ตอนที่เราพูดถึงอาการ “มือชา เท้าชา” สาเหตุที่เจอบ่อยที่สุดคือการที่เส้นประสาทถูกกดทับ หากนึกไม่ออกให้นึกถึงเวลาที่เรานั่งทับขาตัวเองนาน ๆ เส้นประสาทก็จะถูกกดทับไปด้วย ทำให้มีอาการชา หรือเป็นเหน็บขึ้นที่บริเวณปลายขาปลายเท้า นั้นแหละคือสาเหตุของการชา ที่เกิดจากเส้นประสาทถูกกดทับ เกิดจากเส้นประสาทที่เดินทางมาที่มือจำเป็นต้องผ่านช่องแคบ ๆ ซึ่งบริเวณนี้เองเส้นประสาทมีความเสี่ยงที่จะถูกกดทับหรือโดนเบียดจากเพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ เช่น เอ็น หรือ พังผืด โดยการกดทับนั้น เกิดได้จากการที่มีการอยู่ในท่าเดิมนาน ๆ ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ต่างเป็นกิจกรรมแสนธรรมดาในชีวิตประจำวัน เช่น เขียนหนังสือ ทำงานบ้าน ใช้คอมพิวเตอร์ ทำอาหาร นวดขนมปัง ทำสวน เป็นต้น และอาการมือชา เท้าชา เกิดขึ้นได้จากสาเหตุอะไรบ้าง

อาการมือชา เท้าชา เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ หรือเกิดจากโรคประจำตัวบางชนิด เช่น
- โรคเบาหวาน เกิดจากน้ำตาลในเลือดสูงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีในเลือด ส่งผลให้เส้นประสาทนำไฟฟ้าได้ดี นอกจากนี้โรคเบาหวานยังทำให้เกิดการทำลายหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงเส้นประสาท ส่งผลให้เกิดอาการชามือ ชาเท้า
- โรคหมอนรองกระดูกสันหลังเบียดเส้นประสาท มักมีอาการเจ็บปวดตามแขน,ขา เนื่องจากหมอนรองกระดูกเสื่อมแล้วปลิ้นไปเบียดเส้นประสาทแขนหรือขา
- ผู้มีภาวะขาดไทรอยด์ มักจะรู้สึกชาบริเวณปลายมือ ปลายเท้าบ่อย ๆ มีอาการปวดแปลบๆ
- ขาดวิตามิน เมื่อร่างกายกำลังขาดวิตามิน และแร่ธาตุที่สำคัญ จะทำให้ปลายเส้นประสาทเสื่อม หรืออักเสบ ผู้ที่ขาดจะเกิดการชาที่ปลายมือและปลายเท้า ซึ่งเกิดจากการขาดวิตามินอย่างรุนแรงนั่นเอง

แนวทางการดูแลผู้ที่มีอาการมือชา เท้าชา ควรหันมาดูแลสุขภาพให้ห่างไกลโรคที่เป็นสาเหตุ ไม่ควรนิ่งเฉยเมื่อเกิดอาการชาตามส่วนต่าง ๆ สามารถดูแลได้โดยการรับประทานวิตามินที่ร่างกายขาดให้เพียงพอ ไม่นอนทับแขน หรือนั่ง ยืน อยู่ในท่าเดิมนาน ๆ เลือกรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ และควรทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่มีความสำคัญต่อการทำงานของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ เพื่อลดอาการมือชา เท้าชา ให้ลดน้องลง และหากมีอาการรุนแรงควรเข้าพบแพทย์ให้ทำการตรวจวินิจฉัยโรคให้ชัดเจน