ขอปรึกษา ธรรมเนียมจีน และแม่ผัว กับ ลูกสะใภ้ค่ะ

พี่ๆค่ะ อีก ไม่นาน พีเค ก็จะออกเรือนแล้วนะค่ะ แต่ พีเคมีปัญหาตรงธรรมเนียมคนจีน กะคนไทย ทางฝ่ายพีเคเป็นคนไทยแท้ ส่วนทางด้านแฟนก็จีนแท้ๆ ค่ะ มีพี่ๆท่านใดพอจะมีปัญหาแนวๆๆนี้บ้างค่ะ พีเคมองอนาคต แล้วว่าคงจะม่มีความสุขแน่ๆๆ เค้าเหมือนดูถูกเรา เหมือนเราไม่รู้ หรือ ไม่รับสะใภ้คนไทยเลย ค่อยจะเปรียบเทียบกับ สะใภ้คนโตตลอด( ซึ่งเป็นคนจีนเหมือนกัน ) พีเคเริ่มรู้สึกอึดอัดมาก ขนาดสินสอดเค้ายังจะมาขอคืนเลยค่ะ แต่ธรรมเนียมไทย พ่อ แม่ ฝ่ายเจ้าสาว ต้องเก็บ หรือ จะให้ครึ่งหนึ่งก็ได้ ใช้ไหมค่ะ นี่มีกับได้กับได้ตลอด แถมยังมาพูดว่า เค้าให้ไปเท่าไหร่ทางพ่อแม่เราต้องให้เพิ่มมาด้วย จริงหรือค่ะ ส่วนด้านแฟนก็ไม่เข้าใจ ต่างคนต่างเข้าข้างตัวเอง พี่ๆว่าพีเคต้องทำอย่างไงดีค่ะ พีเคไม่สบายใจเลย อึดอัดและเครียดมาก พีเคไม่รู้ว่าจะระบายกับใครดี ถ้าไปเล่าให้พ่อแม่ตัวเองฟัง เด๋วก็ทะเลาะ ทั้งสองฝ่ายไอเราก็คนกลาง ทำใจลำบาก พี่ๆๆท่านใด พอจะสอนน้องคนนี้ได้บางค่ะ ถือว่าพีเคเป็นน้องเป็นนุ่ง คนหนึ่งเถอะนะค่ะ หรือ พี่ๆๆที่เป็นคนเชื้อสายจีน จะช่วยมาสอนพีเค ที่ก็ได้นะค่ะ ว่าพีเค ควรต้องตัวอย่างงัย
** ขอบคุณพี่มากนะค่ะ **

ปัญหานี้มีตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ค่ะ แต่ปัญหาเรื่องเงินๆทองๆ ไม่ว่าจีน หรือ ไทย ก็เกิดขึ้นได้ค่ะ ขึ้นอยู่กับความงกของแต่ละคนอะค่ะ อิ อิ

จริงๆแล้วก็ต้องทำใจเนอะ เลือกเค้าแล้วนี่นา ปล่อยวางไปบ้าง เรื่องเงินๆทองๆอะ ถ้าเค้ายังมีให้เรากิน ให้เราใช้ ไม่ต้องอดอยากอะ ส่วนเรื่องการปรับตัวเข้ากันนั้น เราเป็นเด็ก ก็ต้องปรับตัวหาผู้ใหญ่เค้าก่อนแหละ ดีที่สุด แล้วทุกอย่างก็จะดีขึ้นจ๊ะ คิดว่า สักวัน พ่อแม่เค้าคงเห็นใจเรา ถ้าเราทำตัวดีๆ เค้าก็ต้องเห็นใจเราสักวันแหละค่ะ

เรื่องคนรอบๆข้าง ไม่สำคัญเท่าคนใกล้ตัวนะ ถ้าคนที่จะมาแต่งงานกับเรา เค้าไม่เข้าใจเรา ก็อยู่กันลำบากเนอะ เราน่ะจะเหนื่อยใจ แต่ รักเค้าก็ต้องทนเนอะ

Drama ซะ

ของพี่ก็เป็นคนเชื้อสายจีนจ๊ะ แต่งกับคนเชื้อสายไทย มิมี ปัญหาใดๆ

เรื่องวิถีชีวิต การกินอยู่ จีน กับ ไทย คิดว่าต่างกันนะ เราต้องปรับตัวตามคนหมู่มากอะ

สู้...สู้

เป็นคนจีนค่ะ ขอตอบเรื่องสินสอด คือธรรมเนียมจีน เขาจะให้เป็นการรับไหว้

คือพิธียกน้ำชา พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายต้องให้กับคู่บ่าวสาว ไม่ใช่ฝ่ายชายให้ฝ่ายเดียวค่ะ
ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต้องเตรียมทรัพย์สินเงินทอง จำนวนก็แล้วแต่ ให้บ่าวสาว ไปตั้งตัว ทำนองนั้น
ไม่ใช่ฝ่ายชายให้พ่อแม่เจ้าสาวแล้วพ่อแม่ก็เก็บเงียบ ไม่ใช่ค่ะ


บางครั้งพ่อแม่ฝ่ายหญิงให้เยอะกว่าฝ่ายชายก็มีค่ะ หมายถึงให้เจ้าบ่าวเจ้าสาว

พ่อแม่ฝ่ายชายต้องให้ฝ่ายหญิง เป็นสินสอด ( ค่าน้ำนม ) แก่พ่อแม่ฝ่ายหญิง และทองหมั้น แก่เจ้าสาว ค่ะ ซึ่งทั้งสินสอดและทองหมั้นนี้ ปัจจุบันมักจะให้กันคราวเดียวในพิธีหมั้น ( พานเงิน พานทองนั่นแหละ) พ่อแม่ฝ่ายหญิงมักจะยกให้ลูกสาว หรือให้ทั้งบ่าวสาวไปตั้งตัว โดยพ่อแม่ฝ่ายหญิงอาจจะโป๊ะเพิ่มก็ได้ (บ้านก็ก็เพิ่มลงไปในพาน และพ่อแม่ยกให้อ๋องคนเดียว :lol: )

ส่วนตอนยกน้ำชา ( ซึ่งถือเป็นขั้นตอนในพิธีแต่งงาน ) ก็จะยกทั้งผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าว และผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาว ผู้ใหญ่ก็ต้องเตรียมเงินทองหรือสิ่งของไว้รับไหว้เรา ส่วนเราก็เตรียมผ้าไหว้และขนมไว้ขอบคุณท่าน

จบบริบูรณ์

ส่วนไอ้เรื่องจะให้หรือจะขอคืนนี้อยู่ที่ความเคี้ยวส่วนบุคคลค่ะ ไม่มีข้อกำหนดชัดเจน :wink:

เดี๋ยวพอเวลาคนจีน คุยกันเรื่องยกน้ำชาแล้วจะงง (ขั่งแต๊) ---ภาษาจีน

เห็นด้วย กับความงกส่วนบุคคล ไม่มีในธรรมเนียม
ทำใจสบายๆ เงินทองของนอกกาย
หาใหม่ได้ ยังหาได้เยอะกว่าตอนแต่งอีกเน้อ------

ยินดีล่วงหน้าก้าบ

เป็นสะใภ้คนจีนเหมือนกัน ( แต่เป็นซ้อใหญ่จ้า ) โชคดีที่มีแม่สามีใจดี หัวสมัยใหม่ไม่ค่อยเข้มงวดเรื่องประเพณีค่ะ ส่วนเรื่องสินสอดตอนที่ยกขันหมากมา ทั้งหมดเป็นของเรา 2 คนค่ะ แต่มีมี 1 ส่วนที่คุณแม่เปิ้ลให้เพิ่มเติมเหมือนให้ลูกไปตั้งตัวค่ะ สำหรับพิธีหมั้น( ที่บ้านเปิ้ล ) ฝ่ายเปิ้ลจัดการให้หมดค่ะ แต่สำหรับ ค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นการ์ด ของชำร่วย ถ่ายรูป ค่าโรงแรม คือ ทั้งหมดเลยก็ว่าได้ ฝ่ายชายจัดการค่ะ ส่วนเรื่องเงินที่แขกใส่ซองมา ฝ่ายชายก็ยกให้ค่ะ แต่ทางคุณแม่เปิ้ลบอกว่าให้คืนไปเพราะ ฝ่ายชายจ่ายเยอะมากแล้วค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เปิลคิดว่าเรื่องแบบนี้ เราน่าจะคุยกับแฟนก่อนนะ เพื่อมีทางออกที่ดี เช่น ออกมาอยู่กันเองแต่ยังไปมาหาสู่สม่ำเสมอ เพื่อลดความอึดอัดค่ะ ( ขึ้นอยู่กับแต่ละครอบครัวนะจ้ะ )

ขอบคุณพี่ๆนะค่ะ ที่เข้ามาช่วยให้กำลังใจ แต่ดูๆแล้วแววเลิกมาตั้งแต่ยังไม่แต่งนะค่ะ( เหลืออีก ไม่กี่วันแล้ว) พีเคเครียดและเหนื่อใจมากๆๆค่ะ ทางโน่นเค้าจะเอาสินสอดคืน และ ยังเก็บซองทางฝ่ายเราด้วย แต่ก็ไม่ซีเรียดมากค่ะเรื่องซอง แต่เค้าเอาเปรียบเราจนเกินไปจริงๆค่ะ เค้ากะว่าไม่ให้ค่าน้ำนมทางฝ่ายแม่เจ้าสาวเลย และยังพูดโน่นนี้ตลอด คอยถามว่าทางเราจะมีอะไรให้มั่ง ลำพังครอบครัวพีเค ไม่ได้จนถึงขนาดต้องหวังเอาเงินใคร ถึงพีเคไม่ต้องทำมาหากินพ่อแม่ก็เลี้ยงพีเคได้ แต่ถ้าไปเปรียบเทียบ กับทางเจ้าบ่าวแล้ว เค้าระดับเศรษฐีต้นๆนะค่ะ พี่ๆเค้าใจไหมค่ะ เค้าค่อยจะเป่าหูลูกชายเค้าไอเราก็พูดมากไม่ได้เด๋วเค้าจะเกียจเรา พีเคไม่อยากจะแต่งเลย ทางบ้านก็ไม่สนับสนุนแล้วตอนนี้ แต่งไปพีเคต้องทนอยู่รวมกัน ไปซื้อบ้านแยกไม่ได้พ่อแม่เค้าไม่ยอม มีแต่จะว่าเราว่าค่อยเซี่ยมลูกชายเค้า เหมือนจะมาพรากลูกเค้านะค่ะ

เราเองก็แต่งงานกับคนจีน เจอวิกฤติเหมือนกันคะ เครียดมากเลย แต่เราก็ไม่ได้เล่าให่พ่อแม่ฟังเหมือนกัน จะมีคนคอยจ้องจับผิด แต่งเรื่องใส่ร้ายเรา ส่วนใหญ่มักเป็นผู้หญิงนะคะ ฯลฯ แต่โชคดีที่แฟนเชื่อใจเราคะ เราอดทนมาพักหนึ่ง แต่อดทนมากๆ ก็แตกเหมือนกันนะคะ เบื่อคะ ใครมีวิธ๊อะไรก็แนะนำบ้างนะคะ / ยากคะการเปลี่ยนนิสัยคน ชิวิตจริงตอนจบนางเอกก็อาจต้องทนๆๆๆๆๆๆต่อไปคะ เราเป็นอีกคน ที่จะใช้คำพูดว่ารู้งี้ไม่แต่งหรอก (อันนี้จากประสบการณ์ของเรานะ ไม่ต้องเอาตามก็ได้)

พี่ๆๆค่ะ อย่าหาว่าพีเคเอาเรื่องครอบครัวมาบอกคนอื่นเลยนะค่ะ พีเคกลุ่มใจ ไม่รู้จะระบายออกยังงัยดีบอกกับใครก็ไม่ได้ ไม่อยากให้ครอบครัวรับรู้ พีเคยอมที่จะเสียใจคนเดียว บางครั้งนึกๆไปแล้ว ชีวิตคนเราก็เหมือนนิยาย เวลาพีเคจะซื้อเสื้อผ้า ซื้อของใช้ แม้แต่ซื้อกระเป๋า พีเคยังต้องแอบๆๆซื้อเลยค่ะ ถ้าแม่แฟนรู้เค้าจะด่าและว่าเราทั้งๆๆเป็นเงินพีเคเองนะค่ะ พีเคลำบากใจมาก งานแต่งงานทั้งหมดอีก(ไม่กี่วัน)เตรียมเอาไว้แล้วค่ะ แต่ถ้าเคลียร์ไม่ลงตัวจริง คงต้องยุตินะค่ะ ได้แต่ภาวนาถึงให้พีเครักแฟนมากแค่ไหน แต่ถ้าครอบเค้าทำร้ายจิตใจพีเคก็คงไม่ไหวค่ะ พีเคว่าไม่มีครอบไหน ที่มีความสุขเท่าครอบครัวเรา พ่อ แม่เราค่ะ ถ้าย้อนกลับไปได้ พีเค ขออยู่เป็นโสดดีกว่าค่ะ มีอะไรให้เราทำอีกหลายอย่าง พีเคมองอนาคตข้างหน้าของตัวพีเคเองแทบจะไม่เห็นเลย มันมืดมาก ใจหนึ่งก็อยากหนีไปไกลๆ คงไปอยู่กับเพื่อนที่ต่างประเทศ รอให้เรื่องมันจบแล้วค่อยกลับมา เฮ้ย........ พี่ๆน้องๆ sbn ที่ยังไม่มีแฟน ไม่ใช้ว่าคุณโชคไม่ดีนะ คุณถือว่าโชคดีมาก และ พี่ๆน้องๆ ที่มีครอบครัวอย่างมีความสุขและอบอุ่น คุณถือว่าโชคดีที่สุดแล้ว จริงหรือป่าวค่ะ ที่เข้าว่าคนในอยากออก คนนอกอยากเข้า :cry:

พีเคผิดเองที่เลือกเค้ามา ใช้ชีวิตคู่ แต่เค้าน่าจะปกป้องพีเคได้มากกว่านี้ บางครั้งเค้าก็ดี บางครั้งเค้าก็ไม่เค้าใจเราเลย คนอื่นเค้าคงจะดีใจตื่นเต้นที่จะใกล้ถึงวันแต่งงาน แต่พีเคไม่ใช้ เหมือนตัวเองกำลังเดินเข้าไปในนรก มันดูเหมือนเวอร์ แต่ ในความรู้สึกพีเคมันเป็นยังงั้น

ใจเย็น ๆ นะจ้ะ น้อง pk ลองค่อย ๆ พูดคุยกันดี ๆ เป็นกำลังใจให้คะ

:lol:

ฟังดูแล้วหนักใจแทนค่ะ คุณพีเคลองปรึกษาพ่อแม่ก่อนดีมั้ยคะ ตัดสินใจตอนนี้ก็ยังไม่สายค่ะ และลองคิดทบทวนดีๆตัดสินใจอีกสักครั้งค่ะ แต่ของส้มเนี่ยดีหน่อยค่ะ เท่าเทียมค่ะ แยกออกมาอยู่บ้านเราเองสบายใจค่ะ ไม่อยากมีปัญหากับใครอ่ะค่ะ ( แม่แฟนใจดีค่ะ แต่บ่นเก่งเท่านั้นเอง...555 ล้อเล่นค่ะ)

เห็นใจค่ะ แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไปเนอะ ลองคุยกับคุณพ่อคุณแม่ดูสิคะ ว่าเรามีความกังวลอย่างงี้ อย่าเก็บความเครียดไว้คนเดียวเลยน้า :)

มะค่อยรู้เรื่องพวกนี้เรยแต่

มาเป็นกำลังใจให้คุณ PK อีกคนค้าบ

อย่าเครียด คิด++++ วันแต่งเจ้าสาวจะได้สวยๆน้า

คุงPKสู้ๆๆๆๆ

อ่านแล้วก็เข้ามาตอบอีกที อย่าแต่งเลยค่ะ

ถ้าแฟน ซึ่งเป็นคนสุดท้ายที่ควรจะเข้าใจเรา เข้าข้างเรา ยังกลับพึ่งไม่ได้แล้วนี่ แต่งแล้วไปอย่ครอบครัวเขาแล้วเราจะหันไปพึ่งใครค่ะ

เพื่อนของเพื่อนก็มีกรณีคล้ายกันแต่ไม่งกเท่านี้นะ ทะเลาะกันเรื่องที่แม่ฝายชายไม่อนุญาติให้ไปถ่ายภาพแต่งงาน และให้ใส่ชื่อเจ้าบ่าว นำหน้าเจ้าสาวเสมอ ในการ์ดและอื่นๆ ( ทั้งที่โดยสากลจะใส่ชื่อเจ้าสาวนำหน้า เรื่องเล็กน้อย ติงต๊องไหม) และเรื่องรายละเอียดการจัดงานเล็กน้อย แบบว่าจะเลือกอะไร แม่ผู้ชายไปด้วยตลอด เป็นคนตัดสินใจทั้งหมด แล้วแฟนก็เชื่อแม่หมด ไม่ฟังเจ้าสาวเลย งานก็เลยล่มทั้งที่แจกการ์ดไปแล้ว

แต่ต่างกันที่เจ้าสาวบอกพ่อแม่ตลอด แต่พ่อแม่ก็เห็นว่าลูกเป็นคนเลือกคู่ครองเอง จึงไม่อยากขัดใจลูก แต่พอลูกบอกว่าไม่อยากแต่งแล้ว พ่อแม่แฮปปี้มากๆค่ะ ไม่ว่าไรเลย

นี่ก็ใกล้ถึงวันแล้ว ลองบอกพ่อแม่คุณดูนะ ถ้าท่านเห็นด้วยก็ไม่ต้องแต่ง ดีกว่าแต่งแล้วหย่า พ่อแม่ย่อมรักลูกเสมอ

อย่าไปคิดว่ายังไม่ทันแต่งก็มีแววจะเลิกแล้ว ถ้าเราคิดว่าจะเลิก ยังไงเราก็ต้องเลิก สู้คิดว่าเราไม่เลิก ใช้ความอดทนเข้าสู้ดีกว่าค่ะ

สมัยใหม่นี้นะคะ เรื่องสินสอดเนี่ย เวลาแต่งงาน เค้าก็จะให้กับคู่บ่าวสาวไปเลย แต่ก็มีบางครอบครัวเก็บคืนไป ด้วยเพราะเหตุผลว่า ฉันให้เธอยืมเอาไปวางโชว์ :roll:

เรื่องแค่นี้เล็กมากๆ เลยค่ะ ถ้ามีความรักต่อกันจริงๆ แต่งไปช่วยกันหาใหม่ได้ ในเมื่อตกลงกันว่าจะแต่ง เราก็ต้องเดินหน้าต่อไป เพราะปัญหายังรอเราอีกมากกับการใช้ชีวิตคู่ร่วมกับคนอื่น!!!!!

ถ้าแค่นี้ท้อ ก็แย่แล้วเนอะ

ที่บอกอย่างนี้ก็อยากให้สู้นะคะ อย่าถอยออกมา และบอกว่านี่คือทางแก้ปัญหาของฉัน ให้นึกถึงสิ่งดีๆ ที่ทำร่วมกันมา

เข้ามาให้กำลังใจนะค๊า พี่ว่าลองปรึกษาคุณพ่อคุณแม่ดีไหมคะ เพราะถ้าน้องพี่เคเลือกเดินหน้าต่อก็อาจต้องเจอปัญหาแบบนี้ไปตลอด
แทนที่แต่งงานแล้วจะมีความสุข กลับต้องมาเครียดอยู่คนเดียว ซื้อของใช้ ซื้อกระเป๋าก็ยังต้องแอบซื้อ พี่ว่าไม่ไหวค่ะ สุขภาพจิตเสียป่าวๆค่ะ
เรียนปรึกษาคุณพ่อคุณแม่เถอะนะคะ พี่ว่ายังไงคุณพ่อคุณแม่เราท่านก็เป็นที่ปรึกษาที่ดีที่สุดน่ะค่ะ พี่ขอเอาใจช่วยนะคะ ขอให้ทุกปัญหาคลี่คลายด้วยดี
และขอให้น้องพีเคมีความสุขกับชีวิตคู่นะคะ...

เราว่าพ่อกับแม่ก็คงบอกว่าตามใจเราหรือว่างานเตรียมพร้อมแล้วแต่งไปก่อนแล้วค่อยพบยายามปรับตัว นะคะ ถ้าปรึกษาท่าน เพราะเราเคยเป็นแบบนี้มาก่อน วันนี้ได้เจอคนหัวอกเดียวกันเลยขอระบายหน่อยนะคะ เป็นผู้หญิงลำบากคะ แต่พอผ่านช่วงตัดสินใจมาแล้วรู้แล้วคะ ว่าความรักอย่างเดียวมันทำให้ชีวิตอยู่ไม่ได้ ต้องมีอย่างอื่นประกอบด้วยคะ ก่อนแต่งเราคิดว่าเราแต่งกับลูกเขานะ แล้วเราก็คิดว่าจะไม่ยุ่งวุ่นวายกับทางบ้านเขา แต่มันก็มีเรื่องมากรทบเราเรื่อยๆคะ /เราเป็นกรณีกนึ่งที่โชคไม่ดี ปัญหาเราเห็นมันมาแต่ต้นแล้วคะ

เราก็แต่งกับคนจีนเหมือนกัน ก็มีปัญหาตามประสา แต่ตอนนี้ก็โอเคแล้ว เพราะแม่สามีช่วยเล้ยงลูกอ่ะ แต่เราไม่มีปัญหาเรื่องสินสอดทองหมั้นนะ
อยากให้ลองเอาความรู้สึกและความทรงจำที่ดี กับแฟนเรามาเทียบดูว่าที่ผ่านมาเราสองคนเคยผ่านอุปสรรคอะไรมาด้วยกันหรือเปล่า แล้วก็เอาเหตุการณ์ตรงนี้มาเปรียบเทียบดูนะคะ แล้วลองคุยกับแฟนเราว่าเรารู้สึกยังงัย ถ้าเขารักเราจริงเขาต้องหาทางออกที่ดีให้ได้นะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ
แอม

เอาใจช่วยคุณพีเค นะคะ ถ้าตัวเราไม่มีความสุข ก็อย่าอดทนเลยคะ ตอนนี้ยังไงก็ยังมีเวลาตัดสินใจครั้งสุดท้ายนะคะ คิดให้ดีๆ นะคะ ทำทุกอย่างเพื่อตัวเราเองดีที่สุดคะ ถ้าเราสุข พ่อแม่เราก็สุข ถ้าเราทุกข์พ่อแม่เราก็ทุกข์ ครอบครัวเราก็คนจีนนะ พี่ชายก็แต่งพี่สะใภ้คนไทย แรกๆ ก็มีปัญหานะ แต่ตอนนี้ผ่านมาหลายสิบปีแล้วมีลูกมีเต้าโตๆ กันหมดแล้ว พี่สะใภ้เราก็อดทนดีอะ แต่เราว่าคนแต่ละคน ความอดทนไม่เท่ากันหรอก สมัยก่อนกับสมัยนี้มันต่างกันมากนะ ผู้หญิงเรามีทางเลือกเสมอ แต่ถ้ามองอนาคตออก เห็นทางที่ไม่ใช่ปฏิเสธตอนนี้ก็ยังไม่สายเกินไปนะคะ ดีกว่าแต่งไปแล้วมีแต่ปัญหาไม่จบไม่สิ้น มันเหนื่อยใจนะ แต่ยังไงเอาใจช่วยนะจ๊ะ สู้ สู้ เพื่อตัวของตัวเอง :D

เห็นด้วยกับคุณ ayu เลยค่ะ แม้แต่คนใกล้ตัวอย่างแฟนเราเองยังพึ่งไม่ค่อยได้ก็แย่แล้วค่ะ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความอดทนของแต่ละคนด้วยนะ เราต้องมองดูใจของเราเองก่อนว่ารักเขามากมายแค่ไหนแล้วก็ความอดทนของตัวเราเองว่ามีมากขนาดไหนด้วย เพราะถ้าท้ายสุดแล้วต้องลงเอยด้วยการหย่าร้างกัน มันก็เหมือนมีอะไรติดตัวเราไปตลอด คิดให้หนักๆเลยค่ะ.
(ฟังจากน้องพีเคเล่าแล้วครอบครัวทางว่าที่สามีนี่ เขี้ยวไม่ใช่เล่นเลย)

-------------------ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจด้วยค่ะเอาใจช่วยคุณpkน่ะค้า-------------------
คุณpkค่ะลองปรึกษาคุณพ่อคุณแม่ดูสิค่ะระบายความรู้สึกกับท่านอาจจะมีทางออกน่ะค่ะเพราะไม่มีใครในโลกนี้จะเข้าใจเราและรักเราเท่าคุณพ่อคุณแม่ของเราอีกแล้วใช่ว่าการหนีปัญหาจะเป็นทางแก้น่ะค่ะหรืออาจจะปรึกษาคุณแฟนอธิบายถึงความรู้สึกของเราshareความคิดเห็นของกันและกันน่าจะเป็นอีกทางที่จะทำให้คุณpkสบายใจขึ้นปัญหามีไว้ให้ค่อยๆแก้ค่ะเห็นใจจิงจิงค่ะ------สู้สู้ค้า :D
ขอให้ทุกๆปัญหาคลี่คลายด้วยดีค่ะ
:D :D :D :D :D :D :D :D :D :D :D :D :D :D :D :D :D :D :D

กรณีนี้ขึ้นอยู่กับคนกลางค่ะคือแฟนของน้องนั่นเองถ้าเค้าหนักแน่นและมั่นคงพอและสามารถเป็นที่พึ่งของเราได้ก้อโอเคแต่ถ้ายังไม่ทันไรก้อเป็นอย่างนี้เสียแล้ว ก้อทำใจไว้เถอะค่ะแล้วยิ่งแต่งเข้าไปอยู่บ้านเค้านะก้อจบข่าวเลย กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแน่ๆ :? ของเค้านั่นยังงัยๆก็บ้านเขาพ่อแม่เขา ยิ่งถ้าผู้ใหญ่ไม่มีความเมตตากรุณาต่อผู้น้อยเป็นพี่นะจะขอถอยไปตั้งหลักก่อนดีกว่า :( แล้วก่อนที่จะตกลงหมั้นหมายแต่งงานไม่ได้พูดคุยทำความตกลงกันก่อนเลยเหรอ :roll: อีกอย่างนะของพวกนี้จะมากันเป็นแพกเกจนะไม่แต่เฉพาะพ่อแม่เขาหรอกเดี๋ยวจะมี อากง อาม้า อาเจ๊ก อาซิ้ม อาอี๊ อาเหล่าโก โอ้ยเยอะแยะไปหมด อีจะเข้ามาเองแหล่ะ :( ครอบครัวเราเคยมีญาติกันแล้วแต่งงานกับคนจีนเหมือนกัน เมียเค้าก้อเป็นคนจีนเหมือนเราแต่ว่าฐานะไม่เท่าฝ่ายเรายังโดยกดขี่เลย เห็นแล้วโคตรสงสารเลย กินข้าวกินทีหลังไม่มีปากมีเสียงสามีกับพ่อแม่ผัวต่องกินก่อน เฮียเราก้อ ใหม่ๆก้อเข้าข้างเมียแต่หลังๆก้อเห็นดีเห็นงามไปกับพ่อแม่ตัวเองเสียนี่ดีใจได้เมียมาปรนีบัติพัดวี พี่สะไภ้เราก้อเก๊กซิมไป ทำอะไรไม่ได้เลย เห็นแล้วเศร้าแทน :? จะซื้อกระเป๋าแต่ละทีก้อต้องรอเทศกาลอย่างตรุษจีนยังงี้ แล้วต้องบอกว่าซื้อเองด้วยนะ ถ้าบอกว่าผัวซื้อให้แม่ผัวด่าลูกชายว่าทำไมไม่ซื้อให้แม่บ้างซื้อให้แต่เมีย จะมีคนขับรถเป็นของตัวเองก้อไม่ได้ต้องไปรถกงสี เพราะพี่สะไภ้เรามาทำงานกับครอบครัวของสามีเค้า สาระพัด ลองปรึกษากับผู้ใหญ่ของเราอีกทีก้อแล้วกัน ไอ้เรื่องเล็กๆอย่างนี้แหล่ะ มันจะเป็นชนวนของเรื่องอื่นๆตามมาทีหลังค่ะ :wink: ยังงัยๆก้อ ของให้จบแบบแฮปปี้นะค่ะ :wink:

เห็นด้วยกับคุณ ayu รู้ว่าแต่งไปแล้วไม่มีความสุขก้ออย่าแต่งดีกว่าค่ะ แม้แต่คนที่จะมาเป็นสามีเราคนที่ต้องปกป้องดูแลเราแทนพ่อแม่เรา ยังไม่เข้าใจ ไม่เข้าข้างคุณอย่างนี้ อยู่ด้วยกันไปไม่มีความสุขแน่นอน ถอยออกมาก่อนดีกว่าค่ะ อนาคตคุณอาจจะเจอผูชายที่รักและพร้อมจะปกป้องคุณเข้าใจคุณกว่าคนที่เป็นอยู่นี้ก้อได้ค่ะ :oops:

ใจเย็นๆก่อนคะ

คิดให้รอบด้านก่อน ที่เราแต่งกับเขาเนี้ยะ เพราะเรารักเขาหรือเปล่า

ก่อนแต่ง เราก็มีปัญหาคะ เรื่องครอบครัว เรื่องเงิน นี่แหล่ะ การจัดงานอีก ทะเลาะ กับแฟน จะเลิกเหมือนกันคะ เพื่อนเราอีก 3 คน ก่อนแต่ง ก็ ทะเลาะกับแฟนหมดคะ มันไม่มีอะไรลงตัวเลย

เขาว่าก่อนแต่งงาน เจ้าสาวจะเครียดอะคะ ปัญหาเยอะมากๆ ไหนจะเรื่องจัดงาน แขกที่เชิญมา สินสอดอีก เราเครียด จนร้องไห้ บอกกับเพื่อนเลยคะ ว่าไม่แต่งแล้ว ไม่เอาแล้ว แฟนเรา ก็ ไม่ยอม กลัวเราจะชิ่ง น่าเบื่อมากคะ เรื่องปัญหาก่อนแต่งงาน แบบไม่กี่วันเนี้ยะ เราขนาด ก่อนแต่ง 2 วัน นั่งร้องไห้เลยอะคะ เพื่อนเรา ก็เป็นอะ


เราก็มานั่งคิดนะคะ ถ้าpk รักแฟน แฟนเป็นคนดี อยู่กับเขาเถอะคะ แต่ต้องตกลงกันให้รู้เรื่องว่า ยังไง ก็ แยกบ้านคะ ถ้า อยู่บ้านเดียวกัน บ้านแตกแน่ๆคะ เรื่องนี้ ต้องตกลง กันให้ขาดคะ อาจจะแอบซื้อบ้าน ก็ได้คะ วิธีนี้ แม่เราเคยใช้คะ แอบซื้อบ้าน แล้ว รวบรัด ย้ายออกทันทีคะ

เรื่องเงิน ที่เขาจะเอาคืน ถ้าให้เราเดานะคะ เรื่องนี้ ส่วนใหญ่ ธรรมเนียมจีน พ่อแม่ผู้หญิง มักไม่รับสินสอด แต่จะให้ ลูกๆ เอาไปตั้งตัว โดยการ ให้เงิน เพิ่มด้วยคะ ขอพูดตามตรงว่า พ่อแม่แฟน อาจมีอคติกับเราส่วนตัว เลยอยากดูท่าทีว่าฝ่าย pk จะให้เพิ่มเท่าไหร่ เพราะเขาคงคิดว่า ให้สินสอดไป ลูกชายเขาก็ไม่ได้ งั้น เขาเก็บเองดีกว่า อันนี้ ไม่เห็นด้วยคะ เรื่องเงิน จะเก็บคืน ไม่ว่าคะ แต่สร้อยทอง เพชร ไรพวกนี้ เราต้องเป็นคนเก็บคะ กรณี เพื่อนเรา ไทยแท้ เก็บทั้งเงินสินสอด และ เครื่องประดับอ่ะ แถมไม่ออกอะไรอีก เราก็เตือนๆ เพื่อนเหมือนักน บอกไปว่า เฮ้ย เกินไปเปล่า ไรงี้ แต่เพื่อนเรา ก็ เฉยๆ อ่ะ แต่ทำแบบนี้ ทำให้ ทางฝ่ายชาย ให้แหวนไม่ใหญ่อะคะ ทั้งๆที่จริงๆ ตามฐานะ ต้องได้ใหญ่กว่านี้แน่ๆอะคะ เขาก็ คงดูการประมาณอะคะ ว่า เขาช่วยออก ฝ่ายหญิงก็ช่วยบ้าง ถ้าไม่ช่วยเลย เขาจะลดตรงนี้ลงอะคะ เป็นเรื่องจริงคะ

เรื่องการจัดงาน งานหมั้น ของเรา ฝ่ายหญิงออก งานแต่ง ฝ่ายชายออกคะ ช่วยๆกัน




อย่าเพิ่งคิดจะเลิกกับแฟน เพราะเรื่องแต่งคะ อย่าเพิ่งคิดจะเลิกกับแฟน เพราะพ่อแม่เขาคะ ของแบบนี้ มีทางแก้คะ เราย้ายออกมาอยู่ข้างนอกได้คะ คุยกับแฟนให้เข้าใจคะ แอบซื้อบ้านกันเอง โดยแกล้งบอกว่า แม่pk เป็นคนซื้อให้ ก็ได้คะ เขาไม่กล้าพูดหรอก ต้องดูให้ดีๆ ว่า การที่เราคบกับแฟนมา จนถึงตอนนี้ เรามีความสุขไหมคะ เรื่องเข้ากับพ่อแม่แฟนไม่ได้ เป็นเรื่องธรรมดาคะ ใครๆก็เจอ แต่มีวิธีการเลี่ยงและปรับตัวคะ ถ้าแฟนเป็นคนดี ทำมาหากิน เป็นผู้ชายที่ดี ปกป้องเราได้ ไม่ต้องให้พ่อแม่ แฟนให้อะไรเรามา สักวัน เราก็ต้อง มี เองคะ เหมือนบ้านเรา ทางบ้านพ่อมีเงินคะ แต่แม่ไม่มี แล้ว อาม่า ก็ไม่ให้อะไรพ่อเลย เพราะไม่ชอบสะใภ้ พ่อเราทำขึ้นมาเองทุกอย่าง มีทุกวันนี้ได้ ก็เพราะ พ่อกับแม่ ทำงานขึ้นมา เลยไม่ต้องไปติดหนี้บุญคุญเรื่องเงิน ให้ใครเขามา พูดกันให้มากได้ แม่เราโดนมา ทำให้ตอนเราแต่ง แม่เราไม่เอาสินสอดเลย ยกให้เรากับแฟน แถม เพิ่มให้อีก กันท่าไว้ก่อนเลยคะ มีอะไร ปรึกษา pm ได้คะ เป็นกำลังใจให้

แต่ถ้า แฟนไม่ช่วยปกป้อง ไม่ช่วยอะไรเลย ที่ผ่านมา ก็คบกันไปแบบ เอาแต่บ้านตัวเองเป็นหลัก ไม่เคยห่วงเราเลย ถ้าเป็นงั้น ก็ไม่ไหวอะคะ บอกเขา เลื่อนการแต่งงาน ออกไปสักพัก ไรงี้ ให้ pk สบายใจก่อนได้ไหม ก็ต้องบอกไปคะ ปัญหา เรื่องทางบ้าน หนักเบา บางคนไม่เท่ากีนคะ อย่างเพื่อนเรา พ่อแม่ แฟนแค่ไม่ชอบ ตอนตกลงเรื่องสินสอด นี่แหล่ะคะ อย่างเดียว แต่ก็อยู่ กันได้นะคะ แต่เพื่อนเรา แยกบ้านนะคะ หลังจากนั้นไม่มีอะไร แต่ถ้า แม่แฟน เข้าขั้น ไม่ชอบหน้าเรา จะเอาเราไป เป็นคนใช้ในบ้าน แบบนี้ เป็นเรา ก็ถอยอะคะ เราเคยเห็นตัวอย่างแม่เรา เข็ดคะ จะไม่ยอม เด็ดขาด ขนาดพ่อแม่ เราเลี้ยงเรามาดีๆ ทำไม เราต้องไปให้ พ่อแม่คนอื่นว่าด้วย pk ต้องดูระดับปัญหาด้วยคะ ถ้าคิดจะไม่แต่ง ต้องแยกให้ออกคะ ว่า

1. จะไม่แต่ง เพราะปัญหา การจัดงาน เรื่องสินสอด

2. จะไม่แต่ง เพราะปัญหา พ่อแม่แฟน ไม่ชอบเรา เราเข้าไป ซวยแน่ๆ

2 ประเด็นนี้ ไม่เหมือนกันคะ คิดให้ดี ๆ

ปัญหาโลกแตกค่ะน้องจ๊า อืมของพี่ก็ฝ่ายชายออกหมดน่ะ จริงๆฝ่ายเจ้าสาวต้องจ่ายกลับ โดยเฉพาะค่าโรงแรม หรืองานแต่ง เพราะถือว่าเป็นการออกเงินครั้งสุดท้ายให้ลูกสาว (แต่เผอิญพ่อพี่ ไม่มีไง เค้าเลยออกให้แทน) ส่วนซองจริงๆพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายจะยกให้ฝ่ายบ่าวสาวไปตั้งตัว แต่ของรี่มันคือการตกลงระหว่างผู้ใหญ่ ประมาณแม่พี่ไม่เอาสินสอดพี่เลย (ดีจายที่แกขายออกซะที อารมณ์นั้น) อืมส่วนการขอคืนเรื่องสินสอดมันเป็นเรื่อง Sensitive น่ะค่ะ กรณีน้องเจอ แม่สามี ของพี่ พ่อสามี อ่า

แต่ไม่ได้ทะเลาะน่ะ ออกแนวกัดแง่บๆ ซะมากกว่า คือพี่มองก่อนไงดักทางมันก่อน เกลียดการอยู่ด้วยกันเป็นเหล่าเต๊งอึดอัด บอกแม่แฟนก่อนเลยน่ะ ว่าจะแยกอยู่น่ะค่ะ เพราะโลกส่วนตัวสูง ตอนแรกคุณพ่อแฟนไม่ยอม แต่ด้วยความที่แม่แฟนพี่เค้าอดทน แล้วเจอเรื่องแย่ๆ แบบอารมณ์หนัง Drama ช่อง 7 มาแล้ว เค้าเลยเข้าใจ ให้เราไปอยู่ข้างนอกได้ ก่อนออกยังโดนพ่อสามีแอบกัด "แต่งงานนึกว่าได้ลูกสะใภ้ เข้าบ้าน ทำไมกุเสียลูกชายว่ะ" แล้วแรกคุณพ่อสามีจะ มาแบบ เฮ้อมาทุกอาทิตย์ มาดูว่าอยู่ยังไงบางทีบุกถึงห้องนอน บอกทำไมห้องมันกว้าง คือแกแบบ กลัวลูกชายแกลำบาก ด้วยความที่เห็นว่า อีนี่กดหัวลูกฉานแน่ๆ แต่ก็นั่นแหละค่ะ มันเป็นเรื่องกัดแบบน่ารักๆ

กรณีน้อง ถามพี่เจอไหม เจอค่ะ คนใกล้ตัวเพื่อนพี่เลย เรียนจบอังกฤษมาด้วยกัน แต่ก่อนหน้านี้เรียก ม.เอกชนดัง พอพ่อแม่ฝ่ายญิงเรียกสินสอด ก็หาว่าเรียกแพงไป เรียกจะไปตั้งหลักรึ เหตุเกิดหลังจากเค้าเห็นพี่แต่งแล้ว และคิดว่าถึงเวลาเค้าบ้าง เพราะดูใจกับผู้ชายมา 15 ปี ตั้งแต่ ม.1 เลยอยากแต่งบ้าง แต่ไม่เวิร์เพราะแม่ผู้ชายงกนรกแตก บอกเรียกสินสอดขนาดนี้จะคืนให้ทีหลังไหม หรือว่าจะพ่อแม่ผู้ญิงจะเก็บไว้ใช้เอง แถมยังพูดกึ่งๆแนวว่า เรียกขนาดนี้ ลูกชายเอาไปตี กะ...ได้ตั้งหลายร้อยครั้ง เท่านั้นแหละ งานจบข่าว เลิกเลย พ่อมันเอาน้ำไล่สาดออกจากบ้าน แถมไม่พอไอ้แม่แฟนเพื่อนพี่ มันก็เลวได้จาย รุ่งเช้าไปออกเบ้นซ์ตัวใหม่ แล้วขับมาเย้ยหน้าบ้านว่า ถ้าต้องจ่ายเงินขนาดนี้ เอามาซื้อรถดีกว่า... เพื่อนพี่แทบฆ่าตัวตาย เพราะแค้นที่โดนดูถูก หนำซ้ำตัวแฟนมันก็ไม่เข้าข้าง หาว่าพ่อแม่มันถูก แต่พ่อแม่เพื่อนพี่เคี่ยวไป เรียกแค่แสนสองแสนก็พอ โหเค้าเรียกไว้ เผื่อลูกเค้าโดนทิ้งยังมีเงินตรงนี้เหลืออยู่ คงไม่เรียกเอาไปฝังลงหลุมด้วยหรอก เงินในปาก ตายไปเอาไปได้ไหม พูดแล้วแค้นแทนมัน :evil:

ของน้องยังโชคดีกว่าเยอะค่ะ เชื่อพี่เหอะ ถ้าคิดว่าอะไรไม่ลงตัว อย่าถึงกับเลิก แต่ให้เลื่อน ถอยออกมาหนึ่งก้าว แล้วดูผู้นำชีวิตน้องว่า เค้าจะเอาไง แล้วค่อยตัดสินใจอีกที ว่าชีวิตน้อง PK จะเอาไง ดีกว่า ถ้าเลิกเลย มันเป็นการเสียมารยาท เค้าจะเอาเราไปว่าในทางเสื่อมเสีย แต่ถ้าเลื่อนออกมาดูใจกัน หาเวลาปรับความเข้าใจใหม่ มันยังดีกว่าค่ะ

สุดท้ายนี้หวังว่าที่เขียนมาซะเปงกิโลแม้ว จะช่วยให้น้องหัวเราได้บ้าง ได้ข้อคิดบ้าง และได้กำลังใจบ้างน่ะค่ะ :wink:

อยากตอบค่ะ

ไม่มีใครรู้จิตใจน้องเท่าตัวเองน่ะคะ ลองนั่งคิดและใช้สติดีๆ ค่ะ

เวลาไม่ต้องไปเสียดายมันค่ะ มีหลายคนที่ต้องแต่งงานแล้วเลิกกันทั้งๆ ที่มีบางคู่เหมือนกันที่แต่งเพราะว่าเสียดายเวลาที่คบกันมา เสียดายความผูกพัน กลัวการทอดทิ้ง กลัวการอยู่คนเดียวน่ะคะ

แต่เมือเราผ่านพ้นตรงนั้นได้ จะรู้เลยว่ามันเป็นเรื่อง "คี่ๆ" น่ะค่ะ

การที่เราคบกันแต่งงานกันมันไม่ใช่แค่เราสองคนเท่านั้นน่ะคะ สภาพแวดล้อมและบุคคลรอบข้างมีผลด้วยค่ะ คิดถึงตรงนี่ด้วย

รักกันก็ต้องอดทน เห็นด้วยน่ะคะ แต่ถ้ามันอดทนเกินไป แล้วเราลำบากใจ ไม่สบายใจ นอนไม่หลับ กลัวกว่าเผชิญปัญหาที่ไม่สิ้นสุด ....ไม่รักกันดีกว่ามั่งค่ะ

ไมได้ยุให้เลิกกันหรืออย่างไร ขอให้ใช้สติในการตัดสินใจปัญหาค่ะ ว่าตัวเราเองตีตนไปก่อนไข้หรือเปล่า หรือว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ .....

การก้าวถอยหลังออกมาเพื่อเดินหน้าอีกครั้งอย่างสวยงาม มันก็คุ้มน่ะคะ ดีกว่าก้าวต่อไปตกเหวแล้วชีช้ำไปทั้งชีวิตค่ะ

เอาใจช่วยน้องพีเคค่ะ ....จุ๊บๆๆ :D

เอ่อ... อ่านมายาวเยย

แบบว่า ชอบ เรื่องแบบนี้อะ เหมือนละครเลย ดูมาเยอะ

ผมว่านะทางที่ดีที่สุดตอนนี้ ถ้ามันใกล้เข้ามาแล้ว

หาทางออกไม่ได้ แล้วตัวเอง ยังตอบอะไรตัวเองไม่ได้แน่ชัด
เชื่อว่า น้องเค้าอาจมีไร ลึกๆๆๆๆๆๆๆกว่าที่เล่ามา
บางทีมันยังพูดไม่ออก

"เลื่อนงานไปก่อน ดีป่าวอะ" เผื่อบางที อาจจะตอบอะไร ตัวเอง
และตอบคำถามชีวิตเราได้มากกว่านี้

อยากให้ค่อยๆคิด
เรื่องเลิก เมื่อไหร่เลิกก็ได้---- ค่อยๆ ใช้เวลาดีกว่า

พูดแบบไม่อาย ผมใช้ชีวิตคู่มาแล้ว แต่สุดท้ายมันก็ไปไม่รอด
ก็ความรู้สึกคล้ายๆ กัน ผมคนจีน แฟนเก่าเป็นคนไทยแท้

วิถีชีวิต มันต่างกันมาก บางครั้งดูเหมือนเรา 2 ฝ่าย
ปรับตัวเข้ากันได้ดี
แต่มองลึกๆ ไม่เลย เราต่างมีคำถาม ว่าทำไม ไม่อย่างงั้น ไม่อย่างงี้

จนสุดท้าย แยกกันก่อน และแล้ว ก็ถึง ตอนจบ----- ( ไม่ค่อยแนะนำเลยวิธีนี้)
ถ้าจะห่างกัน ลองแค่ ไม่เกินอาทิตย์ดีที่สุด
ถ้ารักกัน ใจ2 ใจ มันจะพร่ำหากันเอง
ไม่ต้องให้ใครบอก
ตัวเรา บอกตัวเองได้

อย่าเครียดไปเลย
เป็นกำลังใจให้ครับ

ขอเป็นตัวแทนของผู้ชายพูดบ้างอีกนิด

คือบางครั้ง ผู้หญิง เห็นว่า ทำไม ไม่ปกป้องเค้าเลย
ทำไมไม่หาทางออกให้ช้าน ทำไม ไม่งั้น ไม่งี้

แต่เชื่อได้ว่า ฝั่งนู้น เค้าก็หัวระเบิดเหมือนกัน
แบบว่า นั่น ก็เมีย นั่น ก็แม่-------ตูจะเอาไงฟระ

รักมันก็รัก แต่อย่าเพิ่งเร่งเค้า ให้เค้าช่วยหาทางออก
ค่อยปรึกษากันไป เชื่อว่า เค้าก็อยากให้เรื่องมันจบลงอย่าง happy ending

เรื่องสะใภ้คนโต เป็นเรื่องธรรมดา ที่คนจีน จะให้ความสำคัญ

แต่ความดีมันจะทำให้เรา ฝ่าฟันอุปสรรคไปได้

เช่น เวลาแม่เค้า ไม่สบาย คอยปรนนิบัติ
เวลาไปไหนกะแฟน ซื้อของมาฝากทุกครั้ง
ช่วยเหลืองานการ ทุกเรื่อง เหมือนเราเป็นลูกเค้าไปแล้ว
ทุกอย่างเราให้ความสำคัญกะเค้าตลอด
ไม่นาน ผู้ใหญ่ก็ใจอ่อน เห็นเราทำอะไร ก็ดีไปหมด
สุดท้ายเค้าก็อยากให้เรามาเป็นสะใภ้
โดยเรื่องที่เคยผ่านมา ที่กำลังปวดหัวอยู่ตอนนี้ ก็อาจจะไม่เป็นปัญหาอีกเลย

ลองดูก่อน
เลื่อนงานไปก่อน
ใช้เวลาปรับตัวกันอีก

เพราะยังไม่อยากให้เลิกกันอะ
เคยเสียใจมาแล้ว
ตอนนั้นคิดอยู่ทุกวัน
ไม่น่าเลย ไม่น่าเลย และแล้ว สายน้ำมันก็ไม่ไหลย้อนกลับ.....
จึงค่อยๆพิจารณากันไป
ไตร่ตรอง ดีๆ ครับ :roll:

แง่ววววริงๆ เรื่องนี้ก้อมะเคยมีประสบการณ์อ่ะ

แต่อย่างที่พี่ๆ หลายคนบอกอ่ะ ว่า ช่วงก่อนแต่งมันจะเกิดอารมณ์ประมาณว่า จะแต่งหรือไม่แต่งดี ไม่เอาแล้ว ไม่เอาแล้ว....


แต่แค่งงเฉยๆ ว่าก่อนแต่ง น้องพี่เคได้เจอกับครอบครัวฝ่ายชายบ้างป่าวอ่ะคะ คือ พี่เองจะต้องพบก่อนน่ะ แล้วดูว่าปูมหลังครอบครัวคล้ายๆ เราหรือเปล่า เพราะว่าการเลี้ยงดูมันจะมีผลต่อการใช้ชีวิตคู่สูงมากๆ เลยอ่ะค่ะ

แป้งว่า ลองถอยมาก่อยมั้ยเอ่ย อย่างที่น้องdek_aus เสนออ่ะ เลื่อนงานแต่งไปก่อนก้อได้ แล้วค่อยมาคุยกันใหม่น่ะ :D

ปล. ส่วนเรื่องสินสอด แป้งว่า มันแล้วแต่จีนมั้ยอ่า เพราะว่าอย่างฮกเกี้ยน (ที่ภูเก็ตส่วนใหญ่เป็นฮกเกี้ยน) ฝ่ายหญิงเค้ามักจะไม่เรียกร้องน่ะค่ะ คือ ประมาณว่า ให้เท่าไหร่ก้อได้ แต่อย่างแต้จิ๋ว เค้าจะชอบให้เยอะๆ แขกก้อจะตื่นตาตื่นใจอ่ะค่ะ (ดูมาจากงานแต่งงานเพื่อนน่ะ พอดีว่า ฝ่ายชายเค้าเป็นแต้จิ๋ว ก้อจะเรียกๆ ให้เรามาดูใหญ่เลยว่าเค้าให้ไรบ้าง ไอ้เราก้อไม่กล้าเข้าไปดู แบบว่า เออ เงินทองไม่สนใจกันเท่าไหร่)

สินสอดนี่ปัญหาใหญ่ค่ะ ต้องตกลงกันให้ชัดเจนค่ะ น้องเป็นฝ่ายหญิง ถ้าคุณพ่อคุณแม่มีธรรมเนียมว่าจะเก็บนี่พี่ว่าน่าจะให้(ว่าที่)สามีไปกระซิบพ่อแม่เขานะว่าผู้หญิงเค้าเก็บตังค์ เค้าก็จะเตรียมตัวมาให้เท่าที่เค้าพอใจน่ะ เพราะว่าบางคนเนี่ยเค้าไม่คิดว่าจะมีใครเก็บไงคะ ก็เลยอาจจะแบบให้มาเยอะๆ ดูมีหน้ามีตา ยังไม่ถึงวันแต่งเนี่ยยังพอจะเตรียมกันได้ค่ะ
แต่งแล้วอยู่กับฝ่ายชายก็ต้องทำใจค่ะ อย่างไรก็ไม่เหมือนอยู่กับพ่อแม่เรา ต้องหางานทำนอกบ้านอย่าอยู่บ้านตลอด24ชม แย่แน่ๆ
ผู้ใหญ่เนี่ยไม่มีอะไรหรอก หวงลูกเป็นสาเหตุใหญ่ อย่าทำให้เค้ารู้สึกว่าเราเอาเวลาลูกชายเค้าไปหมด ซื้อของกินเล็กๆน้อยๆเข้าบ้าน ช่วยถือของ รับส่ง ชมเวลาแกซื้อเสื้อซื้อเป๋าใบใหม่

มีเพื่อนที่สนิทกันเป็นแบบนี้เหมือนกันค่ะ

แต่งแล้วก็ทนๆๆๆมานานมากๆๆๆๆๆๆๆ

สามีเค้าโอเคค่ะ แต่บ้านเค้าคนจีน บ้านเพื่อนเราไทยแท้

ทุกวันนี้เพื่อนมีลุก

สถานการแย่ลงเรื่อยๆๆๆ ทางแม่สามีเข้ามายุ่งกับทุกเรื่อง ตอนนี้เริ่มออกอาการจะแย่งลูกเพื่อนเราแล้ว

เรื่องยาวมากๆๆ ไม่รู้จะเล่ายังไงดี

แต่บอกได้เลยค่ะว่าอย่าแต่งเลย ทุกวันนี้เพื่อนนั่งร้องไห้ทุกวัน

พอไปบอกสามี สามีก็บอกว่า เธอน่ะคิดมากไปเอง แม่ชั้นไม่ได้เป็นอย่างนั้น

แม่สามีมายุ่งกับลูกเพื่อนเรา จนเด็กเกือบตายมาแล้วครั้งนึง

คิดให้ดีๆนะคะ

ขอบคุณพี่ๆมากนะค่ะ ที่มาให้กำลังใจ และ ให้ข้อคิดต่างๆ ใจจริงก่อนที่จะแต่ง พีเคได้ศึกษามาแล้ว แต่คิดว่าเราน่าจะรับมือได้นะ เพราะพีเคมองว่าเรารักลูกชายเค้านี่ ไม่เกี่ยวกะคนอื่น และคิดว่าเราคงออกมาอยู่กันเอง ตามประสาผัวเมีย แต่ป่าวเลยทางแม่และพ่อ แฟนเค้าไม่ยอม ต้องอยู่กะเค้า พี่สะใภ้ที่เป็นคนจีนก็เหมือนกันเค้าทนอยู่ไม่ได้เลยต้องออกไปซื้อบ้านอยู่กันเอง ทีนี้ก็เลยมาลงที่แฟน และ พีเค แฟนพีเคเวลาอยู่ต่อหน้าพ่อแม่เค้า เค้าไม่เคยปกป้องพีเคเลย เค้าจะใช้โน่นนี้ตลอด แบบว่าให้ปรนิบัติเค้าและ พ่อแม่เค้า แต่พอลับหลังก็ก็ปรนิบัตกับพีเคดี สนใจดี มันเหมือนคนละคนเลย พีเคได้เล่าให้พ่อกะแม่พีเคฟังแล้วนะ ท่านบอกว่าไม่เป็นรัย ถ้าเค้าไม่ยอมก็ไม่ต้องแต่ง พ่อแม่ พีเคไม่ได้เรียกร้องอะไร อย่างเงินสินสอด พีเคอยากแบ่งให้แม่กะพ่อครึ่งหนึ่งอยู่แล้ว ในส่วนเรื่องทอง หรือ เพชรแม่พีเคเค้าไม่ยุ่ง อย่างเช่น สินสอด มา 2 แสน แม่พีเคก็เก็บแค่แสนเดียว มา 4 แสน ก็เก็บแค่ 2 แสน มา 6-7 แสน แม่ก็เก็บแค่ 2 แสน มาเป็นล้านก็เอาแค่ 2 แสน เงินสินสอดพีเคอยากมห้แม่เป็นค่าน้ำนม และอยากให้ท่านเก็บเอาไว้ดูแลตัวเอง เพราะแม่มีแต่ลูกสาวไม่มีลูกชายเลย พอแม่ส่งเสียพีเคเรียนจบ พอพีเคเริ่มทำงานแม่ยังให้เงินพีเคใช้อยู่เลย แต่มาระยะหลังพีเคเลยไม่เอาและกะว่าจะให้ท่านบ้างท่านจะได้ไม่เหนื่อย ไปๆมาๆพีเคก็มาแต่งงานซะแล้ว เลยไม่ได้ช่วยเหลืออะไรครอบครัวเลย พีเคอยากแบ่งเงินตรงนี้ให้แม่กับ พ่อบ้าง พ่อกับแม่เค้าต้องเสียเราไปเป็นลูกคนอื่นต้องไปปรนิบัตคนอื่น แต่กับแม่แฟนเค้าแต่งเอาเราเข้าบ้านเหมือนได้ลูกสาวเพิ่มอีก 1 คน คอยช่วยงานเค้า กับทำไมตรงนี้ถึงให้เราไม่ได้เค้าดูเหมือนไม่ยอม เค้าจะให้ค่าน้ำนมพ่อกะแม่พีเค ประมาณ 2-4 หมื่นบาท ตอนแรกพ่อกะแม่พีเคเค้าจะขอเป็นคนจัดงานแต่งเอง ทางเค้าก็ไม่ยอม พอบอกจะช่วยออกเงินก็ไม่ยอมอีกกลัวคนดูถูก แต่พอมาทีนี้กลับมาพูดว่าทางบ้านพีเคไม่สนใจอะไรเลย ตอนนี้พีเคเริ่มปล่อยวางแล้วอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อยากให้ผู้ใหญ่คุยกันเอง ถ้าตกลงไม่ได้ก็ไม่แต่ง พ่อ กับ แม่ พีเคก็ไม่ว่าอะไร จบก็คือจบ หรือไม่ถ้าแต่งไปแล้วไม่มีอะไรดีขึ้น พีเคคงเลิกแล้วไปอยู่ต่างประเทศกับเพื่อน ลำพังตัวพีเคกะแฟนเองก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้ามีคนอื่นเค้ามายุ่งมันเกินที่เราจะควบคุมได้แล้ว พีเคหวังว่าทางเค้ามีลูกสาวเหมือนกันเค้าก็น่าจะคิดได้บางนะ แต่ดูเหมือนเค้าจะไม่เอาใครเลยนอกจากครอบครัวเค้าเอง ตอนนี้เหมือนกับเค้าใส่หน้ากากเค้าหาเรา โดยปกติพีเคเป็นคนที่โกหก ตอแ......ไม่เป็น แต่อีกหน่อยพีเคก็คงต้องหัดให้เป็นแล้ว
เอาไว้มีอะไรคืบหน้าพีเคจะมาเล่ามาระบายที่ sbn พี่ๆคงไม่ว่านะค่ะ บางครั้งเรื่องครอบครัวนำออกมาพูดมันไม่ดี แต่จะให้เราเก็บอย่างเดียวมันคงไม่ได้ และไม่มีใครที่จะรับฟังเราได้ ที่มีก็พี่ๆ sbn นี้และค่ะ ขอบคุณมากนะค่ะที่ให้กำลังใจ พีเค พีเคจะลองลุกขึ้นสู้ดูค่ะ :cry:

ดีใจที่น้องพีเคเข้มแข็งขึ้นนะจ๊ะ มีอะไรไม่สบายใจอย่าเก็บไว้คนเดียวนะจ๊ะ ปรึกษาคุณพ่อคุณแม่
หรือพี่ๆใน SBN ทุกคนพร้อมที่จะรับฟัง ยืนอยู่ข้างๆ และเอาใจช่วยน้องพีเคนะจ๊ะ ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไปจ๊ะ สู้สู้ นะจ๊ะ เป็นกำลังใจให้จ๊ะ :P

สู้ๆๆนะค่า อ่านแล้วก็กลุ้มใจ ไม่รู้จะให้กำลังใจยังไงดี

สวัสดีคะ คุณพีเค

หมูน้อยไม่ได้รู้จักคุณพีเคเป็นการส่วนตัว แต่หลังจากอ่านเรื่องราวทั้งหมด เลยขอเข้ามาให้กำลังใจนะคะ พี่ไม่ได้แต่งงานมีครอบครัว แต่เห็นจากแม่ของเราซึ่งเป็นคนไทย แต่งเข้าบ้านมาอยู่กับป๊าของพี่คนจีน ซึ่งเป็นบ้านใหญ่เมื่อหลายๆสิบปีก่อน ขอบอกว่าป๊าของพี่น่าจะออกแนวแบบแฟนของคุณพีเค ตรงที่รัก เกรงใจแม่ (อาม่า) มากเหลือเกิน จำได้ว่าแม่เคยบ่นให้ฟังตอนเด็กๆ ตลอดว่า ป๊าปกป้องแม่ไม่ได้เลย พี่ๆน้องๆ ของป๊าสมัยนั้น ก้อไม่ชอบแม่เนื่องจากเป็นสะใภ้คนเดียวของบ้านที่เป็นคนไทย แต่พอเวลาผ่านมา ซึ่งนานพอดูเค้าก้อเริ่มยอมรับได้เพราะเห็นว่า แม่พี่เลี้ยงลูกได้ดี เป็นคนดีทุกคน ฟังดูเหมือนว่าจะไม่เกี่ยวอะไรกันเท่าไหร่ เพราะยุคสมัยมันเปลี่ยนไปหมด ผู้หญิงเริ่มมีเสียงมากขึ้นในครอบครัว แต่ที่อยากบอกให้ฟังก้อคือ ว่าแม่ของพี่ทนอยู่ได้ ทั้งๆที่แม่เป็นคนแข็งและไม่ยอมคนก้อ เพราะ หนึ่งตอนนั้นมีลูกแล้ว และแม่พี่เป็นคนที่อดทนมากๆ ประมาณว่า ชั้นจะพิสูจน์ให้ดูว่าชั้นก้อดีไม่แพ้สะใภ้คนจีน อารมณ์ประมาณนั้น
แต่ถ้าในทางกลับกัน เวลาหมูน้อยถามแม่ตอนนี้ว่าถ้าหมูน้อยต้องแต่งงานแล้วตกอยู่ในสภาพเดียวกับแม่ตอนนั้น ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แม่ไม่ยอมเด็ดขาด เพราะฉะนั้น เลยเข้าใจเลยว่า ท้ายที่สุด คนที่รักและหวังดีกับเราจริงๆ ก้อครอบครัวเราเองนั่นแหละ พี่เลยไม่ได้แต่งซักทีไง 8)
ที่พี่อยากฝากไว้ก้อคือ จะตัดสินใจอะไร ขอให้คิดถึงความสุขของตัวเองให้มากที่สุด พี่เข้าใจนะคะว่าคู่ครองของเรา คนที่รักเรา เป็นแฟนเรา รู้ใจเราไม่ใช่เจอกันง่ายๆ บางคนหาทั้งชีวิต ก้อยังหาไม่เจอเลย ถ้าพีเคถามใจตัวเองให้แน่ว่าผู้ชายคนนี้คือคนๆนั้นของเราจริงๆ เปิดใจคุยเลยดีกว่าคะ อย่างน้อยเราจะได้รู้ความรู้สึกของเขาบ้าง และยังเป็นการพิสูจน์อะไรหลายๆอย่างจากการตอบสนองของเค้า
ไม่ว่าจะตัดสินใจยังไงขอให้โชคดี และมีความสุขมากๆนะคะ พี่เอาใจช่วยนะ

พี่หมูน้อย

แต่งกับคนจีนเหมือนกันค่ะ
ไม่มีปัญหาเรื่องเงินนะคะ
พวกสินสอด กับทองหมั้นเค้ายกให้หมด
พอตอนรับไหว้ แม่นิวก็เอาสินสอดกับทองหมั้นมารับไหว้ค่ะ
จะมีปัญหาก็มีปัญหาตามประสา แม่ผัวกับลูกสะใภ้ค่ะ
มีหลายเรื่อง ตั้งแต่เรื่องกับข้าว ไปยันเรื่องเลี้ยงลูก
คือว่านิวทำกับข้าวไม่เป็น และไม่ชอบทำด้วย
แกก็จะพยายามหัดให้ทำค่ะ
แต่พอทำกี่ครั้งก็ไม่มีคนกิน (แบบว่าอร่อยเกิน อิอิ)
เรืองงานบ้านไม่มีปัญหา เพราะเค้ามีแม่บ้าน
แต่ว่าในห้องนิวจะทำเอง แม่บ้านเค้าก็จะทำให้
แต่ว่านิวชอบทำเองมากกว่า แม่สามีก็จะชอบมาเปิดห้อง
เราดู แล้วก็บ่นๆๆ รกมั่ง สกปรกมั่ง
คือจริงๆแล้วรกอย่างเดียวค่ะ เพราลูกชอบรื้อของ
พอเห็นหน้าลูกเราก็หาว่าเราเลี้ยงลูกไม่ดี
ผอม มีแต่กระดูก ซนมั่งล่ะ ดี้อมั่งล่ะ
พอเวลาอยู่กับเค้าก็ตามใจเกินไป หลานร้องไห้หน่อยไม่ได้เลย
จะเอาไรให้หมด พอนิวบอกว่าอย่าตามใจมากกเกิน
เดียวเสียเด็ก ก็บอกว่ามันโตขนาดนี้แล้ดัดนิสัยไม่ได้แล้ว
โอ้โห ปรีดแตกเลยค่ะคุณ จากไม่เคยเถียง ก็เลยเถียงซะต่อหน้าแม่บ้าน
แม่บ้านงงซ้า คุณขามันจะดัดนิสัยไม่ได้ยังไงคะ
ลูกอิช้านเพิ่งจาขวบกว่าๆเอ้งงงง จากนั้นมาแม่สามีเลยไม่ชอบหน้าเลยค่ะ
เรื่องอื่นยังมีอีกเยอะมากมาย หายสิบหายร้อยเรื่อง
แต่ยังดีที่มีสามีคอยเข้าข้างค่ะ จะมีปัญหากับแม่สามี
หรือกับพี่น้องสามี สามีก็เข้าข้างค่ะ (ลองไม่เข้าข้างเด่ะ ซัดหัวแบะแน่)

จะแต่งหรือไม่นั้นอยู่ที่ความอดทนค่ะ
คุณสามารถอดทนได้มากแค่ไหน และนานเท่าไร
และกำลังใจจากสามีค่ะ เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
ถ้าสามีรัก เข้าใจ++เข้าข้าง ปัญหาแม่ผัว กับลูกสะใภ้ทุกอย่างก็จบค่ะ

แต่งแล้วไปอยู่กับกงสีก็ทำใจเลยค่ะ ชีวิตนี้จะมีอะไรเป็นของตัวเองยากมากค่ะ
ต้องรอพ่อ++แม่สามี ไม่อยู่ก่อนอ่าค่ะ แล้วจะสบาย
บ่นมาซะยาวเลย แบบว่าเก็บกดอ่าค่ะ

เข้ามาเป็นกำลังใจด้วยคนค่ะ
ขอให้คุณpk ผ่านเรื่องร้ายๆด้วยดีนะคะ
ต้องตัดสินใจดีๆนะคะ มีผลต่อชีวิตทั้งชีวิตที่เหลืออยู่ของเราเลยนะคะ

ถ้าเครียดมากๆ ก็มาผ่อนคลายดูกระเป๋าสวยๆในนี้นะคะ
เผื่อเจอใบที่ใช่ แล้วซื้อไม่ทันเค๊าละก็ เศร้าได้เหมือนกันนะคะ อิอิ ไม่เครียด :D

ไม่รู้จะตอบอะไรค่ะ แต่มาให้กำลังใจคุณพีเคนะคะ

เราก็เพิ่งมีปัญหากับแฟน มันเริ่มมาจากเรื่องแต่งงานนี่แหละค่ะ ต่างคนต่างถูกผู้ใหญ่กดดันหลายๆ เรื่องๆ ไปๆ มาๆ เราก็มาเครียดใส่กันเอง เครียดมากๆ เข้า ตอนนี้เราก็เลยแยกกันไปแล้ว

จากที่กำลังวางแผนเรื่องแต่งงาน แต่งบ้าน ดูบ้าน เตรียมอะไรต่างๆ นาๆ บวกกันตอนนี้นงานยุ่งมากๆ เครียดจากงานอยู่แล้ว พอมาเจอเรื่องแต่งงานที่ยุ่งยาก เรากับแฟนก็รับแรงกดดันไม่ไหว ก็ตกลงว่าจะ "พัก" กันก่อน นี่ก็พักมาสองเดือนแล้วค่ะตอนนี้กลายเป็นโสดซะงั้น

แต่ก็สบายดีค่ะ และพอได้ "พัก" จริงๆ เราก็คิดได้ และไม่คิดจะแต่งงานอีกแล้ว มันยุ่งยากเกินไป เรากับแฟน ตอนที่ยังไม่ได้คิดเรื่องแต่งงาน ก็อยู่กันอย่างสบายๆ มีความสุขมากๆ เพราะไม่มีความคาดหวัง ไม่มีการกดดันอะไรกัน แต่พอผู้ใหญ่เรื่องพูดเรื่องแต่งงาน ก็เริ่มมีความเครียดเข้ามา ทำให้เราสองคนต้องทะเลาะกันมากมาย ตอนนี้รูสึกแล้วว่าเรื่องแต่งงานนี่มันไม่ใช่เรื่องของคนสองคนที่รักกันเลย ส่วนมากเป็นเรื่องของผู้ใหญ่มากกว่า

ขอให้คุณพีเคมีกำลังใจดีๆ นะคะ มองในแง่ดี ขอให้คุณพีเคผ่านเรื่องยุ่งยากเหล่านี้ไปได้ด้วยดี

ตอนนี้ ที่คุณหงุดหงิดแฟนคุณนั้น อาจเป็นเพราะความเครียดทั้งหลายแหล่ที่เข้ามาพร้อมๆ กัน ลองนึกถึงเรื่องดีๆ ระหว่างคุณกับแฟนไว้นะคะ เค้าคงจะต้องเป็นคนดี ที่ถูกใจคุณพีเคมากแน่ๆ และคุณทั้งสองคนคงจะต้องรักกันมาก ไม่งั้นคงจะไม่คิดแต่งงานกันหรอกใช่ไหมคะ?

ใจเย็นๆ นะคะ เข้าใจกันมากๆ แฟนคุณพีเคเองก็ไม่รู้จะทำตัวยังไงเหมือนกัน ดูได้จากการที่เค้าทำตัวแตกต่างกัน เวลาที่อยุ่กันลำพัง กับเวลาที่อยู่ต่อหน้าครอบครัว เค้าก็รักคุณ แต่ก็แคร์ครอบครัวเค้าด้วย (นี่เป็นเรื่องเดียวกับที่เกิดขึ้นกับแฟนเรา จนแฟนเราทนแรงกดดันไม่ไหว ต้องขอ "พัก")

อยากให้คุณใช้สติดีๆ นะคะ บางอย่างอาจจะไม่ตรงกับที่เราคาดหวัง ไม่ใช่มาตรฐานของเรา ไม่ใช่สิ่งที่เราคุ้นเคย แต่ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องแย่ก็ได้ค่ะ

อย่างเราตอนนี้ เมื่อได้หยุดพัก และได้คิดคนเดียวจริงๆ จังๆ แล้ว ก็เพิ่งเห็นว่าสิ่งที่แฟนเราเสนอนั้น ถึงแม้จะไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ แต่จริงๆ แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร ตอนที่เราไม่ยอมรับสิ่งที่แฟนเราเสนอนั้น เป็นเพราะสิ่งนั้น ไม่ได้ตรงกับความคาดหวังของเรา เรามีทิษฐิมาก แค่นั้นเอง ก็ทำให้ความสัมพันธ์ของเรากับแฟนต้องหยุดพักยาวเลย...

ขอให้คุณพีเคโชคดีนะคะ

เห็นด้วยกับหลายคนน๊าว่าการพักน่าจะเป็นอีกทางออกนึง คือยืดระยะเวลาเพื่อตัดสินใจอีกซักพักอะค่ะ เวลาผ่านไปอะไรๆอาจจะกระจ่างขึ้นมาเอง