุย เพื่อเป็นการดูต้นทาง) พอเค้ามาถึงที่โต๊ะ เค้ายกมือไหว้ตำรวจแต่เค้ามองหน้าเราเหมือนจะฆ่ากันเลยนะคะ จนเราต้องหลบตา แล้วมันก็หันไปจ้องหน้าพี่เจต่อ แล้วตำรวจก็เรียกช่างทั้งสองคนให้ไปนั่งเพื่อสอบปากคำอีกโต๊ะนึง

    ผ่านไปพักใหญ่ ก็สอบปากคำเสร็จเรียบร้อย ตำรวจก็บอกเราว่า หลักฐานไม่มี ตอนนี้ทำได้แค่สงสัยเท่านั้นเอง แต่ที่น่าสงสัยที่สุดคือ ทำไมตอนแรกน้ำใช้ได้ แต่พอตกดึกมาน้ำไม่ไหลซะงั้น แต่ก็ต้องสืบหาหลักฐานต่อไป หลังจากนั้นเราก็เรื่องราวทั้งหมดให้สายสืบกับหัวหน้าsecurityของทางโรงแรมฟังต่ออีกหนึ่งรอบ และเดินทางกลับไปที่โรงพักเพื่อลงบันทึกประจำวัน กว่าจะเสร็จก็ปาไป 5 โมงกว่าแล้ว ก็รีบเดินทางกลับกรุงเทพฯ เพราะเดี๋ยวจะดึกเกินไปและพี่เจก็ไม่ชินทางด้วย

    แต่เพิ่มเติมนิดนึงค่ะ ว่าคุณ front office managerเนี่ยหายไปเลย ตั้งแต่คุณตำรวจไปดูแบบแปลนห้องพักเสร็จ คุณ front office managerก็หายไปเลย โดยที่จริงๆแล้วก่อนหน้านี้ เค้าบอกเราว่า วันจันทร์ถ้าผมประชุมกับทางทีมงานได้เรื่องยังไงพบจะติดต่อกลับไป ซึ่งวันนี้(อังคารที่8 กันยายน)เราโทรไป กลับบอกเราว่า ก็พบเห็นคุณเอาตำรวจไปทางโรงแรมแล้ว ก็คิดว่าควรจะรอทางตำรวจดำเนินการ เราเลยบอกไปว่า แล้วยังงี้คือทางโรงแรมจะไม่รับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และของที่หายไปมูลค่ากว่า 60,000 บาทเลยใช่มั๊ย เค้าเลยบอกให้เราติดต่อกลับทางเลขาผู้บริหารทางโรงแรมเอง พอเราโทรติดต่อไปทางคุณเลขาฯ เค้ากลับบอกเราว่า ต้องขอโทษด้วยนะคะ ทางคุณ front office manager ยังไม่ได้บอกหรือเล่าเหตุการณ์อะไรให้ทางดิฉันฟังเลย!!! เดี๋ยวยังไงรบกวนขอเบอร์ติดต่อกลับคุณด้วยนะคะแล้วดิฉันจะติดต่อกลับไปอีกที อีกสักพักใหญ่ คุณเลขาฯก็โทรกลับมาค่ะ เสนอเป็นห้องพักฟรีให้ แต่เราก็ปฏิเสธแบบไม่ต้องคิดเลยค่ะ ใครจะอยากกลับไปอีกค่ะ ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น

    อ่อ เพิ่มเติมอีกนิดค่ะ เพิ่งนึกได้ ว่าคุณ front office manager พูดกะเราว่า เป็นไปได้มั้ย ที่เงินในกระเป๋าเนี่ย มันไปหายที่อื่น คือพูดเหมือนเราโกหกหรือมันไม่ได้มีเงินมาตั้งแต่ต้น แล้วตอนที่เราโทรไปมีการบอกว่าเราพูดไม่ตรงกับที่ช่างเล่าให้ฟัง ณ จุดนี้ เราคิดว่าเพราะว่าเค้ายังเห็นเราเป็นวัยรุ่นอยู่รึเปล่าคะ เค้าถึงพยายามจะโน้มน้าวไม่ให้เราเอาความ และดูเหมือนว่าเค้าไม่ค่อยรับผิดชอบหรือตามเรื่องราวที่เกิดขึ้นเท่าไหร่ค่ะ แต่ขอโทษทีเถอะค่ะ เราเนี่ยยังมีประวัติมีที่มาที่ไปนะคะ ไม่ได้เหมือนช่างที่เป็นใครมาจากไหนไม่รู้ หน้าตาก็ยังกะโจรเพิ่งหลุดออกมาจากคุก

    หลังจากนี้ควรจะทำยังไงต่อไปดีคะ เพราะดูท่าทาง ทางโรงแรมไม่มีท่าทีว่าจะรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลย เพราะบอกให้เรารอเรื่องกับทางตำรวจอย่างเดียว

    ขอบคุณทุกๆคนล่วงหน้าค่ะที่สละเวลาอันมีค่ามาอ่านเรื่องราวของเรา แล้วก็ขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับความคิดเห็นและความช่วยเหลือนะคะ เราต้องการจะให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ที่รักการเดินทางหลายๆคน ว่าเราควรจะระมัดระวังตัวทุกฝีก้าวค่ะ

    ** ขออนุญาตมาเพิ่มเติมนิดนึงนะคะ พอดีเราเพิ่งได้คุยกับเพื่อนที่ไปด้วยกันมา แล้วก็มาคิดได้ค่ะว่า น้ำมันเพิ่งไม่ไหลหลังจากที่เราได้เรียกเค้ามาซ่อมไฟค่ะ เพราะก่อนหน้านั้น เราก็ยังได้ใช้น้ำล้างแก้วอยู่ค่ะ แต่หลังจากที่เราเรียกทางช่างมาซ่อมไฟแล้วผ่านไปประมาณ10-15นาที น้ำก็ไม่ไหลเลยค่ะ




    ****ความคืบหน้าล่าสุด ณ วันที่ 9กันยายน 2552 ค่ะ
    ตอนนี้ทางรีสอร์ทยังไม่ได้ติดต่อมาเลยค่ะ แล้วตอนนี้ทางตำรวจและทีมสืบสวนก็สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นช่างซ่อมสองคนนั้นค่ะ แต่เนื่องจากทางเราไม่มีหลักฐานยืนยันนอกเสียจากคำให้การจึงไม่สามารถเอาผิดได้ อีกทั้งไม่สามารถตรวจสอบลายนิ้วที่ซิปกระเป๋าเราได้ด้วยค่ะ เพราะเรากับก็ได้ทำการเปิดใช้ซิบไปแล้วค่ะ จึงไม่สามารถทำให้ตรวจสอบได้ ณ จุดนี้ก็ขอขอบคุณทุกๆความคิดเห็นไว้อีกครั้งหนี่งนะคะ ไว้คืบหน้าอย่างไรเราจะมารายงานเป็นระยะๆค่ะ

    *****ความคืบหน้าล่าสุด ณ วันที่ 9 กันยายน 2552 เวลา 21.00 น.
    ทางหัวหน้าsecurityได้โทรมาหาเราค่ะ ซึ่งดูจะเป็นคนเดียวของทีมงานโรงแรมที่ดูจะตามเรื่องมากที่สุด ต้องขอขอบคุณจากใจจริงค่ะ ซึ่งเราก็เล่ารายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องตอนที่เราเข้าห้องพักรอบดึกและใช้น้ำล้างแก้วเมื่อเวลาประมาณสี่ทุ่มครึ่งของคืนนั้นและน้ำยังไหลปกติอยู่ ให้เค้าฟัง และเราก็บอกไปว่าหลังจากนั้นที่ช่างมาซ่อมไฟให้น้ำจะไม่ไหลเลย ซึ่งทางพี่เค้าก็รับเรื่องค่ะ เราเลยถามเรื่องเหตุการณ์ของคุณOatmeal ที่ห้อง 124 ไปด้วย ซึ่งพี่คนนี้เค้าเป็นคนตามเรื่องของคุณ Oatmeal เช่นกันค่ะ เราถามไปว่าในคืนนั้นใช่ช่างสองคนนี้รึเปล่าที่ประจำกะดึกคืนนั้น แต่พี่เค้าก็บอกเราแต่ว่ากำลังเช็คอยู่ค่ะ ถามไปถามมาเราเลยทราบว่า ผู้บริหารใหญ่เนี่ย เป็นคนฝรั่งเศส ชื่อคุณ เซบาสเตียน แต่เค้าพูดภาษาไทยได้ค่ะ ซึ่งถ้าจะติดต่อเค้าก็คงต้องผ่านคุณเลขาฯน่าจะสะดวกที่สุด อ่อ ลืมบอกไปนิดนึงว่า ช่างสองคนนั้นก็ยังทำงานปกตินะคะ ไม่ได้ถูกพักงานแต่อย่างใด จากที่ถามไปพี่เค้าบอกเรามาว่า ยังให้ทำงานตามปกติ โดยจะสังเกตพฤติกรรมอยู่อย่างเงียบๆ
    หมดแล้วค่ะ แล้วจะมารายงานความคืบหน้าเพิ่มเติมอีกนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

    ****ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 10กันยายน 2552 เวลาประมาณ 17.15 น.
    พอดีเพื่อนเจ้าทุกข์อีกคนได้โทรไปหาคุณเลขาฯมาค่ะ (คุณเลขาฯที่ตอนแรกเราเข้าใจว่าเป็นเลขาฯส่วนตัวของผู้บริหารใหญ่ แต่หลังจากที่ได้คุยกับคุณOatmeal เลยเพิ่งเข้าใจว่า เค้าเป็นเลขาฯของผู้จัดการอีกท่านนึงเท่านั้นค่ะ) ซึ่งก็เริ่มทนไม่ไหวเหมือนกันกับท่าทีที่นิ่งเฉยของทางโรงแรม จึงโทรไปสอบถามความคืบหน้าเพิ่มกับคุณเลขาฯ ซึ่งก็ได้ความมาว่า ทางผู้บริหารใหญ่ทราบความแล้ว และทางโรงแรมก็ทราบถึงเรื่องในกระทู้นี้แล้ว แต่ก็ยังเสนอเป็นห้องพักฟรีให้เช่นเดิม และบอกว่าจะเอาไปให้เพื่อนหรือใครใช้ก็ได้กับข้อเสนอที่ยื่นให้ แต่เพื่อนเราก็ปฏิเสธไปโดยให้เหตุผลว่า คงรับไม่ได้และไม่คิดจะเอาไปให้ใคร เพราะเหมือนเป็นการให้คนอื่นเอาชีวิตของเค้าไปเสี่ยงในสถานที่แบบนั้นอีก ทางคุณเลขาฯยังถามต่อว่า ได้ปรึกษากับเพื่อนอีกคน(ซึ่งก็คือเราเอง)รึยังว่าต้องการให้โรงแรมชดใช้ยังไงดี เพื่อนเราก็ตอบไปว่า ถ้าจะให้พูดว่าต้องการให้ชดใช้เป็นเงินสดตรงๆไปก็คงเสียมารยาท แต่ทางผู้บริหารจะคิดไม่ได้เลยเหรอว่า ควรจะชดใช้กับค่าเสียหายที่เกิดขึ้นยังไง แม้มูลค่าอาจไม่ได้สูงเป็นสิบล้าน ร้อยล้าน แต่ก็เป็นจำนวนกว่าครึ่งแสนเช่นกัน และมันก็รวมถึงความปลอดภัยถึงชีวิตของผู้ใช้บริการโรงแรมด้วย ทางคุณเลขาฯก็พูดมาว่าทางโรงแรมก็ได้จัดเตรียมตู้เซฟเอาไว้ให้นะคะ แต่เพื่อนเราก็บอกว่า ถ้าของหายตอนไม่อยู่ห้องนี่เข้าใจค่ะว่าเป็นความประมาทของเราเอง แต่นี่หายขณะที่เราก็อยู่ในห้องด้วย ช่างที่เข้ามาก็เป็นพนักงานโรงแรมซึ่งเราก็ไว้ใจโรงแรมระดับใหญ่ขนาดนี้ว่าพนักงานที่ถูกคัดเลือกเข้ามาทำงานน่าจะไว้ใจได้ คงไม่มีใครคาดคิดหรอกค่ะ ว่าเค้าจะกล้าทำการอุกอาจขนาดนี้ และคุณเลขาฯก็บอกว่าจะติดต่อประสานงานให้อีกที
    แล้วจะมารายงานต่อนะคะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ

    ****รายงานความคืบหน้า วันที่ 11 กันยายน 2552 ค่ะ
    ตอนนี้ทางผู้บริหารใหญ่ทราบเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นแล้วค่ะ เค้าโทรมาขอโทษเราเมื่อบ่ายวันนี้ เค้าบอกว่า ต้องขอโทษที่ติดต่อมาช้า เนื่องจากเค้าไม่อยู่นะคะ แล้วแจ้งว่า ตอนนี้กำลังประสานงานจับคนร้ายกับทางตำรวจอยู่ ถ้าได้ความคืบหน้าอย่างไรจะรีบติดต่อมาทันที
    เบื้องต้นก็ขอบคุณมากๆค่ะ ที่ติดต่อมาขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    ****ความคืบหน้า วันที่ 13 กันยายน 2552 เวลาประมาณ 10.00 น.
    ล่าสุดเราได้รับแจ้งมาว่า ช่าง2คนที่เป็นผู้ต้องสงสัยในเหตุการณ์ของเราได้พ้นสภาพจากการเป็นพนักงานของทางรีสอร์ทแล้วค่ะ และทางเราก็ได้ส่งหมายเลขอีมี่ของเครื่องที่ถูกขโมยไปให้กับทางตำรวจ(พอดีเพิ่งหาเจอค่ะ หลังจากพยายามหาอยู่หลายวัน) หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีความคืบหน้าในเร็ววันนี้นะคะ


    จากคุณ : บ้านผีตองเหลือง
    เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 52 22:07:29
    ----:: Brief Olive / Vert Fonce ... i'm !oving u ::----

  3. #3
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    581
    Warning Points:
    0/5
    อีกหนึ่งผู้เสียหายค่ะ น่ากลัวจริงๆ เลย โดนกันขนาดนี้ ทางโรงแรมยังนิ่งเฉย
    ตอนนี้ห้องแบบ pool villa กำลังมาแรง ยังงัยไปพักก็ระวังๆ ด้วยนะคะ
    นึกถึงตอนตัวเองไปกระบี่ ไปขอเค้าว่าเอาห้องเงียบๆ ไกลๆ คนอีก
    เกิดอะไรขึ้น โห สยองอ่า T^T




    จากที่ไม่เคยคิดจะโพส ทำให้ต้องมาโพสจนได้เมื่อเห็นกระทู้นี้

    ผมก็โดนเหมือนคุณเลยครับ เมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง ห้อง 124 ครับ แถบเดียวกันเลย

    เรื่องมีอยู่ว่า เพื่อนผมกับแฟนเพื่อนชวนผมกับแฟนไปเที่ยวที่ X2 กุยบุรีเมื่อวันที่ 14-15 ส.ค. 52 แต่เค้าซื้อ Voucher มาแค่ 3 คืน ผมกับแฟนเลยแยกมาพักที่ AKA ก่อน 1 คืน ผมเช็คอินเวลาประมาณ 14.30 ของวันที่ 14 ตกเย็นก็เล่นน้ำกัน พอตอนค่ำๆผมก็ออกไปกินข้าวกับเพื่อนที่เพิ่งตามมาจากกรุงเทพที่ร้านเจ๊เขียว ประมาณ 21.30 น. ผมก็แยกกะเพื่อนโดยที่เพื่อนจะไปพักที่ X2 ก่อนแล้วผมตามไปวันรุ่งขึ้น ผมกลับถึงรีสอร์ท 22.00 โดยประมาณ ก็ถ่ายรูปเล่น ดูทีวี อาบน้ำ แล้วก็เข้านอนตามปกติตอนเกือบๆตีหนึ่ง



    พอเช้าตื่นขึ้นมาอาบน้ำเสร็จจะเก็บของแล้วผมหากล้องไม่เจอ เจอแต่กระเป๋ากล้อง ผมยังไม่เอะใจอะไรเดินไปถามแฟน แฟนก็บอกว่าไม่รู้ ผมจำได้ว่าเมื่อคืนก่อนจะนอนผมก็เก็บกล้องไว้ในกระเป๋าแล้ว เดินหาไปๆมาๆชักผิดปกติ เอะใจไปเปิดดูกระเป๋าตังไม่เหลือเลยสักบาท (เงินสดในกระเป๋ามีประมาณ 7000 บาท) คราวนี้เลยรีบโทรแจ้ง Front กว่าจะมากันเกือบครึ่ง ชม. รอแจ้งตำรวจกว่าจะมาก็อีกนานพอสมควร พอมาเช็คของอีกทีปรากฎว่าสร้อยทอง 3 บาทพร้อมหลวงพ่อทวดที่ได้จากพ่อก็หายไปด้วย เลยคุยกันยาวเลยครับ เรียก Resort Manager มาคุยด้วย เพื่อนผมก็ตีกลับมาจากกุยบุรีมาช่วยคุยให้ด้วย เกือบ 5 โมงกว่าจะลงบันทึกประจำวันเสร็จ

    เสียความรู้สึกอย่างแรง อะไรก็ไม่เสียดายเท่าหลวงพ่อทวดเพราะเป็นของที่ตกทอดมาอีกทีจากคุณพ่อของผมที่เสียไปแล้วไม่รู้จะไปหาจากไหนมาคืน
    เพราะยังไงมันก็คงไม่เหมือนองค์เดิม เฮ้อออออ


    ลืมบอกไปครับ ตอนเข้านอนผมล๊อคแค่ประตูหน้าบ้าน แต่ไม่ได้ล๊อคประตูทางเข้าห้องรับแขกเพราะผมชอบออกไปสูบบุหรี่แล้วก็ไม่คิดว่ารีสอร์ท 5 ดาวจะมีโจรที่อุกอาจขนาดปีนเข้ามาบ้านตอนเจ้าของอยู่


    สรุปรายการทรัพย์สินที่สูญหาย
    1.เงินสด 7000 กว่าบาท (หยิบเฉพาะเงินไม่เอากระเป๋าไป)
    2.กล้อง digital Panasonic Lumix FX37 = 1 ea.(หยิบแต่ตัวกล้องไม่เอากระเป๋าไป)
    3.สร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท + หลวงพ่อทวดเนื้อโลหะ หลังเตารีดปี 2505(ไม่มีกระเป๋า ไม่รู้จะทำเนียนยังไงเลยคว้าไปเฉยๆ)

    สรุปจากที่คุยกับ Resort Manager หัวหน้า Security และตำรวจ

    1.ที่รีสอร์ทบอกว่าเคยมีเหตุการณ์ทรัพย์สินสูญหายเกิดขึ้นบ้าง ส่วนมากเป็นกล้อง + Laptop ตอนเจ้าของห้องไม่อยู่

    2.Resort Manager บอกว่าผมเป็นกรณีแรกที่โดนฉกไปขณะที่ยังหลับอยู่ในห้อง ในใจคิดว่าเราคงซวยมากจริงๆ แต่หลังจากเห็นกระทู้นี้แล้วพูดไำม่ออกเลย ตกลงนี่รีสอร์ทหรือรังโจร ถ้าคุณหรือผมตื่นขึ้นมาเจอขณะขโมยกำลังขึ้นบ้าน สิ่งที่สูญเสียอาจไม่ใช่แค่ทรัพย์สินก็ได้ ใครจะรู้

    3.ตำรวจบอกว่ารีสอร์ทนี้ของหายประจำ (ตอนตำรวจเข้ามาเจอพนักงานยังแซวพนักงานรีสอร์ทว่า "ไง เจอกันอีกแล้วนะ") แค่ได้ยินก็เหนื่อยแล้ว


    สุดท้าย ที่ผมมาโพสไม่ได้ต้องการจะดิสเครดิตรีสอร์ทแต่อย่างใด

    แต่ผมรับไม่ได้ที่ระยะเวลาห่างกันไม่ถึงเดือนก็มีคนโดนแบบผมเข้าอีกแล้ว

    มีรายละเอียดอีกมากที่ผมไม่ได้พิมพ์ลงไปเพราะมันเริ่มยาวจนผมประติดประต่อความคิดไม่ถูกแล้ว

    ถ้ายังไงรบกวนเจ้าของกระทู้ติดต่อผมทางเมลได้มั๊ยครับ จะได้ช่วยกันอีกแรงเพื่อที่จะไม่ให้ใครต้องมาโดนแบบเราอีก โดยส่วนตัวผมปลงเรื่องที่เค้าจะชดใช้ไปแล้วครับ แต่พอเห็นกระทู้นี้แล้วบอกตามตรงว่ารับไม่ไหวจริงๆ AKA

    จากคุณ : Oatmeal
    เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 08:29:25 A:58.136.48.69 X: TicketID:232124
    ----:: Brief Olive / Vert Fonce ... i'm !oving u ::----

  4. #4
    pong's Avatar
    pong is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    217
    Warning Points:
    0/5
    เข้าไปติดตามเรื่องนี้มาเหมือนกันค่ะคุณโก้ เป็นเรื่องที่น่ากลัวมากๆเลยอ่ะ
    AKA เป็นสถานที่ที่ป้องประทับใจมากๆเลย ไปมาแล้ว 2 ครั้ง ตอนแรกคิด
    ว่าจะไปอีกเดือนหน้า แต่ต้องกลับมาคิดดูอีกที เรื่องทรัพย์สินพอจะดูแลได้
    แต่กลัวมีอันตรายถึงชีวิตน่ะสิ เสียดายสถานที่นี้อ่ะ สวยและราคาไม่แพงด้วย

  5. #5
    wawe's Avatar
    wawe is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    685
    Warning Points:
    0/5
    ขอบคุณคุณโก้นะคะ ที่นำเรื่องนี้มาแจ้งให้ทราบ กำลังคิดอยากไปพักถ้าได้ไปหัวหินเพราะมีสมาชิกโพสให้เห็นบรรยากาศน่าพักจริง ๆ แต่ถ้าเจอแบบนี้ก็จะได้คิดใหม่เสียแล้วค่ะ
    ความง่ายอยู่ที่ปาก ความยากอยู่ที่ทำ
    การรู้จักปล่อยวาง เป็นวิถีทางแห่งความสุขสงบ
    มนุษย์ย่อมได้รับผลของการกระทำของตนเสมอ อาจจะเร็วหรือช้าเท่านั้น

  6. #6
    pt.power's Avatar
    pt.power is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    6
    Warning Points:
    0/5
    ว้าา แย่เรยอ่ะ เกิดขึ้นครั้งเดียวก้อยังพอทำใจไปได้

    เเต่นี่เิกิดตั้งหลายครั้งเเร้วยัง ไม่พัฒนาเรยหรอเนี่ยย

    คิดว่าจะไปอีกเหมือนกันนะค่ะเีนี่ย เพราะจะปิดเทอมเเร้ว

    งี้คงต้องหาตัวเลือกใหม่ซะเเร้วววว

    น่ากลัวมากๆค่ะ ขอบคุณนะค่ะ

    ที่นำเรื่องมาเตือนค้าา
    เสพติด กระเป๋า BranDNaMe ค้า

    WaitinG 4 Me ~*
    --MARC Jacobs STAM
    --Balenciaga Work ^^

  7. #7
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    114
    Warning Points:
    0/5
    โห มีครั้งแรกยังไม่พอ
    ยังมีครั้ง สอง สาม ตามมาอีก
    เสียหมดเลยนะเนี่ย รีสอร์ทก็ออกจะดูดี

    ขอบคุณคุณโก้นะค่ะ
    [SIGPIC][/SIGPIC]

  8. #8
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    44
    Warning Points:
    0/5
    ขอบคุณที่มาโพสต์เตือนกันนะคะ สมัยนี้นี่น่ากลัวจริง ไปไหนก็ไม่ปลอดภัย เห้อออ
    [SIGPIC][/SIGPIC]

  9. #9
    Ohh's Avatar
    Ohh is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,124
    Warning Points:
    0/5
    น่ากลัวจัง

    ทั้งๆ ที่เป็นสถานที่ที่สวย และน่าไปพักผ่อนมากๆๆ แต่ไหงกลับปล่อยให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้ไม่รู้

    น่าจะเอาเรื่องไปร้องเรียนตามรายการต่างๆ ใน TV. เนอะ ประจานโรงแรมไปเลยยย..ยยย

    เผื่อว่าโรงแรมจะได้แก้ไข และรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นกลับลูกค้าบ้าง จะได้ไม่นิ่งเฉยแบบนี้

    ขอบคุณ คุณโก้ที่มาเตือนภัยจ้า
    U r.. my L i F e

    ~~> ^ โอ๋ ^ <~~

  10. #10
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    339
    Warning Points:
    0/5
    ขอบคุณพี่โก้ที่เอาข้อมูลมาเตือนนะคะ
    อิ่ม....................

Page 1 of 2 1 2 LastLast

Comments from Facebook

Similar Threads

  1. Review ค่ะ... Aka resort guti หัวหินค่ะ
    By SecretAdmier in forum Review ท่องเที่ยว ให้เช่า หรือ บริการ
    Replies: 24
    Last Post: 04-16-2021, 01:26 PM
  2. ขายต่อ Voucher Rest Detail หัวหินค่ะ
    By Natchaporn in forum โรงแรม รีสอร์ท ห้องพักสำหรับท่องเที่ยว บริการส่วนบุคคล
    Replies: 1
    Last Post: 06-28-2010, 07:04 PM
  3. ตามหา voucher centara หัวหินค่ะ ด่วนๆๆ ^^"
    By Cassycat in forum ตั๋ว-บัตร บัตรของขวัญ ทัวร์ (ท่องเที่ยว)การเดินทางและยานพาหนะให้เช่า
    Replies: 0
    Last Post: 03-04-2010, 01:47 PM

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •