[บ้านรับฟัง]คุณเคยมีเรื่องความรักที่อยากระบายไหม?
http://www.oknation.net/blog/home/bl...ges/01_213.jpg
ที่มาภาพจาก http://www.oknation.net/blog/home/bl...ges/01_213.jpg
ผมเคยเป็นคนหนึ่งที่พยายามเรียนรู้คำว่า "ความรัก" มาตลอดเวลาที่ผ่านมา ทุกๆการกระทำเกิดด้วยแรงขับจากความรัก ทั้งรักครอบครัว เพื่อน หรือ คนรัก
แต่ไม่ว่าจะเป็นความรักจากที่ใด เมื่อความรักเกิดขึ้นแล้ว มันจะคงอยู่ตลอดไป ผมขอกล่าวถึงความรักที่เป็นเรื่องของ "คนรัก" นะครับ เพราะว่า รักกับคนรัก เป็นรักที่ผมพยายามเรียนรู้กับมันแต่ก็ยังไม่เคยเข้าใจมันมากที่สุด และผมก็เชื่อว่าทุกคนก็ตามหารักของตัวเองอยู่ตลอดเวลา ซึ่งมันต้องมีเวลาที่ท้อ เวลาที่ต้องการที่ระบาย และเวลาที่ต้องการกำลังใจ และเป็นที่มาของกระทู้นี้
ซึ่งผมอยากให้เพื่อนๆ ช่วยกับแชร์ความรักของตัวเอง และช่วยกันรับฟังความรักของคนเพื่อนๆ เพื่อที่จะทำความเข้าใจกับความรักของตนเองให้มากขึ้น
ผมขอแชร์ความรักของผมก่อนละกันนะครับ
*ปล. เรืองนี้ไม่ได้มีเจตนาในการประชด หรือกล่าวโทษใคร เพียงแต่ต้องการแชร์ประสบการณ์ความรักของคนๆ หนึ่งที่ผ่านเรื่องราวที่ไม่สามารถ ระบายสิ่งที่รู้สึกให้ใครรับฟังได้ จนรู้สึกว่ามันอัดอัดแค่ไหน และรู้ว่าเมื่อมีคนรับฟงเราแล้วเรารู้สึกดีแค่ไหน ดังนั้นโปรดเคารพบุคคลที่กล่าวถึงทุกคนในเรื่องราวนี้ด้วย
ขอกล่าวเพิมเติมนะครับว่าตอนนี้ผมก็มีคนรักของผมอยู่ แต่เรื่องที่จะขอแชร์เรื่องแรก เป็นเรื่องของคนรักคนแรกที่ผมเพิ่งหัดเรียนรู้คำว่า "ความรัก" ก่อนหน้าที่ผมจะมาเขียนเรื่องนี้ผมได้คุยกับคนรักผมแล้วว่าผมจะทำอะไร ซึ่งผมก็บอกเจตนาของผมว่า"ผมซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเองเสมอ" คำว่า "รัก" ที่ผมรู้สึกกับใครแล้วผมรู้สึกได้ว่ามันมีอยู่จริง ซึ่งตอนนี้ผมรู้สึกกับเค้าคนเดียว ทำให้คนรักผมเข้าใจเจตนาที่จะทำจริงนะครับ
ขอย้อนเวลาไปเมื่อตอน ม.4 นะครับ ผมได้ย้ายเข้ามาเรียนมอปลายที่โรงเรียนประจำแห่งหนึ่ง เป็นที่ๆ
ผมไม่คุ้นเคย รวมถึงเพื่อนๆ ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ในฐานะ "เด็กใหม่" ของโรงเรียนประจำ พวกเราถูกให้อยู่ที่ห้อง
เดียวกับ ดังนั้นพวกเราจึงสนิทกันมากเป็นพิเศษ และในห้องนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมแอบชอบ เธอใส่แว่น และไม่
ได้โดดเด่นเป็นดาวเหมือนใครๆ ครั้งแรกทีเราทำงานด้วยกันเป็นชั้นเรียนฟิสิกส์ ในตอนนั้นเวลาที่ผมอยู่ใกล้กับ
เธอ รู้สึกว่าจะทำตัวเกร็งๆ หัวใจมันจะหวิวๆ บอกไม่ถูก(ถ้าคนเคยแอบชอบใคร คงจะเข้าใจนะครับ ฮาๆ) นั้น
แหละครับ
ผมไม่กล้าสบตากับเธอตรงๆ คุยก็น้อย เฮ้อๆ ตอนนั้นผมไม่รู้ตัวเองเลยว่าเป็นอะไร หลายๆครั้งถาม
ตัวเองว่านี่หรอที่มันเรียกว่า "ความรัก" ผมก็ทำตัวอย่างนี้มา จนจะขึ้นม. 5 เย็นวันหนึ่งผมก็รูว่าเธอคนนั้นสอบได้
AFS ซึ่งจะไปเรียนที่อเมริกา 1 ปี ตอนนั้นผมคิดแล้วหล่ะว่า จะต้องทำอะไรสักอย่าง ผมจึงให้เพื่อนไปขอเบอร์
โทรศัทพ์(บ้าน) เฮ้อแล้วมันก็ลำบากที่จะโทรหน่ะสิ จนในที่สุดก็ได้คุยกันมาเรื่อยๆ มารู้ตอนหลังว่าเธอก็แอบชอบ
ผมเหมือนกัน (ฮาๆ) จนวันสุดท้ายก่อนที่สุดบิน วันนั้นมีแข่งโฟล์กซอง เพลงที่ผมเล่นคือเพลง "พรุ่งนี้" ของ
LOSO แต่เรื่องไม่ติดอยู่ที่ว่าเค้าไปเตรียมตัวอยู่ที่บ้านเลยไม่ได้มาดู ผมเลยยืมมือถือเพื่อนบอกให้มันโทรไปหา
เค้าให้หน่อยตอนที่ผมร้อง แต่เจ้ากรรม ลำโพงมันเบา เพื่อนเลยขึ้นมาบนเวลาแล้วเอาโทรศัพท์จ่อไมด์ผม คนดู
เลยรู้หมดว่าผมทำอะไร (แอบเขิล ฮาๆ) จนเค้าบินไปที่นุ่น
(พักก่อนครับ เดี่ยวมาต่อ ขอกำลังใจหน่อย)
[บ้านรับฟัง] เรื่องราวต่อจากครั้งที่แล้ว
ครับ ต้องขอโทษคนที่ติดตามอ่านนะครับ พอดีหาเวลามาเขียนต่อแบบไม่รีบไม่ได้ เลยไม่อยากเขียนนะครับ เพราะเรื่องนี้มันละเอียดต่อความรู้สึกต่อคนทุกคนทั้งคนอ่าน คนเขียน แล้วคนที่ถูกกล่าวถึง
อีกเรื่อง คือ ต้องขอสารภาพว่าไม่อยากเขียนต่อแล้ว เพราะไม่ได้คิดถึงว่า ความรู้สึกคนคนที่เราเอามาเล่า จะ "ยินดีหรือไม่" พอนึกถึงตรงนี้แล้วทำให้คิดว่า "พลาด" แล้ว และมีสองทางให้เลือกคือ ลบมันทิ้ง กับ เขียนต่อให้เสร็จ มาถึงตรงนี้ อยากให้ลองพิจารณาดูว่า "ทำไม ผมจึงตัดสินใจมาเขียนต่อนะครับ"
เอาหล่ะ ผมก็คงเริ่มเขียนต่อได้แล้วซินะ
หลังจากที่เธอคนนั้นไปอเมริกา ผมก็พยายามคิดต่อเค้าทาง msn เสมอ แต่เนื่องจากเวลาที่ต่างกัน ผมจึงต้องไปรอที่ร้านอินเตอร์เน็ต ตั้งแต่เที่ยงคืน แต่กลับไม่เคยเจอเลย ผ่านไปได้ 1 อาทิตย์เค้าส่งอีเมล์มาบอกว่าขอโทษด้วย พอดีโฮสที่ไปอยู่ด้วยเค้าไม่ให้เล่น msn เค้าเลยให้ผมติดต่อเค้าทาง hi5 แทน(ต้องทำความเข้าใจก่อนนะครับว่า hi5 สมัยนั้นไม่เหมือนสมัยนี้ ตอนนั้นเหมือนห้อง chat มากกว่า รองรับคนที่เข้าไป chat จากทั่วโลก) จากนั้นผมก็ติดต่อเค้าผ่านทาง hi5 เรื่อยมา
เวลาผ่านไปจนอีกแค่ 3 เดือน เค้าก็จะกลับมาแล้ว ผมก็เตรียมว่า จะทำอะไรให้เค้าบ้าง ตอนที่เค้ากลับมา แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อทั้งอีเมล์และ hi5 ไม่มีการติดต่ออะไรมาประมาณ 1 อาทิตย์ และหลังจากการเฝ้ารอในหน้าอีเมล์มาอย่างยาวนาน(ที่มันยาวนานเพราะ มีโอกาสเช็คเมล์เมื่อไหร่ก็จะไปทันที ) แล้ววันที่ผมรอก็มาถึงเมื่ออีเมล์ฉบับนั้นมาถึง
ลองทายดูซิครับว่าข้อความในอีเมล์บอกว่าอะไร ?
ปล.1 ยังยืนยันเจตนาเดิมคือ "เพื่อให้เข้าใจความรักของตนเองมากขึ้น"
ปล.2 เรื่องเล่าใดๆที่เล่ามาเป็นเรื่องราวในอดีตที่ผมเคยผ่านมา โดยความรู้สึกตอนนั้นได้เกิดขึ้นจริง และ ได้พยายามทบทวนความผิดพลาดต่างๆ เพื่อปัจจุบันไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้อีก
ปล.3 เรื่องเล่านี้เป็นเรื่องเล่าเรื่องแรก ในอีกหลายๆ เรื่องที่ผมเคยผ่านมา ดังนั้น ถ้าอยากให้มีเรื่องต่อไป ขอความกรุณาแสดงสัญญาณให้ผมรู้ด้วยว่า มีคนติดตามอยู่
ปล.4 ถึงแม้ไม่มีใครติดตาม ผมก็ยังจะเขียนในจบในส่วนของเรื่องนี้ และต้องขอบคุณบุคคลที่ในเรื่องเล่านี้ ที่อนุญาติให้เล่าได้
ขอบคุณครับ
[บ้านรับฟัง] เรื่องราวต่อจากครั้งที่แล้ว ครั้งที่ 3
ขอบคุณทุกกำลังใจที่ติดตามนะครับ
ได้คำตอบกันรึยังครับ?
แต่ว่าต้องขอโทษด้วยครับ จริงคือ ยังเขียนออกไปไม่ได้ดีพอจริง
จริงๆ วันนี้จะมานั่งเขียน แล้วก็เขียนไปแล้วตัว 1 รอบ แต่ว่ามันออกมาไม่ได้ จึงขอพักไว้ก่อนละกันนะครับ
[บ้านรับฟัง] เรื่องราวต่อจากครั้งที่แล้ว ครั้งที่ 4
โอ๊ะ เพิ่งเปิดเข้ามา ได้เห็นว่ามีคนติดตามเยอะขนาดนี้ ก็เลยมีกำลังใจอยากเขียนต่อ เอาเป็นว่าผมเขียนต่อเลยละกันนะครับ
ปล.เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องจริง ดังนั้นกรุณาเคารพต่อบุคคลทีจะกล่าวถึงในเรื่องนี้ด้วย
ปล.ขอบคุณบุคคลในเรื่องนี้ ที่ช่วยสอนเรื่องราวความรักให้ผมนำมาเล่าเรื่องนี้ให้คนอื่นฟัง เพื่อให้เข้าใจความรัก ของตัวเองมากขึ้น
ขอบคุณ "คุณ po " ที่ช่วยตอบคำถามนะครับ
คำตอบของคุณ po อันที่สองถูกต้องเลย เพราะว่า เค้าส่งอีเมล์มาบอกว่า
อยากอยู่คนเดียว ไม่อยากมีแฟน อยากเป็นเพื่อนกันมากกว่าหน่ะครับ
ผมไม่อาจบรรยายความรู้สึกในตอนนั้นได้เลยจริง ๆ ไม่รู้จะหาข้อความไหน บ่งบอกว่า ผมรู้สึกยังไง
จะคุยก็คุยไม่ได้ (ในเวลานั้นพยายามแล้วนะ) ทำได้แต่คุยกับเพื่อนสนิท แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้มาก
ห่างกันครึ่งโลกนะครับ
มาถึงตรงนี้ผมอยากให้เพื่อนๆ ทายกันนะครับว่าผมรู้สึกยังไง ?
คนที่เคยโดนบอกเลิกคงจำความรู้สึกนั้นได้นะครับ หรือหากใครไม่เคยโดน ก็ไปลองโดนซะ ฮาๆ ล้อเล่นหน่ะครับ
เอาเป็นว่าผมทิ้งไว้ให้คิดแล้วกันนะครับ
นั้นแหละครับผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ และนั้นเองก็เป็นหลักฐานว่า "รัก" มีอยู่จริง
ในตอนนั้นผมทำทุกอย่างเพื่อที่จะทำให้ความรู้สึกนั้นมันหายไป ทั้งเล่นกีฬา ดนตรี อ่านหนังสือ จากเพื่อนแนะนำ (ไม่รวมกินเหล้า อะไรอีกเยอะแยะนะครับ) แต่ว่าไม่เลย มันไม่ได้หายไป มันแค่ไม่ได้คิด
พอเวลาที่ไม่ได้ทำไร เช่น ก่อนนอน เวลาแปรงฟัน ... มันก็คิดขึ้นมาอีก
จากที่เคยฟังเพลงแนวอกหักรักคุด ในแบบสนุกสนาน ก็กลายเป็นไม่สนุก บางทีอยากร้องไห้
จากที่เคยไม่อิจฉาใครที่เค้าเดินด้วยกัน ตอนนี้กลับอิจฉา
....
มันเปลี่ยนแปลงอะไรๆ ไปหมดหน่ะครับ
ผมกล้าท้าเลยแหละ
ท้าคุณยังเดินทางมาไม่ถึงจุดนี้ อย่าเพิ่งบอกว่าตัวเองมีความรักน่ะครับ แต่ผมไม่ได้บอกว่าคุณไม่มีความรักนะ เพียงแต่ว่า "อย่าเพิ่งบอกว่ามี"
เหตุการณ์นั้นทำให้ผมคิดมาก ว่าที่ผ่านมาตัวเองทำไรไป แล้วไม่ได้ทำอะไรบ้าง ตอนนี้ผมคิดว่าถ้าผมมีโอกาสอีกสักครั้ง ผมจะทำในสิ่งที่ผมไม่ได้ทำ และรู้ว่าอ่อ "ความรัก" หน้าตามันเป็นอย่างนี้นี่เอง
เหตุการณ์ดำเนินต่อมาเรื่ิิิอยๆ โดยที่ผมยังรู้ว่ามันยังมีความรู้สึกนั้นอยู่ จนใกล้ถึงวันที่เค้าจะกลับมา
...
...
ตอนนี้ผมอยากรู้แล้ว ว่าหากเป็นคุณคุณจะทำยังไง มันตรงกับทีผมทำรึปล่าว
ช่วยๆ กันแสดงความคิดเห็นหน่อยนะครับ