ขอถามคุณดิวนะคะ (ถ้าไม่พอใจ ก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ)
คุณดิวคะ พอดีเราตามอ่าน กระทู้ที่คุณดิวโพสต์ มาหลายกระทู้แล้วค่ะ
แต่เราสงสัย และไม่เห็นด้วย ในหลายๆอย่าง ที่คุณดิวเขียนไว้
บางทีเราอาจจะถาม ตรงเกินไปนะคะ เพราะจะได้ไม่ต้องพิมพ์กันยาว
และถ้าทำให้คุณดิวโกรธ เราก็ขออภัยล่วงหน้าด้วยนะคะ
Quote:
Originally Posted by
due
เมื่อกี้ฟังข่าว เห็นว่ารัฐบาลจะทวงพื้นที่คืนเพื่อดำเนินพระราชพิธีฯ
อยากให้ทุกคนรีบกลับบ้าน อย่าไปเลยนะคะ พี่กลัวว่าคำทำนาย
ว่าเดือนนี้จะมีเรื่องรุนแรงกับคนกทม. จะมีการตายมากมาย
ตอนแรกคิดว่าจะเป็นเพราะภัยธรรมชาติ แต่ถึงตอนนี้ชักไม่แน่ใจแล้ว
ที่กลัวที่สุดคือพวกมือที่สาม พวกนี้ใจร้ายมากนะคะ น่ากลัวมากกกก
อย่าใช้อารมณ์ ใช้สติเยอะๆ อยู่บ้านเถอะค่ะ คนรักชาติจริง ก็สามารถ
แสดงออกได้ในรูปแบบอื่นนะคะ ถ้าเราต้องเสียคนที่รักไป จะทำใจได้แค่ไหน
แล้วเราจะอยู่กันอย่างไง นานๆไปคนอื่นก็ลืมหมด แต่ถ้าต้องสูญเสีย เราจะลืมไม๊
ที่คุณดิวเขียนมาด้านบน เรามีข้อจะขอเตือนสติคุณดิวค่ะ
ที่คุณดิวบอกว่า มีคำทำนาย ว่า กรุงเทพฯ จะเกิดภัยภิบัตินั้น คุณดิวเอง ควรจะต้องระบุนะคะ ว่าใครเป็นคนพูด
เพราะคำพูดนี้ มันค่อนข้าง sensitive (เพราะมันทำให้คนหมู่มาก มีความรู้สึกกลัวได้)
คุณดิวคะ คำพูดใคร คนนั้นควรต้องเป็นคนรับผิดชอบ จริงไหมคะ
แล้วสิ่งที่คุณดิว นำคำพูด (ที่ sensitive) ที่ไม่ระบุที่มา มาให้คนหมู่มากรับรู้ ถ้ามีผลกระทบเสียหาย จากคำพูดนี้
คุณดิว ก็หาคนมารับผิดชอบไม่ได้ (คุณดิวเอง ก็คงรับผิดชอบไม่ไหว จริงไหมคะ)
พระพุทธเจ้า ท่านถึงเตือนเราไว้ ว่าการพูดจา ที่หาผู้รับผิดชอบไม่ได้ เป็นการ พูดจาเพ้อเจ้อ สร้างกรรมได้เช่นกันค่ะ
แล้วมีคำถามอีกข้อค่ะ เรารู้ค่ะ ว่าคุณดิวเอง ก็ไม่อยากเห็นการตาย การบาดเจ็บ ไม่ว่าจากฝั่งไหน
แต่เราเห็นว่า คุณดิวบอกว่า การรักชาติจริง สามารถแสดงออกได้ในรูปแบบอื่น
(ที่มันสามารถ ทดแทน การชุมนุม ของพันธมิตร ณ ปัจจุบัน)
เราขอให้คุณดิว ยกตัวอย่างได้ไหมคะ เพราะถ้าหากมันใช้ได้ผล จะได้ลองนำไปเสนอ เพื่อนๆที่พันธมิตร
จะได้ไม่ต้องมีคนบาดเจ็บ ล้มตาย เพิ่มค่ะ
Quote:
Originally Posted by
due
น้องลิง พี่ดิวอยากจะร้องไห้จังเลยค่ะ
มันมีsenseไม่ดีเลย เป็นห่วงทุกคนมาก
ช่วยๆกันพูด ช่วยๆกันเตือนสติหน่อยนะคะ
ตอนนี้ เราได้ข่าวว่า ที่พันธมิตร เขาประกาศ แล้วค่ะ ว่าอาจจะเกิดความรุนแรง
อันนี้เราขอถามหน่อยอ่ะค่ะว่า ที่เขาเริ่มรู้ เริ่มประกาศ ส่วนหนึ่งเพราะ คุณดิวช่วยแจ้งเขาหรือเปล่าคะ
เพราะเห็นคุณดิวมี sense รู้ก่อนล่วงหน้า และก็เป็นห่วงคนที่นั่น
ถ้าใช่ ก็ขอบคุณแทนชาวพันธมิตรที่นั่น ทุกคนนะคะ
แต่ถ้ารู้แล้ว แต่ไม่ยอมบอกความจริง (อันตรายที่จะเข้ามา) แล้วทำให้พวกเขาต้องบาดเจ็บ ล้มตาย แปลว่า
คุณดิวเอง ก็แค่ นำ sense ที่คุณดิวมี มาอวดคนอื่นเท่านั้นเองค่ะ
Quote:
Originally Posted by
due
เห็นด้วยกับน้องทินีค่ะ ความจริงก็คิดอยู่ว่าคนที่เค๊ามีกรรมอยู่
ให้เราอยากช่วยเค๊ามากแค่ไหนก็ทำไม่ได้ เพราะไม่มีใครหนีกรรมพ้น
แต่ก็อยากจะพยายามทำดูค่ะ แล้วจะได้เรื่องแค่ไหน
ก็ต้องอุเบกขาแล้วค่ะ ไม่อยากอยู่เฉยๆ โดยไม่ได้ทำอะไรเลย
อยากให้ทุกคนช่วยๆกันพูด ช่วยๆกันดึงๆกันไว้นะคะ
คุณดิวคะ เรื่องกฏแห่งกรรมนี่ เราเองก็เคยเข้าใจอย่างคุณดิวอยู่นานเลยค่ะ เรื่องทุกคนมีกรรม ไม่มีใครหนึกรรมพ้น
แต่ถ้ามองแค่นี้ เราเองก็มีโอกาสสร้างกรรมโดยไม่รู้ตัว เพราะยังมองมันไม่ครบค่ะ
อันดับแรก ขณะที่เรามองเรื่องกฏแห่งกรรม เราเองก็ต้องแยกให้ได้ ว่า
อันไหนเป็น เหตุ ของกรรม
อันไหนเป็น ผล ของกรรม
สมมุติว่า เราไปโกหกคนอื่นไว้เยอะ ต่อมา ไม่มีคนเชื่อเรา แม้ว่าจะพูดความจริง
เหตุของกรรม ก็คือ เราไปโกหก
ผลของกรรม คือ ไม่มีคนเชื่อ ถูกไหมคะ
คราวนี้มาดูเรื่องพันธมิตรค่ะ สำหรับคนที่เสียชิวิต และบาดเจ็บ คุณดิว รู้ได้อย่างไรคะ ว่าเป็น ผล ของกรรม
มันอาจกำลังเป็น เหตุของกรรม วงใหม่ ก็ได้ค่ะ
แล้ว คนที่มีส่วนร่วมในเหตุของกรรม ก็ต้องได้รับผลกรรมอย่างไม่มีข้อยกเว้นค่ะ อย่างเช่น
เราเห็นคนกำลังจะตาย แต่เราเข้าใจว่า มันเป็นผลของกรรมเขา เลยไม่เข้าไปยุ่ง ปล่อยเขาตายไปเฉยๆ
แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ มันเป็นเหตุของกรรม วงใหม่ ที่เราเข้าไปมีส่วนรวมพอดี แต่เราไม่ได้ยับยั้งเหตุของกรรมวงใหม่ไว้ได้
ถ้าเป็นอย่างนี้ เราก็ต้องรับกรรมด้วยค่ะ
แล้วคราวนี้ เราจะดูอย่างไรคะ ว่าอันไหน เป็นเหตุ อันไหน เป็นผลของกรรม
ยกตัวอย่างด้านบนแล้วกันนะคะ ถ้าเราเห็นคนกำลังจะตาย เราเห็นแล้ว รีบลงมือช่วยทันที ทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้
เพื่อให้เขามีชีวิตรอดกลับมา แต่สุดท้ายเขาก็ไม่รอด
แสดงว่านี่เป็นผลของกรรมของเขาจริงๆแล้วค่ะ เพราะมันเปลี่ยนแปลงไม่ได้
(แต่เรา ต้องพยายามจนสุดความสามารถ สุดชีวิต แล้วจริงๆนะคะ
ไม่ใช่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ก็อ้างว่าทำเต็มที่แล้ว ซึ่งอย่างนั้น เรียกว่า ไม่รับผิดชอบ ต้องรับกรรมด้วยค่ะ)
เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้า ท่านจึงลำดับ อุเบกขา ไว้ทีหลังสุด เพราะมันใกล้เคียงกับคำว่า ไม่รับผิดชอบ มากๆ
และมีโอกาสสร้างกรรมได้ง่ายมากๆ
จึงต้อง เมตตา กรุณา มุทิตา ให้ได้ก่อน จึงจะอุเบกขาได้
ยกตัวอย่าง กรณีคนตายข้างบนซ้ำอีกทีนะคะ
ถ้าหาก เราเห็นเขากำลังจะตายแล้ว เรามีเมตตา รีบเข้าไปช่วย
มีกรุณา พอที่จะช่วยอย่างสุดความสามารถ
มีมุทิตา จนรู้สึกจริงๆ ว่าเวลาเขาดีขึ้น หรือเขาหาย แล้วเราดีใจกับเขา อย่างบริสุทธิ์ใจจริงๆ
(ไม่ใช่ ดีใจเพราะเราจะได้หมดภาระ)
แล้วสุดท้าย เขายังไม่รอด เราถึงจะ อุเบกขา ปล่อยเขาไปตามผลของกรรม ได้
(เพราะไม่งั้น เราจะเศร้าเสียใจ กับเรื่องนี้ไปตลอดชีวิต)
เรื่องที่คุณดิว บอกว่าอุเบกขาแล้วนั้น ลองตรวจสอบนะคะ ว่าได้ เมตตา กรุณา มุทิตา จนสุดแล้วหรือยัง
ถ้ายัง สิ่งนั้น คือ การไม่รับผิดชอบ และจะสร้างกรรมค่ะ อันนี้ต้องระวังนะคะ
(จะว่าไปแล้ว ยังไม่เห็น คุณดิว ไปแสดงความเสียใจ ที่กระทู้ "ขอแสดงความเสียใจแก่ผู้บาดเจ็บ และญาติผู้เสียชีวิตทุกคน" เลยนะคะ
หรือว่าไปแล้ว แต่เราไม่เห็น ก็ขอโทษ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ)
อย่าหาว่าเราจุกจิกเลยนะคะ ที่เราต้องออกมา อธิบายเรื่องกฏแห่งกรรม
ก็เพราะ เรากลัวคนที่เข้ามาอ่าน ได้รับข้อมูลเรื่องกฏแห่งกรรมไปไม่ครบ แล้วจะไปสร้างกรรมเพิ่มค่ะ
Quote:
Originally Posted by
due
เมื่อกี้ได้ข่าวมาว่า ตำรวจจะร่วมมือกับ นปช. สลายพันธมิตร
แต่ที่น่ากลัวมากกว่าคือพวกมือที่สามค่ะ
อันนี้ เหมือนที่ comment อันแรกอ่ะค่ะ ถ้ารู้ช่วยบอกแหล่งที่มาด้วยนะคะ
จบแล้วค่ะ ถ้าเราเข้าใจ หรือ สื่อสารอะไรผิดไป ต้องขออภัยล่วงหน้าด้วยนะคะ