รีวิวหนัง The Girl withthe dragon tattoo หนังดีที่ไม่ควรพลาด

[k66]

ได้มีโอกาสไปดูหนังเรื่องนี้มา จากการติดตามผลงานของ ผู้กำกับ เดวิด ฟินเซอร์ (ผู้กำกับ The Social Network และ Seven ) ทั้ๆที่ไม่เคยรู้จักนวนิยายเรื่องนี้มาก่อน และไม่ได้ดูตัวอย่างหนัง พอได้ดูแล้ว รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มันน่าติดตามจริงๆ

ลองไปอ่านรายละเอียดกันก่อนนะคะ

ภาพยนตร์ The Girl With The Dragon Tattoo พยัคฆ์สาวรอยสักมังกร


(ฉบับแรกเป็นของสวีเดน)

- The Girl with the Dragon Tattoo เป็นภาพยนตร์แนวอาชญากรรมลึกลับที่สร้างมาจากปฐมบทแรกของนวนิยายอาชญากรรมไตรภาคชื่อดัง Millenniums series ของ Stieg Larsson นักเขียนชาวสวีเดน ซึ่งจำหน่ายไปแล้วกว่า 63 ล้านเล่ม (ณ วันที่ 20 ธ.ค. 54) ที่ถูกแปลจำหน่ายใน 46 ประเทศทั่วโลก เป็น best-seller หลายประเทศรวมถึงในเว็บ Amazon และร้านหนังสือในบ้านเราด้วย

- นวนิยายเรื่องนี้ส่วนหนึ่งดังขึ้นมาจากการที่ผู้แต่งเสียชีวิตในวัย 50 ปีต้นๆ เมื่อปี 2004 ก่อนที่เรื่องนี้จะได้รับการตีพิมพ์ด้วยซ้ำ โดยที่เจ้าตัวตั้งใจไว้ว่าจะเขียน 10 เล่ม แต่เขาเขียนได้เพียงเล่มที่ 1-3 และโครงเรื่องย่อๆของเล่มที่ 4-5 เท่านั้น

[k66]

The Girl with the Dragon Tattoo ออกวางจำหน่ายในปี 2005 ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และเมื่อ The Girl Who Played with Fire (2006) และ The Girl Who Kicked the Hornets' Nest (2007) ออกวางจำหน่ายในปีต่อๆมาก็ยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง จนทำให้มีการสร้างภาพยนตร์จากนวนิยายเรื่องนี้ในระยะเวลาไล่เลี่ยกันทั้ง 3 ภาคในประเทศสวีเดน ซึ่งกวาดเสียงวิจารณ์ในด้านบวกระดับถล่มทลาย กวาดรางวัลทั้งในบ้านเกิด ทำเงินมหาศาลทั่วยุโรป

[k66]

Hollywood จึงหยิบเรื่องนี้มาทำ Re-make โดยการเขียนบทใหม่หมดจากนวนิยาย ไม่ได้อาศัยเค้าโครงจากภาพยนตร์ต้นฉบับในสวีเดน และให้ David Fincher ผู้กำกับชื่อดังมากำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ผลงานที่ผ่านมาของ David Fincher อาทิ Seven/Panic Room / Zodiac / The Curious Case of Benjamin Button / The Social Network



Daniel Craig (แดเนียล เคร็ก) หรือที่หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตากันดีในบท James Bond จากภาค Casino Royale และ Quantum of Solace มารับบทเป็น Mikael Blomkvist (มิเกล บลูมควิสต์) ผู้สื่อข่าวด้านการเงินที่มุ่งมั่นจะล้างมลทินให้ตัวเอง พ่วงด้วย Rooney Mara (รูนีย์ มาร่า) นางเอกสาวจาก The Social Network มารับบท Lisbeth Salander (ลิสเบธ ซาลันเดอร์) นักสืบสาวผู้มีนิสัยแปลกประหลาดแต่มากด้วยความสามารถที่ได้รับการว่าจ้างให้มาตรวจสอบที่มาของมิเกล

[k66]

Rooney Mara (รูนีย์ มาร่า) ทุ่มเทให้กับ ภาพยนตร์ The Girl With The Dragon Tattoo พยัคฆ์สาวรอยสัก มังกร เป็นอย่างมาก หลังจากที่เธอได้รับเลือกให้รับบท Lisbeth Salander (ลิสเบธ ซาลันเดอร์) เธอก็กลับมาอ่าน Millenniums series ทั้งหมดซึ่งทำให้เธอหลงใหลและตัดสินใจแปลงโฉมตัวเอง สลัดภาพสาวหวานที่ใส่เดรสแทบทุกวัน มาเป็นสาวเท่แนวพังค์ ตัดผมสั้น กลับมาเจาะหูอีกครั้ง และย้อมสีคิ้ว เพื่อให้ใกล้เคียงกับบทบาทที่ได้รับมากที่สุด



Rooney หลังแปลงโฉมเป็น Lisbeth

[k66]

The Girl with the Dragon Tattoo HD Trailer



http://www.youtube.com/watch?v=WVLvMg62RPA

[k66]

สำหรับใครที่ดูแล้วมีบางตอนไม่เข้าใจ คุณปล่อยใจ@pantip เค้าทำสปอยด์สรุปเนื้อเรื่องไว้ให้ด้วยค่ะ
http://pantip.com/cafe/chalermthai/t...A11546098.html


ใครยังไม่ได้ดูผ่านไปได้เลยนะคะ

1 คำจ้างวานจากเฮนริก วังเกอร์

มิเกล บลอมควิสต์ นักเขียนมือฉมังของนิตยสารมิลเลนเนียม มีปัญหากับฮันส์ เอริก เวนเนอร์สตอร์ม ซีอีโอของบริษัทยักษ์ใหญ่ในสวีเดน เพราะดันไปเขียนแฉเรื่องธุรกิจมืด ของเวนเนอร์สตอร์ม

แต่กลับกลายเป็นว่า เวนเนอร์สตอร์ม วางหมากไว้แล้ว จงใจปล่อยข้อมูลปลอม ล่อให้พระเอกมาติดกับ สุดท้ายมิเกล ต้องเสียทั้งเงิน เสียทั้งชื่อเสียง

ระหว่างที่มิเกลไม่รู้จะหาทางออกยังไง ก็มีการติดต่อจาก เฮนริก วังเกอร์ อดีตซีอีโอ ของวังเกอร์ คอเปอร์เรชั่น ว่าจ้างให้ตามหา แฮร์เรียต หลานสาวที่หายสาบสูญไป

เฮนริก วังเกอร์ ยื่นเงื่อนไขว่า ถ้ามิเกล (ซึ่งมีทักษะในการค้นข้อมูลที่ยอดเยี่ยม)
สามารถค้นพบแฮร์เรียตได้ นอกจากจะให้เงินจำนวนมหาศาลแล้ว เขาจะให้ข้อมูลลับของเวนเนอร์สตอร์ม ที่ยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจมืด และมีการฟอกเงินจริงๆ

มิเกล ตอบรับข้อเสนอและย้ายจากสตอล์กโฮล์ม มาอยู่ที่เฮเดสตัดเมืองเหนือเมืองหนาว พักติดกับครอบครัววังเกอร์ เพื่อสืบข้อมูล แต่ยิ่งสืบ ก็ได้ข้อมูลประมาณหนึ่ง แต่ไปต่อไม่ได้ ทำให้เขาต้องหาผู้ช่วยที่เชี่ยวชาญในการค้นคว้า

และสุดท้ายก็ไปได้ตัว ลิสเบ็ธ ซาลันเดอร์ สาวนักแฮกเกอร์อัจฉริยะ ที่มีรอยสักรูปมังกรบริเวณแผ่นหลัง

ลิสเบ็ธอายุ 23 แล้ว แต่มีพฤติกรรมที่ไม่น่าไว้วางใจ จึงอยู่ในความคุ้มครองของรัฐ ต้องมีผู้ปกครอง (Guardian) คอยรายงานพฤติกรรมเสมอ

ทีนี้หลังจาก โฮลเกอร์ พาล์มเกร็น ผู้ปกครองคนเดิมไม่สบาย รัฐจึงส่งลิสเบ็ธให้ผู้ปกครองคนใหม่คือ นิลส์ เบอร์แมน ซึ่งเป็นคนของรัฐไว้คอยดูแลความประพฤติ (ไอ้อ้วนคนนั้นน่ะล่ะ !)

แต่ นิลส์ กลายเป็นพวกบ้ากาม และพยายามข่มขืนลิสเบ็ธ ซึ่งสุดท้ายถึงจะโดนข่มขืน แต่ลิสเบ็ธ ก็อ่านเกมขาดกว่า จัดการแบล็คเมล์ นิลส์ ซะ เลยไม่มีปัญหาทั้งกับรัฐ และเรื่องเงินอีกต่อไป

มิเกล เดินทางมาสตอกโฮล์มส เพื่อเจรจากับลิสเบ็ธให้ช่วยสืบคดีฆาตกรรม ลิสเบ็ธตกลง และ ย้ายมาอยู่ที่เฮเดสตัด เพื่อช่วยสืบคดีด้วยกัน ว่า "แฮร์เรียต" หายไปไหน

[k66]

สปอยด์ 2

2 การหายไปของแฮร์เรียต


เฮนริก วังเกอร์ วัย 82 มีปมในใจเพียงอย่างเดียวคือ ไม่รู้ว่าหลานสาวที่รัก "แฮร์เรียต" หายไปไหนตลอดช่วง 40 ปีที่ผ่านมา

ในวันงานเทศกาลธรรมดาประจำปีของหมู่บ้าน อยู่ๆแฮร์เรียตก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

คืนแรกหลายคนคาดว่าอาจไม่มีอะไรรุนแรง แต่หลังจากนั้นก็ยังไม่มีใครเจอแฮร์เรียต จึงมีการระดมหาอย่างหนักเป็นสัปดาห์ ทั้งทางบก และทางน้ำ แต่ก็ไม่มีวี่แววอะไรเลย

สิ่งที่เฮนริกมั่นใจคือ การหายไปของแฮร์เรียต ต้องเกี่ยวกับตระกูลวังเกอร์อย่างแน่นอน อาจมีใครสักคนฆ่าหรือลักพาตัว

ไม่ใช่แค่ เฮนริก แต่คนในตระกูลวังเกอร์ อยากรู้คำตอบว่าแฮร์เรียตหายไปไหน

โดยเฉพาะมาร์ติน พี่ชายแท้ๆของแฮร์เรียต ที่เป็นซีอีโอของบริษัทวังเกอร์ในขณะนี้ เป็นคนที่ดูเหมือนยังไม่สามารถลืมน้องสาวตัวเองได้เลย
(ทั้งคู่มีพ่อเดียวกันชื่อก็อตต์ฟรีต ซึ่งเคยเป็นซีอีโอของวังเกอร์ คอปอเรชั่น)

ความเศร้าของมาร์ตินในวัยเด็กนั้น พ่อ (ก็อตต์ฟรีต) เมาตกน้ำตาย และหลังจากนั้นอีกแค่ไม่นานนัก น้องสาวแฮร์เรียตก็มาหายสาบสูญไปอีก เขาจึงไม่เหลือใครแม้แต่คนเดียว

อย่างไรก็ตาม หนทางการสืบก็ดูจะตีบตัน เพราะแม้กระทั่งแอนนิต้า วังเกอร์ ลูกพี่ลูกน้องของแฮร์เรียต ซึ่งว่ากันว่าสนิทกับแฮร์เรียตที่สุด แถมหน้าตาก็คล้ายกัน (ปัจจุบันย้ายไปอยู่ลอนดอนแล้ว) ไม่ให้ความช่วยเหลืออะไรเลย

ขณะที่ เซซิเลีย พี่สาวของแอนนิต้า ก็ข่มขู่ให้มิเกลเลิกยุ่งกับคดีนี้อยู่ทุกวัน

มิเกล บลอมควิสต์ ถึงไม่ค่อยได้รับความช่วยเหลือ แต่เขาก็พยายามสืบค้นข้อมูล และไปเจอสมุดบันทึกของแฮร์เรียต ที่เขียนตัวอักษรย่อไว้ด้านหลัง

ลิสเบ็ธ สรุปความได้ว่า ชื่อต่างๆนั้นเป็นหญิงสาวที่ถูกฆาตกรรมในหลายๆเมืองที่สวีเดน ซึ่งดูๆแล้วไม่มีความเชื่อมโยงกันเลย

แต่จริงๆแล้วความเชื่อมโยงคือ หญิงสาวที่ถูกฆ่าทุกคนเป็นชาวยิว และขั้นตอนการฆ่าจะอ้างอิงจากไบเบิ้ลเสมอ

ซึ่งลิสเบ็ธ สรุปได้ว่า คนที่ฆ่าต้องเป็นกลุ่มคนคลั่งนาซีอย่างรุนแรง (นาซีสังหารยิวล้างเผ่าพันธุ์ในสงครามโลกครั้งที่ 2 )

เท่ากับว่าตอนนี้ มีสองคดี ที่โผล่มาคู่ขนานกัน คือ ฆาตกรสาวยิวต่อเนื่อง และ คดีการหายตัวของแฮร์เรียต

ลิสเบ็ธวิเคราะห์ว่า บางทีแฮร์เรียต (ซึ่งว่ากันว่าเป็นคนฉลาด) อาจสืบคดีจนรู้ฆาตกรจึงถูกฆ่าปิดปาก

หลักฐานคือรูปถ่ายในอดีต ที่งานเทศกาล มีคนจับภาพได้ว่า ทันทีที่แฮร์เรียตเห็นใครบางคน ที่ยืนในถนนฝั่งตรงข้าม สีหน้าเธอก็เปลี่ยนไปและเธอก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยนับจากคืนวันนั้น

ขณะเดียวกัน ระหว่างที่สืบคดีอยู่ โดยไม่รู้ตัว ลิสเบ็ธ สาวรอยสักมังกร แอบหลงชอบมิเกล และทั้งคู่ก็ได้มีความสัมพันธ์กันอย่างเร่าร้อน และถึงใจ

[k66]

3 ปิดคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง

ฆาตกรที่สังหารหญิงสาวชาวยิว ถึงแม้จะดูออกว่าเป็นคนเดียวกัน แต่น่าเหลือเชื่อว่า เขาฆ่าคนไปทั่วประเทศ ทำให้ลิสเบ็ธบีบข้อมูลลงมาได้แคบลงว่า ต้องเป็นคน
ที่เดินทางบ่อย

ลิสเบ็ธได้รับอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลของวังเกอร์ คอเปอร์เรชั่น และเธอก็ปะติดปะต่อข้อมูลจนได้เห็นภาพชัดเจน

ทุกครั้งที่ก็อตต์ฟรีต เดินทางไปที่ไหน จะมีหญิงสาวโดนฆ่าเสมอ ทำให้เธอมั่นใจแล้วว่า ก็อตต์ฟรีต พ่อของมาร์ติน และแฮร์เรียต คือฆาตกรต่อเนื่อง

แต่คำถามคือ เมื่อก็อตต์ฟรีตตายไปอย่างกะทันหันจากการเมาแล้วตกน้ำ ทำไมยังมีคดีฆาตกรรมแบบเดียวกันเกิดขึ้นอีก ?

ในที่สุดคำตอบก็ลงตัว Like Father Like Son คนที่สานต่องานฆาตกรรม ของก็อตต์ฟรีต ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือ มาร์ติน วังเกอร์ ซีอีโอคนปัจจุบัน และพี่ชายแฮร์เรียตนั่นเอง !

ขณะที่ลิสเบ็ธรู้ตัวคนร้าย 100% มิเกลก็สืบคดีในมุมของตัวเองและมั่นใจว่า มาร์ติน น่าจะเป็นคนร้ายเช่นกัน

เขาเดินทางไปที่บ้านมาร์ตินเพื่อสืบข้อมูลเพิ่ม แต่เคราะห์ร้ายที่โดน มาร์ตินจับตัวไว้ได้ และจับทรมาน เตรียมที่จะเป็นเหยื่อสังหารรายใหม่

ความจริงเปิดเผยแล้ว ว่ามาร์ติน ความจริงคือฆาตกรต่อเนื่อง ซึ่งฆ่าคนได้แนบเนียนยิ่งกว่า ก็อตต์ฟรีตผู้พ่อเสียอีก

มิเกล โดนทรมาน และกำลังจะหมดลมหายใจ มาร์ตินจึงได้ถามคำถามหนึ่งไป ว่า สุดท้ายแล้ว มิเกล เจอแฮร์เรียตหรือไม่ ?

มิเกล เข้าใจว่าแฮร์เรียต ก็เป็นอีกหนึ่งเหยื่อของมาร์ติน แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ มาร์ตินเองไม่ได้ฆ่าน้องสาวของตัวเอง

ก่อนมิเกลจะโดนแขวนคอ ลิสเบ็ธมาช่วยได้ทันแบบจวนเจียน มาร์ตินพยายามตะเกียกตะกายเอาตัวรอด แต่สุดท้ายก็ขับรถเสียหลักพุ่งล้ม รถระเบิดและต้องเสียชีวิตในที่สุด


และแล้ว คดีฆาตกรรมต่อเนื่องก็ปิดฉากลงได้สำเร็จ
แต่ทว่า การค้นหาแฮร์เรียตยังคงไม่มีวี่แวว

ถ้าเธอไม่ได้ถูกฆ่า แล้วเธอไปไหน ? ถ้าเธอไม่ได้ถูกฆ่า แล้วเธอหนีออกไปจากเฮเดสตัด และหมู่บ้านที่ทุกคนรู้จักกันโดยไม่มีคนเห็นได้อย่างไร ?

[k66]

4 แฮร์เรียต วังเกอร์

มิเกล มั่นใจว่าคนที่รู้เรื่องแฮร์เรียตดีที่สุด คือแอนนิต้า คนที่สนิทที่สุดกับแฮร์เรียต เขาจึงเดินทางไปลอนดอนเพื่อวางแผนล่อให้แอนนิต้าติดกับ

ลิสเบ็ธ ติดสัญญาณดักข้อมูลอินเตอร์เนต เพื่อดูว่าแอนนิต้าจะมีปฏิกริยาอย่างไร เมื่อมิเกลเดินเข้าไปบอกข่าวว่า มาร์ติน วังเกอร์ เสียชีวิตแล้ว แต่ปรากฎว่าถึงรู้ข่าว เธอก็ไม่ติดต่อแฮร์เรียตเลย ราวกับว่า แฮร์เรียตไม่มีตัวตนอยู่จริงๆ หรือไ่ม่ก็ตายไปแล้ว

มิเกล วิเคราะห์สถานการณ์อย่างละเอียดอีกครั้ง เขาเห็นถึงความแตกต่างของ
แฮร์เรียต กับแอนนิต้า ทั้งคู่คล้ายกันมาก แต่ไม่ใช่คนเดียวกัน

และเขาก็ได้รู้ว่า จริงๆแล้ว แอนนิต้าที่อยู่ในลอนดอนนั่นล่ะ คือ แฮร์เรียต ที่หายสาบสูญไปเมื่อ 40 ปีก่อน

ประเด็นของเรื่องทั้งหมดคลี่คลายจากปากของแฮร์เรียต เริ่มตั้งแต่ในวัยเด็ก แฮร์เรียต โดนก็อตต์ฟรีตผู้พ่อข่มขืนมาตลอด

ก็อตต์ฟรีตนั้นคือโรคจิตเต็มขั้น ที่ฉากหน้าเป็นซีอีโอบริษัทใหญ่ แต่ฉากหลังทั้งเป็นฆาตกร และมีรสนิยมข่มขืนลูกในไส้ของตัวเอง

แต่ในวันหนึ่ง ก็อตต์ฟรีตเมาอย่างรุนแรง และเกิดการต่อสู้กับแฮร์เรียต ทำให้แฮร์เรียตได้จังหวะป้องกันตัวเอง และสุดท้ายก็อตต์ฟรีตก็ตกน้ำเสียชีวิตไป

อย่างไรก็ตาม มาร์ติน วังเกอร์ พี่ชายของเธอ ก็ดูเหมือนจะสืบเชื้อชั่วมาต่อ เมื่อกลายเป็นคนที่ข่มขืนเธอต่อจากพ่อตัวเอง

หลังจากมาร์ติน ส่งไปเรียนโรงเรียนประจำที่อุปซาล่า ทำให้แฮร์เรียตเริ่มคิดว่าชีวิตเธออาจจะมีความสุขได้อีกครั้ง

เธอมีคุณอาที่รักเธอด้วยใจจริงอย่างเฮนริก เธอมีลูกพี่ลูกน้องที่เข้าใจเธออย่างแอนนิต้า

แต่ทว่า ในวันงานเทศกาลประจำปีของหมู่บ้าน มาร์ติน ได้กลับมาที่เฮเดสตัดอีกครั้ง และ แฮร์เรียตก็รู้ได้ทันทีว่านรกของเธอยังไม่จบลง

ในวันนั้นเอง แฮร์เรียตวางแผนหนีออกจากบ้าน ด้วยการร่วมมือกับแอนนิต้า เธอไม่เอาของอะไรติดตัวไปแม้แต่อย่างเดียว เพื่อให้ดูสมจริง ให้ทุกคนคิดว่าเธอถูกฆ่า

แฮร์เรียต แอบอยู่ในที่เงียบๆระหว่างช่วงกลางดึก และเมื่อเช้ารุ่งขึ้น เธอแอบนอนในกระโปรงหลังของรถแอนนิต้า เพื่อเดินทางไปสตอกโฮล์ม

กว่าที่ตำรวจจะมาค้นหา แฮร์เรียตอย่างจริงจังก็สายเกินไปแล้ว ไม่มีใครเห็นเธออีกต่อไป

ด้วยความที่หน้าคล้ายกัน ทำให้แอนนิต้า อ้อนวอนสามีของเธอ ให้พาแฮร์เรียต เดินทางไปลอนดอน โดยใช้พาสปอร์ตของแอนนิต้า

ไม่มีใครจับได้ แฮร์เรียตจึงมาอยู่ในลอนดอนนับตั้งแต่นั้น

ขณะที่ในวันหนึ่ง แอนนิต้า กับสามีโชคร้ายประสบอุบัติเหตุ ต้องเสียชีวิตทั้งคู่ จึงไม่มีใครรู้ความจริงของแฮร์เรียตอีกเลย และเธอก็ใช้ชีวิตในชื่อของแอนนิต้ามาตลอด 40 ปี

[k66]

5 ล้างแค้นเวนเนอร์สตอร์ม

ในที่สุดหลังจากคดีคลี่คลายลง มิเกล พา แอนนิต้า (หรือตัวจริงคือแฮร์เรียต) กลับมาที่เฮเดสตัดอีกครั้ง เธอก็ได้เจอกับคุณอาเฮนริก วังเกอร์ ที่คิดถึงเธอมาตลอด 40 ปี

ภารกิจของมิเกล กับ ลิสเบ็ธ ลุล่วงไปได้ด้วยดี ซึ่งสิ่งที่มิเกลได้รับตอบแทนก็คือ เงินมหาศาล และ ข้อมูลเรื่องการทุจริต และฟอกเงินของเวนเนอร์สตอร์ม

ปัญหาคือหลักฐานที่จะเอาผิดนั้นมีอายุ 35 ปีแล้ว และศาลไม่รับฟ้องแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ลิสเบ็ธ ซึ่งตอนนี้หลงรักมิเกลไปแล้ว ได้ช่วยเหลืออย่างเต็มที่ในการโค่นล้มเวนเนอร์สตอร์ม ด้วยการเจาะไปในฐานข้อมูลลับ และได้ข้อมูลมาว่า เวนเนอร์สตอร์ม มีธุรกิจเถื่อนกับมาเฟีย และทำการฟอกเงิน โดยมีบัญชีซ่อนไว้ที่หลายๆธนาคารในยุโรป

มิเกล ได้ใช้ข้อมูลของลิสเบ็ธมาเขียนเป็นบทความในนิตยสารมิลเลนเนียม และกลายเป็นเรื่องฮิตที่สุดทันที เพราะแน่นอนทั้งหมดเป็นเรื่องจริง เพียงแต่ไม่มีใครรู้เท่านั้นว่า มิเกลได้ข้อมูลนี้มาจากไหน

ลิสเบ็ธ แฮกข้อมูลต่อไปจนได้รหัสในการถอนเงินทุกบัญชี ทุกธนาคาร ของเวนเนอร์สตอร์ม ที่เกี่ยวพันกับมาเฟียไว้ในมือ และสิ่งที่เธอทำก็คือปลอมตัว ก่อนจะใช้พาสปอร์ตปลอมเดินทางไปทั่วยุโรป เพื่อถอนเงินในบัญชีออกให้เกลี้ยง และในระยะเวลาแค่เดือนเดียว เวนเนอร์สตอร์มก็ต้องสูญเงินไปมากกว่า 2 พันล้านยูโร

มาเฟียในยุโรปเข้าใจว่า เวนเนอร์สตอร์ม พยายามจะตุกติก จึงส่งคนไปสังหาร
และสุดท้ายเรื่องก็จบลงด้วยดี คนที่เกี่ยวข้องกับเวนเนอร์สตอร์ม ไม่คิดจะมายุ่งวุ่นวายกับมิเกลอีกต่อไป