Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Results 1 to 10 of 11

Thread: รู้หรือไม่ .... ประโยชน์ของครอเรลล่า สุดยอดพืชจากธรรมชาติ ที่ รู้แล้วคุณต้องอึ้ง!!!

Hybrid View

  1. #1
    Join Date
    Jun 2010
    Posts
    336
    Warning Points:
    0/5


    ขอบคุณรูปจาก http://juicing-for-health.com/health...chlorella.html

    คลอเรลล่า คือ พืช เซลล์เดียว ที่อาศัยอยู่ในน้ำจืด (สาหร่าย) (อ่านเพิ่มเติม เกี่ยวกับ คลอเรลล่า คลิ๊กที่นี่) ที่อัดแน่นไปด้วย สุดยอด Single Cell Protein คุณภาพสูง ครบทุกชนิด ที่ร่างกายต้องการ มากถึง 60-70% ของน้ำหนักตัว!!! (อ่านเพิ่มเติม เกี่ยวกับ สารอาหาร Single Cell Protein ในคลอเรลล่า คลิ๊กที่นี่)

    รู้หรือไม่???
    Single Cell Protein เป็นโปรตีน ที่ผลิตมาจากสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่มีขนาดเล็กใกล้เคียงกับเซลล์ของร่างกายของเรา โปรตีนที่ผลิตได้จึงเป็นโปรตีน ที่มีขนาดเล็ก พอที่เซลล์ของร่างกายเรา สามารถนำไปใช้ได้ได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านการย่อย ก้อนโปรตีนขนาดใหญ่ จนกลายเป็น ขนาดเล็กสุด จนเป็นที่มา ของการ "ขาดโปรตีน ระดับเซลล์" ซึ่งมีสาเหตุจากการไม่สมบูรณ์นานับประการ ของการย่อยโปรตีนของร่างกาย จนทำให้ เซลล์ ไม่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้ จากการขาดโปรตีนที่เปรียบเหมือนอะไหล่ในการซ่อมบำรุง และ ส่งผลสุดท้าย ให้ร่างกาย "เสื่อมเกินธรรมชาติ" อย่างรวดเร็ว และ พัฒนากลายเป็นโรคเรื้อรัง สิ้นหวัง ทางการแพทย์ ในที่สุด

    อ่านเพิ่มเติม เกี่ยวกับ สารอาหาร Single Cell Protein ในคลอเรลล่า คลิ๊กที่นี่

    จากหนังสือ
    Chlorella, Jewel of the Far East (คลอเรลล่า อัญมณีแห่งตะวันออกไกล) โดย Dr. Bernard Jensen, Ph.D., D.O.


    คลอเรลล่า ถูกค้นพบครั้งแรก เมื่อกว่าร้อยปีมาแล้ว และ มีความพยายาม จะนำสารอาหารภายในเซลล์ของคลอเรลล่า มาเป็นแหล่งโปรตีนหลักของมนุษย์ แต่ติดตรงที่ คลอเรลล่า มีผนังเซลล์ถึง 3 ชั้น ทำให้น้ำย่อยของมนุษย์ สามารถนำสารอาหารออกมาได้แค่ 20-40%


    ขอบคุณรูปจาก http://www.tuberose.com/Chlorella.html

    คลอเรลล่า พัฒนาสู่การเป็นอาหารเสริมอย่างจริงจัง หลังจาก มีการพบ ความสามารถในการล้างพิษ อย่างไม่มีอาหารเสริมตัวอื่นเทียบได้!!!

    รู้หรือไม่???
    ในยุคของการพัฒนาอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น ได้มี ปรากฏการณ์ การรั่วไหล ของสารแคดเมียม ลงไปปนเปื้อนในแหล่งอาหาร จะทำให้มีผู้เสียชีวิต จากการได้รับแคดเมี่ยมเป็นจำนวนมาก (ปรากฏการณ์ โรค อิไต อิไต) ในขณะนั้น ได้มีการทดลองให้ผู้ป่วย รับประทานคลอเรลล่า ซึ่ง พบว่ามีส่วนช่วยในการกำจัดสารพิษประเภทโลหะหนัก และ ผลการทดสอบ ก็ออกมาชัด ว่าพบปริมาณแคดเมี่ยม ออกมาทางอุจจาระ ของผู้ป่วยที่ได้รับคลอเรลล่า ประกอบกับผู้ป่วย มีการการดีขึ้นชัดเจน ประเทศญี่ปุ่น จึงสามารถแก้วิกฤติ โรคอิไตอิไต โดยการใช้คลอเรลล่า ในการรักษาได้ ในตอนนั้น และเริ่มวิจัยคลอเรลล่าอย่างจริงจังตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนในปัจจุบัน ประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศที่บริโภคคลอเรลล่า มากที่สุดในโลก


    ขอบคุณรูปจาก http://www.slideshare.net/yfd07336/j...nmental-hazard
    แต่การผลิตคลอเรลล่า ให้สามารถเป็นอาหารเสริมได้นั้น จำเป็นต้อง


    ขอบคุณรูปจาก http://www.hd-wallpapersdownload.com...apers-dowload/

    1) มีสถานที่เลี้ยง ที่สะอาด ปราศจากมลพิษใดๆ (คลอเรลล่า จึงจะสามารถเป็นสุดยอดตัวช่วยกำจัดพิษ หากที่เลี้ยงมีมลพิษ คลอเรลล่า จะเป็นพิษเสียเอง)


    ขอบคุณรูปจาก https://commons.wikimedia.org/wiki/F...terfall_02.JPG

    2) สถานที่เลี้ยง นอกจาก ต้องสะอาด ปราศจากมลพิษแล้ว แหล่งน้ำที่ใช้เลี้ยง มีแร่ธาตุอาหารที่เหมาะสม และ เพียงพอ เพื่อให้คลอเรลล่า สะสมสารอาหาร ที่จะมาเป็นประโยชน์ต่อร่างกายเรา ได้มากที่สุด


    ขอบคุณรูปจาก http://thescienceofeating.com/vegeta...-of-chlorella/

    3) นอกเหนือจากสถานที่เลี้ยงแล้ว ยังต้องมีกระบวนการผลิต ที่สามารถ ทำลายผนังเซลล์ของคลอเรลล่าได้ ก่อนจะนำมาเป็นอาหารเสริม เพื่อให้ร่างกายสามารถนำสารอาหารออกจากคลอเรลล่าได้อย่างเต็มที่ เมื่อรับประทานอาหารเสริม


    ขอบคุณรูปภาพจาก http://www.globalhealthlab.com/blogs...ich-in-protein

    การที่ต้องมีเงื่อนไขทั้งหมดนี้ จึงเป็นเรื่องยาก ในการพัฒนาคลอเรลล่า สู่การเป็นอาหารเสริม จึงทำให้คลอเรลล่า ยังไม่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ทั้งๆที่ได้รับการขนาดนามว่าเป็น "Super Food"

    แต่ในปัจจุบัน เราค้นพบผู้ผลิต ที่สามารถสร้างเงื่อนไข ในการผลิตอาหารเสริมคลอเรลล่า ได้อย่างสมบูรณ์สูงสุด จนเรากล้าพูดได้เต็มปาก ว่าเป็น "คลอเรลล่า เกรดพรีเมี่ยมที่สุดในโลก!!!"

  2. #2
    Join Date
    Jun 2010
    Posts
    336
    Warning Points:
    0/5

    รู้หรือไม่??? คลอเรลล่า มีคุณสมบัติ ในการดีท๊อกซ์โลหะหนัก ที่ดีเลิศอย่างไม่น่าเชื่อ!!!

    รู้หรือไม่??? คลอเรลล่า มีคุณสมบัติ ในการดีท๊อกซ์โลหะหนัก ที่ดีเลิศอย่างไม่น่าเชื่อ!!!

    นอกจากคลอเรลล่า จะมีชุดกรดอะมิโน ที่จำเป็น สำหรับร่างกายเราทั้งหมดแล้ว ยังมีโปรตีนอีกกลุ่ม ที่เรียกว่า Metal Binding Protein (โปรตีน ที่สามารถจับโลหะหนักได้) ซึ่ง โปรตีนกลุ่มนี้ จะเปรียบเหมือนกาว ที่สามารถจับโลหะหนัก และ อนุพันธ์ ของโลหะหนัก (อย่างเช่น กลุ่มยาฆ่าแมลง ยาปราปศัตรูพืช ฯลฯ) ไม่ให้ไปรบกวนการทำงานของร่างกาย จนถูกขับออกจากร่างกายในที่สุด (อ่านบทความต่างประเทศเพิ่มเติม)


    ขอบคุณรูปจาก http://2011.igem.org/Team:Tokyo-NoKoGen/bmc

    คุณสมบัติการป้องกัน ร่างกาย "ได้รับสารพิษ" ในแบบนี้ เป็นคุณสมบัติ ที่คลอเรลล่ามี ที่ยังไม่เคยพบ ในอาหารเสริมตัวอื่นมาก่อน!!!


    ต้องรู้!!!
    เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช หรือ Thai-PAN ได้แถลงผลการเฝ้าระวังการตรวจสารเคมีกำจัดศัตรูพืชปนเปื้อนในผักที่คนไทยนิยมบริโภคมากที่สุด 10 ชนิด พบสารพิษตกค้างในผักเกินมาตรฐานถึง 22.5% กะเพราเจอหนักสุด 62.5%


    ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.thaipan.org/node/793
    Last edited by bit; 10-13-2015 at 03:00 PM.

  3. #3
    Join Date
    Jun 2010
    Posts
    336
    Warning Points:
    0/5

    รู้หรือไม่??? นอกจาก คลอเรลล่า จะเป็นเลิศในการกำจัดพิษโลหะหนักแล้ว ยังเป็นเลิศ ในการกำจัดแบคทีเรีย ที่เป็นพิษต่อร่างกายเราด้วย!!!

    รู้หรือไม่??? นอกจาก คลอเรลล่า จะเป็นเลิศในการกำจัดพิษโลหะหนักแล้ว ยังเป็นเลิศ ในการกำจัดแบคทีเรีย ที่เป็นพิษต่อร่างกายเราด้วย!!!


    ขอบคุณรูปจาก http://juicing-for-health.com/health...chlorella.html

    นอกเหนือจาก คุณสมบัติการป้องกัน และ กำจัดพิษ จากโลหะหนักแล้ว อย่างเยี่ยมยอดแล้ว คลอเรลล่า ยังมี สารพิเศษเฉพาะตัว ที่เรีกว่า "คลอเรลลิน" สารพิเศษเฉพาะตัวนี้ พอเข้ามาอยู่ในร่างกายเรา จะทำหน้าที่ ส่งเสริมแบคทีเรียที่ดีกับร่างกายให้สามารถเจริญเติบโตได้ดี ในทางกลับกัน สารนี้กลับ กำจัดแบคทีเรียที่สร้างพิษต่อร่างกาย

    จนนักวิทยาศาสตร์ขนานนาม สารพิเศษนี้ว่า "ปฏิชีวนะตามธรรมชาติ (Natural Antibiotic)" ที่หาได้ ในคลอเรลล่าเท่านั้น!!! (งานวิจัยต่างประเทศเกี่ยวกับคลอเรลลิน)


    ต้องรู้!!!
    ผลตรวจเฝ้าระวังปลาแซลมอนนำเข้าช่วง 3 ปี ไม่พบโลหะหนักปนเปื้อนเกินเกณฑ์ที่กำหนด แต่พบปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ แบคทีเรียเกินเกณฑ์อื้อ คาดปนเปื้อนทั้งจากในธรรมชาติ ขณะแล่ปลาดิบ ใช้มีด เขียง ร่วมกับของดิบอื่น สุขอนามัยคนทำแย่


    ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.thaihealth.or.th/Content/...%E0%B8%A2.html
    ชวนเพื่อนใส่ลิ้ง เปิดโลก SBNTown ใน sign เพื่อแนะนำเพื่อนๆ ในการใช้เครื่องมือของชุมชนให้มีทักษะเท่ากัน

  4. #4
    Join Date
    Jun 2010
    Posts
    336
    Warning Points:
    0/5

    รู้หรือไม่??? คลอเรลล่า สามารถช่วยร่างกายกำจัดพิษ ที่ค้างอยู่ ลึก ถึง ระดับเซลล์!!!

    รู้หรือไม่??? คลอเรลล่า สามารถช่วยร่างกายกำจัดพิษ ที่ค้างอยู่ ลึก ถึง ระดับเซลล์!!!

    คลอเรลล่า สามารถช่วยช่วยให้ เซลล์ สามารถผลิต "กลูต้าไทโอน" ได้มากขึ้น (มีการทดสอบจากงานวิจัย) กลูต้าไทโอน เป็นเอนไซม์ ที่ทำหน้าที่ กำจัดของเสีย ออกจากเซลล์ เอนไซม์ตัวนี้ เซลล์ทุกเซลล์มีความสามารถในการผลิตได้ แต่เซลล์ตับ จะสามารถผลิตได้มากกว่าที่อื่น เนื่องจาก ตับเป็นอวัยวะ หลัก ที่ทำหน้าที่ขับของเสียออกจากร่างกาย แต่ การผลิต กลูต้าไทโอน เซลล์ จำเป็นต้องใช้ กรดอะมิโนบางตัว เป็นวัตถุดิบในการผลิต ซึ่ง โดยทั่วไปกรดอะมิโนตัวนี้ ร่างกายเรามักมีไม่พอใช้งาน ในแต่ละวัน กลูต้าไทโอน จึงมักมีไม่ค่อยพอใช้งาน (จึงได้เป็นจุดเริ่มต้น ของการมีอาหารเสริม กลูต้าไทโอน เกิดขึ้น ซึ่ง การรับประทานกลูต้าไทโอน จากภายนอก กลูต้าไทโอน ที่ร่างกายรับมา ไม่ได้ผลิตเอง จะไปอยู่ที่ตับ และ จะถูกนำไปใช้งานเกือบทั้งหมดที่ตับ แต่ กลูต้าไทโอน มีผลข้างเคียง ทำให้เม็ดสีของผิว ของคนเอเชียผิวเหลือง จางลง เลยเห็นว่าผิวขาวขึ้น การขายกลูต้าไทโอนที่เรามักได้ยินกันในไทย ถูกนำเสนอแต่ผลข้างเคียงที่ทำให้ผิวขาว)


    ขอบคุณรูปจากงานวิจัย http://link.springer.com/article/10....216-009-3016-1

    การทาน คลอเรลล่า จะส่งผลให้ ร่างกายได้รับสารอาหาร พอที่จะให้แต่ละเซลล์ เริ่มผลิต กลูต้าไทโอน ของตัวเอง มาใช้งาน ขับของเสีย ของตัวเองได้ นั่นหมายถึง ร่างกายเรา จะเกิดการ "กำจัดสารพิษ (ดีท๊อกซ์) ในระดับเซลล์"


    ต้องรู้!!!
    กลูตาไธโอน คือ สารต้านอนุมูลอิสระ ที่ถูกสร้างและใช้มากที่สุดในร่างกาย นับเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องสายตาของคนเรา ช่วยเปลี่ยนแป้งที่สะสมในร่างกายให้เป็นพลังงาน และป้องกันการสะสมของไขมันซึ่งอาจนำไปสู่การเป็นโรคหัวใจ กลูตาไธโอนทำหน้าที่ปกป้องทุกเซลล์ของร่างกาย แต่เมื่ออายุมากขึ้น ปริมาณกลูตาไธโอน ในร่างกายจะลดน้อยลง หรือถูกผลิตขึ้นช้าลงและมีปริมาณน้อยลง คนเราเมื่อย่างเข้าอายุ 20 ปี ปริมาณกลูตาไธโอน ในร่างกายจะลดลงเฉลี่ย 8-12% ต่อ 10 ปี แต่หากร่างกายมีการบริโภคยาหรือเคมีมากเกินไป ปริมาณการลดลงของกลูตาไธโอนในร่างกายจะรวดเร็วกว่าที่คาดไว้ ทำให้ร่างกายเสื่อมโทรมเร็วก่อนวัย และโรคต่างๆเข้าแทรกแซงได้ง่าย



    ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/th...8%B1%E0%B8%A2/
    ชวนเพื่อนใส่ลิ้ง เปิดโลก SBNTown ใน sign เพื่อแนะนำเพื่อนๆ ในการใช้เครื่องมือของชุมชนให้มีทักษะเท่ากัน

  5. #5
    Join Date
    Jun 2010
    Posts
    336
    Warning Points:
    0/5

    รู้หรือไม่??? คลอเรลล่า มีคุณสมบัติ เป็นเลิศ ที่จะฟื้นฟูร่างกาย จากระดับเซลล์!!!

    รู้หรือไม่??? คลอเรลล่า มีคุณสมบัติ เป็นเลิศ ที่จะฟื้นฟูร่างกาย จากระดับเซลล์!!!

    เนื่องจากคลอเรลล่า มีสารอาหาร (กรดอะมิโน) ที่เป็นอะไหล่ ที่เซลล์ใช้ในการซ่อมบำรุงตัวเอง อย่างครบถ้วน จึงทำให้เซลล์ ที่เสื่อมอยู่ก่อนแล้ว หรือ ได้รับบาดเจ็บ สามารถกลับมาฟื้นตัวได้ ตามเวลา ที่กลไกของร่างกายสามารถทำได้ (ไม่ต้องรออะไหล่) ซึ่งหากรับประทานอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลให้ เซลล์ที่เสื่อมอยู่ก่อนแล้ว มีโอกาส จะกลับมาเป็นปกติได้
    (แต่ต้องเข้าใจว่า เซลล์ที่เสื่อมอยู่ก่อนแล้ว กลไกในการฟื้นตัว ก็เสื่อมอยู่ด้วย ถึงแม้อะไหล่จะครบ ก็ต้องใช้เวลา) (อ่านบทความต่างประเทศเพิ่มเติม)


    http://www.nature.com/nature/journal/v506/n7488/fig_tab/nature13058_F1.html

    การที่เซลล์ไม่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้ คือ เหตุ ของการ "เสื่อมเกินธรรมชาติ" อย่างรวดเร็ว ของร่างกาย

    เพิ่มเติม!!!
    "เมื่อรับประทานเป็นประจำ คลอเรลล่า จะช่วยซ่อม สารพันธุกรรมที่อยู่ใน เซลล์ของร่างกาย รักษาสุขภาพเรา และ ชะลอกระบวนการแก่ ... เมื่อ RNA และ DNA (RNA และ DNA คือ สารพันธุกรรม ที่ทุกๆเซลล์มีอยู่ และ จะทำหน้าที่เป็นแม่พิมพ์ สำหรับการแบ่งเซลล์ใหม่ -- ผู้แปล) ของเรา ถูกดูแลซ่อมแซมอย่างดี และ สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ร่างกายของเราก็จะสามารถกำจัดสารพิษ และ ป้องกันโรคได้ เซลล์ของเราจะสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ และ พลังงาน และ พลังชีวิต ของทั้งร่างกาย ก็จะเพิ่มขึ้น


    ขอบคุณรูปจาก http://www.bernardjensen.com/E-BOOK-...AST_p_357.html

    เคยมีหลักฐาน ว่าคลอเรลล่า สามารถทำให้มีอายุเฉลี่ยยาวนานขึ้นได้ ในหนู จากการทดลองที่ วิทยาลัยแพทย์ ใน คานาซาว่า ประเทศญี่ปุ่น พบว่า หนูที่เป็นเบาหวานตั้งแต่กำเนิด ที่ได้รับ คลอเรลล่า เป็นอาหารเสริม มีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 22.6 เดือน เทียบกับหนูที่เป็นเบาหวานแต่กำเนิดอีกลุ่ม ที่มีอายุเฉลี่ยที่ 15 เดือน ที่ได้รับอาหารธรรมดา"

    จากหนังสือ
    Chlorella, Jewel of the Far East (คลอเรลล่า อัญมณีแห่งตะวันออกไกล) โดย Dr. Bernard Jensen, Ph.D., D.O.

    *เพิ่มเติม เกี่ยวกับผู้เขียน คุณหมอ Bernard Jensen เป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน โภชนาการ โดยเฉพาะ เกี่ยวกับด้าน ชะลอความเสื่อมของร่างกาย ได้มาพบ คลอเรลล่า ที่ไต้หวัน และ ญี่ปุ่น ในช่วง ที่กำลังพัฒนาคลอเรลล่า สู่อุตสาหกรรมอาหารเสริม
    ชวนเพื่อนใส่ลิ้ง เปิดโลก SBNTown ใน sign เพื่อแนะนำเพื่อนๆ ในการใช้เครื่องมือของชุมชนให้มีทักษะเท่ากัน

  6. #6
    Join Date
    Jun 2010
    Posts
    336
    Warning Points:
    0/5

    รู้หรือไม่??? คลอเรลล่า สามารถช่วยเสริม ภูมิคุ้มกัน เป็น 2 เท่า ภายใน 2 เดือน!!!

    รู้หรือไม่??? คลอเรลล่า สามารถช่วยเพิ่มการทำงานของระบบ ภูมิคุ้มกัน เป็นประมาณ 2 เท่า (จากวิธีการวัด NK Cell Activity) ภายในระยะเวลา 8 สัปดาห์!!!

    จากคุณสมบัติตามธรรมชาติ ของ คลอเรลล่า ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ การขนส่งออกซิเจน ระบบเลือด รวมถึงระบบภูมิคุ้มกัน (อ่านเพิ่มเติม คลิ๊กที่นี่) ส่งผลให้เม็ดเลือดขาวของผู้ทานสามารถทำงานได้ดีขึ้น จึงทำให้ ร่างกายของผู้ที่ทานคลอเรลล่า มีระบบภูมิคุ้มกัน ที่แข็งแรงมากขึ้น ส่งผลให้ สามารถต้านทานต่อการติดเชื้อ โดยเฉพาะไวรัส ได้มากขึ้นกว่าในยามที่ไม่ได้ทาน


    อ่านงานวิจัยฉบับเต็ม ได้ที่ลิงค์ http://www.nutritionj.com/content/11/1/53

    มีงานวิจัย ที่ให้กลุ่มตัวอย่าง ทานอาหารเสริม คลอเรลล่า จำนวน 5 กรัม (10 เม็ด) ต่อวัน เป็นเวลา 8 สัปดาห์ และตรวจสอบการทำงาน ของภูมิคุ้มกัน พบว่า หลังจากผ่านไป 8 สัปดาห์แล้ว พบว่า ระบบภูมิคุ้มกัน ของกลุ่มผู้ได้รับ อาหารเสริมคลอเรลล่า ทำงานดีขึ้น ประมาณ 2 เท่า (จากวิธีการวัด NK Cell Activity) ของค่าเดิม


    เพิ่มเติม!!!
    ภูมิคุ้มกัน (ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการทำงานของเม็ดเลือดขาวทั้งโดยการสร้างสารภูมิต้านทานหรือแอนติบอดีและการฆ่าเชื้อโรคโดยตรง) มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคและการทุเลาบรรเทาบางเบาของโรค ๔ กลุ่มโรค ดังนี้


    ขอบคุณรูปจาก http://www.bloggang.com/viewblog.php...p=14&gblog=501

    โรคติดเชื้อ ทั้งเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา
    โรคมะเร็งต่างๆ
    โรคภูมิแพ้ เช่น แพ้อากาศ (หวัดภูมิแพ้) โรคหืด ลมพิษ เป็นต้น
    โรคภูมิต้านตนเอง เช่น แผลร้อนใน (แผลแอฟทัสในช่องปาก) โรคปวดข้อรูมาตอยด์ คอพอกเป็นพิษ เป็นต้น

    จากบทความต้นฉบับ http://www.doctor.or.th/article/detail/11018
    ชวนเพื่อนใส่ลิ้ง เปิดโลก SBNTown ใน sign เพื่อแนะนำเพื่อนๆ ในการใช้เครื่องมือของชุมชนให้มีทักษะเท่ากัน

Comments from Facebook

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •