ในยุคที่อากาศอุดมไปด้วยฝุ่นละอองและโคโรนาไวรัสที่ไม่รู้ว่าลอยไปลอยมาระหว่างที่เราหายใจหรือไม่ สุขภาพของคนไทยกำลังตกอยู่ในภาวะเสี่ยง สำหรับคนรักสุขภาพอย่างพวกเราแล้วคงจะไม่สามารถนิ่งเฉยอยู่ได้แน่นอน ในยุคที่เรามีเทคโนโลยีเป็นทางเลือกในการอัพเกรดไลฟ์สไตล์ของเรา การซื้อเครื่องฟอกอากาศสักเครื่องเพื่ออากาศที่เราหายใจจะได้สะอาดขึ้น มีร่างกายที่แข็งแรงมากขึ้น ก็น่าจะเป็นทางออกที่คุ้มค่าสำหรับตัวเราเองและคนที่เรารัก

เลือกเครื่องฟอกอากาศ ต้องดูดี ๆ ที่ฟิลเตอร์

เป็นที่ทราบกันดีว่า การสวมหน้ากากอนามัยนั้นสามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 และโคโรนาไวรัสได้ เพียงแต่เราต้องเลือกซื้อให้ถูกประเภท การซื้อเครื่องฟอกอากาศก็เช่นกัน หลากหลายยี่ห้อที่ขายในท้องตลาดมากมายนั้น ไม่ใช่ทุกเครื่องที่สามารถป้องกัน ฝุ่น PM 2.5 และโคโรนาไวรัสได้ แต่เราจะทราบได้อย่างไรว่า ต้องเลือกซื้อเครื่องไหนจึงจะตรงกับความต้องการของเรา

อย่างแรก เรามาดูกันที่ฟิลเตอร์ก่อน ฟิลเตอร์แต่ละประเภทก็จะสามารถดักจับอนุภาคในอากาศได้ในขนาดที่แตกต่างกัน โดยวัดขนาดเป็นไมครอน เราทราบว่าฝุ่น PM 2.5 มีขนาด 2.5 ไมครอน แต่โคโรนาไวรัสล่ะมีขนาดเท่าไหร่?

นักวิทยาศาสตร์ได้นำอนุภาคโคโรนาไวรัสมาตรวจวัดขนาดโดยใช้กล้องจุลทรรศน์อิเล็คตรอน ปรากฏว่าโคโรนาไวรัสมีขนาดเล็กกว่าฝุ่น PM 2.5 มาก โดยมีขนาดเพียง 0.06 – 0.14 ไมครอนเท่านั้น ดังนั้น ฟิลเตอร์ที่สามารถกรองอนุภาคโคโรนาไวรัสได้จะต้องมีประสิทธิภาพสูงมาก

ฟิลเตอร์ประสิทธิภาพสูง High-Efficiency Particulate Air (HEPA) ได้รับคำนิยามว่าเป็นฟิลเตอร์ที่สามารถกรองอนุภาคที่มีขนาดเล็กกว่า 0.3 ไมครอนได้มากกว่า 99% แต่อนุภาคของโคโรนาไวรัสนั้นมีขนาด 0.06 – 0.14 ไมครอน ซึ่งเล็กกว่า 0.3 ไมครอน ในกรณีนี้ True HEPA ฟิลเตอร์จะสามารถกรองอนุภาคโคโรนาไวรัสได้หรือไม่?

อนุภาคที่มีขนาดใหญ่กว่า 0.3 ไมครอนนั้น จะติดอยู่บน HEPA ฟิลเตอร์ ไม่สามารถทะลุผ่านได้ แล้วสำหรับอนุภาคที่มีขนาดเล็กกว่านั้นอย่างโคโรนาไวรัสล่ะ จะไม่สามารถกรองได้เลยจริง ๆ ตามที่แหล่งข้อมูลหลายแห่ง รวมทั้งบริษัทผลิตเครื่องฟอกอากาศบางยี่ห้อกล่าวจริงหรือ เพื่อตอบคำถามนี้ นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยมินนิโซตาจึงทำการทดลองยิงอนุภาคนาโนขนาด 0.003 – 0.020 ไมครอนผ่าน HEPA ฟิลเตอร์ ปรากฏว่าเมื่ออนุภาควิ่งเข้าไปในฟิลเตอร์ กลับไม่ทะลุผ่านออกมา อนุภาคเหล่านั้นกระเด้งกระดอนอยู่ในฟิลเตอร์ และเข้าไปติดอยู่ในเส้นใยแทน ผลปรากฏว่า HEPA ฟิลเตอร์สามารถกรองอนุภาคดังกล่าวได้ถึง 99.99% นอกจากนั้นนักวิทยาศาตร์จากนาซายังยืนยันในงานวิจัยเรื่อง Submicron and Nanoparticulate Matter Removal by HEPA-Rated Media Filters and Packed Beds of Granular Materials ที่ตีพิมพ์ในปี 2016 ระบุว่า HEPA ฟิลเตอร์นั้นสามารถกรองอนุภาคทุกชนิดได้ 100% อีกด้วย

นอกจากการดักจับอนุภาคของเชื้อไวรัสและแบคทีเรียด้วยฟิลเตอร์แล้ว หลายคนอาจจะรู้จักเครื่องฟอกอากาศระบบไอออไนเซอร์หรือโอโซน ซึ่งสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ดี แต่อาจไม่ทราบว่าโอโซนนั้นอาจเป็นอันตรายต่อมนุษย์ได้เช่นเดียวกับที่เป็นอันตรายต่อเชื้อโรค การปล่อยไอออนจะทำให้เกิดโอโซน ซื่งจะทำปฏิกิริยาทำลายเซลล์ผิวหนัง ตา ปอดของเรา และอาจเป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงเล็ก ๆ ในบ้านจนถึงชีวิตได้ หากปล่อยในปริมาณมาก ส่วนระบบยูวีนั้น เป็นอันตรายต่อสุขภาพน้อยกว่า แต่ยังเป็นที่ถกเถียงกันว่า มีประสิทธิภาพเทียบเท่าการใช้ในวงการแพทย์หรือบนเครื่องบินจริงหรือไม่ เพราะทำในระบบอากาศที่หมุนเวียน ไม่ได้ควบคุมการไหลเวียนของอากาศ เช่นในห้องผ่าตัด หรือบนเครื่องบิน แหล่งข้อมูลบางแห่งกล่าวว่า ระบบยูวีบางแบบนั้น ไม่สามารถฆ่าเชื้อใด ๆ ได้เลย

ดังนั้น หากคุณกำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศที่สามารถป้องกันได้ทั้งฝุ่นPM 2.5 และโคโรนาไวรัสได้แล้วล่ะก็ ขอให้มองหาเครื่องที่มี HEPA ฟิลเตอร์ หรือยิ่งเครื่องที่มี True HEPA ฟิลเตอร์ ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า ก็สามารถไว้ใจได้ว่าปลอดภัย สบายใจแน่นอน

ขอบคุณข้อมูลจาก http://winixthailand.com/