มะเร็งเต้านม เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของผู้หญิงทั่วโลกและเป็นมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในผู้หญิงไทย แต่เนื่องจากปัจจุบันผู้หญิงยุคใหม่มีความตื่นตัวในการตรวจสุขภาพมากขึ้น และมีการพัฒนาคุณภาพของเครื่องมือการตรวจที่ทันสมัยขึ้นทำให้เราสามารถพบมะเร็งเต้านมในระยะแรกๆ ได้เร็วขึ้น ทำให้เปอร์เซ็นต์การตรวจพบมะเร็งเต้านมในระยะเริ่มต้นมีมากขึ้น การรักษาให้หายจึงมีมากขึ้นตามลำดับ ซึ่งสาเหตุของการเกิดมะเร็งเต้านมแท้จริง แล้วยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด จึงทำให้ไม่ทราบวิธีที่ป้องกัน ยกเว้นในกรณีที่เป็นกรรมพันธุ์ซึ่งทราบสาเหตุแน่ชัดซึ่งเราสามารถป้องกันได้


ปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดมะเร็งเต้านม
1.ปัจจัยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
- เพศหญิงจะเป็นมากกว่าชาย
- เชื้อชาติ ยุโรป ยิว จะเป็นมากกว่าคนเอเชีย
- อายุ อายุมากกว่า 40 ปี จะมีความเสี่ยงการเกิดมะเร็งเต้านมสูงขึ้น
- กรรมพันธุ์ ผู้ที่มีประวัติครอบครัวสายตรงเป็นมะเร็งเต้านม หรือรู้ว่าเป็นโรคทางพันธุกรรมที่มีการถ่ายทอดได้
- ประวัติการมีประจำเดือนเร็ว หรือหมดประจำเดือนช้าจะมีความเสี่ยงสูงขึ้น

2.ปัจจัยที่หลีกเลี่ยงได้
- การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- การรับประทานอาหารประเภทไขมันสูง
- ความอ้วน
- การได้รับยาทดแทนฮอร์โมนหรือยาคุมกำเนิดบางชนิดเป็นระยะเวลานานจะมีความเสี่ยงสูงขึ้น

เราสามารถเลี่ยงการเป็น “มะเร็งเต้านม” ได้ คือ ควรเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดมะเร็งเต้านมที่เลี่ยงได้ และหมั่นตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อค้นหาความเสี่ยงมะเร็งเต้านมในระยะเริ่มต้นให้ได้เร็ว โดยทั่วไปจะแนะนำให้ตรวจเต้านมด้วยตนเอง แต่มีการศึกษาจากต่างประเทศพบว่าการตรวจเต้านมด้วยตนเองพบมะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้นได้น้อย แต่ถูกนำมาแนะนำให้ใช้ในประเทศเรา เนื่องจากมีอุบัติการณ์การเกิดโรคยังต่ำ คือ 30 ต่อแสนเมื่อเทียบกับประเทศตะวันตกซึ่งพบมากถึง 100 ต่อแสน อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่ใส่ใจต่อสุขภาพ การตรวจคัดกรองเพื่อหามะเร็งเต้านมตั้งแต่ระยะเริ่มแรกจะทำให้โอกาสที่จะรักษาโรคระยะแรกให้หายขาดได้มากขึ้น


การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม
การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมที่มีมาตรฐาน ประกอบด้วย
1.การตรวจด้วยแพทย์หรือบุคลลากรที่ได้รับการอบรมโดยเฉพาะด้วยการคลำเต้านม
2.การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยเครื่องเอกซ์เรย์แมมโมแกรมและ/หรืออัลตร้าซาวด์ หรือตรวจด้วยเครื่องมืออื่นๆ เพิ่มเติมตามความจำเป็น เช่น เครื่องตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยเครื่องเอกซ์เรย์แมมโมแกรมและ/หรืออัลตร้าซาวด์ มักจะแปลผลเป็นศัพท์เทคนิคที่เข้าใจยากและมักจะทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิด โดยเฉพาะเมื่อแปลผลเป็น BIRADS 1-5 มักจะทำให้หลายคนเข้าใจผิดได้ง่ายเพราะเป็นมาตรฐานการอ่านเพื่อสื่อความหมายให้แพทย์แต่ละสาขาเข้าใจกันได้ง่าย ไม่ใช่ระยะโรค

BIRADS 1 หมายถึง ไม่พบสิ่งผิดปกติเลย ควรตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมติดตามทุกปี
BIRADS 2 หมายถึง พบสิ่งผิดปกติ แต่เสี่ยงน้อยที่จะเป็นมะเร็งเต้านม ควรตรวจติดตามทุกปี
BIRADS 3 หมายถึง พบสิ่งผิดปกติ แต่มีความเสี่ยงน้อยกว่า 2% ที่จะเป็นมะเร็งเต้านม ควรตรวจติดตามอย่างใกล้ชิดทุก 6 เดือน
BIRADS 4 หมายถึง พบสิ่งผิดปกติ มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งเต้านมได้ 20-50% ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยด้วยชิ้นเนื้อเพิ่มเติม
BIRADS 5 หมายถึง พบสิ่งผิดปกติ มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งเต้านมได้สูง ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยด้วยชิ้นเนื้อเพิ่มเติม

3.การตรวจด้วยชิ้นเนื้อหรือเซลล์ สำหรับบางคนที่ตรวจพบโดยการคลำหรือพบสิ่งผิดปกติที่พบโดยเครื่องเอกซ์เรย์แมมโมแกรมและ/หรืออัลตร้าซาวด์ ในบางรายจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยเพิ่มเติมด้วยการนำชิ้นเนื้อไปส่งตรวจ การตรวจที่แม่นยำควรประกอบด้วยการตรวจทั้ง 2-3 อย่าง คือ ตรวจด้วยแพทย์ร่วมกับแมมโมแกรมและ/หรืออัลตร้าซาวด์หรือบางรายจำเป็นต้องตรวจชิ้นเนื้อร่วมด้วย จึงจะให้ความแม่นยำสูง

การนำชิ้นเนื้อไปตรวจสามารถทำได้หลายวิธี เช่น ถ้าก้อนที่คลำได้มักจะทำโดยการเจาะด้วยเข็ม มีทั้งเข็มขนาดเล็กที่สามารถทำได้เร็ว ง่าย ถูกต้อง แม่นยำ แต่แปลผลได้ยากเนื่องจากเป็นการอ่านด้วยเซลล์ ดังนั้นการใช้ต้องเลือกให้เหมาะสม หรืออาจใช้เข็มตัดชิ้นเนื้อซึ่งได้เนื้อชิ้นใหญ่กว่าแต่ความแม่นยำต่ำกว่า ดังนั้นมักจะทำร่วมกับการใช้อัลตร้าซาวด์เพื่อให้มีความแม่นยำมากขึ้น

ขอบคุณข้อมูล : นายแพทย์ชนินทร์ อภิวาณิชย์
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญศัลยศาสตร์มะเร็งเต้านมและเสริมสร้างเต้านม
โรงพยาบาลนนทเวช
https://www.nonthavej.co.th/Breast-Cancer.php