Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Page 2 of 8 FirstFirst 1 2 3 4 ... LastLast
Results 11 to 20 of 77

Thread: บทเรียนจากห้องอาหารตา

  1. #11
    VilePuPae's Avatar
    VilePuPae is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    9
    Warning Points:
    0/5

    Talking

    บอกตรงๆว่าก็แอบคิดเหมือนคุณมุกเหมือนนะคะ แต่ว่าเราไม่คิดนานนะคะ เดี๋ยวต่อมอิจฉาทำงานจะเสียสุขภาพจิต ส่วนตัวเรื่องกระเป๋าราคาเป็นหมื่นเก็บเงินซื้อจากเงินที่เหลือเก็บ (งงมั้ยค่ะ) แบ่งเก็บเป็น 3 ส่วนอ่ะคะ

    ส่วนที่ 1. เงินเก็บเพื่อสำรองกิจการ
    ส่วนที่ 2. เก็บไว้แบงค์ เผื่อ ฉุกเฉิน
    ส่วนที่ 3. เอาไว้ซื้อของที่อยากได้ (ส่วนนี้เงินไม่ร้อนคะ เงินเย็นๆ ) อาจจะซื้อได้ไม่บ่อยเท่าที่ใจอยากได้ แต่ซื้อมาแล้วไม่กระทบเงินส่วนอื่นๆ ไม่เดือดร้อน และนั้นทำให้เราสุขใจและ HAPPY กับของที่ซื้อมา

  2. #12
    pota's Avatar
    pota is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1
    Warning Points:
    0/5
    คำจำกัดความของคำว่าพอเพียง
    ในเเต่ละคนมันไม่เท่ากันอ่ะ
    มีมากใช้มาก มีมากใช้น้อย เเล้วเเต่จะว่ากันไป ไม่เดือดร้อน

    *มีน้อยใช้น้อย (แบ่งเหลือเก็บได้ ไม่เดือดร้อน)= พอเพียง
    *แต่มีน้อยแล้วใช้มาก(ไม่เหลือเก็บ)=ไม่พอเพียง ทุกข์ใจ
    กระวนกระวาย อยากด้ายๆๆๆ.............
    -----
    อันหลังมีตัวอย่างให้เห็นชัดเจน
    v
    v
    ข้าเจ้าเอง ฮี่ๆ
    (ดีนะที่ยังไม่มีเบ่บี๊กะเค้า)
    มีเเต่เจ้าตัวเนี๊ยยยย
    V
    V

  3. #13
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    0
    Warning Points:
    0/5

    Red face มาอ่านด้วยค่ะ

    ต้องขอบคุณทุกความเห็นด้านบนมากเลยค่ะ ยิ่งอ่านแล้วทำให้มองตัวเองแล้วมีความสุขขึ้นเยอะ
    ตั้งแต่เข้ามา SBN ใหม่ ๆ ก็ตื่นตาตื่นใจเหมือนเพื่อน ๆ อ่ะค่ะ วัน ๆ คืน ๆ ไม่ยอมหลับยอมนอน
    แต่พอดูไป ดูไปเรื่อย ๆ ห้องที่เข้าดูจะไม่ใช่ห้องซื้อขายอย่างเดียวแล้ว แต่แชร์ไปดูเพื่อน ๆ
    เวลามีเรื่องอะไรมาเล่า หรือมาคุยกันเรื่องอื่น ๆ ข้อคิดดี ๆ แล้วมีคนเข้ามาตอบ เหมือนอย่างกระทู้นี้ค่ะ
    ทุกคนเป็นเพื่อนกันหมด ถึงแม้จะไม่ได้เห็นหน้ากัน ไม่รู้จักกัน แต่มีมิตรภาพที่รู้สึกได้ ...จริงไหมคะ

    เคยเซ็งตัวเองเหมือนกันนะคะ เคยบอกสามีว่าอยากซื้อกระเป๋าสักใบ
    *แต่เขาบอกว่าถ้าซื้อกระเป๋าแพงขนาดนั้น ยูซื้อนาฬิกาดี ๆ ได้เลยนะ ...อือ...จริง
    *ตั้งแต่อยู่มาไอ ไม่เคยเห็นยูให้ความสำคัญกับกระเป๋าเท่าไหร่นะ เห็นใช้ไม่เคยรักษา ...เออ...จริง
    *แล้วยูใช้ กระเป๋าใบหลายหมื่น ยูคิดว่าคนอื่นเขาจะรู้ไหมว่ายูใช้ของจริง ยูรู้อยู่คนเดียว ...มันจริง...ใช่ไหมอ่ะ
    *แล้วยังบอกอีกว่า กระเป๋าใบนึง ซื้อทองเก็บไว้ได้ตั้งหลายบาทน้า....o_o...เออ...ใช่อีกละ

    +_+ แต่ฉันก็ยังอยากได้นะเฟ้ย....+_+
    (อ่านแล้วอย่าเครียดแทนเค้านะ ให้เค้าเครียดคนเดียวก็พอละ ขำ ๆ เน้อ....อิ...อิ)

  4. #14
    Keeki's Avatar
    Keeki is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    92
    Warning Points:
    0/5

    Talking

    ไม่ค่อยได้เข้าห้องอาหารตาบ่อยค่า แต่ว่าชอบห้องพูดคุยเกี่ยวกับสินค้าแบรนด์เนม

    เราโชคดีอย่าง อิอิ เห็นก้อไม่อยากได้อ่ะ ชมแค่สวยๆแล้วก็ผ่านไป เพราะคิดว่าไงก็ม่ายช่ายของๆเรา พอใจกับสิ่งที่มีอยู่ค่ะ มีบ้างที่เห็นว่า โอว้ สวยจางเรยอยากได้ แต่แวบนึงก็หายอยากค่ะ
    " P u r s e A d d i c t i o n "


  5. #15
    tai-foon's Avatar
    tai-foon is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    49
    Warning Points:
    0/5
    Quote Originally Posted by meandu View Post
    ทู้นี้เป็นทู้ที่ดีมากเลยค่ะ เพราะเชื่อว่าไม่ได้มีแค่คุณมุกคนเดียว
    หรอกที่รู้สึกแบบนี้ ซึ่งมันก้อไม่แปลกเพราะเราๆท่านๆล้วนมีกิเลสกันทุกคน จริงมั้ย


    เราอยากบอกคุณมุกว่า อย่าเชื่อไปเสียทุกอย่างที่เห็น

    ไม่ได้จะบอกให้มองโลกในแง่ร้ายนะ แต่ว่าให้มองในความเป็นจริงและมองเผื่อไว้บ้าง


    ในinternetใครจะเขียนอะไรลงไปก็ได้ ใครจะถ่ายรูปอะไรลงไปก็ได้

    บางทีของชิ้นนั้นอาจจะไม่ใช่ของขวัญจากแฟนก็ได้ เค้าอาจจะซื้อเอง แต่เค้าอยากเขียนลงไปว่าแฟนซื้อให้ เราไม่มีทางรู้...


    บางทีกระเป๋าที่เค้าเอามาshowอาจจะไม่ใช่ของเค้าเองก็ได้ แต่เค้าอยากจะเอามาลงว่าเป็นของเค้า เราไม่มีทางรู้ อีกเหมือนกัน...


    หรือ ของเหล่านั้นอาจจะเป็นของขวัญจากแฟนเค้าจริงๆ กระเป๋าใบสวยพวกนั้นเป็นของเค้าทั้งหมดทุกใบจริงๆก้อได้ แต่ก็อย่าลืมว่า ไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปหมดทุกอย่างหรอก



    คนที่รวยที่สุดในโลก ไม่ใช่= คนที่มีความสุขที่สุดในโลก
    เพราะฉะนั้นคนที่มีกระเป๋ามากที่สุด ก้อไม่ใช่= คนที่มีความสุขที่สุดแน่นอน



    และขอฝากอะไรนิดหน่อยนะคะ เผอิญเราไม่รวยแต่งานที่เราทำต้องประสานงานใกล้ชิดกับคนรวยๆ

    หลายๆคนที่เรารู้จัก ซื้อของพวกนี้เพื่อชดเชยบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไปในชีวิตเค้า

    แต่เพราะสิ่งของพวกนี้มันไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง มันเลยทำให้พวกเค้าต้องซื้อไปเรื่อยๆๆๆ

    เคยมีเพชรเม็ดละ5กะรัต ก็อยากจะมี 6-7-8-9-10 ไม่มีที่สิ้นสุด

    วัตถุ นำความสุขมาให้เรา ได้เพียงชั่วคราวเท่านั้นแหล่ะค่ะ


    ความอยากหรือกิเลสก็เหมือนเชือกเส้นยาวที่ไม่มีที่สิ้นสุดถ้าเราไม่รู้จักตัด มันจะไปได้เรื่อยๆๆๆๆ
    และมัดตัวเราเองในที่สุดค่ะ



    สิ่งสำคัญเลย คือ พอใจในสิ่งที่เรามี เราเป็น และจำไว้เลยนะคะว่า..คนที่คุณเห็นเค้าถือกระเป๋าแพงๆ ใส่นากาแพงๆๆ
    ใส่เพชรตู้มๆๆ เค้าไมได้มีความสุขไปกว่าคุณนักหรอก เชื่อซิ
    เห็นด้วย ได้ใจค่ะ
    เห็นมากก็เกิดกิเลสได้ง่าย รู้จักจำกัดและกำจัด...ดีที่สุดค่ะ
    ไม่ต้องอิฉาใคร..คนเรามีบุญติดตัวมาไม่เท่ากัน..สิ่งที่ทำได้วันนี้คือ..ทำวันนี้ให้ดีที่สุดค่ะ
    รักและดูแลญาติผู้ใหญ่ดีๆให้ลูกเห็น...อนาคตลูกก็จะทำเหมือนเราค่ะ
    แอบซ่อน แม้มตังค์เพื่อฟุ่มเฟือย....กลัวลูกจะโกหกเป็นเหมือนที่เราทำให้ดู...
    ค่อยๆทำ ลด ละ เลิก shopping....
    แค่คิดก็ใจจะขาด

  6. #16
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    4
    Warning Points:
    0/5

    ขอออกความเห็นด้วยคะ

    เคยได้ยินมั้ยคะ

    ทุกสิ่งเหมือนเหรียญสองด้าน...อะไรที่เคยทำให้มีความสุข ก็จะเคยทำให้ม่ความทุกข์

    ..............สุข ทุกข์ ขึ้นๆ ลงๆ คะ..............
    สำคัญ คือ อย่าไปจดจ่ออยู่กับมัน..ชีวิตมีอย่างอื่นอีกเยอะแยะ นอกจากกระเป๋า brandname..ตอนนี้เราทุกข์กับอย่างนึง ก็ลองปล่อยวางไปดูสิ่งที่เรามีความสุขแทน (เช่น กรณีคุณ อิจฉา กระเป๋าคนอื่น..ก็มองลูกอย่างมีความสุขแทน)

    - ลูกเห็นแล้วมีความสุข เค้าดี เราก็ดีใจ...แล้วมีมั้ยที่เค้าเคยทำให้ทุกข์..."ใช่คะ"
    - กระเป๋าสวยๆ ได้มาแล้วมีความสุข...แล้วเคยมั้ยที่กระเป๋าใบนั้นทำให้ทุกข์....."ใช่คะ"...เช่น..เลอะ (กรี๊ดดดด...)...กลุ้มกับเงินที่เสียไป...ขายราคาตกมาก...อยากได้อีกใบมากกว่า....เบื่อแล้ว (ก็มันออกใหม่กันบ่อยเหลือเกิน)...ฯลฯ

    ทุกอย่างเป็นเหรียญสองด้าน
    ทุกคนมีทุกข์มีสุขของตัวเองคะ

    เราเคยรู้จักพี่คนนึง...ในสายตาเราว่าเค้า โคตระรวย แล้วนะ...ประมาณว่า มีทุกยี่ห้อในมือ...เสื้อผ้าก็ซื้อห้องดีไซน์เนอร์มาใส่.....เค้ายังเคยพูดว่า "เนี่ย..คุยกับคนรวยๆ ก็เครียดนะ...(ประมาณว่า คนที่เค้ามองว่ารวยกว่าเค้า)" ซึ่งในสายตาเรา เราเป็นเค้าก็คงพอใจแล้ว..แต่ในสายตาเค้า เค้าก็คงคิดว่า ถ้าเป็นอีกคนก็คงพอใจ...พอมองแบบนี้ก็เลยถึงบางอ้อ...อ๋อเนอะ...คนเรามันไม่มีความว่าพอหรอกคะ..จนกว่าจะ "พอจริงๆ"..ซึ่งต้องค่อยๆ หัด...การมองเห็นตัวกระตุ้นต่างๆ (เช่น ห้อง show off) แล้วปล่อยวางได้ "จริงๆ" จะช่วยฝึกจิตใจให้หลุดออกจาก สิ่งสมมติ ต่างๆ มากขึ้นคะ...

    เราเคยถามเพื่อนเหมือนกัน...ว่า "คิดว่าเงินเดือนเท่าไหร่จะพอ"...เพื่อนหลายคนบอกว่า "ของแบบนี้ ยิ่งมากยิ่งดี"...เราฟังก็ เอ้อ เนอะ...!!! นี่ไง อีกตัวอย่างงงง...คนเราถ้ารู้จัก "พอ" มันก็คือ "พอ" คะ...ถ้ายังไม่รู้จัก ก็ต้องดิ้นรน หาสิ่งนอกตัวกันต่อไป...คนเงินเดือน รวมโบนัส หลายแสนต่อเดือน..ยังมองว่า อยากเติบโตมากขึ้นอีกคะ (จริงๆ คะ)...นี่แหละคะ มนุษย์...เราก็เป็น ขึ้นๆ ลงๆ เพียงแต่ ต้องค่อยๆ พยายาม จับความคิดตัวเองให้ทันว่า..นี่นะ นี่นะ...เรากำลังติดไปกับสิ่งเหล่านี้อีกแล้ว...สิ่งที่จริงๆ แล้ว คือ สิ่งที่สมมติมาทั้งสิ้นคะ

    เรายังเคยคิดเลยนะคะ ว่า อินเดีย ที่แบ่งคนเป็นชั้นๆ แบบสมัยก่อน อาจทำให้คนเครียด และมีความอิจฉากันน้อยกว่าปัจจุบัน...ประมาณว่า ก็ไม่เคยได้ไปสังสรรค์อะไรกับคนคนละกลุ่ม มันก็ไม่เกิดข้อเปรียบเทียบ เค้าคงเล็งเห็นว่า มันห้ามยาก ที่คนธรรมดา จะรู้สึกอะไรแบบนี้กันคะ...แต่ในสังคมเรา มันมีกันเกร่อไปหมด ดังนั้น ต้องทำใจให้เข้มแข็งคะ...อิจฉาได้ อยากมีได้...แต่คิด แล้ว รีบวางเร็วเท่าไหร่ ยิ่งดีกับตัวเท่านั้นคะ

  7. #17
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    0
    Warning Points:
    0/5
    อยากพูด.........ว่า อะไรทีทำแล้วมีความสุขทำไปเถอะ ถ้าไม่ทำให้คนรอบข้างลำบาก
    ซื้อแล้ว...มองดูลูก (ไม่มีให้มองด้วย 555....)
    ซื้อแล้ว...มองดูคุณสามี
    ซื้อแล้ว...มองตังในกระเป๋า

    ถ้าทั้งหมดไม่มีใครเดือดร้อน

    บางท่านมีความสุขมากที่มีเงินเก็บในธนาคาร แต่ถามหน่อยว่าถ้าวันหนึ่งเราเป็นอะไรไปเราได้ใช้เงินเราหรือเปล่า
    ปรากฎคนที่อยู่เอาไปใช้สบาย

  8. #18
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    0
    Warning Points:
    0/5
    Quote Originally Posted by DenMark View Post
    เห็นด้วยนะคับ ว่าคนเราต้องรู้จักพอใจสิ่งที่เรามีค๊าบ

    อย่างไรก็ดีลองอ่าน กฎ และ วัตถุประสงค์ของห้อง show off ดีๆ นะคับ

    หน้าห้องเขียนว่า................
    Show Off : ห้อง อาหารตา
    ซื้ออะไรมาใหม่ ไปชอปอะไรกันมา ของแบรนด์เนมสวยๆจะมือหนึ่ง หรือ มือสอง เอามาแบ่งกันดูด่วนๆค่ะ นอกจากนี้มีกระเป๋าใบไหนซื้อมาน่าใช้ดีไม่ดียังไงแวะมารีวิวกันที่นี่ค่า จะได้เป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆค่ะ

    กฎห้องอาหารตานะครับ http://forum.siambrandname.com/showthread.php?t=19585

    เด่นขอยก ข้อแรก มานะค๊าบ
    กฏของการให้ห้อง Show Off : ห้อง อาหารตา กรุณาอ่านก่อนโพสค่ะ 1 บอร์ดนี้ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเอาไว้โชว์นะคะ ใครขี้อิจฉา หรือจะเข้ามาหมั่นไส้คนโพสก็เชิญออกจ้า แต่อย่างไรก็ตามแอ๊นไม่อยากให้เป็นห้องเอาไว้โชว์ของอย่างเดียว เพราะอยากให้เกิดประโยชน์ คืออย่างน้อย อยากให้เพื่อนๆช่วยเขียนอย่างน้อยก็ ชื่อรุ่น และ สี ด้วยค่ะ จะได้เก็บเป็นreferenceข้อมูลได้และเกิดประโยชน์ค่า
    นอกจากนี้ความตั้งใจของห้องนี้คือ คือให้รีวิวสินค้าด้วย ซือมาหนึ่งชิ้นก็เชิญมารีวิวกันได้ค่ะ(การใช้งาน ดีไม่ดียังไง ถือแล้วดูเปนยังไง) และนั่นล่ะ เกิดประโยชน์มากมายที่สุดแน่นอน



    อ่านกฎ ทำความเข้าใจเจตนารมณ์ของเวป และห้องต่างๆ ก่อนตั้งกระทู้ หรืออ่านกระทู้นะคับ
    ขอบคุณมากสำหรับความเห็นนะคะ เราเข้าใจเจตนาของคุณแอนท์ค่ะ คุณแอนท์ตั้งเวปนี้มาเพราะอยากให้มีที่ที่คนรักแบรนด์เหมือนกัน ได้มีที่มาพบปะพูดคุยเรื่องความรักในสิ่งเดียวกันโดยที่ไม่ได้มีรายได้อะไรจากตรงนี้เลย แถมต้องเสียเงินค่า host อีก และเราก็ปฎิบัติตามกฎ กติกาของเวปมากที่สุดเท่าที่เราทำได้ค่ะ

    ส่วนตัวเราเราว่าความรู้สึกของคนเรามันห้ามไม่ได้ แต่วิธีจัดการกับมันต่างหากที่สำคัญ เหตุผลที่เราตั้งกระทู้เพราะเรารู้สึกดีใจและอยากจะแชร์กับเพื่อนๆ ที่ตอนนี้เราสามารถเข้าไปชื่นชมความสวยงามของของที่เพื่อนๆเอามาโชว์ โดยที่ไม่ได้รู้สึก 'อยากมี' หรือ 'อิจฉา' กับสิ่งที่เพื่อนๆคนอื่นมีได้แล้ว เพราะเรารู้สึกพอกับสิ่งที่เรามี และแค่ 'ตื่นตา' กับสิ่งที่คนอิ่นมี

    อย่างที่บอก เราว่าเพื่อนๆรู้ limit ของตัวเอง เพื่อนๆที่มีเงินและมีความรักในกระเป๋าแบรนด์เนมเค้าก็มีสิทธิ์ที่จะซื้อหาของพวกนี้มาใช้ โดยที่ไม่เดือดร้อนใคร คงไม่มีใครถึงกับเอาเงินค่าเล่าเรียนลูกมาซื้อ Chanel ใบสวย หรือเอาเงินทองที่พ่อแม่ส่งให้มาเรียนหนังสือแอบไปซื้อบางลองหนังยับๆหรอก จริงไม๊คะ

  9. #19
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    0
    Warning Points:
    0/5
    Quote Originally Posted by mAy View Post
    ชอบความเห็นคุณมุกจังเลยค่ะ...ตรงดีค่ะ
    ขอบคุณค่ะ ได้แบ่งปันความคิดกับเพื่อนๆแล้วสบายจายดีค่ะ

    Quote Originally Posted by gamy View Post
    อ่านกระทู้นี้แล้วสอนใจดีจัง

    เหมือนกับอ่านแล้วย้อนดูตัวเองว่าเราพอใจกับสิ่งที่เรามี สิ่งที่เราเปนรึยัง??

    ถ้ายังมานก็ไม่มีความสุขจิงๆหรอกคะ

    จิงอยู่ที่เวลาได้นู่นได้นี่ มีนู่นมีนี่แล้วจารู้สึกมีความสุขก่ามานมาก...

    แต่มานก็แค่แปบเดียว ถ้าเรายังเปนคนไม่รู้จักพออยู่เด๋วก็ต้องไปหาใบใหม่แระ

    จิงมั้ยค่ะ!! แล้วอย่างงี้เมื่อไหร่จ่สิ้นสุด

    เห้อ.....ต้องรู้จักพอใจและมีสติค่ะ

    โห!!วานนี้เขียนเปนทางการจิง (เพราะเราก็ต้องตัดกิเลศให้ได้...พยายามอยู่...)
    จริงๆๆเลยค่ะ พอมีหนึ่งแล้วมันก็อยากได้ 2 3 4 5 ต่อๆไป

    Quote Originally Posted by lovely_yui View Post
    บางทีเราก็เข้ามาชมเป็นอาหารตา อาหารใจ ให้หัวใจชุ่มชื่น

    แล้วก็จากไป เพราะตังค์ไม่มีค่ะ กร๊ากก

    ก่อนหน้านี้ลูกยังไม่โต ก็ซื้อไปเรื่อย ตอนนี้ก็ใช้แบบที่มีค่ะ ก็สวยดี

    ตอนนี้ต้องเก็บตังค์ไว้ให้ลูกเรียนเหมือนกันค่ะ ค่าเทอมเด็กอนุบาล นี่ แพ๊ง แพง

    8)8)8)
    กำลังหยดหยองกับค่าเรียนอนุบาลเหมือนกันค่ะ เพิ่งแว๊บไปดูเวป Harrow อนุบาล 400,000 กว่า แม่จ้าววว

    Quote Originally Posted by VilePuPae View Post
    บอกตรงๆว่าก็แอบคิดเหมือนคุณมุกเหมือนนะคะ แต่ว่าเราไม่คิดนานนะคะ เดี๋ยวต่อมอิจฉาทำงานจะเสียสุขภาพจิต ส่วนตัวเรื่องกระเป๋าราคาเป็นหมื่นเก็บเงินซื้อจากเงินที่เหลือเก็บ (งงมั้ยค่ะ) แบ่งเก็บเป็น 3 ส่วนอ่ะคะ

    ส่วนที่ 1. เงินเก็บเพื่อสำรองกิจการ
    ส่วนที่ 2. เก็บไว้แบงค์ เผื่อ ฉุกเฉิน
    ส่วนที่ 3. เอาไว้ซื้อของที่อยากได้ (ส่วนนี้เงินไม่ร้อนคะ เงินเย็นๆ ) อาจจะซื้อได้ไม่บ่อยเท่าที่ใจอยากได้ แต่ซื้อมาแล้วไม่กระทบเงินส่วนอื่นๆ ไม่เดือดร้อน และนั้นทำให้เราสุขใจและ HAPPY กับของที่ซื้อมา
    เราก็ปล่อยให้ไอ้ต่อมนิสัยไม่ดีทำงานไม่เกิน 10 นาทีค่ะ รู้สึกเหมือนกันว่ามันทำให้เสียจริต

  10. #20
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    0
    Warning Points:
    0/5
    Quote Originally Posted by pota View Post
    คำจำกัดความของคำว่าพอเพียง
    ในเเต่ละคนมันไม่เท่ากันอ่ะ
    มีมากใช้มาก มีมากใช้น้อย เเล้วเเต่จะว่ากันไป ไม่เดือดร้อน

    *มีน้อยใช้น้อย (แบ่งเหลือเก็บได้ ไม่เดือดร้อน)= พอเพียง
    *แต่มีน้อยแล้วใช้มาก(ไม่เหลือเก็บ)=ไม่พอเพียง ทุกข์ใจ
    กระวนกระวาย อยากด้ายๆๆๆ.............
    -----
    อันหลังมีตัวอย่างให้เห็นชัดเจน
    v
    v
    ข้าเจ้าเอง ฮี่ๆ
    (ดีนะที่ยังไม่มีเบ่บี๊กะเค้า)
    มีเเต่เจ้าตัวเนี๊ยยยย
    V
    V


    Quote Originally Posted by kap View Post
    เคยได้ยินมั้ยคะ

    ทุกสิ่งเหมือนเหรียญสองด้าน...อะไรที่เคยทำให้มีความสุข ก็จะเคยทำให้ม่ความทุกข์

    ..............สุข ทุกข์ ขึ้นๆ ลงๆ คะ..............
    สำคัญ คือ อย่าไปจดจ่ออยู่กับมัน..ชีวิตมีอย่างอื่นอีกเยอะแยะ นอกจากกระเป๋า brandname..ตอนนี้เราทุกข์กับอย่างนึง ก็ลองปล่อยวางไปดูสิ่งที่เรามีความสุขแทน (เช่น กรณีคุณ อิจฉา กระเป๋าคนอื่น..ก็มองลูกอย่างมีความสุขแทน)

    - ลูกเห็นแล้วมีความสุข เค้าดี เราก็ดีใจ...แล้วมีมั้ยที่เค้าเคยทำให้ทุกข์..."ใช่คะ"
    - กระเป๋าสวยๆ ได้มาแล้วมีความสุข...แล้วเคยมั้ยที่กระเป๋าใบนั้นทำให้ทุกข์....."ใช่คะ"...เช่น..เลอะ (กรี๊ดดดด...)...กลุ้มกับเงินที่เสียไป...ขายราคาตกมาก...อยากได้อีกใบมากกว่า....เบื่อแล้ว (ก็มันออกใหม่กันบ่อยเหลือเกิน)...ฯลฯ

    ทุกอย่างเป็นเหรียญสองด้าน
    ทุกคนมีทุกข์มีสุขของตัวเองคะ

    เราเคยรู้จักพี่คนนึง...ในสายตาเราว่าเค้า โคตระรวย แล้วนะ...ประมาณว่า มีทุกยี่ห้อในมือ...เสื้อผ้าก็ซื้อห้องดีไซน์เนอร์มาใส่.....เค้ายังเคยพูดว่า "เนี่ย..คุยกับคนรวยๆ ก็เครียดนะ...(ประมาณว่า คนที่เค้ามองว่ารวยกว่าเค้า)" ซึ่งในสายตาเรา เราเป็นเค้าก็คงพอใจแล้ว..แต่ในสายตาเค้า เค้าก็คงคิดว่า ถ้าเป็นอีกคนก็คงพอใจ...พอมองแบบนี้ก็เลยถึงบางอ้อ...อ๋อเนอะ...คนเรามันไม่มีความว่าพอหรอกคะ..จนกว่าจะ "พอจริงๆ"..ซึ่งต้องค่อยๆ หัด...การมองเห็นตัวกระตุ้นต่างๆ (เช่น ห้อง show off) แล้วปล่อยวางได้ "จริงๆ" จะช่วยฝึกจิตใจให้หลุดออกจาก สิ่งสมมติ ต่างๆ มากขึ้นคะ...

    เราเคยถามเพื่อนเหมือนกัน...ว่า "คิดว่าเงินเดือนเท่าไหร่จะพอ"...เพื่อนหลายคนบอกว่า "ของแบบนี้ ยิ่งมากยิ่งดี"...เราฟังก็ เอ้อ เนอะ...!!! นี่ไง อีกตัวอย่างงงง...คนเราถ้ารู้จัก "พอ" มันก็คือ "พอ" คะ...ถ้ายังไม่รู้จัก ก็ต้องดิ้นรน หาสิ่งนอกตัวกันต่อไป...คนเงินเดือน รวมโบนัส หลายแสนต่อเดือน..ยังมองว่า อยากเติบโตมากขึ้นอีกคะ (จริงๆ คะ)...นี่แหละคะ มนุษย์...เราก็เป็น ขึ้นๆ ลงๆ เพียงแต่ ต้องค่อยๆ พยายาม จับความคิดตัวเองให้ทันว่า..นี่นะ นี่นะ...เรากำลังติดไปกับสิ่งเหล่านี้อีกแล้ว...สิ่งที่จริงๆ แล้ว คือ สิ่งที่สมมติมาทั้งสิ้นคะ

    เรายังเคยคิดเลยนะคะ ว่า อินเดีย ที่แบ่งคนเป็นชั้นๆ แบบสมัยก่อน อาจทำให้คนเครียด และมีความอิจฉากันน้อยกว่าปัจจุบัน...ประมาณว่า ก็ไม่เคยได้ไปสังสรรค์อะไรกับคนคนละกลุ่ม มันก็ไม่เกิดข้อเปรียบเทียบ เค้าคงเล็งเห็นว่า มันห้ามยาก ที่คนธรรมดา จะรู้สึกอะไรแบบนี้กันคะ...แต่ในสังคมเรา มันมีกันเกร่อไปหมด ดังนั้น ต้องทำใจให้เข้มแข็งคะ...อิจฉาได้ อยากมีได้...แต่คิด แล้ว รีบวางเร็วเท่าไหร่ ยิ่งดีกับตัวเท่านั้นคะ
    ชอบค่ะ มีข้อคิดดีจัง

Page 2 of 8 FirstFirst 1 2 3 4 ... LastLast

Comments from Facebook

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •