เราไม่เคยบอกว่าอยู่ข้างไหน
แค่พูดและเขียนตามความคิดของตัวเองเท่านั้น
แต่ถ้าทำให้ใครไม่สบายใจ ไม่พอใจ
ก็ต้องขออภัยด้วยค่ะ
เสียใจมากกกๆๆๆๆๆค่ะ:(:(:(:(
(จะโดนลบอีกไม๊เน่ีย)
Printable View
เราไม่เคยบอกว่าอยู่ข้างไหน
แค่พูดและเขียนตามความคิดของตัวเองเท่านั้น
แต่ถ้าทำให้ใครไม่สบายใจ ไม่พอใจ
ก็ต้องขออภัยด้วยค่ะ
เสียใจมากกกๆๆๆๆๆค่ะ:(:(:(:(
(จะโดนลบอีกไม๊เน่ีย)
ขอความกรุณา อย่าพาดพิงสื่อกลางเพื่อประโยชน์ตนครับ ตามกฏชัดเจนนะครับ เวบสยามแบรนด์เนม ไม่เคยลบกระทู้แล้วไม่แจ้งเหตุผล ทีมงานไม่เคยปฏิบัติตามที่คุณกล่าวอ้างนะครับ หากจะมีการพาดพิงมาถึงสื่อกลางเพื่อประโยชน์ตนขอความกรุณาระมัดระวังด้วยครับ
เชคล็อคไฟล์มาแล้วนะครับ
คุณbandalee คุณ แป้ง และคุณโกโก้ ไม่ได้ลบกระทู้ของคุณนะครับ
ส่วนภาพล็อคไฟล์ เดี๋ยวจะนำมาโพสให้เพื่อเป็นหลักฐานครับ
ดังนั้นหากคุณโพสไม่ติด สามารถเซฟไว้ในเวิร์ดและนำมาลงใหม่ได้ทุกเมื่อครับ
ใจเย็นๆนะคะ
เราเชื่อว่าแต่ละคน ก้มีความปรารถนาดีด้วยกันทั้งนั้น
คนไทยห่วงคนไทยด้วยกันก้ดีไม่ใช่หรอคะ
รักกันเถอะนะ ป๋อมขอ....อิอิ
เป็นสมาชิกใหม่ แต่อดไม่ได้ ที่จะเข้ามาตอบในกระทู้นี้
เห็นภรรยา เข้ามาดูเว็บนี้เป็นประจำ แล้วก็ได้อ่าน ที่คนเอาธรรมะมาพูดถึง
แต่ทุกครั้งที่ผ่านมา ก็รู้ว่า ธรรมะ ที่อ้างนั้น ดูแปลกๆ ไม่ได้สนใจมากนัก
เพราะ เชื่อว่า คงเป็น เพราะ ความรู้ในธรรม นั้นไม่แตกฉานและคิดว่าคนที่นี้คงไม่สนใจเรื่องนี้จริงจัง
แต่เห็นคุณดิวใช้ธรรมะ เพื่อมนุษยธรรม เลย เข้าไปตามอ่าน
อดไม่ได้ ที่จะสมัครสมาชิก เพื่อที่จะได้สนทนา ตามประสา คนที่สนใจ ธรรม เช่นกัน
สำหรับผม ผมเชื่อ ว่า ธรรมมีไว้รู้กิเลสตน ไม่ใช้เอาไว้ เข้าใจ ท่อง หรือเอาธรรมไปอวด
เอาเรื่องที่อยากบอกนะครับ เพราะเห็นอ้างเรื่องอุเบกขากัน
ขอเพิ่มเติมจาก คุณ Jelly ครับ อุเบกขา อยู่ในเรื่อง พรหมวิหาร 4
สำหรับที่ผมในมิติ(ความหมาย)นึงที่เข้าใจและปฎิบัติอยู่ ขอเพิ่มเติม ดังนี้นะครับว่า
1. เมตตา คือ รู้สึก อยากช่วยเหลือ เวลาเห็นผู้อื่นทุกข์
2. กรุณา คือ ลงมือ ไปช่วยเหลือ เมื่อเห็นผู้อื่นทุกข์
3. มุทิตา คือ ยินดี เมื่อเห็นผู้อื่น พ้นทุกข์
4. อุเบกขา คือ ทำใจปกติ หากเขาจะทุกข์เช่นเดิม กับสิ่งที่เราได้ เมตตา กรุณา หรือ มุทิตา ไปแล้ว
ซึ่งแปลว่า หากที่ผ่านมา เราไม่เคย เมตตา กรุณา หรือ มุทิตา ต่อ ผู้ที่ทุกข์เหล่านั้น
ที่เราอ้าง ว่า เราอุเบกขา นี้ อย่างนี้อาจ ไม่ใช่ อุเบกขาจริง ตามที่เรากล่าวอ้าง
และเห็นด้วยใน กฎแห่งกรรม ที่คุณ Jelly อธิบายครับ
เหตุการณ์ ที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 7 นั้น
ทำให้เรารู้สึกได้ว่า มีคนที่น่าสงสารไม่ว่าจะเป็น พันธมิตร (คน) ที่สูญเสีย คนที่ตนรัก และบาดเจ็บ และคนที่ต้องตายพรากจาก คนที่ตนรัก
หรือ ตำรวจ (คน) ที่ไม่ได้ อยากเกิดมาเป็นฆาตกรฆ่าคน ที่ตนคิดว่าไม่ควรฆ่า
อันนี้จึงเห็นด้วยกับคุณ PAx ที่ได้พูดไว้และแนะนำ กระทู้นี้ครับ
http://forum.siambrandname.com/showthread.php?t=74077
แค่นี้แหล่ะ ครับ ที่ผม รู้สึกว่า อยากบอกคุณดิว ก่อนที่เราจะไปอ้างอุเบกขา เราต้องตรวจสอบตนเองให้แน่ชัดก่อนนะครับ
อ้อแล้วเรื่องสุดท้าย เรื่องมุสา (ศิล1ใน5ข้อ)
มุสา นี้ ให้พิจารณาว่า ที่เราพูดกับที่ใจเรารู้สึก ตรงกันไหม
หากอันนี้ เราไม่รู้ พิจารณา ยากไป ก็ให้ดูว่า ปากกับใจ เราตรงกันหรือไม่ หากไม่ตรงกัน ก็จะเกิดผลกรรมแน่นอน
ซึ่งอันนี้ เราต้องตรวจสอบเอง เพราะ เราต้องรู้เอง คนอื่น ไม่มารู้เท่าตัวเราหรอกครับ
มาดูผลกรรมหนึ่งที่จะเกิดขึ้นแน่ๆ กับคนที่มุสานะครับ
กรรมที่เกิดหนักมาก อันหนึ่งและทำให้เราเองพูดหรืออยากสอน คนที่เรา รัก แต่เขาไม่ฟังเรา
บางครั้ง คนที่เรารัก เช่น ลูก หรือ คน รัก จะไม่อยากฟังสิ่งที่เราพูด ที่เราอยากสอน
จนเราเอง ต้องออกไปสอน คนนอกบ้าน เพราะคนในบ้าน คนรัก และลูกๆ ของเราไม่ยอมฟังเรา
นี้คือ ผลกรรม ที่เกิดขึ้นจาก มุสา ผลกรรม ที่จะเจอได้ในชาตินี้แน่นอนครับ
คนที่เรารัก ฟัง เราไม่ได้ยิน
ถ้าวันหน้าหากคุณดิวหรือมีใครที่อยาก สนทนา ธรรมะ กัน จะได้เข้ามาคุยกันใหม่ครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณค่ะ สำหรับคำแนะนำ ดิวก็ไม่เก่งเรื่องธรรมมะเท่าไหรหรอกค่ะ
แต่พยายามศึกษาอยู่และคิดว่าอะไรพอช่วยเตือนกันได้ก็ทำค่ะ
แต่ถ้าไม่ถูกต้องก็ต้องขออภัยด้วย หรือถ้าไปทำให้ไม่สบายใจก็ต้องขอโทษจริงๆค่ะ
ถ้าคุณMr.Turtle จะกรุณาดิวอยากให้ช่วยเตือนพี่น้องที่จะไปชุมนุมว่าอย่าไปเลย
มันอันตราย เพราะดิวพูดไปก็คงไม่มีใครเชื่อ เพราะถูกตัดสินไปแล้วว่าเป็นฝ่ายอื่น
เป็นห่วงจริงๆค่ะ คุณMr.Turtleเองก็เป็นคนดีมีธรรมมะในใจ มีเมตตามาก
ช่วยเตือนสติกันหน่อย ก่อนที่มันจะสายเกินไป
ขอบคุณมากๆค่ะ
"จะมีประโยชน์อะไร หากมีชัยชนะบนซากปรักหักพัง". พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระอยู่หัว พฤษภาคม 2535
ตัวไปทายาทยังอยู่ไม่จบสิ้น ล่าสุดเห็นว่าได้วีซ่าบาฮามาส จะคืนพาสแดงแล้ว(ใช่ซี่...) ช่างเถอะอยากทำไรก็ทำอยากฆ่าใครก็ฆ่า ไอ้การฆ่าหมู่เนี่ยใช่ว่าเพิ่งจะมี สมัยตากใบ
อุ๊บส์!!!........
เฮ้อ ก่อนตายขอแค่ผืนแผ่นดินไทยยังคงเท่าเดิมไม่ถูกตัดแบ่งเพื่อผลประโยชน์ใครอีกแล้ว แล้วก็ใต้ขอให้ไฟมอดลงซะที ตายมากพอแล้ว เจ็บเกินไปแล้ว ประเทศช้ำหมดแล้ว
สาธุ
คนที่ไปเค้าเป็นผู้เสียสละค่ะ เค้าคิดมาแล้ว ว่าเค้าเสียสละ ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น เค้ายอมสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต และยอมสละชีวิตเพื่อรักษาธรรมค่ะ ทุกคนยอมเสียสละเพื่อรักษาประเทศชาติ(ที่คุณก็อยู่ในนั้นด้วย)ค่ะ
พ่อแม่ของน้องโบว์ ภรรยาสารวัตจ๊าบ หรือคนอื่นๆที่เค้าสูญเสีย ถึงจะเสียใจคิดถึงลูก/สามี แต่ทุกคนไม่มีใครเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปค่ะ ทุกคนเค้าภูมิใจที่ลูก/สามีได้ทำเพื่อชาติ เพื่อพระเจ้าอยู่หัว
ทั้งคุณแม่และน้องสาวของน้องโบว์ก็ยังเจ็บอยู่ คุณแม่เค้านิ้วขาดไปด้วยค่ะ ทางพันธมิตรพยายามจะช่วยเหลือครอบครัวน้องโบว์ มีคนบริจาคให้เค้าเยอะมาก แต่ครอบครัวน้องโบว์ก็นำเงินที่ได้บริจาคคืนให้กับพันธมิตร เพื่อที่จะได้เป็นค่าใช้จ่ายในการต่อสู้ของพันธมิตรต่อไปค่ะ เห็น"หัวใจ"เค้ามั้ยคะ
อยากให้คุณดิวช่วยบอกวิธีในการแสดงออกอื่นๆ ให้หน่อยน่ะค่ะ เพราะพยายามคิดแล้ว คิดไม่ออกจริงๆ
ส่วนตัวเราคิดว่าไม่มีมือที่สามค่ะ มีแต่อีกฝ่ายที่แบ่งตัวออกไปเป็นมือที่ 3,4,5 เพื่อฆ่าคนไทยด้วยกัน ให้นายพอใจ
จากลิงค์นี้ค่ะ
http://www.manager.co.th/Daily/ViewN...=9510000121237
ด้านนายเชาว์ เจิมจำรูญ ช่างภาพหนังสือพิมพ์แนวหน้า ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์เช่นกัน เปิดเผยถึงความสะเทือนใจที่ได้ประสบระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 7 ต.ค.
“ขาเขาขาดอ่ะ แต่ภาพที่เห็นมันทั้งขา ทั้งแขน แล้วก็ข้อมือที่ห้อย มันเหมือนกับผู้ชุมนุมไม่ใช้มนุษย์น่ะครับ ที่ทำอย่างนั้นกับพวกเขา แล้วในฐานะที่ผมเป็นช่างภาพ ภาพที่ได้ออกมาในความรู้สึกของผมมันเป็นของจริง มันมาจากฝั่งตำรวจครับ ยังไงมนุษย์ก็คือมนุษย์ด้วยกัน ไม่น่าทำกันถึงขนาดนี้ครับ” ช่างภาพ นสพ.แนวหน้ากล่าวพร้อมบอกว่านอกจากกลุ่มผู้ชุมนุมจะโดนตำรวจทำร้ายแล้ว ช่างภาพสื่อเองก็โดนยิง โดนขว้าง โดนตีเช่นกัน ทั้งๆ ที่แขวนบัตรสื่อมวลชน
“ผมก็ยังไม่รู้ว่าเหตุการณ์นี้มันเป็นฝัน หรือเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น แต่มันต้องมีคนรับผิดชอบนะครับ เพราะว่า ขาขาด ไม่ใช่แค่คนสองคน มันขาดตั้ง 6 คน แล้วที่เห็นในภาพข่าวหนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับที่ลงเหมือนกัน อยากจะหาคนรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น” นายเชาว์กล่าว