มื่อวานฟังวิทยุมา คิดว่าเป็น logic ที่ดี ลองอ่านดู ...

เมื่อวานฟังรายการ "ฟังหู ไว้หู" มา เค้าว่ากันว่า

ทำไมสถิติการหย่าร้างมันเพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิมเยอะ (เราว่ามันมาจากการที่พี่แมวกะนิกกี้เลิกกันอ่า) เนื่องจากเหตุผลต่อไปนี้ ปัจจุบันมีคน 3 ฌำพฟะรนืห ในสังคม ได้แก่


Baby-boomer คือคนที่อายุมากกว่า 45 ปีขึ้นไป เป็นคนช่วงหลังสงคราวโลกครั้งที่ 2
Generation X ช่วงอายุ 25 – 45 ปี เป็นลูกของพวกแรก
Generation Y ช่วงอายุ 15 - 25 ปี เป็นลูกพวกที่ 2 และหลานพวกแรก

เค้าว่า พวก baby-boomer เนี่ย เกิดมาช่วงหลังสงครามโลก อาหารการกินอยู่ในช่วงข้าวยากหมากแพง ชีวิตแร้นแค้น พ่อแม่มีลูกมากเพื่อชดเชยจากการที่ผู้คนล้มหายตายจากช่วงสงคราม เพราะฉะนั้น คนยุคนี้จะมีความอดทนมากเป็นพิเศษ (เมื่อเทียบกับพวกอื่น) เพราะว่าชีวิตลำบาก การเรียนการสอนในขณะนั้นเช่น วิชาเลข จะสอนให้ค้นหาเหตุผล ดูง่ายๆ พวก ซตพ. (ซึ่งต้องพิสูจน์) เป็นการบ่มเพาะนิสัยการค้นหาเหตุผล เวลาแต่งงานพ่อแม่ก้อจะบอกว่า มีอะไรให้ผ่อนปรนกัน ให้หันหน้ามาคุยกัน ชีวิตคู่ต้องอดทน บลา บลา บลา......



ทำให้คนยุคนั้นเมื่อมีปัญหาในชีวิตคู่ มักจะหันหน้าเข้าหากันและพยายามหาว่า ต้นเหตุของการทะเลาะคืออะไร มากกว่ามาหาว่าใครเป็นคนผิด เพระชีวิตเค้าถูกสอนมาให้หาเหตุผล เพราะงั้นอัตราการหย่าร้างค่อนข้างน้อยคือ ประมาณ 17% หรือใน 10 คู่ หย่าซะเกือบๆ 2 คู่

คน Generation X (พวกเรานี่แหละ) เป็นลูกของพวกแรก สังเกตดูว่า พ่อแม่รุ่นแรกจะเริ่มมีลูกน้อยลง เพราะคนเริ่มมากขึ้นแระ พ่อแม่ก้อจะเลี้ยงดูโดยบอกว่า เธอดีที่สุด เก่งที่สุด ชั้นจะให้ทุกอย่างที่ดีที่สุดกับเธอ นัยๆ ว่าเป็นการลบปมด้อยที่พวกเค้าไม่เคยได้ เพราะช่วงนั้นชีวิตแร้นแค้น พอมีลูกก้อจะให้สิ่งที่ดีที่สุด การเรียนในสมัยนี้ สังเกตว่า ครูจะให้เราเลือกคำตอบแบบปรนัย โดยให้เลือกข้องที่ถูกที่สุด (จำได้มะ เวลาต้องมานั่งตัด choice อ่ะ เกลียดค่อดๆ เพราะว่ามันก้อดูๆ เหมือนถูกทุกข้อเลย) เพราะงั้น เด็กจะเลือกสิ่งที่เค้าคิดว่าดีที่สุด แม้ว่าจะตอบผิดแต่ก้อยังมั่นใจว่า เนี่ยแหละถูกแล้ว พอแต่งงานพ่อแม่ก้อมักจะพูด (ตามธรรมเนียม) ว่า ให้รักกันนานๆ หันหน้ามาคุยกัน บลา บลา บลา .... แต่ก้อแอบทำนองว่า ถ้าทนไม่ใหวกลับมาหาแม่นะลูก



เมื่อคน 2 คนมาอยู่ด้วยกัน นับประสาอะไร พี่น้องท้องเดียวกัน ยังทะเลาะกันเลย พอมีปัญหา ต่างคนต่างคิดว่า ทำไมเธอไม่ทำอย่างที่ชั้นต้องการ หรือ เมื่อก่อนตอนชั้นอยู่กับพ่อแม่ ชั้นไม่เห็นต้องทำ แล้วทำไมชั้นต้องมาทำให้เธอ ต่างคนต่างหาว่าใครเป็นคนผิด แทนที่จะมานั่งหาเหตุผลแล้วค่อยๆ แก้ ดังนั้นอัตราการหย่าจึงเพิ่มสูงขึ้นถึง 51% หรือประมาณ 10 คู่ เลิก 5 คู่อ่ะ เพราะว่าต่างคนคิดว่า สิ่งที่ชั้นทำน่ะถูกที่สุดแล้ว อยู่ไม่ได้ พ่อแม่ชั้นยังรออยู่เสมอ

คนรุ่นล่าสุด Generation Y เป็นเด็กสายพันธุ์ใหม่ (อยากเป็นเฟ้ยยย) เป็นคนที่ถูกเลี้ยงดูมาด้วยเงินทอง สิ่งบันเทิง รวมทั้งคอมพิวเตอร์ เรื่องคอมฯ เนี่ย คุณหมอพูดได้ใจมั่กๆ เค้าว่า การที่เราใช้คอมฯ เราต้องมีการสำรองใช่มะ ท้งสำรองไฟ เผื่อไฟดับหรือกระตุก สำรองข้อมูล ทั้งใส่ CD, Thump drive บางคนมี external hard-drive ไว้อีก สำรองกันไปหมดกลัวว่าข้อมูลหาย เพราะงั้นเด็กรุ่นนี้จะทนไม่ได้กับการขาดแคลน ด้วยเหตุนี้ ทุกอย่างเค้าจึงต้องมีสำรองเอาไว้ เรื่องชีวิตคู่ คนยุคนี้จะไม่ค่อยเชื่อมั่นในการแต่งงาน แต่จะเป็นลักษณะ mate กันมากกว่า คือ ไม่แต่งงาน ถ้าอยู่กันไม่ได้ก้อแยกกันไป ไม่เห็นเดือดร้อน เพราะว่าอะไร เพราะว่าชั้นมีสำรองอยู่ตลอด (อิอิ)

เมื่อมีการแต่งงานเกิดขึ้น อัตราการหย่าร้งจึงสูงถึง 77% หรือ ใน 10 คู่ หย่าซะ 8 คู่ :roll: :roll:

อืมมมมมมม สงสัยจะจิงค่ะ คุณแป้ง เพราะแนทเปนพวกที่ 3 อ่ะค่ะ

บางทีก้อแอบรู้สีกว่าตัวเองเปนแบบนั้นเหมือนกัน

เหมือนเพื่อนๆในวัยเดียวกัน หลายคน ก้อคิดว่า แต่งแล้วหย่าเปนเรื่องธรรมดาไปแล้ว

อยู่กันไม่ได้ก้อควรจะหย่า .. ประมาณนี้อ่ะค่ะ

น่าคิด น่าคิด เห็นด้วยว่าคนยุคหลัง ๆ มีความอดทนต่ำลงในการใช้ชีวิตคู่
อาจเพราะการศึกษาสูงขึ้น ผู้หญิงหาเลี้ยงตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งผู้ชาย
สภาพการณ์ก็ต่างจากสมัยก่อนเยอะ

ปล. พูดในฐานะคน Generation หลังสุดนะ :oops: น่าจะเป็น Y ไม่ใช่ X
แต่จะพยายามประคับประคองคู่ของเราไปให้ดีที่สุด :lol:

^
^
เจ๊แจน เค้าพิมพ์ผิดเองอ่ะ ต้อง X ก่อนแล้วค่อย Y สรุปว่า เราเป็นคนพันธุ์ X เนาะ

wanna be in generation Y too

age wise ... :oops:

i agree that people have less patient these days too. judging on the office side, junior changes job more easily than senior.
they complain a lot, and also compare a lot as well. so i think they like to search for the best + wanna have backup like you said.

sad but true isn't it. that people don't care much about others nowaday. it's only ME ME ME and ME.



ps. come to greet k.Pang na ka. how are you? long time no c. hope things have been great for you na ka.
done with your exam already? so you can come back to shop then ieie.

แป้งง พี่หาgeneration ให้ตัวเองลงไม่ได้อะ คือ ถ้าดูช่วงเกิดน่าจะเป็น x แต่ถูกสอนมาแบบพวกแรก (โดยครอบครัว) กะ y (โดยสังคม) ผสมกัน สรุปชีวิตก้อเลยสับสนตลอดเวลาด้วยประการละฉะนี้ ทำงัยดี ฮ่า

กร๊า...กเป็นพันธ์ X ค่ะ โอเชค่ะรุ่นกลาง แต่กลัวว่าเมื่อไหร่มีพันธ์ Z แล้ว..........อึ๋ยไม่อยากคิดค่ะ ขนาด Y ยังมีสำรองเลย แล้วถ้ามี Z สงสัยไม่สำรองแล้ว ทุกคนที่คบเป็นตัวจริงหมด จ๊า...กแย่เลย ไม่อยากมีลูกเพราะอย่างนี้นี่เองค่ะ เพราะลูกพวกเราก็จะเป็น Z ใช่เปล่า.......... :?

สับสนๆ แล้วพี่จะสอนลูกยังไงเนี่ย เวรกรรม!

จริงๆ แล้ว แป้งว่ามันขึ้นอยูกับการเลี้ยงดูด้วยอ่า เพราะแป้งเป็นเหมือนพี่เกียว คือ เป็นพวกยุคกลาง แต่ความคิดในหัวเป็นแบบยุคหิน เอิ๊กๆ :lol:

ปล. คุณโก้ แป้งส่ง PM ไปหา เช็คด้วยเน้อ :D

(ขอเป็น Y) แต่ความคิดยังเป็น X(xx) อยู่

น่าคิดมากๆ คิดถึงขนาดว่าแล้วรุ่นถัดไปจากนี้ล่ะ จะเป็นยังไง :roll:
อืม.....ไม่กล้าคิดต่อแหะ เพราะดูท่าทางจะน่ากลัวมากขึ้น การหย่าร้างคงจะใกล้ 100% แน่ๆเลย

แล้วต่อไปจะอยู่กันยังไงล่ะเนี่ย :roll:

เปนYค่า ฮ่าๆๆๆ แต่ในที่นี้คือดีมะเนี่ย เหอๆ :?

อ่าววววว เป็นคนพันธุ์ Y คิคิ แอ๊บแบ๊ววววววววว

ว่าแต่..... เดี๋ยวนะพี่.....

Qoute "Generation Y ช่วงอายุ 15 - 25 ปี"
Qoute"เมื่อมีการแต่งงานเกิดขึ้น อัตราการหย่าร้งจึงสูงถึง 77% หรือ ใน 10 คู่ หย่าซะ 8 คู่"

อ่านะๆๆๆๆๆๆ เค้าแต่งงานกันตอนอายุกี่ปีเนี่ย? ไอ้ 10 คู่ที่ว่ามาหย่า 8 เนี่ย? มีที่แต่งกันตอน 15 16 มั๊ยอ่า? แล้วดูจิ อายุไม่เกินเบญจเพศเร๊ยยยยย หย่าซะแร้วววว

ไอ้เราตอน 15 - 25 ยังตั้งหน้าตั้งตาเรียนหนังสือ หรือ ทำงานอยู่เรย แต่งงานกันไวจริงจริ๊งเด็กพวกนี้

ที่บ่นนี่เพราะอิจฉาเค้าน่ะ 555555555555555+ :lol:

น่าคิดนะค่ะ เป็นคนพันธ์ X เหมือนกัน แต่บางครั้งก็คิดในแบบคนพันธ์ Y บางส่วน
แล้วก็ยังไม่ได้แต่งงานด้วย อืมมม คิดเยอะทีเดียว:roll:

แล้วคนพันธ์หลังจากพันธ์ Y จะเป็นไงน้าาา น่าเป็นห่วงอ่ะ คิดไม่ตก:roll:

เด็กสมัยนี้น่ากลัวจริงๆด้วยค่ะ แต่จะว่าน่ากลัวซะทีเดียวก็ไม่ถูก เพราะเด็กรุ่น Y กล้าคิดกล้าทำ กล้าแสดงออกมาขึ้น แต่ก็ต้องได้รับการอบรมเลี้ยงดูที่ดีด้วย พื้นฐานครอบครัวถือว่าสำคัญมากสำหรับเด็กรุ่น Y

ปล.เราพันธุ์ไหนไม่รู้ สงสัยจะพันธุ์ทาง :lol: :lol: :lol: :lol:

Generation Y ช่วงอายุ 15 - 25 ปี เป็นลูกพวกที่ 2 และหลานพวกแรก


นิสัยเข้าได้ แต่อายุเกิน :lol:

เห็นด้วยกับพี่ๆ หลายๆ คนค่ะ คิดว่าขึ้นอยู่กับการอบรมปลูกฝังของที่บ้านด้วยนะคะ


แต่รู้สึกเหมือนกันว่าน้องๆ รุ่น Y หลายๆ คนที่ได้คุยด้วย (โดยเฉพาะที่อายุต่ำกว่า 20) จะมีนิสัยบางอย่างที่คนรุ่น X ไม่ค่อยเป็น เช่น ใจร้อน ความอดทนลดลง อยากได้อะไรก็ "กดปุ่ม" หาคำตอบมากกว่าการค้นคว้าด้วยตัวเอง ทำอะไรหยิบจับลวกๆ ไม่ประณีต และมีจิตสำนึกเรื่องความผิดชอบชั่วดีน้อยลงง่ะ แหะๆ น้องๆ ที่เป็นเด็กดีอย่าเพิ่งโกรธน้า แต่นี่คือสิ่งที่ได้พบหลังจากดิวงานกับน้องเด็กๆ โดยรวม และสงสัยว่าสังคมสมัยนี้มันเป็นอะไรกันไปแล้วเนี่ย อายุต่างกันห้าปีสิบปีเหมือนอยู่กันคนละโลกเลย และที่สังเกตมากๆ คือเด็กรุ่นหลังมักจะแสดงอารมณ์ไม่พอใจออกมาชัดเจนมากกว่าเด็กสมัยก่อนอ่ะ มีอะไรก็มีเรื่องโวยวาย ด่าทอ ใช้กำลังกันไว้ก่อนที่จะพูดจาดีๆ ประนีประนอม จะมองในแง่ดีก็เหมือนเด็กกล้าแสดงออกมากขึ้น แต่มองอีกที ก้าวร้าวกับกล้าแสดงออกมันก็ไม่เหมือนกันนะ... และที่แปลกใจคือเด็กสมัยนี้มือแข็งมาก เจอผู้ใหญ่ยกมือไหว้ไม่เป็น ก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะว่าเป็นเพราะยุคสมัยแตกต่างกัน หรือการอบรมของพ่อแม่สมัยใหม่ไม่ได้รวมถึงเรื่องมารยาททางสังคมและเสน่ห์เล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้กันแน่


ตายจริง ไปๆ มาๆ เลยกลายเป็นบ่นยาวเหมือนคนแก่เลย :oops: :oops: แต่ก็เป็นสิ่งที่ติดอยู่ในใจจริงๆ ค่ะ และคิดว่านิสัยต่างๆ เหล่านี้ทำให้คู่สามีภรรยายุคใหม่ใจร้อน ไม่มีความอดทน เอะอะก็ทุ่มเถียงกันและไม่ปรับตัวเข้าหากันมากกว่าเมื่อก่อนจริงๆ นะ...

น่าคิดนะคะ

ขอบคุรที่เอามาฝากค่ะ

:) :) :)

เป็นพันธุ์ X ครึ่งได้ป่ะ.... จริงๆแล้วเนี่ย อัตราการหย่ามันต้องลดลงนะคะ เพราะว่ามันไม่แต่งงะ มันอยู่กันเรยย อยู่ไม่ได้ก็แยกกันไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น เก็บสถิติไม่ได้ นายทะเบียนยังไม่ได้จด มันแยกกันไปแระ:p