ขอเล่า Background ของตัวเองก่อนนะคะอาจจะละเอียดไปซักหน่อย เพื่อการวิเคราะห์ค่ะ
(( หวานเล่าความจริงทุกอย่าง อย่าหมั่นไส้นะคะ หวานอยากได้คำแนะนำอย่างจริงใจและจริงจังค่ะ ))
อาจจะยาวหน่อย... รบกวนเพื่อนๆที่ใจดี อ่านทุกตัวอักษรนะคะ
ขอเล่า Background ของตัวเองก่อนนะคะอาจจะละเอียดไปซักหน่อย เพื่อการวิเคราะห์ค่ะ
(( หวานเล่าความจริงทุกอย่าง อย่าหมั่นไส้นะคะ หวานอยากได้คำแนะนำอย่างจริงใจและจริงจังค่ะ ))
อาจจะยาวหน่อย... รบกวนเพื่อนๆที่ใจดี อ่านทุกตัวอักษรนะคะ
หวานเป็นลูกสาวคนโตของครอบครัว ที่มีอันจะกินมากพอสมควร ( แต่ไม่ใช่ธุรกิจส่วนตัวนะคะ )
(( เพื่อนๆหลายคนใน SBN เคยมาซื้อกระเป๋าจากหวานที่บ้าน จะรู้ดีค่ะ ว่าคุณพ่อเป็นใคร ทำงานอะไร ))
คุณพ่อคุณแม่ดูแล suppport ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการกินอยู่ ที่บ้าน
ค่าโทรศัพท์ รถ น้ำมันรถ คนขับรถและแม่บ้านส่วนตัว รวมถึงค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้าน
เงินเดือนของหวานก็ใช้ไปกับการช้อปปิ้งอย่างเดียว (แต่หวานก็มีเงินเก็บทุกเดือนค่ะ)
แต่เงิน ช้อปปิ้งเนี่ย หวานไม่เคยขอ ไม่เคยเบิกนะคะ จะซื้อของแพงๆ ก็เงินเก็บตัวเองล้วนๆ
เรียกได้เลยว่า ที่บ้านเลี้ยงลูกแบบ protect มาก แบบคุณหนูเลย
ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม ตั้งแต่เกิดไม่เคยขึ้นรถเมล์ หรือรถ taxi เพราะมีคนขับรถตลอด
แล้ว lifestyle ของหวานและเพื่อนๆ ก็สบายๆ แต่เป็นเด็กดี ไม่เที่ยว ไม่ดื่ม รักสวย รักงามไปวันๆ ^^
คือเสาร์ ช้อปปิ้ง CTW อาทิตย์ก็เข้าร้านทำเล็บ คือใช้ชีวิตสบาย สนุกสนาน
ตอนนี้หวานอายุ 29ปีค่ะ ทำงานที่บริษัทมหาชนที่ใหญ่ติดอันดับ TOP ของประเทศไทย
ขอเล่าไปถึงประวัติการศึกษาก่อนนะคะ
หวานจบปริญญาตรี (มหาวิทยาลัยของรัฐ) ตอนอายุ 21 ปี
จากนั้น ก็ทำงานเป็นแอร์โฮสเตส รวดเดียวมา 6 ปีค่ะ
ในระหว่างที่เป็นแอร์หวานก็เรียน ป.โท ไปด้วยค่ะ (มหาวิทยาลัยของรัฐ)
พอจบป.โท ก็เลยลองสมัครงานดู เพราะคิดว่าถ้าเป็นแอร์ต่อไปเรื่อยๆ วันนึงก็ต้องลงมาทำงานออฟฟิศอยู่ดี
ไหนๆ ก็จะต้องเริ่มนับหนึ่งแล้ว ก็ขอนับหนึ่งเลยตั้งแต่วันนี้เลยดีกว่า
และหวานก็เลยมาทำงานที่นี่ค่ะ บริษัทมหาชน อันดับ TOP ของเมืองไทย
((วัดจากผลประกอบการ และสถิติที่มีคนอยากร่วมงานด้วยมากที่สุด))
จนถึงวันนี้ หวานก็ทำงานที่นี่มา 1 ปีครึ่งแล้วค่ะ
งานที่นี่ หวานไม่ค่อยมีความสุขกับการทำงานเลยค่ะ
อาจจะเป็นลักษณะงานที่เราไม่ชอบ
แต่ข้อดี คือ เงินเดือนดี สวัสดิการดี ใกล้บ้าน และเป็นบริษัทที่มีความมั่งคงสูง
แต่ !!! หวานอึดอัดมากค่ะ เหมือนกับการ "อยู่ผิดที่"
แผนกของหวาน งานคล้ายเป็นงานล๊อบบี้ยีสต์อ่ะค่ะ แบบต้องออกแนวหน้าด้านๆหน่อย ซึ่งมันไม่ใช่เรา
ซึ่งคนในแผนกส่วนมากจะเป็นผู้ชาย.. แล้วมีผู้หญิงอยู่แค่ 2 คนเอง (คือชอบรับผู้หญิงสวยๆไว้เป็นหน้าเป็นตา)
พอหวานเข้ามา ก็จะโดนเพ่งเล็ง คล้ายโดนอิจฉา (ไม่ได้คิดไปเองนะคะ) <---- คนที่ชอบจิกกัด และอิจฉาเราก็เป็นผุ้ชายด้วยล่ะ แปลกเนอะ
เพราะเข้ามาหวานเข้าเป็นตำแหน่งที่ใหญ่กว่า คนเก่าๆ (ที่อายุมากกว่าหวาน)
และด้วยความเป็นผู้หญิง ก็ทำให้มีข้อจำกัด คือ การกลับดึกไม่ได้ พาลูกค้าไปกินเหล้า พาไปนวดไม่ได้ (เวลาล๊อบบี้ลูกค้า) อะไรแบบนี้
ซึ่งเพื่อนร่วมงานก็มาเหน็บแนมว่า พวกผู้หญิง สบายจังนะ อะไรแบบนี้
มันอึดอัด ทนไม่ไหว เบื่อ และรุ้สึกตัวเองไม่มีค่า ตรงนี้อ่ะค่ะ T___T
" ความรู้สึก ที่โดนมองว่า ไม่มีค่า มันเจ็บมากอ่ะค่ะ "
ปัญหา อยู่ที่ว่า ... หวานได้งานใหม่ค่ะ เป็นองค์กรกึ่งภาครัฐ
เป็นลักษณะงานที่ชอบ แต่..เงินเดือนอยู่ที่ประมาณ 8 พันบาท T__T
คือเงินมันน้อยจริงๆเลย แต่ก่อนหวานเป็นแอร์เงินเดือนค่อนข้างสูงมากเลย
พอมาทำที่บริษัทปัจจุบัน เงินเดือนก็โอเค พอรับได้ แต่ก็น้อยกว่าตอนเป็นแอร์
แต่นี่จะต้องมาทำงานเงินเดือน 8 พัน นี่ก็เครียดมากๆอ่ะค่ะ
ไหนจะต้องไปแข่งกับเค้าอีก ว่าจะได้งานในส่วนที่ชอบรึเปล่า
(( คือหวานอยากเป็นผู้ประกาศฯ น่ะค่ะ ก็คือต้องเข้าไปทำงานก่อน แล้วก็อบรม แล้วไปสอบ แล้วถึงจะได้เป็น
ซึ่งเราเข้าไปทำงานแล้ว ก็ไม่รู้ว่าเราจะได้เป็นรึเปล่า บางคนตัวเล็ก ออกทีวีแล้วหน้าบาน ก็อดอ่ะค่ะ))
หวานจะทำยังไงดี อยากให้เพื่อนๆ หรือพี่ๆ ช่วยแนะนำหวานหน่อยค่ะ
ปรึกษาคุณพ่อ พ่อก็บอกว่าให้คิดเอง โตแล้ว
ตอนนี้หวานสับสนมากค่ะ.. อยู่ที่เดิมก็อึดอัด อยู่ที่ใหม่ ก็กลัวเงินไม่พอกิน
นอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว T___T เครียดมากค่ะ
จริงๆแล้ว คุณพ่อหวานมี power มาก สามารถฝากงานให้ได้
แต่คุณพ่อไม่ทำ กับลูกสาวตัวเองค่ะ
คุณพ่ออยากให้หวานแข็งแกร่งมากขึ้น
และคุณพ่อเป็นคนหน้าบางค่ะ ไม่ชอบระบบเส้นสาย และระบบอุปถัมภ์
แต่หวานก็คิดอ่ะ...ถ้าไม่มีเส้น ก็ยากนะคะ งานสมัยเนี้ย
point ของหวานคือ..อยากทำงานทีดี มีความมั่นคง
เงินเดือนไม่ต้องสูงมาก แต่ก็ใช้จ่ายได้ ช้อปปิ้งได้
และก็เป็นงานที่มีความสุขอ่ะค่ะ
เดี๋ยวคุณพ่อ คุณแม่ก็แก่แล้ว อาจจะไม่มี power เหมือนปัจจุบันนี้แล้ว
หวานเลยอยากได้งานที่ทำได้ยาวๆ และมีความมั่งคงสูงอ่ะค่ะ
อืมมมมม
เงินเดือน8000บาท
โดยไม่ต้องมีภาระอะไร
ก็อยู่อยากแล้วอะ
คุณหวานลองคิดดูนะว่า
คุณหวานซื้อเสื้อตัวละกี่บาท
อาทิตย์นึงshoppingเท่าไร
แล้วคุณจะมีความสุขมั้ย
ส่วนงานเนี่ยต้องขอถามก่อนเลยว่า
เงินเดือนแค่นี้นานขนาดไหน6เดือน 1ปี
แล้วปรับเรทยังไง
อันนี้จะเล่าให้ฟังนะคะ
เผื่อเป็นองค์กรเดียวกัน
เมื่อ7ปีที่แล้ว เพื่อนเราสมัครเข้ารัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง
เป็นพนักงานฝึกหัด1ปีเงินเดือน8000บาท
หมดปีแรกขึ้นมาเป็น16000บาทหลังจากนั้น3-4เดือน
ปรับอีกเป็น3x,xxxบาท
แล้วปรับขึ้นเรื่อยเรื่อย จนตอนนี้เกือบแสนแล้ว
ถ้าเป็นเคสเหมือนเพื่อนเราก็โอมากมากนะ
เพราะได้ทำงานที่ชอบแต่ต้องทนไป1ปีซึ่งคงไม่เป็นไร
ที่บ้านคงช่วยได้
แต่ให้ที่บ้านช่วยตลอดคงไม่ได้เพราะคุณหวานคงอยากเห็น
คุณค่าในความสามารถของตนเองเหมือนกัน
คุณ้หวานเขียนจบอ๊ะยัง ถ้ายังไม่จบบุ๋มรออ่านต่อ
แต่ตอนนี้ขอออกความเห็นเบื้องต้นก่อน
คำว่า"งานที่ชอบ" ที่คุณหวานบอกว่าได้งานใหม่ที่ชอบเนี่ย คุณหวานชอบมากแค่ไหนคะ ชอบแบบชีวิตนี้ถ้าไม่ได้ทำแย่แน่นอน หรือว่าแค่ "ชอบกว่า" นิดหน่อย
เพราะบุ๋มขออนุญาตเรียนตรงๆว่า เงินเดือนแปดพันมันน้อยมากๆ บุ๋มไม่ได้ดูถูกค่าของเงิน เพียงแต่ว่า ส่วนตัวแล้วบุ๋มเป็นคนที่ทำงานที่ชอบแต่จะขอเงินเดือนเยอะ เพราะเรารู้ว่า qualification เราแค่ไหน ความสามารถเรามีเท่าไหร่ และงานที่ชอบไม่ได้แปลว่ามีงานเดียว บริษัทนี้บริษัทเดียว หรือเงินเดือนแค่ระดับเดียวสำหรับงานที่ชอบ
บุ๋มต้องทำงานข้างนอก เพราะว่าที่บ้านไม่มีกิจการส่วนตัว เพราะฉะนั้นคุณแม่จะสอนว่าให้ทำงานที่มั่นคง คำว่ามั่นคง นอกจากบริษัทมั่นคงแล้ว ต้องเป็นงานที่ support ชีวิตประจำวันเราได้ ไม่ขัดสน มีเงินเหลือเก็บ แม้ว่าที่บ้านจะพร้อมยื่นมือช่วยเหลือตลอดเวลา แต่เราก็ต้องพึ่งตัวเองก่อนอันดับแรก
บุ๋มกับพี่ชายก็ถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนูค่ะ คุณแม่รับส่งตั้งแต่เข้าอนุบาลจนเรียนจบทั้งสองคน ทุกวันนี้ทำงานก็คือคู่หมั้นรับส่ง ไม่มีการกลับเอง ถ้ากลับเองคือขับรถกลับเองเท่านั้น in case ว่าไม่มีใครมารับ แม้แต่ขึ้นแท็กซี่ คุณแม่จะโทรถามตลอดทาง ไม่มีการนั่งแท็กซี่ไกลๆคนเดียวเด็ดขาด พี่ชายบุ๋มเองเกิดมาไม่เคยขึ้นรถเมล์ เพราะเค้าถูกเลี้ยงมาแบบนั้น ตัวบุ๋มนั้นเคยขึ้นเพราะว่าเพื่อนมหาลัยชอบขึ้น ขึ้นตุ๊กๆเฮฮา ก็เลยขึ้นกับเค้าเพราะว่ามันสนุกดี แต่ชีวิตประจำวันไม่เคยขึ้นเลย
ที่บ้านจะ protect แต่ก็สอนให้เรายืนด้วยตัวเอง ปฏิเสธไม่ได้ใช่มั้ยคะว่าเงินเป็นเรื่องสำคัญในการใช้ชีวิตของเรา เราทราบ lifestyle ของเรา ว่าเราใช้ชีวิตยังไง เพราะฉะนั้นเราทราบว่าเราใช้เงินแค่ไหนถึงจะพอ และเมื่อใช้ไม่พอ อาจจะมีที่บ้านช่วย แต่อย่างไรเราก็ต้องพึ่งตัวเองอยู่ดี เพราะว่าขออนุญาตเรียนตรงๆว่าคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้อยู่กับเราไปได้ตลอดอ่ะเนอะ
แต่อย่างไรก็ตาม บุ๋มชื่นชมคนที่ได้เงินเดือนไม่สูงมาก แต่สามารถ struggle ด้วยการใช้ชีวิตพอเพียงในเมืองกรุงได้ และก็มีเงินส่งให้ที่บ้าน ซึ่งน่าประทับใจมากๆ
อย่างที่บุ๋มเรียนคือคุณหวานจะต้องทราบ lifestyle ตัวเองโดย common sense อยู่แล้วล่ะว่าเงินเดือนเท่านั้นเราพอมั้ย เราพอใจรึเปล่า มันจะเป็นยังไง เพราะโดยส่วนตัว บุ๋มคิดว่าทางเลือกในการทำงานที่เราชอบมันมี ถ้าทำงานที่ชอบ แต่เงินไม่พอใช้ ต้องขอคุณพ่อคุณแม่ เราจะภูมิใจได้อย่างไร เราจะมีความสุขเต็มร้อยได้อย่างไร ที่ว่าสุขเพราะได้ทำงานที่ชอบมันจะมาโดนบั่นทอนเพราะรายได้ที่ไม่ fit the reality รึเปล่า เทียบกับการได้ทำงานที่เราทำอยู่ แต่รายได้โอเค ไม่เดือดร้อน
บางทีคนเราชอบการเปลี่ยนแปลง เพราะมันใหม่ มันตื่นเต้น มันน่าไป มันยังไม่เคยเห็นไม่เคยลอง แต่เราไม่รู้ว่ามันจะสวยงามอย่างที่เราคิดมั้ย อย่างบุ๋มอ่ะค่ะ ที่ทำงานเดิมดีอยู่แล้ว บริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่ เปลี่ยนงานใหม่ไปที่ทำงานอีกที่เราคิดว่าดี เท่ห์กว่า แต่พอมาทำจริงๆเจอนายห่วยมาก ที่เคยเขียนในกระทู้นู้น ก็ยังรู้สึกว่าเราไม่น่าเลย อยู่ที่เก่าดีอยู่แล้ว ออกมาทำไมเนี่ย แต่นี่ดีว่าบุ๋มไม่ได้หางานลำบากมาก บุ๋มเพิ่งได้งานใหม่เมื่อวานหลังจากลาออกจากที่ห่วยๆเดือนนึง บุ๋มเลยไม่ทรมานอยู่นาน
อย่างไรก็ตาม คนอื่นได้แต่ชี้แนะให้ความเห็นนะคะ แต่คุณหวานคือผู้ตัดสินใจ เพราะฉะนั้นคุณหวานรู้อยู่แล้วแหละบุ๋มว่า แต่อยากได้ความเห็นมา support และช่วยบรรเทาความกังวลใจแค่นั้นเอง เนอะ....ยังไงสู้ๆนะคะ ปัญหามีไว้ให้แก้ค่ะ ;)
หืมมม พิมพ์เสร็จแล้วเห็นคุณหวานมาเพิ่มอ่ะ ว่าเป็นงานผู้ประกาศ
คุณหวานขา ในฐานะที่บุ๋มเคยอยู่วงการแบบนี้มาก่อนนะ personally เลยนะคะ มันเสือสิงห์กระทิงแรดมากๆ เพื่อนสนิทบุ๋มที่เคยฝึกงานกระทรวงการต่างประเทศด้วยกันก็เคยเป็นแล้วเพิ่งลาออกมาค่ะ เพื่อนบุ๋มก็บุคลิก lifestyle เหมือนคุณหวานอ่ะค่ะ เพื่อนบุ๋มก็อยู่ไม่ได้
ตอนแรกบุ๋มเคยอยากทำมากๆๆๆ ทำทุกอย่าง กระเสือกกระสนเองให้ได้ทำ พอทำไปแล้ว หกเดือนออกค่ะ รู้สึกว่ามันไม่ใช่เรา แต่ถ้าคุณหวานตั้งใจ อยากทำมากจริงๆ ลองดูก่อนก็ได้ค่ะ ไม่เสีหาย บุ๋มกับเพื่อนอาจจะเจอด้านแย่ๆมาก็ได้ แล้วแต่ดวงแล้วแต่จังหวะ:cool:
เติ้ลขอแนะนำอย่างนะครับ สำหรับเติ้ล เติ้ลเคยทำงานมาหลายอย่างมากๆ
สุดท้ายเติ้ลเลือกงานที่สบายใจ เพราะเงินไม่ใช่คำตอบทุกอย่างของชีวิตครับ
ขอบคุณคุณบุ๋มมากค่ะ อ่านจากที่คุณบุ๋มเขียนมา
หวานรับรู้จากคำตอบที่มีความจริงใจของคุณบุ๋มได้เลยค่ะ
หากพูดถึงเรื่องงานเดิมที่ทำอยู่ หวานอึดอัดมากค่ะ
เหมือนกับการ "อยู่ผิดที่" แผนกของหวาน งานคล้ายเป็นงานล๊อบบี้ยีสต์อ่ะค่ะ แบบต้องออกแนวหน้าด้านๆหน่อย ซึ่งมันไม่ใช่เรา
ซึ่งคนในแผนกส่วนมากจะเป็นผู้ชาย.. แล้วมีผู้หญิงอยู่แค่ของ2คนเอง (คือชอบรับผู้หญิงสวยๆไว้เป็นหน้าเป็นตา)
พอหวานเข้ามา ก็จะโดนเพ่งเล็ง คล้ายโดนอิจฉา (ไม่ได้คิดไปเองนะคะ)
เพราะเข้ามาหวานเข้าเป็นตำแหน่งที่ใหญ่กว่า คนเก่าๆ (ที่อายุมากกว่าหวาน)
และด้วยความเป็นผู้หญิง ก็ทำให้มีข้อจำกัด คือ การกลับดึกไม่ได้ พาลูกค้าไปกินเหล้า พาไปนวดไม่ได้ (เวลาล๊อบบี้ลูกค้า) อะไรแบบนี้
ซึ่งเพื่อนร่วมงานก็มาเหน็บแนมว่า พวกผู้หญิง สบายจังนะ อะไรแบบนี้
มันอึดอัด ทนไม่ไหว เบื่อ และรุ้สึกตัวเองไม่มีค่า ตรงนี้อ่ะค่ะ T___T
แต่ว่าก็ลองนั่งคิดดีๆ พอมาฟังดีๆก็เข้าใจ เป็นกำลังใจให้นะครับ
ไม่ไหวเลยเนอะ สวยแล้วสบาย อะไรแบบนี้ไม่แมนเลย
เติ้ลว่าถ้าครอบครัวพร้อมสนับสนุนน่าจะหาธุรกิจส่วนตัวทำดีกว่านะครับ
ถ้าใจอยากลองทำ เพราะคิดว่าเป็นงานที่ชอบ พี่อยากให้เปลี่ยนงานดูนะคะ เพราะเท่าที่เล่าให้ฟัง ณ.เวลานี้ ทางครอบครัวของคุณหวานยังสามารถช่วย support ทางด้านการเงินเรื่องค่าใช้จ่ายส่วนตัวได้อยู่ เท่าที่คะเนดูจากที่เล่ามา พี่ว่าคุณหวาน อายุยังไม่น่าเยอะเท่าไหร่ ยังถือเป็นวัยที่สามารถลองผิดลองถูกกับเรื่องการงาน โดยที่ความเสี่ยงยังไม่สูงมากเท่าไหร่นัก ที่พี่อยากให้คุณหวานลองเปลี่ยนงานดูเมื่อมีโอกาส ก็เพราะไม่อยากให้เมื่อโอกาสนี้ผ่านไป แล้วเราไม่ได้คว้าไว้ ทั้งๆที่มันเป็นงานที่เราน่าจะชอบมากกว่า พี่ไม่อยากให้คุณหวานมารู้สึกทีหลังว่าเสียดายทีหลังหรือมีความรู้สึกว่า รู้อย่างนี้ลองทำดูดีกว่า โอกาสที่ผ่านมา บางครั้งก็ไม่ได้มาได้บ่อยๆ บางครั้งถ้าเราไม่คว้าไว้ มันก็เหมือนกับการปล่อยความฝันของเราให้หลุดลอยไป ไม่ลองไม่รู้ค่ะ
แต่ไม่ว่าคุณหวานจะเลือกอะไรก็ตามให้กับตัวเอง พี่ก็ขออวยพรให้ประสบความสำเร็จในทางที่เลือกดังกล่าวล่วงหน้าเลยนะคะ ไม่มีงานใดๆ ที่ไม่มีอุปสรรคจ้ะ:)
ปล. อย่าว่าแต่คุณหวานเลยค่ะ พี่เอง ตอนนี้ รู้สึกบ่อยมาก กับความรู้สึกที่ว่า งานที่ใจเรารัก กับงานที่เราชอบที่จะทำ บางครั้งก็เป็นคนละอย่างกันค่ะ เป็นกำลังใจให้ได้คำตอบกับตัวเองเร็วๆนะคะ
จริงๆ ไม่ค่อยกล้าแนะนำเรื่องงานเท่าไหร่ เพราะคนที่อยู่ในสถานการณ์คือคุณหวาน
ขออนุญาตแนะนำตามประสบการณ์ เรื่องการตัดสินใจต่างๆ ในชีวิตนะคะ
ในสถานการณ์ของคุณหวาน คืออายุ 29 และไม่มีภาระครอบครัวต่างๆ ในความคิดเห็นของ Meesook คิดว่าเป็นช่วงชีวิตที่อิสระมากๆ คือเป็นช่วงที่มีโอกาส "ทดลองหาประสบการณ์" ค่ะ หมายความว่า ถ้าลองแล้วดี ก็ดีเลย แต่ถ้าลองแล้วไม่ชอบ ก็ไม่มีความเสียหายอะไรเกิดขึ้น
Meesook มองว่า การที่ได้ลองเดินในทางที่คิดว่าชอบนั้น นับว่าเรา"ได้กำไร" ค่ะ อย่างน้อยก็ได้ประสบการณ์ ได้รู้ว่าเราชอบจริงหรือไม่ และการที่เงินเดือนลดลงนั้น ไม่ได้เป็นการเสียหายอะไร เป็นเพียงการ "ขาดทุนกำไร" เท่านั้น ไม่ได้ขาดทุนจริงๆ เพราะคุณหวานไม่ได้มีภาระที่จะต้องเดือดร้อนเพราะเงินเดือนน้อยค่ะ
ถ้าทางใหม่ที่เลือกนั้น เป็นทางที่ดี ก็จะส่งผลที่ดีกับอนาคตของเรา
แต่ถ้าทางใหม่ที่เลือกนั้น ไม่ได้ดีอย่างที่คิด ด้วยอายุวัยนี้ คุณหวานก็ยังมีโอกาสหางาน/อาชีพใหม่ได้ไม่ยากค่ะ
ขอให้โชคดีและประสบความสำเร็จกับทุกทางที่เลือกนะคะ...
ถ้าชอบก็อยากให้ลองค่ะ จะได้ไม่มาเสียดายภายหลัง
อีกอย่างอายุประมาณนี้ โอกาสลองมีอีกไม่เยอะมาก สำหรับผู้หญิงค่ะ โดยเฉพาะการที่จะไปเริ่ม
ต้นเรียนรู้งานใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์ เพราะส่วนใหญ่คนที่อายุเท่าคุณหวาน
ที่ไม่ได้เปลี่ยนสายงาน จะมีประสบการณ์อย่างน้อยเกือบ 10 ปีแล้วอะค่ะ
เรื่องเงินเดือนสำหรับคุณหวาน คงไม่ใช่ปัญหา เพราะที่บ้านคง support อยู่
แต่ต้องยอมรับผลในสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจนะคะ อย่ามองกลับมาอีกค่ะ
บางทีสิ่งที่คิดว่าชอบ ทำจริงอาจจะไม่ชอบก็ได้ค่ะ หรืออาจจะชอบมากขึ้นไปอีกก็ได้
คนอื่นคงไม่สามารถตอบโจทย์นี้ได้ดีเท่ากับคุณหวานได้ลองด้วยตัวเองนะคะ
แต่อยากฝากข้อคิดไว้นิดนึงนะคะ
คนโชคดีที่ได้ทำงานที่ตัวเองรักจริงๆนั้น มีน้อยมากๆค่ะ สำหรับคนอื่นที่เลือกไม่ได้แล้ว
ควรทำใจให้รักมัน หรือตอบตัวเองให้ได้ว่าต้องการอะไรจากการทำงาน อาจจะไม่ใช่ว่ารักในงาน
นั้นๆ แต่ละคนอาจจะมีเหตุผลที่แตกต่างกันไป เช่น เพื่อฐานะการเงิน เพื่อศักดิ์ศรี เพื่อเป็นเกียรติ
กับวงศ์ตระกูล ฯลฯ ถ้ารู้ว่าเป้าหมายที่สำคัญที่สุดสำหรับตัวเองคืออะไร และสนองเป้าหมายนั้นได้
ก็น่าจะเป็นงานที่ดีพอแล้วค่ะ
ขอให้โชคดีนะคะ
เลือกสิ่งที่ใจต้องการดีทีสุดคะคุณหวาน เงินเป็นสิ่งสำคัญมาก.กก แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต ^^
ทำอะไรแล้วคิดว่ามีความสุข ก็เลือกทำอย่างนั้นดีกว่าคะ
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้คุณหวาน เลือกสิ่งที่รัก และ ดีที่สุดสำหรับคุณหวานนะคะ :)
ขอบคุณพี่ๆ และเพื่อนๆทุกคนมากค่ะ สำหรับคำแนะนำที่มีประโยชน์หลายๆแนวทาง
แต่ตอนนี้หวานยังให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้เลยค่ะ
คงต้องขอเวลาคิดทบทวนอีกหน่อย
แต่บอกตรงๆ ว่าที่เดิมงานมันเครียดๆๆๆ กดดันมากๆ
หวานอยากมีสุขภาพจิตดี และมีความสุขอ่ะค่ะ
อืมมม อยากช่วยจัง แต่พี่ไม่มีประสบการณ์เรื่องการทำงานเลย ไม่รู้จะแนะนำน้องยังไงดี
ส่วนเรื่องที่ทำงานเก่า ถ้าน้องหวานเงียบ เรียบร้อยแล้วโดนแบบนี้ ถูกจิกกัดเหน็บแนม พี่ว่าน้องลองพูดกับเพื่อนร่วมงานในปัญหาของเราดีมั๊ยคะ เผื่อว่ามันจะช่วยแก้ไขได้ แล้วเราอาจจะไม่อึดอัดอีกต่อไป และยังได้ทำงานที่นี่ต่ออีกด้วย
เป็นกำลังใจให้นะคะ :):)
ศิษย์ร่วมสำนักเราเก่งอยู่แล้ว ที่สำคัญอึดด้วย;)
ลองทำเรื่องขอย้ายแผนกไหมคะ ถ้าองค์กรใหญ่ๆๆขนาดนั้นน่าจะมีแผนกที่เราชอบน๊า....
ขอให้ได้งานที่ใช่เร็วๆๆนะคะ
PS. หรือไม่ก็ลองดูธุรกิจส่วนตัวไหมคะ ;)
เพื่อนเราก็เป็นคล้ายๆคุณหวานค่ะ ลูกคนเดียว พ่อรวยมากๆๆๆๆๆๆๆๆ แม่เค้าก็เสียตั้งแต่เค้าอยู่ ม. 2 มั้งคะ ตอนฝึกงานพ่อเค้าซื้อ benz สปอร์ตให้ขับ เป็นที่อิจฉามาก :D เค้าทำงานอยู่ที่นึง จะยุ่งทุกวันหวยออก บอกแค่นี้ก็รู้แล้วมั้งคะ 5555 เค้าก็ทำนะคะ ทำมานานแล้วด้วย ไม่กล้าถามเงินเดือนกลัวโดนด่า แต่ดูเค้ามีความสุขนะคะ ไม่เดือดร้อน เพราะชีงกมากไม่ค่อยกล้าใช้ตัง ซึ่งขัดกับฐานะเค้ามากๆ คุณหวานยังเด็กอยู่ ต้องมีเรื่องลองผิดลองถูกเป็นเรื่องธรรมดา เราจะได้เอาประสบการณ์นั้นมาทำให้เราเข้าใจอะไรๆ มากขึ้น นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
คิดง่ายๆแบบนี้นะ เราลองมาตัด "ความช่วยเหลือ" ของทางครอบครัวออกให้หมดแล้วคุณหวานลองคิดดูว่าเงินเดือนเท่านี้แล้วจะอยู่ได้ไม พอกับค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่ต้องใช้ทุกเดือนมั้ย
หรือว่าอาจจะลองๆดูที่อื่นไปเรื่อยๆด้วย ในเมื่อตอนนี้มันยังไม่ถึง dead line ที่จะต้องตัดสินใจนี่ค่ะ และพี่เชื่อว่ามันไม่ได้แค่เงินเดือนด้วยนะว่าน้อยหรือเปล่า คุณหวานต้องลองคิดดูถึงความก้าวหน้าในบริษัทใหม่ด้วย ว่าตำแหน่งคุณหวานจะไปถึงไหน เปรียบเทียบดูกับที่เดิมด้วย เขียนออกมาเป็นข้อๆ ระหว่างข้อดีและข้อเสียของทั้ง บริษัทที่ทำอยู่ในปัจจุบัน กับบริษัทใหม่ที่จะทำ
และอีกอย่างหนึ่งยิ่งทำงานองค์กรกึ่งรัฐบาลยิ่งแล้วใหญ่เลยค่ะ พี่กลัวว่าคุณหวานจะยิ่ง "โดดเด่นเป็นโดดเดี่ยวผู้น่ารัก" ไปกันใหญ่และจากพื้นฐานฐานะทางบ้านของคุณหวานมันคงปิดไม่มิดหรอกค่ะ คิดหรือค่ะว่าจะไม่โดยเป็นเป้าอีก
และอีกอย่างอย่าลืมว่าใน CV ของคุณหวานมันจะโชว์ว่าจากเงินเดือนเท่านี้ ตำแหน่งนี้ กลับ DROP ลงมาเป็นเงินเดือนเท่านี้ มันไม่ค่อยสวยนะพี่ว่า แต่ถ้าคุณหวานไม่มายน์ ก็แล้วไป
พี่อาจจะเขียนไม่ค่อยรู้เรื่องไปหน่อย ขวานผ่าซากไปนิดก็อย่าถือสากันนะค่ะ เป็นแค่แง่คิดของพี่อีกแง่หนึ่งเท่านั้นเอง แต่อยากจะให้อดทนและใจเย็นๆอีกซักหน่อย ในอนาคตอาจจะมีงานดีๆเงินเดือนงามและเป็นงานที่คุณหวานถูกใจก้ได้นะค่ะ "อย่าได้แคร์กับคนขี้อิจฉา ปากมากเลยค่ะ" ;)
คิดแบบเดียวกับคุณเติ้ลค่ะ...
โดยเฉพาะอย่างคุณหวานด้วยแล้ว...มีครบทุกอย่าง...
งานทุกที่ต้องมีกดดัน...(พูดในฐานะเจ้านายค่ะ.หุหุ.)...
อย่าได้ท้อ...ทุกปัญหามีทางออก...ไม่ใช่พอรู้สึกอึดอัด...ก็เปลี่ยนงาน
นั่นมันไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา...
ทำงานดี ทำงานเด่น สวย รวย ย่อมมีคนอิจฉาเป็นธรรมดา...มันเป็นสัจธรรม...
คุณหวานเป็นคนเผชิญให้คนอื่นมาตัดสินแทนไม่ได้หรอกค่ะว่าควรจะเลือกงานแบบไหน....
คุณหวานโตมากแล้วค่ะ....คุณพ่อท่านพูดถูกค่ะต้องคิดเอง...
เชื่อเถอะค่ะปัญหาแค่นี้...คุณหวานต้องผ่านไปได้..อดทนค่ะ...และคุณจะแกร่งขึ้น
แนะนำได้แค่นี้หละค่ะ...เป็นกำลังใจให้นะคะ
มาเป็นกำลังใจให้คุณ(พี่)หวานนะคะ
ขออนุญาตแชร์ด้วยค่ะ
เคทก็เคยเป็นอารมณ์เดียวกับคุณหวานค่ะ แต่ตอนทำงานเคทอายุ23
เราเป็นเด็ก เพิ่งจบ แค่6เดือนได้เลื่อนไปทำอะไรที่ใหญ่กว่าพี่ๆ30++
(ผู้ชายด้วยค่ะ ชอบจิกกัด เหมือนคุณหวานเลย ขนาดทาเล็บยังจิกเลย มีอะไรใหม่ๆมาเพิ่มไม่ได้ต้องถามซื้อมาเท่าไหร่ อะไรยังงัย แล้วเคทแอบรู้มาว่าเมาท์ ว่าเราสิ้นเปลืองอายุแค่นี้)
เพราะตอนนั้นไฟแรง อึดและถึกแค่ไหนไม่ว่า ทำไป2ปี ได้ทำครบทุกอย่างในการตลาดเลยค่ะ
แต่มันเสียสุขภาพจิต ปรึกษากับคุณพ่อแล้ว และตัดสินใจลาออก (6เดือนแล้วค่ะ)
คุณพ่อเลยให้มาช่วยกิจการที่บ้าน
แต่โดยส่วนตัวเคทอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองด้วย
โดยมีนายทุนคือคุณพ่อ(อิอิ เรียกว่าขอยืมดีกว่าค่ะ)
และเราต้องมาต่อยอดเอง คุณพ่อให้ทำเองทุกอย่างเลยค่ะ
ตั้งแต่จดทะเบียนพาณิชย์
ตอนนี้เคทอายุ25และมีอะไรเป็นของตัวเอง
ถึงยังไม่ใหญ่โต แต่เราได้แสดงให้คุณพ่อและคนรอบข้างเห็นว่า
เรามีความสามารถพอที่จะมาทำอะไรด้วยตัวเอง คือเราเองรู้ถึงศักยภาพของเรา
อย่างคุณหวานเคทว่ามีมากพอ ที่จะทำอะไรด้วยตัวเองได้เลยล่ะค่ะ
เคทก็ได้แต่ให้กำลังใจค่ะ และอยากแนะนำนิดเดียว
ว่าตอนนี้คุณหวานยังมีที่บ้านคอยSupportอยู่
น่าจะหาอะไรทำเป็นของตัวเอง ที่เราชอบและสบายใจนะคะ
เพราะคุณหวานถือว่ามีโอกาส มากกว่าหลายๆคนที่ตกงานอยู่ตอนนี้นะคะ
ขอให้คุณหวานอย่าคิดมากค่ะ เดี๋ยวทุกอย่างจะผ่านไปได้;)
ปล.ขออนุญาตแนะนำนะคะ
พี่ๆ ทุกคนพูดมา ถูกต้องมากๆเลยค่ะ
โดยเฉพาะที่พี่นีน่า บอกว่า ถ้าตัดความช่วยเหลือทางบ้านออกไป
หวานคงจะย้ายไม่ไหวอ่ะค่ะ
ขนาดที่เดิมเงินเดือนพออยู่ได้ ก็ยังใช้เก่งซะขนาดนี้
...แฟนก็บอกว่า ว่าถ้าหวานย้ายไปอยู่ที่ใหม่เงินเดือน 8 พัน ก็คงไม่ได้ช้อปปิ้ง
แล้วการช้อปปิ้ง นี่มันก็ถือเป็นความสุขในชีวิตอย่างนึงเลยด้วย
ถ้าเอาจริงๆ ถ้าไม่มีครบครัว support เงินเดือนปัจจุบัน หวานยังอยู่ไม่ได้เลย
นับประสาอะไรกับการจะไปเอาเงินเดือน 8 พัน
ถ้าอยู่ที่บริษัทเดิม ก็อยากย้ายแผนก
การโอนย้ายมีค่ะ ทำได้... แต่ก็ไม่ใช่ย้ายกันง่ายๆ
หวานไม่รู้จะเดินไปบอกนายยังไง ว่าเราขอย้าย... T___T เครียดไปซะทุกทาง
อีกใจก็อยากทำตามฝันกับการเป็นผู้ประกาศด้วย ...
(( ตอนเด็กๆเคยฝันค่ะ ว่าอยากเป็นแอร์ กะผู้ประกาศ ในเมื่อเคยเป็นแอร์มา 6 ปีแล้ว
ก็อยากถามฝันอีกฝันนึงด้วย ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นได้แค่ฝันรึเปล่า )) T__T
แต่พูดก็พูดค่ะ ว่าเราอยากอยู่กับความจริง ไม่ใช่ความฝัน
หวานรู้ตัว ว่าเป็นคนเปราะบางมากค่ะ ไม่ใช่คนแข็งแกร่ง ไม่ชอบเถียง ทำให้ดูเหมือนเป็นคนไม่สู้คน
อาจเพราะเคยเป็นแอร์มาก่อน.. เวลานายสั่งงาน หวานก็ ..ค่ะๆ ได้ค่ะ..
นายยังบอกเลย ว่าหวานเรียบร้อยเกินไป..ให้ทำตัวบู๊ๆ กว่านี้หน่อย เพราะงานเรามันบู๊ๆ
แต่มันทำไม่ได้นี่นา...ก็บุคลิกตัวเราเป็นแบบนี้
...พูดไป ก็เหมือนคนแก้ตัวข้างๆคูๆไปเรื่อยๆนะคะ พูดวนไปวนมา
แต่ตอนนี้หวานสับสนจริงๆอ่ะค่ะ ...
อ่านเรื่องของคุณหวานแล้ว....เหมือนจะอยู่บริษัทเดียวกันรึเปล่าคะเนี่ย วัฒนธรรมองค์กรแบบนี้คับคล้ายคับคลา
พิมพ์ไม่ค่อยเก่งนะคะ แนะนำก็ไม่เป็น เอาเป็นว่าเล่าสู่กันฟังละกัน
บริษัทที่ 69 อยู่นี่ก็เหมือนบริษัทคุณหวานแหละค่ะ (อาจจะบริษัทเดียวกันซะด้วย) อยู่มาตั้งแต่เรียนจบเลยค่ะ ทำมา 7 ปีกว่าแล้วและรู้ตลอดว่าเราไม่ชอบงานที่ทำอยู่...แต่สิ่งที่ทำให้เรา(ซึ่งฐานะทางบ้านปานกลางค่ะ คุณพ่อเป็นนายตำรวจจริงแต่ไม่ด้วยอยู่หน่วยที่จะสามารถหาเงินเบี้ยบ้ายรายทางได้) สามารถทนอยู่ได้คือ เราต้องการเงินเดือนสูงเท่านี้ เราต้องการบริษัทที่มั่นคงเท่านี้ เรายังไม่เห็นที่ไหนมีสวัสดิการได้มากเท่านี้และเราเห็นแล้วว่ามีคนอื่นอีกมากมายที่เค้าต้องการเข้าทำงานในบริษัทนี้
สิ่งที่ทำให้ 69 ทนได้ บอกตามตรงว่าเป็นเพราะตัวเลขในสลิปเงินเดือน มันทำให้เรามีเครดิต ซื้อบ้านได้ ซื้อรถเบนซ์ได้ มีเงินเปิดร้านเสื้อผ้าเล็ก ๆ ที่ต่างจังหวัดได้และมีเงินเก็บ 6 หลักได้ มันอาจจะดูเล็กน้อยสำหรับคนที่บ้านรวยอยู่แล้ว แต่สำหรับคนต่างจังหวัดอย่างเรา เรารรู้สึกเพอร์เฟคและแฮปปี้มาก ๆ ค่ะ ลึก ๆ ในใจตั้งใจไว้แล้วว่าจะทนงานนี้ให้ได้นานที่สุด เก็บเงินให้ได้มากที่สุดและเมื่อถึงเวลา เราจะไม่ขออยู่ในวัฏจักรชีวิตมนุษย์เงินเดือนอีกแล้ว ดังนั้นสำหรับเรา ยังไงก็ต้องทนค่ะ
คุณหวานอยู่ในฐานะที่โชคดีกว่า 69 มาก ๆ เพราะสามารถจะเลือกได้ว่า ทน หรือ ไม่ทน
แต่อยากให้คุณหวานนึกดี ๆ ว่า สิ่งที่คุณไม่ชอบ คือ เนื้องาน หรือว่า คน
ในความเห็นเรานะคะ ถ้าไม่ชอบเนื้องาน แต่เพื่อนร่วมงานรอบ ๆ ดี อย่างน้อยมันก็แค่เหนื่อยกายค่ะ แต่ถ้าได้ทำงานที่เราชอบแต่ผู้คนรอบข้างไม่ดี แบบนี้จะเหนื่อยใจ อยู่ที่ว่าคุณหวานจะเลือกแบบไหนค่ะ
การเปลี่ยนงาน บางทีมันไม่ใช่การแก้ปัญหานะคะ มันเป็นการเปลี่ยนที่แก้ปัญหามากกว่า
ก็ขอให้คุณหวานใจเย็นๆนะคะ ยังมีเวลาคิดทบทวน เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ใจเย็นๆๆนะค่ะคุณหวาน
การเลือกที่จะทำงานที่เราคิดว่าชอบก้อดีค่ะ
ถ้าย้ายเร้วสบายใจ ก้อทำค่ะ อย่าได้แคร์
แต่เมื่อคุณหวานย้ายไปที่องค์กรใหม่
จะไม่เจอคนประเภทนี้อีกหรือค่ะ (ทุกองค์กรค่ะที่มีคนประเภทนี้)
เท่ากับว่าคุณหวานต้องย้ายๆๆ ไปเรื่อยๆๆ
หุ หุ หุ คิดว่าเงินเดือน 8,000 ไม่พอช๊อบแน่ๆๆค่ะ
สู้ สู้ สู้
เรื่องงาน ถ้ารู้สึกว่าอยู่แล้วมันไม่ใช่ที่สำหรับเรา แค่รู้สึกแบบนี้ก็ออกได้เลยค่ะ
เพราะเคยเป็นเหมือนกัน คนเรามักจะมีSENSEในเรื่องแบบนี้ ฝืนอยู่ไปยิ่งแย่ เสียสุขภาพจิต
แต่เรื่องงานใหม่ ให้คิดูให้ดีๆว่าเราชอบทำอะไร แบบไหน สถานที่ที่เราต้องไปอยู่
ถ้าให้ดี ควรไปดูสถานที่ทำงานเลยค่ะ ว่าเค๊าอยู่กันแบบนี้เราอยู่ได้หรือเปล่า
เรื่องเงินเดือน พี่ว่า 8000 นี่เป็นไปไม่ได้เลยค่ะ สำหรับวุฒิปริญญาโท แล้วก็มีประสบการณ์
ทำงานเป็นแอร์มา 6ปี ไม่นับรวมที่ทำงานปัจจุบัน ปกติคนที่ผ่านงานมาก่อน
เวลาสมัครงานเค๊าจะให้เรียกเงินเดือนนะ เราก็เรียกไปให้สมน้ำสมเนื้อ เดี๋ยวเค๊าก็มาคุยเอง
ว่าจะให้ได้เท่าไหร่ แล้วจะเพิ่มให้อย่างไร (ถ้าเค๊าสนใจคุณวุฒิเรานะคะ)ไม่มีทาง8000หรอกค่ะ
จบตรีมาใหม่ยังน้อยเกินไปเลยค่ะ ลองดูนะคะ ไม่ต้องเครียด
เราต้องมั่นใจในความสามารถของเรา ถ้าที่นี่ให้ 8000 จริง ก็อย่าไปทำมันค่ะ
มันดูถูกความสามารถ และเอาเปรียบกันเกินไป(รึเปล่า):D
ขอบคุณ คุณ 69 มากค่ะ หวานก็รู้ค่ะ ว่างานทุกที่มีปัญหาหมด
เปลี่ยนงานไม่ใช่การแก้ปัญหา
ตอนนี้กำลังสร้างกำลังใจให้ตัวเองอยู่ค่ะ :p
ขอบคุณมากค่ะ พี่ดิว
แต่เรทเงินเดือน 8 พัน เนี่ย มันเป็นองค์กรกึ่งภาครัฐ จึงใช้เงินเดือน fixed rate ตามระดับอ่ะค่ะ
หวานใช้วุฒิป.โท เข้าไปที่ระดับนี้ก็สูงมากแล้วค่ะ
บางคนวุฒิป.โท เข้าไปแค่ระดับ 4 เองอ่ะค่ะ
อยู่ในสถานการณ์คล้ายๆกันเลยค่ะ แต่ก่อนเคยอยู่โรงพยาบาลเอกชน
เงินเดือนน้อยกว่างานปัจจุบันครึ่งหนึ่ง
ตอนนี้อยู่คลินิกผิวหนังระดับ high end ของประเทศ ได้เงินเป็นส่วนแบ่ง
จากคลินิก 25% และ 50% สำหรับเลเซอร์บางอย่าง
เงินเดือนประมาณซื้อรถญี่ปุ่นขนาดกลางได้ด้วยเช็คของเงินเดือนๆนั้น
ในขณะปรกติหมอจะได้ส่วนแบ่งประมาณ 10%
แต่งานที่ทำค่อนข้างอึดอัด เจ้าของโทรหาตลอด หนูต้องโน่น หนูต้องนี่ นะจ้ะ
ทำไมหนูไม่มาตามพี่ล่ะจ้ะ หนูต้องไปช่วยพี่ที่โน่น ที่นี่ นะจ้ะ
บางทีถึงขนาดเอาเราไปวางตามชอปปิ้งมอลล์ ให้พูดโน่นพูดนี่ เหมือน MC ไงก็ไม่รู้
ที่บ้านเราก็ไม่ค่อยชอบใจ
มันดูขัดๆกับวิชาชีพไหม
ที่โรงพยาบาลเก่า ก็ยังอยากให้กลับไปทำ ก่อนหน้านี้ปรึกษาทุกคนเหมือนกัน
solution ของเราสรุปเว่
งานที่เหมาะสมต้องมีเงินเดือนที่สามารถทำให้เราสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ด้วย
ถ้างานนั้น เงินเดือนไม่สามารถ provide ชีวิตปกติของเราได้ มันก็ไม่ใช่งานที่เหมาะสมกับเราก่ะ
พี่ที่เราปรึกษาด้วยบอกเราว่า งานใหม่มันไม่ได้มีอันนี้อันเดียวก่ะ
ดูงานใหม่ไปเรื่อยๆ ดูที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของเรา แล้วก็เป็นงานที่เราชอบ ไม่อึดอัด
ชีวิตคนเราต้องดีขึ้นเรื่อยๆก่ะ การออกจากงานเดิมไปสู้งานใหม่ที่เราเห็นข้อเสียตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าไป
ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีก่ะ
เพราะขนาดยังไม่เข้าไป เรายังเห็นข้อเสียเลย
เวลาเข้าไปทำจริง มันต้องมีข้อเสียมากกว่านั้น
ตอนนี้มาอดทนรอด้วยกันดีกว่าก่ะ
ถ้าตอนนี้ มันไม่สุดจะทนจริงๆ
รอ จนได้งานที่เหมาะสม แล้วค่อยออกจากงานเดิมที่คิดว่าไม่ไหวน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดนะคะ
เห็นด้วยกับคุณ Lilyrabbit ค่ะ
นิยามของคำว่า งาน ของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันจริง ๆ ค่ะ บางคนโชคดีมากมายที่ได้งานที่ตัวเองรัก ในขณะที่คนหลายคน (รวมทั้งเรา) ได้ทำงานที่เราไม่ได้รักแต่มันทำให้เราใช้ชีวิตอยู่ได้
คุณหวานกำลังสร้างกำลังใจให้ตัวเองอยู่ ถือว่าดีมาก ๆ ค่ะ ระหว่างนี้ก็ค่อย ๆ มองงานใหม่ไปเรื่อย ๆ คุณหวานโชคดีมาก ๆ นะคะที่ไม่ต้องทนก็ได้ จะออกซะตอนนี้ก็คงไม่เดือดร้อนอะไร แต่อย่างน้อยเราควรทนเพื่อให้แน่ใจก่อนว่าไม่ไหวจริง ๆ แล้วค่อยออก เผลอ ๆ สุดท้ายแล้วคุณหวานอาจจะได้เห็นว่า มันไม่มีงานใดเพอร์เฟคสำหรับใครจริง ๆ ค่ะ ทุกคนที่ทำงานบนโลกใบนี้ต่างก็ทำเพื่อจะได้มีเงินเพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้เหมือน ๆ กัน
ทางเลือกมีแค่ 2 ทางเท่านั้นค่ะ คือ ถ้าคุณหวานเลือกจะใช้ชีวิตฟู่ฟ่า หรูหราแบบที่เคยเป็น คุณหวานก็ต้องทนและยอมรับงานให้ได้ในที่สุด กับอีกทางนึงคือไปทำงานที่ชอบ ไม่ต้องทน แต่ต้องปรับตัวเองว่าเราจะไม่สามารถไปใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ ได้เพราะเงินเราไม่อำนวย ทางเลือกมีเท่านี้จริง ๆ ค่ะและเราต้องรับผิดชอบการตัดสินใจของเราในทางที่เราเลือกเองด้วย
คงแนะนำได้เท่านี้นะคะ ผิดถูกไม่ตรงใจอย่างไรก็ขออภัยด้วยเพราะมันเป็นความเห็นของ 69 ซึ่งเป็นคนที่ไม่ได้มีต้นทุนทางครอบครัวและการศึกษามากนัก เลยยึดหลักที่ว่างานอะไรที่จะทำให้เราได้เงินเยอะมาสร้างฐานะได้ ทำได้หมดค่ะ ให้ต้องทนอย่างไรก็ต้องทนให้ได้
ตอนนี้ทนมา 7 ปีกว่าแล้วค่ะ กะว่าจะทนอีก 10 ปี ถึงเวลานั้นอายุ 40 พอดี ช่องทางทำกินที่ตอนนี้ค่อย ๆ สร้างไว้ถึงตอนนั้นน่าจะมั่นคงและคงจะเลิกทนแล้วค่ะ
....เป็นกำลังใจให้คุณหวานนะคะ...
ช้อบแช้บอ่านของคุนหวานแล้วก็เครียดตามด้วยนะค่ะหนิ
ถ้าวัฒนธรรมองค์กรเป็นแบบนี้จริงๆ เพราะช้อบแช้บก็ผู้หญิง
แล้วเป็นพวกอีโก้สูง ทำงานด้วยตัวเอง (คืองานมาเราลุยก่อนเลย)
ตอนนี้ยังเรียนไม่จบ ปีสุดท้ายแล้ว...ด้วยสายงานของช้อบแช้บ
เป็นงานลุยด้วยค่ะ เหมาะกับผู้ชาย มีทางเลือกว่า
ลงออฟฟิค (นั่งจับเจ่าทั้งวัน) ลงไซต์งาน (ลุยกับผู้ชาย) หรือธุรกิจส่วนตัว
...คุนหวานถ้ารักชอบกับอาีชีพงาน มันคงจะเจือๆกับความสุขได้นะค่ะ
แต่ถ้าเรื่องเงินเป้นสิ่งสำคัญหนึ่งในชีวิตด้วยแล้ว...ช้อบแช้บว่าคุนหวานคงต้องทนต่อไปแล้วละค่ะ
ไม่งั้น...ก็ลุยธุรกิจส่วนตัวเองเลยค่ะ ^^
ชั่งน้ำหนักให้ดีๆนะคะ
ลองมองหางานที่ตอบโจทย์ได้มากกว่านี้ค่ะ
อุปสรรค์จะทำให้แข็งแกร่ง และคนเข้มแข็งเท่านั้นจะอยู่รอดค่ะ
ชีวิตข้างหน้าต่อไป คุณหวานจะต้องเจออะไรที่มันโหดกว่านี้เยอะ
ทำงานในหน้าที่ให้เต็มที่และดีที่สุด อย่าขาดตกบกพร่อง
ถ้าข้ามผ่านอุปสรรค์ผู้ร่วมงานมาได้ เวลาคุณมองย้อนไปจะภูมิใจตัวเองนะคะ
ไม่มีใครที่ไม่โดนนินทาค่ะ แล้วจะสนไปทำไมคะ
p.s.
เงินเดือน8,000 บาท อยู่รอดยากค่ะ ความสุขในชัวิตก้อจะหายไป
ความเครียดจะเกิดขึ้นแทน ลองคิดดูดีๆนะคะ
มาทำงานกับพี่มั้ยน้องงง อย่างน้องนี่พี่ชอบมากเลยยย 555 ( ล้อเล่นนะคะ )
พี่มาช้าไปตลาดวายแล้วอ่ะค่ะ แต่อยากตอบมากค่ะ
คือแบ่งเป็น 2 เรื่องค่ะ
1. อยากออกจากที่เก่า เพราะคุณรอบข้างไม่เวิร์ค ==> คำแนะนำคือออกเลยค่ะ แต่หาที่ใหม่ที่ชอบได้ค่อยออกนะคะ ด้วยภาพรวมของ Background ของน้องหวาน คิดไม่ยากค่ะ จะทนไปทำไมคะ ใช่มะ
2. อยากทำที่ใหม่ เป็นผู้ประกาศ เงินเดือน 8,000 บาท ==> อย่าทำเลยค่ะ เพราะงานมันไม่เวิร์ค อย่างที่คุณบุ๋มบอก เสือสิงห์กระทิงแรด เยอะค่ะ ไม่น่าทำสุดๆเลยค่ะ จะเป็นหนีเสือปะจรเข้แทนนะคะ อีกอย่างถ้าทำเงินเดือน 8,000 บาท ในโลกแห่งความเป็นจริง ถ้าไม่มี Supporter น้องหวานอยู่ไม่ได้หรอกค่ะ แล้วคิดดูว่าเพื่อนๆที่ทำด้วยกันแล้วเค้าได้เงินเดือนเท่านี้แล้วเค้าอยู่ได้ จะเป็นยังไง มีหวังรุมกันตั้งโต๊ะจิกน้องหวานตายแน่ๆเลยค่ะ
สรุป หางานใหม่ที่ชอบค่ะ เอาเงินเดือนดีๆพอรับได้ ทำงานสบายใจ แนะนำเป็นงานที่เกี่ยวกับอะไรสวยๆงามๆ น้องหวานจะได้เปรียบค่ะ ( เช่นพวกเกี่ยวกับตกแต่งภายในอะไรประมาณนี้อ่ะค่ะ :) )
ได้ความยังไงบอกกันบ้างนะคะ
พี่กลิ้ง
ก่อนอื่นขอให้กำลังใจคุณหวานค่ะ สู้ๆ
เพื่อนร่วมงานแบบนี้ มีทุกที่นะค่ะ (ขอย้ำว่ามีทุกที่) เพราะเอนี่ทำงานมาหลายที่มากกกก เจอทุกรูปแบบ ยังกะนังอิจฉาในละคร เหอๆ เพราะฉะนั้น อย่าไปสนใจค่ะ ที่เค้าอิจฉาเรา เพราะเค้าไม่มีเหมือนเรา ไม่งั้นจะอิจฉาเราทำไม เฉยๆ ไว้เป็นดีที่สุด
สิ่งที่เอนี่เรียนรู้จากงานทำงานบริษัทฯ คือสังคมที่มีแต่ผลประโยชน์ค่ะ (เอนี่เป็น slaes เลยต้องแข่งขันกันทุกเรื่อง) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยอด เรื่องการทำงานที่ต้องชิงดีชิงเด่นกับเพื่อนร่วมงาน แต่มันเป็นประสบการณ์และทำให้เราเข็มแข็ง อยู่รอดที่จะสู้กับคนอื่นค่ะ เพราะถ้าเรายอม ก็คือเราอยู่ที่นี่ไม่ได้ ซึ่งมันก็สอนให้เราเข้มแข็งขึ้นนะค่ะ
อยากให้คุณหวานอดทน อย่าไปแคร์กับสิ่งเร้าที่มารบกวนจิตใจเรามากค่ะ ทำเฉยๆ ถ้ายังทำงานอยู่ที่นี่ต่อ
แต่ถ้าคุณหวานยังไงๆ ก็ไม่อยากอยู่แล้ว ก็เลือกที่ที่สบายใจค่ะ อย่างน้อยสุขภาพจิตเราก็ดีขึ้น
เรื่องรายได้เอนี่ว่ามันก็สำคัญนะค่ะ เพราะถ้ารายได้เยอะ เราก็จะได้ไม่ต้องรบกวนทางบ้านมาก และจะรู้สึกดีที่เราสามารถซื้ออะไรก็ได้ที่เราอยากได้ ด้วยเงินเราเอง
ข้อแนะนำในการอยู่ในสังคมของพนักงานบริษัทฯ
1.ต้องประจบประแจงเจ้านายหน่อยค่ะ (ยิ่งเจ้านายชอบเรา ถือว่าเรามีเครดิตดี) อันนี้สำคัญมาก ถึงจะไม่ใช่นิสัยเรา แต่ฝืนทำจะมีผลดีภายหน้าค่ะ
2.ประจบเพื่อนร่วมงานสร้างมิตร (ทำไปงั้นๆ ถึงจะไม่ค่อยชอบหน้ามัน) 555 และสำคัญอย่าเล่าเรื่องส่วนตัวให้เพื่อนร่วมงานฟัง เด็ดขาดค่ะ (ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ใหม่หรือที่เก่าค่ะ) ป้องกันไว้ก่อน
3.ตีซี้กับทุกฝ่าย ทำตัวเป็นนางเอกค่ะ แต่จริงๆ มันเป็นหนึ่งในแผนของเรา เพราะโพลส่วนมากจะมองว่าเราน่ารัก เราดีงั้นงี้ ทีนี้ใครมาพูดเสียๆ หายๆ กับเรา ส่วนมากจะเข้าข้างเราค่ะ
4.อันนินทากาเล เป็นเรื่องธรรมดาของพนักงาน office เพราะฉะนั้นมันเป็นเรื่องไร้สาระ อย่าไปสนใจค่ะ และแนะนำไม่ควรไปเล่าต่อให้ใครฟัง (สำคัญมาก)
ฯลฯ
ลองดูนะค่ะคุณหวาน อยากให้คุณหวานเข้มแข็ง เพราะเพื่อนร่วมงาน ไม่ได้กำหนดชีวิตเราค่ะ แต่เป็นเราต่างหากที่เป็นคนกำหนดว่าจะเป็นไปในทางไหน
สู้ๆ ค่ะ ;)
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆจากคุณเอ ด้วยค่ะ
หวานเอง อยู่ออฟฟิศ ก็ทำตัวเป็นนางเอกตลอดเวลา... น้ำขุ่นอยู่ใน น้ำใสอยู่นอกค่ะ
เก็บความรู้สึกไว้ในใจทุกๆอย่าง คนบางครั้งก็ถามตัวเอง ว่าเฮ้ย..เราต้องทนขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย กับเรื่องบางเรื่องที่ นอนเซ้นซ์ และที่งี่เง่ามากๆ อ่ะค่ะ
ยังไงก็ไม่ขออยู่ที่นี่ไปอีกยาวๆแน่นอนค่ะ แค่คิดก็เครียดแล้ว
และอีกอย่างมันทำให้หวานเป็นคน รักวันศุกร์มากๆ (แบบว่าใกล้หยุดแล้ว)
และเป็นโรคกลัววันอาทิตย์ (ใกล้ถึงจันทร์ไปเลยอ่ะค่ะ)
นี่หวานเป็นโรคจิตไปแล้วใช่ป่าวคะเนี่ย แงๆๆๆ:confused:
คุณหวานอย่าเพิ่งคิดมากค่ะ ใจเย็นๆ ถ้าไม่สบายใจเรื่องงานก็หาอะไรทำให้เราลืมๆ เรื่องนี้ไปบ้างเอนี่แนะนำว่า ควรเอาเรื่องนี้ออกไปบ้างค่ะ อย่าเครียดๆ ถ้าเราคิดแต่เรื่องนี้เราจะไม่สบายใจเราเองนะค่ะ อย่าคิดมากเรื่องอะไรเล็กน้อยๆ ก็ไม่ต้องเอามาคิดให้ปวดหัวค่ะ ช่างมันๆ
ผู้หญิงอย่างเราส่วนมากจะคิดเล็กคิดน้อย เอนี่ทำงานกับผู้ชายส่วนมากเลยค่ะ เหมือนคุณหวาน แต่มันก็อย่างว่า ผู้ชายงี่เง่ามันก็มี เอนี่เชื่อว่าที่เค้ารับผู้หญิงอย่างเรามาทำงานไม่ใช่ว่าเราไม่มีความสามารถสู้กับผู้ชายไม่ได้ แต่ทำไมเค้าต้องรับเรามันก็ต้องมีเหตุผล ที่บางอย่างผู้ชายทำไม่ได้ เช่น การเข้าถึงลูกค้า ซึ่งผู้หญิงมักทำได้ดีกว่า การล้วงลับเอาข้อมูลต่างๆ จากลูกค้า ซึ่งเราก็ทำได้ดีกว่า มันหน้าที่ต่างกันค่ะ
อย่างเอนี่ทำงานกับ engineer พวกอีโก้สูงมากกกกก ก็ไม่ได้สนใจอะไร เค้าอยากพูดอะไรก็ปล่อยเค้า มีสวนบ้างเป็นบางครั้ง ปกติคนพวกนี้จะปากเสียเป็นเรื่องธรรมดา ไม่เก็บมาคิดให้รกสมอง
ถ้าเบื่อมากกกกกก แล้วอยากจะพักเพื่อคิดอะไร ก็ลาพักร้อนไปก่อนค่ะ จะได้สบายใจขึ้นแล้วกลับไปลุยงานต่อ
เพราะดูอาการคุณหวาน แย่แล้ว
ไม่รู้นะคะ ไม่เคยมีประสบการณ์ในการทำงานเหมือนกัน
กรณีพี่หวาน หนูก้อคิดว่า คนที่ชอบจิกกัดนั่นคงอิจฉาพี่หวานแค่นั้นแหละ 555+
จะคิดมากไปทำไม เครียดเปล่าๆ เหอๆ ทำให้เค้าเห็นไปเลย ว่าชั้นไม่สมควรที่จะอยู่ตำแหน่งนี้ ตรงไหนกัน?
ถ้าชั้นคิดแต่เรื่องไร้สาระ อิจฉาคนอื่นไปวันๆก็คงไม่ก้าวหน้า เหมือนพวกคุณผู้ชายอย่างพวกเธอนั่นแหละ 555+
หนูคิดว่านะ การทำงานทุกอย่างมันก็ต้องมีอุปสรรคทั้งนั้นแหละ
อยู่ที่เราจะอดทน มีสติ แล้วแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนได้ยังไงต่างหาก จริงมั้ยคะ?
แต่ว่านะคะ การอดทนก็แน่นอน ว่าไม่ใช่อดทนอย่างโง่ๆต่อไป ถ้าสุดท้ายไม่ไหวจริงๆก้อคงต้องถึงจุดที่ต้องตัดสินใจเลือก
เคยได้ยินคำนึงนะคะ
ว่าคนเราไม่ได้มีโอกาสได้ทำงานที่ตัวเองชอบเสมอไปทุกคนหรอก แล้วจะทำยังไงให้มีความสุขล่ะ?
ลองเปลี่ยนทัศนคติให้มาชอบและสนุกในงานที่ทำดูดีมั้ยคะ เผื่ออะไรๆมันจะดีขึ้น
ลองพยายามดูนะคะ ถ้ามันไม่ไหวจริงๆ ก็คงจะได้คำตอบแน่นอนว่า ออกดีกว่า 55 ทำไปก็คงไม่มีความสุขแน่ๆ
แล้วก็ ทุกอย่างต้องมีการ trade จริงมั้ยคะ
พี่หวานคิดว่างานใหม่เงินเดือน 8000 จะทำให้พี่หวานมีความสุขได้รึเปล่า? ไม่มีใครรู้ดีเท่าตัวพี่หวานเองหรอกค่ะ
แต่ถ้าจะลองคิดให้เป็นจริงขึ้นไปอีกนะ พี่หวานลองคิดว่าถ้าไม่มีคน support ค่าใช้จ่ายต่างๆเลย พี่หวานจะทำยังไง
เพราะในความเป็นจริง ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ทุกคนล้วนมีวันลาจาก ไม่เว้นแม้กระทั่งบุพการีที่รักและหวังดีกับเราที่สุด
ดังนั้นแน่นอนว่าพอถึงเวลาๆนึง ต้องรับได้ว่าจะต้องพึ่งแต่ตนเองเท่านั้น ไม่มีคนมาคอยช่วยเราทุกเรื่องเหมือนทุกวันนี้
อีกทั้ง เงินทอง ถึงจะมีมากแค่ไหน แต่ถ้าใช้จ่าย ยังไงก็ต้องหมดไป
ใช้มาก ก็หมดเร็ว ใช้น้อยก็หมดช้า
ดังนั้นก็ยิ่งควรต้องคิดว่าเราควรจะหาเงินได้เท่าไหร่ถึงจะพอสำหรับเราโดยไม่เป็นภาระใคร
ยิ่งถ้าอายุมากขึ้น พี่ก็ต้องมีภาระหน้าที่ที่ต้องดูแลคุณพ่อคุณแม่ และครอบครัวของตัวเองอีก
แล้วหนูก็คิดว่าอาจจะไม่ได้มีงานนี้แค่งานเดียวหรอกนะคะที่เหมาะกับพี่หวานน่ะ
โอกาสยังมีอีกมากนะคะ ลองหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองดีกว่ามั้ย
ถ้าจะมองในแง่ดีนะ หนูคิดว่าสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นกับพี่หวาน ก็เป็นเหมือนสิ่งที่มาคอยขัดเกลา
ให้พี่หวานแข็งแกร่งขึ้นค่ะ ^^
สุดท้ายแล้วพี่หวานจะเลือกทางไหน ก็ล้วนแต่เป็นการตัดสินใจของพี่หวานทั้งสิ้น
ทุกทางมีทั้งข้อดีและข้อเสียแหละค่ะ
เอาใจช่วยนะคะ ของให้ได้พบแต่สิ่งดีๆค่ะ ^^