ณ จุดนี้ เมืองไทยเข้าสู่หน้าร้อนอย่างเป็นทางการแล้วด้วยความร้อนระดับ 10 หากให้ออกไปยืนกลางแดดไม่ถึง 2-3 นาทีคงต้องมีอาการหน้าไหม้ ตามด้วยน็อควูบ เป็นลมกันบ้าง!

EasyCompare รวบรวมวิธีการดูแลรถยนต์ไว้ครบครัน ว่าจะต้องทำอย่างไร เพื่อสู้กับอากาศร้อนได้แบบไม่หวั่น แม้วันอุณหภูมิสูงมากเช่นนี้

หม้อน้ำ
ควรตรวจสอบระดับน้ำในหม้อน้ำว่าพร่องหรือน้อยไปหรือไม่ หากใช่ หมั่นเติมน้ำสะอาด และถ่ายน้ำในหม้อน้ำทิ้งทุก 4-6 เดือน ถ้าเป็นรถใหม่ ควรตรวจสอบอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หากเป็นรถที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปี ควรตรวจสอบ 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์

แบตเตอรี่รถ
เป็นส่วนที่สำคัญสุดๆ ไม่แพ้เครื่องยนต์ ทำหน้าที่เป็นแหล่งเดินเครื่องให้กับส่วนต่างๆ ของรถยนต์ เมื่ออยู่ในสภาพอากาศร้อน น้ำกลั่นที่อยู่ในแบตเตอรี่ จะต้องสูบได้หล่อเลี้ยงเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานมากขึ้น ฉะนั้นเวลาออกไปไหน ควรเช็คปริมาณน้ำกลั่นให้พร้อม และหมั่นเติมเสมอๆ

ยางรถยนต์
ยางรถยนต์เมื่อเจอความร้อน อาจจะเกิดการพองตัว จนเกิดเหตุยางแตกได้ จึงจำเป็นต้องดูตัวดอกยางรถ ว่าพองหรือไม่ หากมี แนะให้เปลี่ยนเลยดีกว่า กันเหนียว นอกจากนี้ควรเติมลมยางรถยนต์ให้มากขึ้นสัก 2-3 ปอนด์ เพื่อช่วยป้องกันการเปิดตัวของแก้มยาง หากปล่อยให้ยางอ่อน ความร้อนอาจทำให้แก้มยางเกิดการบิดตัวมากและร้อนผิดปกติ จนส่งผลให้แรงดันภายในของยางรถสูงขึ้นจนระเบิดได้

น้ำยาหล่อเย็น
ถือเป็นสิ่งที่คนขับมือใหม่ควรให้ความสำคัญไม่น้อย น้ำยาตัวนี้ช่วยทำให้หม้อน้ำภายในรถยนต์ของคุณ เดือดช้าลง ทั้งยังช่วยป้องกันการเกิดสนิม ตะกรัน ตะกอน เพราะเมื่อหม้อน้ำมีสนิมมันก็จะผุ กร่อน มีตะกอน น้ำยาจึงช่วยไม่ให้มีการอุดตันในรังผึ้งของหม้อน้ำ

แอร์รถยนต์
หากขึ้นมาบนรถแล้วรู้สึกร้อนมาก ให้ลดความร้อนในห้องโดยสารลง โดยลดกระจกด้านหนึ่งลงให้สุด แล้วเปิด-ปิด ประตูฝั่งตรงข้ามหลายๆ ครั้ง จะช่วยไม่ให้คอมเพรสเซอร์แอร์ทำงานหนักจนพังเร็ว และยังช่วยประหยัดน้ำมันอีกทางหนึ่ง

ส่วนประกอบที่เป็นยาง
ความร้อนของแสงแดดหรืออากาศอาจทำให้วัสดุที่เป็นยางละลายจนเหนียวและด้าน เมื่อถึงเวลาใช้งานจึงอาจฉีกขาดได้ ทางที่ดีอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งหมั่นเปิด-ปิดให้ขอบยางได้ขยับบ้าง ไม่ว่าจะเป็นที่ปัดน้ำฝนหน้าต่าง ประตูหลัง กระโปรงท้ายรถ หรือหลังคาซันรูฟ

น้ำมันเครื่อง
เป็นสิ่งควบคู่กับเครื่องยนต์ ยิ่งช่วงหน้าร้อน น้ำมันเครื่องจะเหือดแห้งเร็วกว่าปกติ ฉะนั้น หมั่นเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องอยู่เสมอๆ หากไม่อยากให้เครื่องยนต์พังก่อนวาระ ไม่เว้นแม้แต่รถใหม่ป้ายแดงด้วยเช่นกัน

น้ำมันเชื้อเพลิง
ในสภาพอากาศร้อนเช่นนี้ เครื่องยนต์จะใช้น้ำมันมากกว่าปกติที่สภาพอากาศเย็นหรือสภาพชื้นๆ เพื่อหล่อเลี้ยงเครื่องยนต์ จึงควรนำรถยนต์ของคุณไปจอดในที่ร่มๆ จะดีที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดความอบอ้าวภายในและไม่ต้องเปิดไล่อากาศออก ทั้งยังช่วยรักษาปริมาณน้ำมันที่อยู่ในถังเชื้อเพลิงไว้ได้นานๆ เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลาในเติมน้ำมันเพิ่มโดยไม่จำเป็น

เครื่องยนต์
ขณะที่เราขับขี่สามารถสังเกตอาการเครื่องยนต์ร้อนจัดได้จากเข็มวัดอุณหภูมิที่หน้าปัด โดยปกติจะอยู่ระหว่างตัว C และ H แต่ถ้าเข็มไปอยู่ใกล้ตัว H แสดงว่าเครื่องยนต์ร้อนจัด ให้รีบปิดแอร์เพื่อลดการทำงานของเครื่องยนต์และนำรถจอดข้างทาง เปิดฝากระโปรงรถ เพื่อระบายความร้อน ถ้ามีไอน้ำพุ่งขึ้นมาจากฝากระโปรงรถ รอจนความร้อนของเครื่องยนต์ลดลงจึงค่อยไปต่อ ที่สำคัญห้ามราดน้ำลงไปที่เครื่องยนต์เด็ดขาด เพราะจะทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้

หมั่นเช็ค ตรวจสุขภาพรถสุดเลิฟของคุณอยู่เสมอ ก็จะช่วยให้ปลอดภัยทั้งผู้ขับขี่และรถตลอดหน้าร้อน ไม่ต้องเสียเงินสิ้นเปลืองค่าซ่อมอย่างเปล่าประโยชน์ นอกจากจะดูแลเรื่องของการใช้งานแล้ว อย่าลืมเพิ่มความคุ้มครองด้วยประกันภัยรถยนต์นะครับ จะประกันชั้น 1 ชั้น 2+ ชั้น 3+ หรือ ชั้น 3 ก็ช่วยคุ้มครองให้คุณอุ่นใจ
เช็คและเปรียบเทียบเบี้ยประกันง่ายๆที่ www.easycompare.co.th