มีลูกสาวเก่งอย่างนี้ พ่อ-แม่ปลื้มตาย.. ฝากแสดงความยินดีกับคุณพ่อ-คุณแม่ด้วยนะคะ
ทุกอย่างมีดี มีร้ายค่ะ จะเล่าให้ฟัง แล้วเลือกที่เหมาะสมกับตัวเองนะคะ
1..การเรียน การทำงาน หมอโหดกว่าหมอฟันแน่นอน
ที่สำคัญต้องอยู่เวร และเมืองไทยใช้งานหมอโหดมาก ต้องทำงานติดต่อกัน 36 ชั่วโมงรวด แม้วันหยุดก็ต้อง round word การลางานแต่ละครั้งต้องเคลียร์งานเหล่านี้กับเพื่อนให้ได้ ไม่งั้นถูกตราหน้าตลอดกาล
หมอฟันไม่ต้องอยู่เวร ไม่มีผู้ป่วยใน
2..งานของหมอฟันอยู่ในวงแคบกว่า ทางเลือกมีน้อย
การทำงานที่เป็นdisease จริงๆน้อย ทางเลือกอื่นๆ เช่น จัดฟัน ฟันปลอม ขึ้นอย่กับความพึงพอใจของลูกค้า ถ้าเป็นคนที่เจรจาไม่เก่งจะรุ่งยากมาก ที่สำคัญขณะทำงานลูกค้าพูดไม่ได้ด้วย
งานหมอเป็นการรักษามีเยอะกว่า และได้พูดคุยตลอดเวลา
3..หมอฟันกะหมอผ่าตัด อายุการใช้งานสั้น พอเริ่มสายตายาวการงานก็ไม่เนียนเหมือนหนุ่ม-สาวแล้ว ขณะที่หมอเด็ก -อายุรกรรม ยิ่งแก่ยิ่งเขี้ยว
การมีงานทำตอนแก่สำคัญนะคะ...คนแก่ขอเตือน...
หนทางในวิชาชีพนี้อีกยาวไกลค่ะ การสอบได้เป็นเพียงจุดเริ่มนะคะ รับรองการเรียน ความขยันก่อน entrance จิ๊บๆ แต่เครียดน้อยกว่าเพราะไม่ต้องแข่งกับคนอื่นแล้ว
ต่างๆนาๆ ดังกล่าวมาแล้ว เจ้าลูกชายป้าเองก็เลือกเรียนหมอค่ะ....ทุกวันนี้ก็ยัง happy ดี ยังไม่กลับมากัด พ่อ-แม่ ว่าชี้ทางลำบาก
การช่วยเหลือคนและสังคม ไม่ว่าอาชีพไหนๆ ก็ทำได้เหมือนกัน เพียงแต่ต่างบทบาทเท่านั้น อย่าไปมัวเปรียบเทียบกับใครเขา ดูตัวเองพัฒนาตัวเองดีกว่าค่ะ
ยินดีด้วยนะคะ
ค่อยๆทำ ลด ละ เลิก shopping....
แค่คิดก็ใจจะขาด