ว่าจะเลิกตอบกระทู้นี้แล้วเชียว แต่อดไม่ได้จริง ๆ
เราไม่ค่อยเข้าใจผู้หญิงสมัยนี้เท่าไหร่ (เอ...จริง ๆ เราก็ยังไม่แก่นะ) ว่าทำไมถึงคิดว่าการแชร์กันหรือแยกกระเป๋ากันใช้เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือการที่คิดว่าเป็นธรรมดาของผู้ชายที่นานวันเข้าก็จะเปลี่ยนไป เรากลับเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องธรรมดานะ ถ้าเป็นเรื่องธรรมดา งั้นหมายความว่าตอนเป็นแฟนเรารักกัน เค้าทำเพื่อเราได้ทุกอย่าง แต่พอแต่งงานเค้ารักเราน้อยลง, เปลี่ยนไป ในขณะที่เรารักเค้ามากขึ้นและต้องยอมทำใจรับกับสิ่งที่เค้าเปลี่ยนไปเหรอ เราเชื่อว่าลึก ๆ แล้วผู้หญิงน่ะรู้อยู่แก่ใจว่าเค้ารักเราน้อยลงแต่ไม่กล้ายอมรับความจริงต่างหากหรือจะให้บังคับก็บังคับเค้าไม่ได้ กลัวเค้าเลิก เลยตั้งเหตุผลขึ้นมาปลอบใจตัวเองว่า เอาน่า ผู้ชายก็เป็นแบบนี้แหละ
อยู่คนเดียวก็หาเลี้ยงตัวเอง อยู่สองคนก็ต้องหาเลี้ยงตัวเองแถมเปลืองตัวอีก ปากบอกว่าพยายามปรับตัวเข้าหากัน (แต่จริง ๆ แล้วกัดฟันอดทนเต็มที่) ลองนึกดูดี ๆ ว่าอย่างนี้ใครรักใครมากกว่ากัน
คนเฒ่าคนแก่ของเราเค้าสอนว่าอย่าไปมองข้อดีของเค้าเพราะพอถึงเวลาเค้าไปมีคนอื่น ถามว่าคุณยังจะยอมเค้าอยู่ไหมเพื่อเห็นแก่ความดีของเค้า ในทางกลับกันถึงเวลานั้นเค้าแทบไม่เห็นแก่ความดีของคุณด้วยซ้ำไป เค้าจะคิดแต่ว่าเราไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ คนใหม่สิดีกว่าอีก เวลาทะเลาะกันจริง ๆ ไม่มีใครเอาข้อดีมาด่ากันหรอกค่ะ จะขุดกันมาแต่ข้อเสีย ดังนั้นถ้าจะคบกันจริง ๆ ขอให้ดูว่าข้อเสียเค้ามีอะไรบ้างแล้วเรารับได้รึเปล่า ข้อดีไม่ต้องไปพูดถึงค่ะเพราะทุกคนน่ะมันมีความดีในตัวทั้งนั้นแหละ
วันใดที่คุณหาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอดแล้วไปพบทีหลังว่าเค้าไปหาเลี้ยงผู้หญิงคนอื่นหรือว่ามาขอหย่ากับเราเพื่อไปอยู่หาเลี้ยงกับผู้หญิงคนใหม่โดยขอแบ่งครึ่งทรัพย์สินที่เราร่วมหามาด้วยกัน เราก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ายังจะทำใจรับกันได้รึเปล่าว่า เอาน่า ผู้ชายก็เป็นอย่างนี้แหละ แบ่งให้เค้าไปเถอะ