คลอเรลล่า (Chlorella) คือ ??

พืชน้ำเซลล์เดียว ที่เกิดมาตั้งแต่ยุคแรกๆ ของสิ่งมีชีวิตบนโลก (หลายพันล้านปีก่อน) ชื่อ คลอเรลล่า นั้นมาจาก ศัพท์กรีกโบราณ ที่แปลว่า "สีเขียว" เนื่องจาก สีของคลอเรลล่า ที่มีสีเขียวเข้ม ซึ่ง มาจากคลอโรฟิลด์ คลอเรลล่า เป็น สิ่งมีชีวิต (พืช) ที่มี ปริมาณ คลอโรฟิลด์ ต่อน้ำหนัก มากที่สุด ในโลก (มากกว่า หญ้าอัลฟฟ่า 10 เท่า และ มากกว่า สาหร่ายสไปรูริน่า 4 เท่า)


ขอบคุณรูปภาพจาก http://healthbenefitsofeating.com/se...its-chlorella/
อย่างที่เรารู้กัน ว่า คลอโรฟิลด์ ที่มีในพืชนั้น ทำหน้าที่ สังเคราะห์แสง และ ผลที่ได้จากการสังเคราะห์แสง คือ อ๊อกซิเจน

เรารู้กันว่า อ๊อกซิเจน นั้น คือ สารสำคัญ ที่เราต้องใช้ ในการหายใจ แต่นั่นยังไม่จบ


ที่ผ่านมา เราเคยเห็น เหล็ก ที่ถูกทิ้งไว้กลางแจ้ง ให้ตากลม ตากฝน ไหมครับ พอวันเวลาผ่านไปนานๆ เข้า สิ่งที่เราเห็น เกิดขึันกับเหล็ก นั้น คือ "สนิม" สนิมนั้น เกิดจาก อ๊อกซิเจน ทำปฏิกริยาบางอย่างกับเหล็ก จน หลุดเข้าไปแทรก ระหว่างโมเลกุลของเหล็กได้ (ปฏิกริยานั้น ทางวิทยาศาสตร์เรียกว่า อ๊อกซิเดชั่น) และ เหล็กที่เป็น สนิม นั้น จะเห็นว่า จะเปราะ และ ใช้งานไม่ได้ ส่วนใหญ่เราต้องนำไปทิ้ง นั่นหมายถึง "เหล็ก" ยัง "เสื่อม" จนเปราะได้ เมื่อทำปฏิกริยากับอ๊อกซิเจน


ขอบคุณรูปภาพจาก http://www.oknation.net/blog/estimat.../11/26/entry-1
ขอบคุณรูปภาพจาก http://hybel.deviantart.com/art/Rust-Texture-4345834
คำถามคือ ร่างกายเราหล่ะ ไม่ "เสื่อม" เพราะปฏิกริยาออกซิเดชั่น บ้างหรือ แล้ว ถ้า "เสื่อม" ทำไมเราอยู่มาได้หลายสิบปี ทั้งๆ ที่เหล็ก อยู่มาได้ไม่นานก็เปราะ

พอเรารู้ว่า เหล็กนั้น อยู่กลางแจ้งไม่นาน ก็เป็นสนิม และรู้ว่าเป็นเพราะสัมผัสกับอ๊อกซิเจน เราเลยคิดค้นวิธีการง่ายๆ ขึ้นมา นั่นคือ เอาสีน้ำมัน มาทาเคลือบ และ การนำสีน้ำมันมาทาเคลือบ จะสามารถป้องกัน อ๊อกซิเจน มาสัมผัสกับเหล็ก โดยตรงได้ จะเห็นว่า หลังจากทาสีน้ำมันแล้ว เหล็ก เราจะไม่เห็นการเป็นสนิม จนว่า สีน้ำมันจะลอก และ เราจะเริ่มเห็น ส่วนที่สีน้ำมันลอกแล้วนั้น เป็นสนิมก่อน นั่นแสดงว่า การทาสีน้ำมันนั้น สามารถ "ป้องกัน" การเป็นสนิมได้จริง


ขอบคุณรูปภาพจาก http://www.dreamstime.com/stock-imag...-image10290544
ขอบคุณรูปภาพจาก http://www.texturezine.com/gallery/w...st-texture-02/
ระบบร่างกายเราเอง ก็มีการป้องกัน การเสื่อม จากการสัมผัสออกซิเจน ในลักษณะเดียวกัน โดยที่ร่างกายจะผลิตสารออกมา ป้องกัน ออกซิเจนเข้ามาทำปฏิกริยา กับร่างกายโดยตรง ที่ก่อให้เกิดความเสื่อมได้ สารนั้น เรียกว่า "สารแอนตี้อ๊อกซิเดชั่น" หรือ "สารต้านอนุมูลอิสระ" ที่เราน่าจะเคยได้ยินกันครับ แต่สารนี้ ร่างกายมักจะสร้างมาไม่พอใช้ เพราะ สารอาหารไม่ครบ เลยต้องมีการทานเสริม จากภายนอก


ขอบคุณรูปจาก http://www.keycompounding.com/dispel...prevent-aging/
คราวนี้ กลับมาดู คลอเรลล่ากันต่อ

ในเมื่อเป็น พืชเซลล์เดียว ที่มี ปริมาณคลอโรฟิลด์ ต่อน้ำหนัก สูงที่สุด แปลว่า หลังจาก สังเคราะห์แสงได้แล้ว จะมีปริมาณอ๊อกซิเจน ต่อน้ำหนักตัว มากที่สุดด้วย

คำถามคือ ทำไมเซลล์คลอเรลล่า ถึง ไม่เสื่อม ??

หลังจาก ที่นักวิทยาศาสตร์ ได้ หาคำตอบของคำถามนี้ จึงพบข้อเท็จจริงว่า คลอเรลล่า เป็นสิ่งมีชีวิต ที่มี สารต้านอนุมูลอิสระ ในตัวเอง สูงมาก ถือได้ว่า สูงที่สุดตัวหนึ่งของโลก (จริงๆแล้ว โดยตรรกะ ควรจะต้องสูงที่สุดในโลก แต่ยังไม่พบข้อมูลยืนยันครับ) และ ที่สำคัญ สารต้านอนุมูลอิสระ ที่คลอเรลล่าใช้ในเซลล์ของตัวเองนั้น เซลล์ร่างกายเรา สามารถใช้สารนั้นได้ด้วย!!! (สารต้านอนุมูลอิสระ สามารถมีได้หลายรูปแบบครับ)

ยังไม่จบครับ ด้านบนนี้ (คลอโรฟิลด์ และ สารต้านอนุมูลอิสระ) เป็นของแถม ที่ร่างกายจะได้รับ จากการทานคลอเรลล่า กำลังจะเข้า ฟังก์ชั่นหลักครับ