การส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนบน เป็นการส่องกล้องตั้งแต่ปาก ลำคอ หลอดอาหาร กระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น เป็นวิธีการตรวจวินิจฉัยที่ดีที่สุด สามารถมองเห็นพยาธิสภาพของหลอดอาหาร ทำการวินิจฉัยได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ โดยทั่วไปจะทำการส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนบนในผู้ป่วยที่มีอาการดังต่อไปนี้
1. อาการปวดจุกแน่นท้องหรือแสบร้อนบริเวณท้องส่วนบน หน้าอก หรือบริเวณลำคอ
2. อาการท้องอืดท้องเฟ้อเหมือนอาหารไม่ย่อย
3. มีอาการเรอหรือคลื่นไส้อาเจียนบ่อย ๆ
4. อาการกลืนติด กลืนลำบาก หรือกลืนแล้วเจ็บ
5. อาการเจ็บคอ คอแห้ง เสียงแหบหรือไอบ่อย ๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ

อาการเหล่านี้ล้วนเป็นอาการแสดงอันเนื่องมาจากความผิดปกติของทางเดินอาหารส่วนบน ซึ่งได้แก่ หลอดอาหาร กระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น ส่วนใหญ่เรามักจะคิดว่าอาการเหล่านี้เกิดจากการรับประทานอาหารรสจัด รับประทานอาหารผิดประเภท หรือรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา แต่ในความจริงแล้วมีโรคทางเดินอาหารส่วนบนอีกมากที่เป็นสาเหตุให้เกิดอาการเหล่านี้ เช่น โรคแผลในกระเพาะอาหาร โรคกรดไหลย้อนในหลอดอาหาร โรคหลอดอาหารอักเสบ โรคเนื้องอกในหลอดอาหาร หรือกระเพาะอาหาร นอกจากนี้ การติดเชื้อแบคทีเรียเฮลิโคแบคเตอร์ไพโลไล (Helicobacter pylori) ในกระเพาะอาหารยังเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร และยังสามารถก่อให้เกิดโรคมะเร็งของกระเพาะอาหารได้ ดังนั้น การตรวจพบโรคในระยะเริ่มต้นย่อมส่งผลดีต่อการรักษา และสามารถป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นผลร้ายแรงได้

ข้อบ่งชี้ในการตรวจส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนบน
1. ผู้ที่มีอาการของระบบทางเดินอาหารส่วนบนดังกล่าวข้างต้นที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาเบื้องต้น ในกรณีที่พบแผล ในกระเพาะอาหาร แพทย์สามารถทำการตรวจพิสูจน์เนื้อเยื่อ (Tissue Biopsy) เพื่อแยกสาเหตุของการเกิดแผล รวมทั้งสามารถตรวจหาเชื่อแบคทีเรียเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไล (Helicobacter pylori) ได้ในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ ยังสารมารถทำการผ่าตัดผ่านกล้องในกรณีพบติ่งเนื้องอกในทางเดินอาหารได้อีกด้วย
2. ผู้ที่มีอาการของระบบทางเดินอาหารส่วนบนร่วมกับการมีอาการที่เป็นสัญญาณเตือนภัย ได้แก่ ผู้ที่มีอายุเกิน 40 ปี ท้องอืดท้องโตเป็นเวลานาน คลำได้ก้อนบนท้อง เบื่ออาหาร น้ำหนักลด กลืนอาหารติด กลืนลำบาก มีอาการอาเจียนบ่อยๆ มีประวัติครอบครัวของโรคมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งล้วนเป็นสัญญาณเตือนภัยที่แสดงถึงความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง
3. เพื่อตรวจติดตามการการรักษาแผลในกระเพาะอาหาร (Gastric Ulcer) เพื่อยืนยันการหายของแผล และช่วยขจัดข้อสงสัย สาเหตุของแผลที่อาจเกิดจากมะเร็งกระเพาะอาหาร และติดตามการหายของเชื้อแบคทีเรีย เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโรไล หลังได้รับยาปฏิชีวนะเพื่อกำจัดเชื้อโรค
4. ผู้ที่มีอาการถ่ายอุจาระเป็นสีดำ ถ่ายเป็นเลือดปนดำ หรือมีภาวะโลหิตจาง ซึ่งบ่งบอกว่ามีภาวะเลือดออกในทางเดินอาหารส่วนบน (Upper Gastro Intestinal Bleeding: UGIB) การส่องกล้องตรวจทางเดินอาหารส่วนบนสามารถให้การวินิจฉัยโรค และสามารถทำการรักษาห้ามเลือดได้ทันที
5. เพื่อให้การรักษาในกรณีที่มีการกลืนสิ่งแปลกปลอมลงในหลอดอาหาร (Foreign Body) เช่น เหรียญ ถ่านแบตเตอรี่ เข็ม กระดูกสัตว์ กางปลา เป็นต้น
6. เพื่อให้การวินิจฉัย และประเมินความรุนแรงในกรณีที่มีการกลืนสารกัดกร่อน (Corrosive Ingestion) เช่น กรดหรือ ด่าง น้ำยาล้างห้องน้ำ
7. เพื่อทำการรักษา แก้ไขภาวะตีบตันของทางเดินอาหาร (Stricture) อันเป็นผลมาจากเนื้องอกทางเดินอาหาร การเกิดแผลในทางเดินอาหาร หรือการตีบตันเป็นผลจากกลืนสารกัดกร่อน

การปฏิบัติตัวก่อนส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนบน
ผู้ป่วยจะได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้ดูแลถึงความจำเป็นในการตรวจ และประเมินความพร้อมก่อนการตรวจส่องกล้อง ผู้ที่มีโรคประจำตัว โรคความดันโลหิตสูง โรคเลือดหรือทานยาใดๆ อยู่ประจำหรือแพ้ยาควรแจ้งให้แพทย์ทราบ
กล้องส่องตรวจทางเดินอาหารส่วนบน (Gastroscope) เป็นกล้องขนาดเล็กที่มีลักษณะเป็นสายยาว และมีกล้องติดอยู่ที่ปลายสายซึ่งกล้องจะถูกเชื่อมโยงด้วยสายใยนำแสงความละเอียดสูง และถูกถ่ายทอดไปยังจอภาพซึ่งแพทย์ สามารถที่จะดูการตรวจได้อย่างต่อเนื่อง

ผู้รับการตรวจจำเป็นต้องงดน้ำงดอาหารอย่างน้อย 6 ชั่วโมง ก่อนเวลาส่องกล้อง และก่อนเริ่มตรวจส่องกล้องผู้รับการตรวจบางรายจะได้รับการพ่นยาชาที่บริเวณลำคอเพื่อป้องกันการระคายเคือง และกล้องจะถูกสอดผ่านทางปาก และลำคออย่างนุ่มนวลในท่าตะแคง เพื่อทำการตรวจอวัยวะสำคัญ 3 ส่วน คือ หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้น โดยผู้ได้รับการตรวจจะได้รับยาคลายกังวล หรือยานอนหลับ เพื่อให้รู้สึกผ่อนคลายขณะได้รับการตรวจด้วย การตรวจส่องกล้องเฉลี่ยใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที หลังจากนั้น ผู้ได้รับการตรวจจะได้พักผ่อนในห้องพักฟื้น(Recovery Room) ประมาณ 1-2 ชั่วโมง และสามารถทราบผลการตรวจส่องกล้องได้ในวันเดียวกัน

การปฏิบัติตัวหลังการส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนบน
• สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ และงดเว้นการดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลา 24 ชั่วโมง
• อาจมีอาการระคายคอประมาณ 1-2 วัน หลังการส่องกล้อง ซึ่งสามารถบรรเทาอาการได้โดยกลั้วคอด้วยน้าเกลืออุ่น หรืออมยาอมเพื่อช่วยบรรเทาอาการระคายคอ
• อาจจะรู้สึกท้องอืด ปวดมวนท้อง หรือ มีแก๊ส ซึ่งเป็นอาการปกติ และการผายลมจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้
• ไม่ควรทำกิจกรรมที่ต้องออกแรงมากในช่วงวันที่ 1-2 หลังการส่องกล้อง (เช่น วิ่ง ยกของน้ำหนักมากกว่า 5 กิโลกรัม หรือ ขี่จักรยาน)
• แพทย์จะให้ยาผ่านทางเส้นเลือด หากบริเวณที่เจาะเส้นเลือดมีอาการเจ็บ แดง หรือบวม สามารถใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นวางบริเวณดังกล่าวประมาณ 15-20 นาที และทำวันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 2 วัน นอกจากนี้ การวางแขนบนหมอนหนุน จะช่วยให้อาการดังกล่าวลดลงได้ หากอาการดังกล่าว ไม่หายไปภายใน 2 วัน ควรปรึกษาแพทย์
• กรุณาหยุดใช้ยาชั่วคราว และปรึกษากับแพทย์ทางเดินอาหารและตับ หรือแพทย์ที่สั่งยาให้ ก่อนที่จะกลับไปใช้ยาดังกล่าวอีก
• ไม่ควรขับขี่ยานพาหนะ หรือ ทำงานเกี่ยวกับการควบคุมเครื่องจักรขนาดใหญ่ในช่วง 24 ชั่วโมง หลังส่องกล้อง

หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรพบแพทย์ทันที
• เจ็บหน้าอกหรือปวดท้องรุนแรง
• อุจจาระเป็นสีดำเข้ม และ/หรือ อาเจียนเป็นเลือด
• มีลิ่มเลือดสีแดงสด หรือลิ่มเลือดจานวนมากออกมาทางทวารหนัก
• หนาวสั่นหรือมีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส

คนไข้ส่วนใหญ่ ยังมีความกังวลในการส่องกล้องทางเดินอาหารอยู่ ถึงแม้ว่าจะศึกษาข้อมูลมาพอสมควรแล้ว การปรึกษาแพทย์ผู้เชียวชาญจะช่วยให้เกิดความมั่นใจและช่วยคลายความกังวลได้มากขึ้น ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ให้คำแนะนำเพื่อเลือกแนวทางการรักษาที่เหมาะสมและดีที่สุดสำหรับคนไข้แต่ละราย

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.nakornthon.com/Article/D...odenoscopy-EGD