Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Page 1 of 4 1 2 3 ... LastLast
Results 1 to 10 of 40

Thread: TM: ++ ยุโรปตะวันออก ดินแดนในฝันที่จะระลึก และระทึกตลอดกาล ++

  1. #1
    oate_gun is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    6
    Warning Points:
    0/5

    Smile TM: ++ ยุโรปตะวันออก ดินแดนในฝันที่จะระลึก และระทึกตลอดกาล ++

    == ป้ายหัวแบบนี้มีความหมายค่ะ วันนี้จะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยมากๆ สวยเกินกว่าในฝันสะอีก ที่นั่นก็คือยุโรปตะวันออก ( เยอรมัน ฮังการี ออสเตรีย เชค สโลวัค ) เชื่อว่าพูดถึงยุโรปหลายคนคงนึกถึง อิตาลี สวิต ฝรั่งเศส แต่จะแนะนำความสวยอีกฝากฝั่งของยุโรปให้เพื่อนๆได้เห็นความงามทั้งวิวทิวทัศน์ สถาปัตยกรรม และก็ความน่ารักของคนที่โน้นกันค่ะ
    สดๆร้อนกันเลย ทริปเดินทางเริ่มออกเมื่อวันที่ 9 เมษา 53 นี้เองจ้า บินตรงเข้ามิวนิคประเทศเยอรมันถึงก็มืดแล้ว ทันที่ที่ออกจากสนามบินความหนาวเย็นก็เข้ามาทักทายเลย แถมเช้ามาหิมะตกอีก เลยหนีนั่งรถไปเที่ยวออสเตรียกันก่อนที่เมืองซาลส์บวร์กก่อน เมืองที่เขาถ่ายหนังเรื่อง Sound of Music แอบบอกว่าหนังเรื่องนี้นานมาก เข้าไปสวนมิราเบล และก็เมืองบ้านเกิดของโมสาร์ท อากาศที่นี่มันเหมือนฝันๆ มีหมอกๆตลอด แถมฝนตกนิดๆ ทำให้อากาศที่หนาวอยู่แล้วยิ่งทรมานเข้าไปใหญ่เลย เมืองนี้รวยจากการทำเกลือ ซาลส์แปลว่า เกลือ และ บวร์ก แปลว่าเมืองค่ะ







    มาเดินทางต่อกันเลยค่ะ ครวนี้เราจะเข้าประเทศเชคกันละนะ เมืองเชสกี้ครุมลอฟนี้ได้รับการยกย่องจากยูเนสโก้ให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี 1992 เมืองจะอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำวัลตาวา เมืองนี้น่ารักที่สีสันของหลังคาบ้านค่ะ ดูส้ม แต่รูปแบบทุกอย่างเป็นของเก่าร้อยๆปีเลยนะค่ะ ตั้งแต่ยุคกลาง และที่นี่ก็มีปราสาทคลุมลอฟ ซึ่งเป็นปราสาทที่ใหญ่รองจากกรุงปร๊ากเลย ปราสาทที่นี่เขาจะตั้งอยู่บนเขา แต่อยากบอกว่าดูน่ากลัวมากกว่า แถมไกค์เรายังบอกว่าปราสาทนี้ไม่มีคนเข้าตอนมืดเลย เจอกันเยอะละ สถาปัตยกรรมของปราสาทจะเป็นภาพเขียน และทรงจะออกแนวโกธิก คือ หนาๆ ทึบๆ สูงๆ คนพื้นเมืองที่นี้เป็นชาวสลาฟ พูดภาษาเชค คนเชคเขาค่อนข้างแปลกค่ะ จิงๆน่ารัก มีน้ำใจ แต่ชอบหน้าบึ้งๆ ไม่ยิ้มแย้ม ชอบเก็บตัว สันนิฐานว่าแต่ก่อนคงจะถูกบีบจากรัสเซียบ้าง เยอรมันบ้าง เขาเลยมีลักษณะเก็บตัวไม่สุงสิงกะใคร

    ทางเข้าปราสาทค่ะ


    อันนี้ในปราสาทละ แอบบอกว่าภาพนี้ถ่ายตอนเกือบๆ2ทุ่มของที่โน้นค่ะ ยังสว่าง แต่หนาวมากๆ
    ลายคล้ายหินที่กำแพงนั่นเป็นภาพวาดหมดเลยนะค่ะ


    รูปนี้มองไปด้านหลังจะเห็นหลังคาบ้าน มองลงไปคล้ายบ้านตุ๊กตา หรือแบบจำลองเลยน่ารักดี


    ภาพนี้เป็นสวนหลังปราสาทค่ะ กว้างมาก


    ในสวนปราสาทมียามเฝ้าด้วยนะค่ะ อิ อิ


    โรงแรมที่ได้พักน่ารักแบบต่างจังหวัดๆดี ริมหน้าต่างจะติดกะริมน้ำ น้ำใสแจ๋วเลย เกิดจากการละลายของหิมะ โรงแรมที่นี่ไม่มีแอร์ แต่จะเป็นฮิตเตอร์มากกว่า เรานอนไม่เปิดมันหรอก แต่เปิดหน้าต่างแทนจะได้หายใจออก เย็นมากๆเลย รู้สึกเหมือนหมูโดนแช่แข็ง

    ห้องที่พักไม่กว้างเท่าไหร่ แต่บรรยากาศสุดยอดเลย มีธารน้ำกั้นกะเมือง นอนบนเขาค่ะ


    ภาพนี้ลงมาถ่ายในเมืองละ ถ่ายตอนเช้าๆ ใส่เสื้อ 3 ชั้น ด้านบนที่เห็นยาวๆนั้นคือปราสาทค่ะ


    อยู่นี้ไม่ดีอย่าง แต่งตัวอะไรยังไงก็เท่านั้น เพราะต้องมีเสื้อหนาวใส่คลุมตลอด แถมเสื้อที่ใส่ก็เป็นของคุณแฟนค่ะ ดันลืมเอาไปแขวนไว้อย่างดี รูปแต่รูปที่ได้เลยตัวเป็นหมีไปหมด

    ภาพนี้หน้าทางเข้าปราสาท แต่มาถ่ายรูปเอาเช้าอีกวันที่กำลังจะออกไปอีกเมืองหนึ่ง


    แอบถ่ายน้องหมาที่นี่น่ารักมาก เจ้าของเขาผูกไว้ตอนเข้าไปติดต่อไปรษณีย์ นั่งนิ่งเลย


    ดูสิว่าท่อน้ำบ้านเขาน่ารักแค่ไหน


    ต่อจากคลุมลอฟเราก็มาเข้าเมืองคาร์โลวีวารี เมืองนี้มีน้ำพุร้อนถึง 12 บ่อเลยค่ะ ที่นี่การมีน้ำพุร้อนถือว่าเป็นเรื่องแปลกนะค่ะ เพราะบ้านเขาหนาว ลักษณะของเมืองอยู่บนหุบเขา อากาศไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ หนาวแถมลมแรงอีก แต่เมืองตึกสวยค่ะ แบรนด์เนมเยอะ แต่แพงมาก เพราะเป็นเมืองที่คาสิโนเยอะ คนส่วนใหญ่ในเมืองนี้อาชีพนายแบงค์กว่า 80 % เลย ที่นีได้กินปลาเท้าส์ด้วย อร่อยดีแต่ก้างเยอะไปหน่อย จิงๆอร่อยเพราะแจ่วของไกค์ที่เอาไปค่ะ เข้ากันได้อย่างดี แบบว่าไกค์น่ารักเข้าใจว่าคนไทยกินอาหารรสจัด เลยเตรียม มาม่า น้ำจิ้ม ไปให้ด้วย

    เมืองเขาจะทางขึ้นๆลงตลอดเลยค่ะ


    อันนี้หน้าร้านอาหารที่ปลาอร่อยค่ะ


    หลังจากอิ่มอร่อยก็เดินทางต่อเข้าที่พัก พรุ่งนี้เช้าเราจะไปกรุงปร๊ากกันละนะ ได้ยินมานานละว่าสวยนักหนา ได้เห็นของจิงก็สวยอย่างที่เขาว่ากันละค่ะ แต่โบสถ์เซนต์ไวตัสแอบเถี่ยงว่าอิตาลีสวยกว่า เขาบอกว่าโบสถ์จะลอกเลียนมาจากโบสถ์วาติกันที่กรุงโรม

    หน้าปราสาทกรุงปร๊ากค่ะ


    อันนี้หน้าโบสถ์ ทั้งสูงและใหญ่ แอบคิดเหมือนกันว่าประตูสูงขนาดนี้
    คนสมัยก่อนเขาจะสูงกันแค่ไหน ไม่เข้าใจจะสูงไปไหนกัน เมื่อยคออ่ะ



    ด้านในโบสถ์ค่ะ โล่งๆ สูงๆ




    อันนี้คือรอบๆโบสถ์ค่ะ สวยดี ลมแรงมากสังเกตจากผมได้เลย




    วิวจากด้านบนมองออกมาจะเห็นเมืองเชคอย่างนี้เลยจ้า


    ออกจากปราสาทก็มาที่สะพานชาร์ล 2 ข้างของสะพานจะมีรูปปั้นของนักบุญทั้งหลายของเขา
    บนราวสะพาน เขาว่ากันว่า ให้เดินไปลูบตรงรูปปั้นของนักบุญ เนโปมุขแล้วก็อธิษฐาน
    สิ่งที่ขอก็จะสมหวัง งานนี้เราไม่พลาดแน่นอน สังเกตุดีๆว่า โลหะมันวาวเลย คนคงลูบกันเยอะจ้า


    แอบหน้าเสียเล็กน้อยเพราะหนาว ลมแรง แถมฝนก็กำลังจะตกแว้ว


    บรรยากาศสะพาน คนเยอะมาก ของขายก็เยอะด้วย ส่วนมากจะเป็นคนมานั่งวาดภาพ คล้ายสะพานพุทธบ้านเรา
    กะของที่ระลึก แต่ไกค์เราบอกว่าจะซื้อของที่ระลึก ให้เลือกแบบโดดๆเลย ไม่งั้นมันจะกลายเป็นของที่ระทึกไป
    555 หมายความว่า คือเจอแบบเดียวกันตามเยาวราช หรือคลองถมค่ะ


    บรรยากาศปลายสะพานที่มองไปเห็นปราสาทค่ะ ไกลๆโน้น


    ต่อมาเราก็มาที่นาฬิกาโบราณ นาฬิกาอันนี้เขาทำขึ้นตั้งแต่สมัยเก่า สามารถบอกน้ำขึ้น
    น้ำลงในสมัยก่อน แต่ตอนนี้ใช้ได้แค่บอกเวลาเองจ้า ทุกๆชม. จะมีตุ๊กตาออกมาคล้ายกุ๊กกู
    และก็มีกระดูกตีระฆัง เขาบอกว่าความหมายเจ้าตัวกระดูกที่ตีระฆังนี่ มีความหมายเตือนให้เราทุกคนรู้ว่าเวลาได้ผ่านไปสู่ความตาย
    และก็ให้คนทุกคนได้ทราบว่าทุกคนล้วนต้องตาย แต่แอบเตือนใจตัวเองว่า เราได้ทำอะไรดีๆ
    หรือทำในสิ่งที่อยากจะทำแล้วหรือยัง เศร้าจัง



    บรรยากาศรอบๆตรงจัตุรัสนาฬิกาโบราณจ๊ะ


    ต่อมาก็ได้ shopping แว้ว แต่กระซิบบอกต่อๆกันเลย แบบว่ามารู้ที่หลังค่ะว่า ที่เชคของเเพง เพราะเขาคูณ vat 20%
    แต่ได้คืน 12% แต่ตอนแรกที่เขาบอกราคาเรา เขาไม่ได้บอกนะว่าต้องคูญภาษีอีก พอซื้อไปแล้ว มาดูบิลงงเลยเรา
    แพงกว่าฝรั่งเศสต้อง 100 กว่า euro แน่ะ แต่เขาใช้เงินเชค เลยงงกะตัวเลข แต่พนักงานน่ารักค่ะ ใจดีมาก อยากดูอะไร
    ก็หยิบให้ดูตลอด


    หมดวันละ เช้ามาก็ออกเดินทางจากเชคเข้าสโลวัค เมืองนี้ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ค่ะ แต่เด็กที่นี่เขาน่ารักดี ผิวขาววิ้ง
    ละเอียดยิบ อย่างกะไม่มีรูขมขนเลย

    ด้านหลังเขาว่าเป็นที่ทำงานของรัฐบาลบ้านเขา แต่ตอนนี้ปรับปรุงอยู่


    ตกเย็นเข้าถึงฮังการี ทานอาหารพื้นเมือง แต่เราไม่ปลื้มเท่าไหร่ เหมือนทำให้คิดว่าคนเขาน่าสงสาร เพราะอากาศหนาว
    คนเขาคงต้องมารวมๆกันกินข้าว คือมีอะไรก็เอามารวมๆทำ รสชาดมี 3 รสค่ะ คืด จืด - โครตจืด - และก็เค็มเลย
    แต่ร้านนี้เขามีกิจกรรมการเล่นดนตรี เต้นรำ และก็กรอกไวน์ใส่ปากลูกค้า สนุกดีค่ะ มีชาวรสทูเนีย จีน เยอะเต็มไปหมด อบอุ่นดี



    ออกจากร้านอาหารเข้าที่พักบอกได้คำเดียวว่าวิวสวยที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาเลย โอ้แม่จ้าว บูดาเปสต์ ทำไมถึงได้สวยขนาดนี้นะ
    เพราะจะมองเห็นอาคารรัฐสภาที่ใหญ่สุดในโลก และปราสาท ที่เขาเปิดไฟไว้ งามสุดๆ เขาบอกกว่า บูดา แปลว่าแผ่นดิน เปรส แปลว่าภูเขา ซึ่งแต่ก่อนแยกจากกัน โดยมีแม่น้ำกั้นไว้ เพิ่งจะมารวมกันเลยเรียกว่า บูดาเปรสต์ พักที่ marriott ติดริมน้ำ หน้าโรงแรมมีร้าน
    อาหารไทยของแม่ชาคริต แย้มนาม ชื่อว่า บ้านริมน้ำด้วยค่ะ

    ถ่ายหน้าโรงแรม ที่เห็นอาคารข้างๆไกลนั้นละค่ะ อาคารรัฐสภาที่ว่าเปิดไฟสวยๆ


    อ้าวข้ามฝั่งแผ่นดินมาที่ภูเขากันแล้วนะ ขึ้นมาที่โบสถ์และป้อมชาวประมงของเขากัน จุดนี้เห็นวิวเมืองได้ชัด และสวยจนบรรยายไม่ถูก
    ไม่เหมือนกะมาเห็นด้วยตาหรอกค่ะ แต่เอาน้ำจิ้มไปดูก่อนละกันนะ





    แอบเห็นเป๋าใหม่เราแล้ว ไม่ค่อยเห่อเลย








    เดี๋ยวกลับมาเล่าต่อนะ

    ** กลับมาต่อแว้วจ้าวคร๊า หลังจากที่ขึ้นเขาแล้ว เราก็ได้มีโอกาสล่องเรือชมเมืองบูดาเปรสต์ใน version น้ำๆกันบ้าง
    โถ โถ เปียกฝนไม่พอ เนี่ยจะต้องมาลงเรือเปียกน้ำอีก แต่พอได้ขึ้นเรือก็รู้สึกดีค่ะ เรือเขาเป็นเรือกระจกรอบลำ และพอนั่งที่เขาก็จะมีมาถามว่าเราจะรับเครื่องดื่มอะไร ไกค์บอกว่าขาไปเขาให้เราเลือก แต่ขากลับเขาเลือกให้เรา ด้วยความที่รสชาดน้ำส้มที่นี่เปรี้ยวมาก โอ๊ดก็เลยเลือกโคคา โคล่าแทน ซึ่งปกติไม่ดื่มน้ำอัดลม แต่โค้กบ้านเขาอร่อยดีค่ะ ไมซ่าดี ตรงที่นั่งแต่ละที เขาจะมีหูฟัง และกล่องๆ ให้เรากดเลือกภาษาที่เขาจะบรรยายประวัติความเป็นมาต่างๆของสถานที่ที่เราจะนั่งเรือผ่าน แต่ขอติอย่างแรงค่ะว่าภาษาไทยเขาแย่มาก แบ่งวรรคตอนไม่ค่อยถูก แถมคนพากย์ก็เสียงแข็งกว่าถ่องสะอีก

    Oate_Gun ++ ของดีไม่จำเป็นต้องแพง แต่ว่าของแพงมักจะดี ++ ( คุณว่าจิงอ่ะป่ะ )

  2. #2
    wawe's Avatar
    wawe is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    685
    Warning Points:
    0/5
    ยินดีกับกระเป๋าใบใหม่ด้วยนะคะ รีวิวกำลังสนุก พี่ขอรอชมต่อค่ะ
    ความง่ายอยู่ที่ปาก ความยากอยู่ที่ทำ
    การรู้จักปล่อยวาง เป็นวิถีทางแห่งความสุขสงบ
    มนุษย์ย่อมได้รับผลของการกระทำของตนเสมอ อาจจะเร็วหรือช้าเท่านั้น

  3. #3
    nattarika's Avatar
    nattarika is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Location
    Bangkok @ Belgium
    Posts
    2,558
    Warning Points:
    0/5
    ตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะ รูปสวยทุกรูปเลย นางแบบในรูปก็น่ารักมากๆเลยค่ะ
    :-)

  4. #4
    Join Date
    May 2010
    Posts
    1
    Warning Points:
    0/5
    อ่านแล้วเพลินจังแถมถ่ายรูปสวยดีครับ อย่าลืมเอามาโพสต์อีกนะครับ

  5. #5
    makeberry's Avatar
    makeberry is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    35
    Warning Points:
    0/5
    น่าไปจริงๆด้วยค่ะ เดี๋ยวเก็บตังค์ไปเที่ยวมั่งดีกว่า ^____^


    I would rather hurt myself
    Than to ever make you cry
    There's nothing left to say but goodbye

  6. #6
    oate_gun is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    6
    Warning Points:
    0/5
    ขอบคุณมากค่ะที่ร่วมเดินทางด้วยกัน ส่วนความงามของรูปต้องยกความดีงามให้คุณแฟนค่ะ ที่เน้นวิวมากกว่าคน เพราะบางรูปนางแบบหลับตา
    เหมอๆ คุณชายก็ถ่ายค่ะ เพราะวิวและแสงแสง กำจิงๆ

    ** อ้า...เรามาต่อกันค่ะ หลังจากขึ้นเรือเราก็ได้มีโอกาสไปที่อีกโบสถ์ และในโบสถ์นี้ก็มีพิพิธภัณฑ์ด้วยค่ะ แต่เขาไม่ให้ถ่ายรูปข้างในเลยไม่มีรูปมาฝาก แต่ก็ถ่ายด้านหน้ามานะค่ะ
    ยิ่งใหญ่อลังไม่แพ้กันเลย ด้านหน้าของสถานที่นี่ จะเป็นลานโล่งๆค่ะ ลมพัดค่อนข้างแรง เราเลยมีรูปเด็ดๆของน้องหมาที่เจ้าของเขาพามันมาเดินเล่น ซึ่งน้องหมาสั่นระริกเลย โถ..โถ น่าสงสารมาก
    คนที่นี่เขารักหมากันนะค่ะ จะมีคนพาเจ้าหมามาเดินเล่นเยอะมาก และหมาบ้านเขาก็ไม่ดุ แถมขี้เล่น สั่งอะไรก็ทำตาม ยิ่งถ้าคนที่จูงมันเป็นคนมีอายุ มันก็จะเดินช้าๆ ไม่กระชากเจ้าของหรือวิ่งคึกแบบบ้านเราเลย
    ยิ่งบางตัวเป็นอะไรที่ซึ้งมากค่ะ ทุกก้าวที่มันเดินมันจะหันมามองหน้าเจ้าของว่าเดินทันไหม เจ้าของทำอะไร ตลอดเลย เหมือนสายตาของมันมีไว้มองเจ้านายเพียงอย่างเดียว อิจฉาเจ้าของน้องหมาจัง
    มีหมาน่ารัก แต่เจ้านายน้องหมาอ่ะจิ ไม่เข้าใจนะ แบบว่าอากาศบ้านเขาก็เย็น ลมก็แรง แต่หมาเขาไม่ใส่เสื้อผ้าเลยสักตัว ยิ่งตัวในรูปนี่น่าสงสารที่สุด ลองดูกันค่ะ



    ตัวที่ไม่มีขนมันสั่นตลอดเลย ...ฉงฉานน้องหมา




    ภาพนี้ด้านหน้าเป็นลานกว้างๆ ข้างๆรอบๆจะมีร้านขายของที่ระลึกค่ะ





    ภาพนี้หน้าร้านขายของที่ระลึกค่ะ แพงๆมาก ที่เปิดฝาขวดอันละ 500 บ้าไปแล้วถ้าจะซื้อ



    หลังจากที่เล่นลัน..ลา ได้สักพัก เราก็ไปต่อกันที่อนุสาวรีย์ HERO เดาเอาว่าน่าจะคล้ายๆอนุสาวรีย์ชัยบ้านเรา แต่ของเขาใหญ่กว่าค่ะ แต่ไม่ดีเลย
    ฝนตัก เลยถ่ายมาแค่รูปเดียว ระหว่างทางที่จะไปอนุสาวรีย์นี้ สองข้างทางจะคล้ายถนนในปารีส เส้นหน้าตาแบบนี้ บ้านเราก็มี เขาเรียกกันว่า little paris
    จะมี shop brandname ขาย และก็มี acadamy สอนเกี่ยวกับดนตรีเยอะมาก ทุกแขนงเลย เลยนึกได้ถึงหนังเรื่อง season change
    ที่พระเอกจะชิงทุนไปเรียนต่อด้านดนตรีที่นี่แหละ



    ว้า..หมดไปอีกหนึ่งวันละ ร่ำลาเมืองอันแสนสวยไปเดินทางต่อเข้าออสเตรียอย่างจิงจังละ ที่ผ่านๆมา คือประมาณว่าเข้าออสเตรียแบบทางผ่านค่ะ
    เช้าวันนี้เราจะไปเข้าวังกันแล้วจ้า ที่นี่คือพระราชวังเชิงบุณ วังนี้เขา copy มาจากพระราชวังแวร์ซายด์ที่ฝรั่งเศสเลยค่ะ แต่ด้านในงง เเละมึนหัวกะพระนางมาเรียแทน
    เพราะพี่แกเล่นแต่วัง แต่ละห้องไม่เหมือนกันเลย งานไม้แกะสลักแยะมากสีทองๆทั้งนั้น เห็นแว้วลายตา แอบฉงวนใจอยู่ภาพนึงคือภาพท่าน Luwid แต่เพื่อนสาวนะยะ 4 สาว
    ที่ไปในทริปเดียวกันนี่ ดันเปลี่ยนเป็นชื่อท่านวิกหลุด ฮาแตกเลยเรา ต่อๆกันที่ความพิศวงของรูป ใครได้ไแจะรู้ หรือท่านที่กำลังจะไปแนะนำให้ลองไปทำตามดูจะแปลกใจค่ะ ถ่ายรูปมาให้ดูไม่ได้ เพราะที่นั่นห้ามถ่ายตามระเบียบ คือภาพนี้ให้สังเกตตรงปลายรองเท้าของท่าน จากตอนที่เราจะเดินเข้าห้องลองจินตนาการนะ ว่าออกจากห้องหนึ่งไปอีกห้อง ภาพนี้จะอยู่ขวามือ และปลายรองเท้าของท่านจะหันมาหาเราเอียง 45 องศาทางขวา แต่พอเราเดินผ่านภาพนี้มองไปที่รองเท้า เหมือนว่ารองเท้ามันหันตามที่เราเดินคือหันเข้าหาตัวเราจนสุดทาง เหมือนรองเท้ากลายเป็นหันมาทางซ้าย ไกค์ของที่โน้นเขาจะบอกว่าให้สังเกตที่ตาของภาพนี้ คือเหมือนกะท่านจะมองตามเราตลอด ออกแนวหลอนๆ แต่เราว่าที่ตายังไม่เท่าไหร่ ไอ้เท้านี่แหละชัดๆเลย มีโอกาสไปลองดูว่าจิงไหมนะ






    ทางเข้าวังว่าไกลแล้ว ลองมาดูสวนหลังบ้านกัน จะไกลจะกว้างไปไหน อยากรู้เนอะ เคยเดินหมดไหมอ่ะ





    กำลังงง กับรูปปั้นรูปนี้ว่าทำท่าอย่างนี้เขาคิดอะไรอยู่ คุณแฟนเลยแอบถ่ายก็ขำๆดีจ๊ะ



    น้ำพุที่เห็นไกลๆในภาพก่อนนี้ค่ะ



    อีกมุมของวังที่เราถ่ายออกมาจากทางน้ำพุค่ะ



    ออกจากพระราชวังกันแล้ว ไกค์ก็พาเราไปที่รูปปั้นของพระนางมาเรีย พระนางมาเรียนี่เธอแสนดีมากๆเลยค่ะ เธอเป็นบันไดให้ลูกสาวของเธอเหยีบขึ้นไปเป็นราชินีของแต่ละประเทศ
    แบบว่าลูกสาวเยอะ เลยให้ไปแต่งงานกะประเทศต่างๆในยุโรปเพื่อคานอำนาจ ในการที่จะมายึดครองรุกรานประเทศจ๊ะ ทั้ง อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส โรมัน
    ไปหมดเรียกได้ว่าเป็นแม่ยายของทวีปยุโรปก็ว่าได้เลย



    สองข้างของอนุสาวรีย์นี้ จะมีพิพิธภัณฑ์ ล้อมเลยค่ะถึง 3 อาคาร แต่ละอาคารจะแบ่งสมบัติออกเป็น ภาพวาด ถ้วยชาม รูปปั้นต่างๆ เป็นคนละอาคารๆไปเลย



    พิพิธภัณฑ์ที่ว่าค่ะ


    .. ออกจากนี่เราก็จะได้มีโอกาส shop กันละที่ถนนคาร์ทเนอร์ หัวมุมถนนจะมีโรงแรมเก่าแก่ชื่อ ซัคเกอร์ โรงแรมนี่แหละที่ไกค์บอกว่า
    มีขนมขึ้นชื่อ และมีขายที่เดียวไม่มีสาขา เป็นคล้ายๆขนมที่เอาหลายๆอย่างมารวมกันขึ้นเป็นเค้กซึ่งขายดีมากๆ งานนี้ก็ไม่พลาดอีกเช่นกันค่ะ
    หน้าของขนมจะเหมือนบราวนี่เลย แต่จะดูเข้มข้นกว่า มีห่อพร้อมขายเลย หรือจะเอาเป็นปอนด์ก็มีเยอะมาก เราคิดเลยว่าขายดีเพราะทำไว้เยอะ
    และห่อพร้อมหยิบจะได้ไม่เสียเวลาลูกค้า กล่องก็น่าหม่ำมาก สวยเชียว



    หน้าตากล่องค่ะ สวยไหม กล่องด้านใน






    หน้าเค้กดูดี มีสกุลมากเลยใช่ไหม เดี๋ยวขึ้นรถได้จะชิมเลย แต่ตอนนี้ไปถ่ายรูปก่อน



    ถนนแห่งนี้คนค่อนข้างเยอะเลย กว่าจะไปถึงก็ 3-4 โมงเย็นละ คนที่นี่เขามาดื่มกาแฟนั่งเล่นชิวๆกัน มีคนมาทาตัวเล่นตลกเเบบใบ้ แสดงดนตรี ต่างๆ
    กายกรรม เหมือนการแสดงเปิดหมวกทำนองนั้นเลย



    เดี๋ยวคืนนี้มีเวลาจะเล่าต่อค่ะ

    มาเล่าต่อละ แต่คงได้แค่นิดนึง แบบว่าเเอบง่วงค่ะ. ระหว่างทางที่เราฝ่าดงคนเยอะๆ มาได้ก็จะเจอลานกว้างๆมีรูปปั้นใหญ่ให้ได้ถ่ายรูปสวยๆอีกหน่อย
    ก็ได้ตะเวนหาซื้อของฝากคุณแม่สามีกะกางเกงของหลาน พอเหลือบดูเวลาก็หมดกัน ต้องรีบขึ้นรถต่อเพื่อเดินทางไปเยอรมัน
    .. ทันทีที่นั่งรถและจัดสรร ข้าวของต่างๆให้เข้าที่บนรถ ก็ถึงเวลาเด็ดแล้ว.. ทายสิว่าจะทำอะไรต่อ อ้าวเฉลยเลยค่ะ พอได้ทีเราก็เล่นเลย
    หยิบไอ้ขนม ซัคเกอร์ มาแกะ อย่างพิถีพิถัน เปิดกล่องออกมาก็น่ามาก แล้วก็ละเมียดงาบเข้าปาก แอบหวงแฟนอีกว่าไม่ต้องหยิบชิ้นใหม่ รอกันชิ้นเดียวกันก่อน
    แต่พอเข้าปากไปละ โอ้..ช่วยด้วย ทำไมมันถึงเลวร้ายขนาดนี้อ่ะจ๊ะ หวังไว้สะสูงเลยเรา คือ รสชาดจะออก ช็อคโกเเลคขมๆค่ะ ขมจนเปรี้ยว
    แถมมีเหล้ารัมผสมหน่อยๆ กินไปหน้าเปลี่ยนสีเลย แล้วก็ปวดหัวจี๊ดทันที บอกแฟนว่าไม่ไหวแล้ว ปวดหัวจัง พอมีคนในรถพูดถึงขนมไอ้นี้ บอกว่าเสียดายจัง
    เวลามีน้อยเลยไม่ได้เข้าไปซื้อขนมไอ้นี้ลองเลย แฟนเรารีบเลยบอกว่าซื้อมาใครจะซื้อต่อได้นะ เเล้วก็เอาไปให้เขากินกัน ทุกคนก็เกรงใจ เพราะราคา 16 euro
    ก็ไม่น้อย แฟนเราเลยรีบตรงเข้าไปให้น้องคนนึ่งในกรุ๊ปบอกว่าช่วยกิน แล้วทำหน้าดีๆ อร่อยๆ ด้วยนะ เเบบเป็นนางแบบให้โฆษณาว่าขนมอร่อยแค่ไหน คือตอนนี้คนทั้งรถ สายตาจ้องมาที่หล่อน
    ว่าจะมีปฏิกริยายังไง น้องเกียงก็ทำเป็นดีใจออกนอกหน้านิดนึง บอกว่าพี่ให้กินจิงอ๋อ เกรงใจจัง แต่ก็ได้นะ ทันทีที่น้องหยิบขนมเข้าปากเท่านั้นเเหละ หน้าเปี้ยว คิ้วชนกันเลย
    มีการบอกเอาคืนได้ปะพี่ โถเราจบกันอดขายเลย แต่พูดถึงถ้าคนที่ชอบกินช็อคโกแลคขมๆ หน้าจะชอบ แต่เราไม่ไหวมั่ง สรุปว่าตลอดจนออกจากออสเตรียมาเยอรมัน
    หลับเพราะไอ้หนมนั้นทั้งทางแท้ๆ ( นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ตะกะสะ จะเจอดีแบบนี้ สม..สม)


    คืนนี้เราจะพักที่นี่กันค่ะ
    อยากบอกว่า สวยอีกเเว้ว เหมือนสวิตเลย บนภูเขายังมีหิมะค้างปีด้วย ถึงที่โน้นตอน 2 ทุ่มกว่าละยังสว่างอยู่เลย ตามภาพข้างล่างนี้
    แต่ถ้าดูหน้าซีดๆ โปรดเข้าใจว่าเป็นเพราะ ขนม ซัคเกอร์ จ้า




    (ใกล้จะถึงตอนที่ระทึกแล้วนะค่ะ มาตามดูกันว่าจะเจอกะอะไร ถึงได้ตั้งหัวกระทู้ว่าอย่างนี้) แต่ก่อนอื่นขอนอนก่อนนะ แล้วบ่ายๆ จะเล่าให้จบทริปเลยค่ะ


    Oate_Gun ++ ของดีไม่จำเป็นต้องแพง แต่ว่าของแพงมักจะดี ++ ( คุณว่าจิงอ่ะป่ะ )

  7. #7
    valentino is offline Banned
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    3,258
    Blog Entries
    2
    Warning Points:
    0/5

    รูปนี้นางแบบสวยมากเลยกัพ^^

  8. #8
    oate_gun is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    6
    Warning Points:
    0/5
    ++ มาต่อแล้วค่ะ ภาค .3 ถึงตอนที่เราถึงโรงแรมในเยอรมันกันเเล้วนะ ก่อนอื่นต้องขอบคุณมากค่ะ สำหรับคำชม .. อย่างนี้เขาเขินแย่เลย ++
    ลืมเล่าไปว่า 2 - 3 วันก่อน เราก็ได้ดูข่าว cnn บ้าง ข่าวท้องถิ่นบ้านเขาบ้าง มีทั้งข่าวคนไทยตีกัน น่าอายที่สุด เจอฝรั่งเขาถามด้วยว่า you เสื้อสีอะไร
    ไกค์เราก็น่ารัก และฮาตลอด บอกว่า you อย่าไปคิดอะไรมาก ตอนนี้เมืองไทยเขากำลัง เล่นกีฬาสีกันอยู่ เจอข่าวนี้เข้าไปทริปเราทั้งกรุ๊ปก็คุยกันเกือบทุกครั้งที่จะมีโอกาสกันเลย บ้างก็รับข่าวจากเมืองไทยว่ามีการเคลื่อนไหวยังไงกันบ้าง จนลืมหรือจะว่าลืมก็ไม่ใช่ เรียกว่าไม่ได้ใส่ใจดีกว่า กะข่าวภูเขาไฟในไอร์แลนด์ปะทุ ไกค์เราแอบปลอบใจว่าไม่ต้องห่วงกันหรอก กว่าเราจะกลับบ้านมันก็เลิกปะทุละ คำนี้พูดตั้งแต่วันแรกๆที่มากันเลย
    แต่ทันทีที่ลงจากลงก้าวเข้าที่พัก ทางโรงแรมก็บอกว่า you จะกลับบ้านได้ไหม เพราะตอนนี้เขาปิดสนามบินในเยอรมันหมดเเล้วนะ อ้าวงานเข้าเเล้วไง
    แต่ไกค์เราก็ยังใจดีสู้เสือบอกว่า ยังไม่ต้องไปสนใจคับ ตอนนี้สนใจก่อนว่าเดี๋ยวห้องอาหารเขาจะปิดละ ถ้าเขาปิดตอนนี้เราลำบากแน่ พวกเราก็ฮาแตกตามเคย
    หลังจากที่่เก็บเป๋าขึ้นไปหม่ำอาหารพื้อเมืองที่รสชาดก่ำกลืนฝืนทนเสร็จ ไกค์เราก็ออกมาพูด บรรยากาศคล้ายๆงานแต่งงานเลย มีเจ้าภาพออกมากล่าวคำขอบคุณ
    พรั่งพรูความรู้สึก ว่าพวกเราไม่ต้องคิดมากนะคับ เรายังมีเวลาพรุ่งนี้อีกทั้งวันในการเที่ยว ทำกิจกรรมให้ครบตามปกติ พอดีกว่าจะค่ำอากาศก็จะเปลี่ยนไป สนามบินก็คงเปิดละ และไม่ว่าสนามบินจะเปิดจะปิดยังไง ถึงเวลาค่ำที่เครื่องจะออก เราก็ต้องไปเช็คอินเข้าหนามบินตามเดิม แล้วเราจะรู้ว่าเราจะทำไงกันต่อไป
    ทุกคนต่างๆก็มี คำถามคนละอย่าง 2 อย่าง รวมๆกันได้ว่า ถ้ามันปิดเราจะทำยังไง นอนที่ไหน แล้วค่าใช้จ่ายละ แล้วไหนจะวีซ่าที่เขาให้มาแค่ 10 วันเอง คือเยอรมันเขางกค่ะ ขนาดไกค์ยังได้วีซ่าแค่ 9 วันเอง แบบว่าห้ามตกเครื่องพลาดเด็ดขาดเลย ไม่งั้นได้กลายเป็นหลบหนีเข้าเมืองเลยทีนี้ ข้อหาหนัก
    ไกค์เราก็ใจเย็น เอาฮาเข้าข่ม บอกพอๆละไปนอนๆ กัน พี่อย่าไปเครียดกันเลย ให้ผมเครียดคนเดียวพอละ ฮาไหมละ เดี๋ยวผมจะเช็คข้อมูลให้ตลอดและคืนนี้จะ
    ปลุกพระทั้ง 9 องค์ที่ห้อยมาให้สนามบินเปิด ไม่ต้องห่วงคับพี่ เดี๋ยวคืนนี้ผมจะสวดมนต์ทั้งคืน มีกี่บทกี่บทเอาหมด อะไรขึ้นก่อนหลังเดี๋ยวท่านไปเรียงกันเองอ่ะ
    ว่าแต่บทสวดอะไรขึ้นก่อนฮะพี่ พวกเราก็ขำอีก น่ารักไหมไกค์เรา หลังจากนั้นก็โดนไล่ให้ไปนอนกัน
    เช้านี้อากาศสดใสดี๊ดี แต่เย็นโค-ตะ-ระ เลย เมืองที่อยู่นี้เนี่ยติดกะสวิตเลยค่ะ อยู่บนเขา อุณหภูมิเลยเย็นจัด จิงๆก็เย็นทุกที่นะ แถมเช้านี้เราจะไปล่องทะเลสาป โคอิกเซ กัน ธรรมชาติสวยสุดๆ อยากให้มาเห็นด้วยตาตัวเอง มีเป็ดน่ารัก สีสวยเชียว ไม่ค่อยกัวคนด้วย โพสต์ท่าให้ถ่ายรูปด้วย ชมกันเลย

    ทางลาดลง จะไปท่าเรือค่ะ
    Oate_Gun ++ ของดีไม่จำเป็นต้องแพง แต่ว่าของแพงมักจะดี ++ ( คุณว่าจิงอ่ะป่ะ )

  9. #9
    oate_gun is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    6
    Warning Points:
    0/5

    Wink









    // ทะเลสาปนี้มีเสน่ห์ตรงที่่ว่าน้ำใสอย่างกะมรกตเลย หรือที่คนแถวนี้เขาเรียกกันว่า ทะเสสาปกษัตริย์เป็นดินแดนแห่งฟยอร์ด ที่สวยสุดในประเทศเยอรมันเขตเทือกเขาเเอลป์ มีแหล่งกำเนิดจากการละลายของกลาเซียบนยอดเขา น้ำจะนิ่ง เรือที่ล่องก็เป็นเรือพลังงานไฟฟ้านะค่ะ จะช้าหน่อย แต่ไม่มีมลภาวะ พอนั่งเรือไปจนถึงกลางๆทะเลสาปสองข้างจะมีเขาล้อม คนขับเรือเขาจะหยุดแล้วก็เอาคล้ายๆแตรมาเป่าเป็นเพลง จบท่อนนึงเขาจะหยุด แล้วก็จะมีเสียงเพลงที่เขาเป่าสะท้านกลับมาเพราะดี ล่องไปจนถึงเกาะ เขาก็เทียบให้เราขึ้นและก็บอกว่าเรือจะมีทุกๆ 20 นาที ที่เกาะแห่งนี้ก็มีธรรมชาติหลากหลาย และก็มีโบสถ์บาโธโลมิว ทรงจะเหมือนหัวหอม





    ภาพนี้บนเรือที่ว่าค่ะ



    ด้วยความที่มัวแต่เพลินกะการถ่ายรูป เราก็ได้ตกเรือขากลับพร้อมกันกับกรุ๊ป สรุปเหลือเรากันอยู่ 3 คนคือ เรากับคุณแฟนและก้อไกค์
    เรียกไกค์ต้องหลายที ขอแนะนำสักที ไกค์ที่น่ารักของเราชื่อ นิกกี้ค่ะ จิงๆชื่อนิคม ตัวคล้ำคล้ายยาสีฟันดารี่เลย แต่เขาบอกว่าฝรั่งมันเรียกนิคมไม่ได้ เลยเปลี่ยนเป็นลูกครึ่ง ระหว่างที่รอเรือลำถัดไป เราก็สนุกกะการเลือกดูของที่ระลึก แต่พี่นิกกี้ของเราก็กด-รับมือถือระวิงเลย จนพอขึ้นเรือ พี่กี้ก็บอกว่าผมได้รับการยืนยันจากทางโน้นแล้วนะ ว่า TG ประกาศยกเลิกการบินมาที่นี่ เราคงยังไม่ได้กลับบ้าน และผมก็ตอบพี่ไม่ได้ (คุยกะแฟนเลยเรียกพี่) ว่าเราจะได้บินกลับเมื่อไหร่ ตัวผมเองก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ และมันก็เป็นเหตุการณ์ทางธรรมชาติ เราไม่รู้ว่าไอ้ภูเขาไฟมันจะเลิกปะทุเมื่อไหร่ เราจะต้องอยู่ที่นี่กันนานไหม แต่เท่าที่คุยตอนเห็นการภูเขาไฟครั้งก่อนๆ มีคนติดกันอยู่ 2-4 อาทิตย์เลย เราก็ตกใจอยู่เหมือนกัน ใจหายๆ ไม่ได้กัวว่าจะกลับบ้านไม่ได้นะ แต่กัวว่าเสื้อผ้าที่เตรียมมามันไม่พออ่ะดิ ผมเองยังไม่ได้แจ้งลูกทัวร์คนอื่นเลย เพราะต้องการคำยืนยันจากทางโน้นก่อน แต่ตอนนี้แน่นอนเเล้ว คืนนี้เราอาจจะได้นอนที่หนามบินกัน ผมเองก็ติดต่อทางเมืองไทยไม่ได้เลยเรื่องจะให้บริษัทจองรถจองห้องต่างๆต่อ เพราะมันติดสงกรานต์เขาหยุดกัน อีก 2-3 วันแน่ะ ถึงจะประสานงานได้

    ทันทีที่ถึงฝั่งก็เห็นเพื่อนๆในกรุ๊ป ลันลา กะการดูเสื้อผ้าของที่ระลึก แอบคิดในใจ แกรู้อย่างที่ฉันรู้แล้วแกจะซึ้ง ลันลาไม่ออกแน่ พอต้อนๆทุกคนขึ้นรถได้ นิกกี้ของเราก็ประกาศข่าวถึงการขยายวันเที่ยวออกไปอีกอย่างไม่มีกำหนด เสียงอวดครวญ บ่นกันใหญ่เลย คนนั้นมีงาน คนโน้นมีสอบ คนนั้นต้องส่งของมากมาย จนไกค์บอกพี่คับ เรามาทำหน้าที่ของเรากันต่อเถอะ คือเที่ยวตามโปรแกรม ไม่แน่คืนนี้อาจจะมีปฏิหาร เดี๋ยวผมจะปลุกพระทุกองค์ที่ใส่มาก่อน
    แผนการเที่ยวของเราต่อไปคือในเมืองมิวนิคค่ะ เมืองนี้เคยตกอยู่ใต้ราชวงศ์วิทเทลสาค และก็พัฒนาเมืองให้มีความสำคัญที่สุดทางตอนใต้ของเยอรมัน แถมที่นี่ยังเป็นแหล่งผลิตเบียร์ และศุนย์กลางการผลิตรถยนต์ BMW ด้วย ที่นี่มีโบสถ์หัวหอม พระราชวังนิมเฟนเบิร์ก โรงละครโอเปร่า มีเขตเมืองเก่าที่อนุรักษ์กันไว้

    หลังจากเดินเล่นซื้อของกันเเล้ว เราก็เดินทางเข้าสนามบินมิวนิค เพื่อจะกลับ แต่พอถึงปุ๊บก็งงปับ ทำไมมันช่างเงียบ ไม่มีคน โล่ง พนักงานของสนามบินก็ไม่ค่อยมี แต่พอมองไปที่ชั้นบนก็เห็นเตียงผ้าใบ มีผ้าห่ม ไม่ต่ำกว่า 100 ได้นอนกัน ชิวๆ นั่งคุยกันเนียน เหมือนเป็นบ้านเลย ไกค์เราได้กาล ก็พุ่งเข้าไปติดต่อการบินไทยทันที ทำให้เห็นได้ว่า คนไทยอยู่ที่ไหนก็ไม่ทิ้งกันค่ะ เป็นสายการบินเดียวที่อยู่รับหน้าลูกค้าให้คำตอบ ความช่วยเหลือกับลูกค้า สายการบินอื่นปิดเคาร์เตอร์กันเกลี้ยงเลย
    จะขอยกความดีงามและเก่งให้กับไกค์ของเราที่เข้าไปคุยกะสายการบิน จนได้รับความช่วยเหลือจากการบินไทย มอบคูปองให้ไปพักที่โรงแรม Best Western City in Muchen และรถรับส่งจากหนามบินไปที่พัก และจากที่พักมาหนามบิน แต่กว่าจะเรียบร้อยก็ปาไป 4-5 ทุ่ม แถมตอนที่ไปติดต่อรถแท็กซี่หนามบิน พนักงานที่เขียนรายละเอียดบอกกับพวกเราว่า you จะต้อง stand by ที่โรงแรม รอการติดต่อ ถ้าเครื่ีองสามารถบินได้ คุณจะต้องมาในทันทีเลยนะ ไม่ต้องมาสนามบินจนกว่าจะได้รับข่าวทางทีวีว่าได้มีการเปิดสนามบินแล้ว

    ฟังแล้วดูยิ่งใหญ่มากเลยนะค่ะ พอถึงโรงแรมที่พักไกค์เราก็มาช่วยจัดห้อง และแจ้งว่าทุกคนจะต้องทำอะไรยังไงบ้าง ไกค์บอกว่าทุกวันผมจะต้องไปสนามบิน เพื่อติดต่อการบินไทยว่ามีข่าวยังไงจากทางโน้น ส่วนคนที่วีซ่าจะขาดก็ต้องไปติดต่อที่สนามบินพร้อมผม คนอื่นๆก็อิสระได้ แต่ทุกๆ 4 โมงเย็น พวกเราจะต้องไปสนามบินเพื่อฟังความคืบหน้าหรือหาวิธีกัน
    เราก็โล่งไปเปราะหนึ่งเเอบคิดว่าอย่างน้อยคืนนี้เราก็ประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องที่พัก และก็ไม่ต้องไปนอนเหมือนคนอื่นๆที่สนามบิน ทีพักที่นี่แพงมากเลยนะค่ะ อย่างถูกคืนละ 120 ยูโรแว้ว

    สายของรุ่งขึ้น เราก็เตรียมคนกันว่าจะเข้าเมืองมิวนิคกันต่อจากเมื่อวาน เพราะยังไม่ค่อยได้ดูอะไรเท่าไหร่ ก็ถามการเดินทางจากโรงแรมว่าให้ขึ้นรถไฟที่สถานีนี้ ลงตรงนี้ รู้เรื่องเเล้วก็เดินทางกันเป็นขบวนเลย ก่อนออกเดินทางจากโรงแรม มีการร่วมพลยืนตรงหน้าป้ายโรงแรมและถ่ายรูป กะว่าใครหายจะได้รู้ว่าคนนี้แหละหลงทาง จะได้เอารูปเก็บไว้บอกตำรวจหรือแท็กซี่ถูก เป็นการเที่ยวที่คุ้มค่าและคุ้มตลั่งมากค่ะที่ได้นั่งทั้ง เรือ รถ เครื่องบิน และก็รถไฟ พอถึงที่จัตุรัสก็ต้องคอตก เพราะที่นี่ร้านค้าปิดวันอาทิตย์ ไม่มีสักร้านเลยที่เปิด นอกจากร้านอาหารกะขายกาแฟ อยู่ๆเพลงพี่เบริดก็ก้องอยู่ในหัวว่า ฉันมาทำอะไรที่นี่ ๆที่ๆเธอกะฉันวันนี้เรานัดกัน แล้วก็ฉุกคิดว่าเราต้องทำวิกฤตให้เป็นโอกาส ว่าก็ดีเหมือนกันจะได้ถ่ายรูปคนน้อยหน่อย พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ ก็เลยทำให้ได้รูปแบบนี้ไง



    รถคันนี้เท่าที่เดาน่าจะเป็นรถแข่งของ เบนซ์ค่ะ




    คุณแฟนแอบไปเล็งนาฬิกาเรือนนี้ไว้ กดๆดูก็แสนนิดหน่อย ไว้พรุ่งนี้เจอกัน



    เหนื่อยจากการถ่ายรูปก็นัดกันกะคู่นึงที่มาด้วยกันว่าจะหม่ำข้าวกันเลยเดินกลับมาจากจุดนัดพบเพื่อไปกินข้าว ได้ร้านอาหารจีนมีข้าวไม่รอช้า ตรงไปทันที ที่นี่ก็ได้ให้ได้เห็นน้ำใจว่าคนเยอรมันเขาน่ารักกันเกือบทุกคนเลย เค้าคงงงอยู่นานที่เราคุยกันจนทนไม่ไหวละ ถามสะหน่อยว่ามาจากไหน มาทำธุระหรอ พอเราบอกว่าว่าสนามบินปิด เขาทำหน้าสงสารมาก ถามใหญ่เลย ลำบากไหม พักที่ไหน มีที่พักยัง อาหารกินได้ไหม รสชาดแบบนี้ ทำไมมันดีจังเนอะ ตั้งแต่ตอนขึ้นเครื่องละ นั่งติดกะคนเยอรมัน ด้วยความที่นั่งแถว 4 คน เราก็เกรงว่าเวลาจะใส่เสื้อคลุมมือจะไปโดนเขา มันก็มาช่วยเราใส่เสื้อ เราก็ขอบคุณแต่ทำเฉยๆก่อน แบบว่ากัวมันชวนคุยยาวแล้วความรู้ภาษาอังกฤษที่ติดตัวมามันจำกัด จะงงกันไม่หนุกละ พอจะลงเครื่องเท่านั้น มันก็ไม่ไหวชวนเราคุยก่อนเลยบ เราก็เอาสะหน่อย มันคงไม่ไหวมันละ เลยคุยกัน มันน่ารักมากเลยนะ มีการบอกอีกว่าที่นี่หนาวมากนะ คุณควรจะใส่เสื้อหนาวให้หนากว่านี้ เดี๋ยวจะไมาสบายเอา โห้เรานะน้ำตาจะไหล ทำไมต้องห่วงกันอย่างนี้เลยหรอ

    หลังจากที่เกาะตู้กระจกตามร้านค้าต่างๆ จ้องๆว่า พรุ่งนี้ร้านเปิดจะมาสอยกัน ก็ได้เวลาที่เราจะต้องไปทำหน้าเศร้าให้การบินไทยเห็นตามที่นิกกร้แนะนำ พวกเราก็ออกจากเมืองโดยรถไฟนั่งยาวไปสนามบิน พร้อมกะเตรียมใจว่าคืนนี้มันคงไมฟรีละ คงได้ออกเงินค่าที่่พักเอง ที่พอไปถึงไกค์เราแจกไอ้คูปองแบบเดิม คราวนี้พิเศษมีคูปองให้ 10 ยูโร ซื้ออะไรกินก็ได้ที่หนามบิน สวรรค์ชัดๆ กินก็ฟรี พักก็ฟรี เที่ยวนิดหน่อย คุ้มจิงๆ อิ่มเสร็จก็เข้าที่พักวางแผนจะไปเที่ยวปราสาท นอยชวายสไตด์ ถ้าเขียนชื่อผิดช่วยแก้ทีนะค่ะ แบบว่าฟังคนที่นั้นเค้าเรียก ได้ยินประมาณนี้ แบบว่าเยอรมันก็ไม่ได้ อังกฤษก็ไม่ดี แถมไทยยังไม่รู้เรื่องอีก ได้เท่านี้ก็เอาละ

    ตกกลางคืนก็จัดปาร์ตี้ในห้องอาหารของโรงแรมเลย โดยไกค์เราเอาคูปองที่ได้จากการบินไทยที่เหลือๆ ไปซื้อขนม ไอติม เบียร์ มาแชร์กันกิน เจ๋งไหมไกค์เรา เก่งมากนิกกี้ นายแน่มาก พอกำลังจะนั่งทาน ก็มีคนมาบอกว่า รู้ยังว่าพรุ่งนี้เราจะไม่มีที่พักแล้วนะ เพราะที่นี่เขามีงานแฟรื ที่พักถูกจองหมด ที่อื่นก็แพงมากถึงคืนละ 500 ยูโรเลย แถมที่พักที่พักอยู่เขาก็จะขึ้นค่าที่พักกว่าเท่าตัวเพราะมีงานมันไม่สน อ้าวกินกันไม่ลงเลย จากแผนจะวางว่าไปเที่ยวปราสาท กลายเป็นเราประสาทเพราะต้องเดินหาที่พัก แต่ไกค์เราก็สรุปให้ว่า พวกคุณไม่ต้องสนใจ เอาเป็นว่าปัญหาอื่น ผมจัดการให้ พี่ไปเที่ยวกันให้สนุก เเล้วบ่ายไม่เกิน 4 มาหาผมที่หนามบินเหมือนเดิม โดยที่ทุกคนต้องเก็บของลงเป๋าให้หมด การจะไปเที่ยวปราสาทนี่ทรหดมาก สำหรับบ่งคนที่วีซ่าขาด โดยเรานัดกันว่าคนที่ออกจากโรงแรมจะถึงสถานีตรงหน้าโรงแรมเวลาประมาณ 7.40 คนที่ไปต่วีซ่าต้องถึงสนามบินตั้งแต่ ตี 5 ครึ่ง ต่อเสร็จแล้วนั่งรถไฟกลับมาให้ทันขบวนกะคนที่โรงแรมจะขึ้นหน้าโรงแรม เพราะรถไฟที่โน้น เขามีเวลาบอกว่าจะถึงที่นี่กี่โมง ออกกี่โมง เพราะฉะนั้นเราจะพลาดไม่ได้

    เราที่อยู่โรงแรมถึงสถานีเอา 7 เกือบครึ่งเพื่อรอรถไฟและรอพวกที่ต่อวีซ่านั่งรถมาส่งสัญญาณโดยโทรหากันว่าเราอยู่ในขบวนนี้แล้ว ใกล้จะถึงเวลารถมา ก็ได้รับโทรศัพท์จากทางโน้นว่าตกรถไฟมาไม่ทัน แต่จะนั่งตามมาอีกขบวนก็อีก 20 นาที คือทุกอย่างต้องแม่นมากๆค่ะ เรามีเวลาในการต่อสถานีอีกที่ ที่มีรถไฟไปไอ้ปราสาทนี่ที่จะออกเกือบ 9 โมง เพราะรถไฟนี่วิ่งยาวใช้เวลา 2 ชม. กว่าจะถึง เราก็ขึ้นกันตามระเบียบ เอาลุ้นว่าเขาจะได้มากะเราทันไหม พอไปถึงสถานีที่ว่าก็งงมาก เพราะมีชานชลาถึง 60 กว่า เราขึ้น 28 ไกลโน้น เวลาที่รถไฟจะออกก็เหลืออีกไม่เท่าไหร่ ต่างคนก็วิ่งๆเดิน ขึ้นรถได้ก็สบายใจ แต่ก็ภาวนาให้อีกทีมมากันทัน โดยยกความดีงามให้เพื่อนสาว 4 คนนะยะ เพราะเขามี 2 คนที่รออีกทีม อยู่จุดเปลี่ยนสถานีเพื่อนำมาขึ้นรถไฟตรงนี้ ใกล้เวลารถออกก็ได้ยินเสียงหอบพร้อมตุ๊บตับกรูกันขึ้นมา เย้ เย้ มาทันแล้ว ทุกคนหอบ เหนื่อย หน้าเสียวๆ พูดไม่ออก เพราะวิ่งกันมา แถมมีคุณยายอายุ 76 วิ่งด้วย รู้สึกทรมานแกยังไงไม่รู้ แต่เราก็มีความสุขกันค่ะ เหมือนอบอุ่นที่เราได้อยู่พร้อมหน้า ไปไหนไปกันอีกครั้ง

    ชานชลาที่ว่่าละที่จะพาเราไปปราสาท โปรดสังเกตเสื้อเริ่มกลับมาใส่ใหม่อีกรอบ


    บนรถไฟวิวข้างทางสวยมากเลย


    นั่งมา 2 ชม ในที่สุดก็ถึงสะที ปลายทางเลย


    พอถึงเราก็นั่งรถกันต่อ และเดินเข้าไปซื้อตั่ว ระหว่างนี้ เราก็ได้ข้อมูลจากไกค์ของเราที่ไปเฝ้าการบินไทยที่สนามบินว่า มีเครื่องบินจากการบินไทย บินมาที่โรม ถ้าเราจะกลับต้องหารถนั่งไปที่โรม 11 ชม. เพื่อ stand by และยังตอบได้ไม่ชัวร์ว่าจะมีกี่ที่นั่ง แล้วถ้ามีที่ ก็ต้องนั่งเครื่องอีก 12 ชม . โห.. แค่คิดก็หนาวแล้ว พอๆกะนั่งเครื่องไปเมกาเลย แฟนเราก็ปรึกษากันทันทีเลยว่าใครจะไปบ้าง ทุกคนก็มีความคิดต่างกันไป เพราะบางคนมีธุระจิงๆ ก็บอกว่ายังดี ดีกว่ารออยู่ทางนี้โดยไม่มีจุดมุ่งหมาย

    หน้าตาตั๋วค่ะ



    ที่เห็นไกลๆนั้นละค่ะ คือจุดมุ่งหมาย



    บางคนก็บอกว่าถ้ามันกลับไม่ได้จิงๆ เราก็ว่ารถไปรัสเซีย ออกจีน เข้าลาวแล้วก็มาไทย โอ๊ย.. แค่คิดก็ว่าไปกันใหญ่ เราเลยบอกว่าจบเถอะ เอาเป็นว่าตอนนี้เราเที่ยวกันก่อน แล้วไปสนามบิน จะได้คิดอีกทีว่ามันจะแน่นอนยังไง ยิ่งผ่านไปแต่ละชม. เหตุการณืก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมีเครื่องตีเปล่ามารับบ้าง เดี๋ยว cancle มากมาย จนจุดที่สามารถชมและถ่ายรูปกับปราสาท พวกเราก็ลืมๆกันไป ด้วยความที่อึ้งในความสวย ตะลึง แต่ทางที่จะไปถ่ายรูปนี่สิ เสียวอยู่เลย ด้านล่างเนี่ยสูงมากๆเลยนะค่ะ มีบางคนกัวไม่กล้าเดินก็มี



    ปราสาทนี่แหละค่ะ ตั้งฉบับที่ วอลdisney เอามาเป็นโลโก้ สังเกตจากเวลาจะฉายหนังมันจะมีรูปปราสาทนี้ขึ้นมา
    ว่าใครเป็นผู้สร้างหนัง



    ถึงแม้จะหนาว ลมจะแรง แต่อากาศดีมาก ขอสูดให้เต็มปอดหน่อยเถอะ


    เห็นด้วยใช่ไหม ว่ามันสวยจนลืมไปเลยว่าเรากำลังกลับบ้านไม่ได้นะเนี่ย คุ้มละ


    มาเดินกันต่อ จะได้เข้าไปข้างในปราสาทกันค่ะ


    ถึงทางเข้าปราสาทละจ้า




    ปราสาทแห่งนี้เป็นของกษัตริย์ Luwid ที่ 2 โดนทั้งได้เข้ามาอยู่ในปราสาทนี้แค่ 120 วันก็เสียชีวิต และระหว่างที่สร้างปราสาทนี้ พระองค์ไม่เคยรู้เลยว่าจะออกแบบ ตกแต่งอย่างไร คนที่สร้างปราสาทนี้ เขาอ่านหนังสือ และได้จินตนาจากหนังสือเล่มนี้มาสร้าง ขอบอกว่าข้างในสวยทุกมุมเลย ลายละเอียดเยอะมาก แต่ไม่เยอะไป ไม่ว่าจะเพดาน พื้น ผนัง ล้วนมีเรื่องราวต่างๆ ทั้งการปราบมังกร
    การครองราชย์ สมรส การรบ เรียกว่ารู้สึกได้เลยว่ามันเลือกเชื่อ ที่แค่อ่านในหนังสือก็เอามาสร้างได้ดีขนาดนี้



    หลังจากที่ออกจากปราสาท ก็มีโทรศัพท์เข้ามาจากไกค์ว่าให้เรารีบกลับไปเอากระเป๋าด่วน และมาสนามบิน เพราะเยอรมันเข้าจะทำการทดสอบบินดูเป็นเที่ยวแรก
    ใจเราแต่ละคนก็รู้สึกเหนื่อย และตื่นเต้นกะข้อมูล ยังคิดอยู่ในใจว่าระหว่างกลับ มันจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไหมเนี่ย ทันทีที่ถึงโรงแรม เราก็สั่งให้เขาเรียกแท็กซี่จากที่โน้นมารับ
    และก็สนทนากันว่ามันจะเป็นไปได้หรอ เราจะได้กลับบ้าน มันจะง่ายไปไหมเนี่ย แถมมันยังใช้คำว่าทดลองบินดูเกิดตกขึ้นมาจะทำไง คนสวยแย่แล้ว ยังไม่มีลูกเลยนะ

    พอถึงสนามบิน ไกค์ก็รอรับและรีบสั่งให้ทุกคนรีบ check in ตามปกติ เราเหลือเวลาแค่ 1.30 ก่อนเครื่องออก เราก็โวยเลย ว่า Tax free ปิดแล้วจะ refund ยังไงไม่มีใครปั้มให้
    เพราะสนามบินยังไม่เปิด ไม่มีใครมาทำงานเลย มีเฉพาะที่เขาเรียกมาทำเป็นกรณีพิเศษเท่านั้น
    แถมไกค์เราบอกว่า เราต้อง stand by นะ เพราะไฟล์นี้เป็นของ Luthasa เขา เขาจะลองเรียกผู้โดยสารของเขาก่อน ถ้าที่ว่างเราถึงจะได้ไป แต่ถ้าเต็มเราก็ไปหาโรงแรมนอนกันเหมือนเดิม
    ระหว่าง load กระเป๋าก็มีฝรั่งมาติดต่อเลื่อนตั๋ว แอบแวะข่มขวัญเราอีกว่า you จะบินหรอ ไอมาเลื่อนตั๋ว ถ้ายูจะบินก็ good luck นะ จะรอดูข่าว มันกวน teen ไหมละ

    หลังจากผ่าน ตม. ก็มานั่งรอเรียกจากพนักงาน แอบลุ้นให้ไม่พอ เพราะกัวว่าเครื่องจะไปรอดไหม ไกค์เราเหมือนรู้ว่าเราป๊อด ไกค์บอกว่า จะกัวไปทำไม มันยังกล้าบิน เราก็ต้องกล้านั่งไปกะมันสิ
    มันก็มีชีวิต มีครอบครัวเหมือนเราแหละคับ อยากบอกว่าคำพูดนี่ ไม่ได้ช่วยให้ใจชื้นขึ้นเลย และแล้วพวกเราลูกทัวร์ก็ได้ขึ้นครบ ระหว่างทางที่จะเข้างวงช้างก็มองไปเห็นไกค์เรานั่งหน้าเศร้าถือตั๋วคอตก
    เพราะไม่รู้ว่าจะมีที่นั่งให้เขาไหม ไกค์บอกว่า ผมให้รายชื่อลูกทัวร์ทุกคนก่อน ผมจะเป็นคนสุดท้ายที่ได้ไป ขอบอกว่าไกค์เราอยากกลับบ้านมาก เพราะวันที่มา เขาเพิ่งกลับจากนิวซีแลนด์ตอนสายๆ บ่ายก็บินมากะพวกเรา ยังไม่ได้เจอครอบครัวเลย เราสะกิดน้องอีกคนที่เดินมาไล่กันว่า รู้สึกเศร้าและสงสารที่พี่นิกกี้ไม่ได้มากับพวกเรา น้ำตาจะไหลจิงๆเลยนะ คือมันกลายเป็นความผูกพัน และมิตรภาพที่เกิดขึ้น ไม่ว่าบางคนอาจจะมองว่าเป็นหน้าที่ ที่พวกเรารู้สึกได้ว่าเขาทำด้วยใจที่รัก และทำให้ทุกคนก่อนตัวเอง ไม่ว่าจะกิน นอน ถ่ายรูป เขาดูแลพวกเราไม่มีข้อติเลย ถ้าใครอยากไปเที่ยวกะบริษัทนี้ แนะนำเลย เขาอยู่ บริษัท D star เราไม่ได้มีส่วนได้เสียนะที่โฆษณาให้ เพราะเขาดีจิงๆ พอถึงที่นั่งก็ยังเศร้าอยู่ แฟนเลยปลอบว่า เขาอาจจะอยู่รอลูกทัวร์อีกที ที่จะไปอิตาลีมั่ง

    หลังจากดูผู้คนวุ่นวายกันหาที่นั่ง เก็บของ ลืมเม้าส์ไฟล์นี้บินไปลงแค่ฮ่องกง แล้วพวกเราต้องไปต่อเครื่องอีกถึงจะมาไทย ทุลักทุเลกันมากค่ะ อยู่ๆก็ได้ยินเสียงแหลมๆที่คุ้นเคย นิกกี้ของเรานั้นเอง ขึ้นมาได้ก็มาจัดแจงดูว่าลูกทัวร์ได้ที่นั่งครบไหม ทับซ้อนกะใครเป่า เรานะน้ำตาเอ่อเลยดีใจที่เราไดกลับพร้อมกัน ก็เราลำบากมาด้วยกันนิหน่า

    เครื่องกำลัง take off ละ อยากบอกว่าขรุขระมากกว่าจะขึ้นได้ รู้ว่ามันไม่พร้อมๆยังไงไม่รู้ ขึ้นไปได้แล้วก็ไม่ smooth เลยตลอดทาง พอเห็นท่าไม่ดีก็หันไปบอกแฟนว่า พี่ค่ะหนูรักพี่นะ แล้วก็หอมแก้มไปหนึ่งที หลังจากนั้นก็สะกิดน้องที่นั่งข้างหน้าว่า น้องพี่ดีใจนะที่เรารู้จักกัน น้องเขาบอกว่าพี่นี่ดีจิงๆเลย ไอ้เราก็คิดว่าเกิดอะไรขึ้นมา อย่างน้อยก็ได้บอกความในใจแล้วก็ยังดี และก็เป็นอย่างนี้ตลอดทาง เหมือนเครื่องจะตกตลอด ไอ้คนจีนที่นั่งมาในลำด้วยมันกัวกัน พอกัปตันเอาเครื่องลงที่สนามบินฮ่องกงได้ เครื่องยังไม่ทันจอดดีเลย ไอ้คนจีนและเกือบทั้งลำมันลุกขึ้นยืนปรบมือ ดีใจ เฮกันออกมา เหมือนว่าตูรอดแว้ว
    Oate_Gun ++ ของดีไม่จำเป็นต้องแพง แต่ว่าของแพงมักจะดี ++ ( คุณว่าจิงอ่ะป่ะ )

  10. #10
    honeyp's Avatar
    honeyp is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    23
    Warning Points:
    0/5
    เชคเป็นประเทศที่ไฝ่ฝันว่าจะไปมากๆค่ะ แต่มีลูกเล็กซะแล้ว เมื่อไหร่จะได้ไปไม่รู้ T__T

    คนสวย วิวสวย กระเป๋าสวยยยยยยยย

Page 1 of 4 1 2 3 ... LastLast

Comments from Facebook

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •