กินข้าวเย็นเร็วหน่อยนะคะ เอาก่อน 6 โมงเลย หลังจากนั้น พยายามอย่ากินอะไรอีกเลยนะ ถ้าหิวจริงๆ ก็กินเป็นพวกส้มก็ได้ หายอยากได้อ่ะ!!! อาจจะหงุดหงิดซัก 2-3 วันนะ หลังจากนั้นก็จะเฉยๆ แล้วหละ พยามยามนะคะ สู้...สู้ :lol:
Printable View
กินข้าวเย็นเร็วหน่อยนะคะ เอาก่อน 6 โมงเลย หลังจากนั้น พยายามอย่ากินอะไรอีกเลยนะ ถ้าหิวจริงๆ ก็กินเป็นพวกส้มก็ได้ หายอยากได้อ่ะ!!! อาจจะหงุดหงิดซัก 2-3 วันนะ หลังจากนั้นก็จะเฉยๆ แล้วหละ พยามยามนะคะ สู้...สู้ :lol:
ตอบคุณฟ้สนะครับ อยากจะทำเป็น research จริงจังแหละครับ แต่มันติดตรงที่ไม่มี sponsor อ่ะสิ แล้วคนไข้ก็ต้องจ่ายเงินค่ายาเองด้วย แล้วเป็นเหมือน โครงการมากกว่า ไบรท์ไม่สามารถ blind คนไข้ได้ ไม่ว่า double หรือ single blind
เคนเสนอไปที่สาธารณสุขจังหวัดแต่คำตอยที่ได้น่าน้อยใจแทนคนอ้วนครับ
แต่ถ้าโครงการนี้ออกมาดีจะลองกลับไปเสนอ research อีกครั้งเผื่อจะได้ลง journal อิอิ
เข้ามาดูน้องๆพี่ๆคุยกันจ้า ช่วยม่ะได้เหมือนกัน ตัวเองก็ไม่รอดเยยอ่ะ
น่าจะลองดูนะคะ ไม่ลองเสนอไปที่บริษัทยาดูละคะเผื่อเขาจะ sponsor ให้อะคะ ว่าแต่พี่หมอไบรท์ไม่ต้องเรียกฟ้าว่าคุณก้อได้คะ อิอิ ฟ้าเป็นรุ่นน้องอ่ะคะ ตอนนี้เรียนปีห้าที่อังกฤษอยู่อ่ะคะ แต่ฟ้าว่าถ้าทำออกมาดีนี่เอาไปลง journal ได้เลยจริงๆนะคะเนี่ย :) อย่างน้อยๆก้อน่ามีโอกาสเอาไป discuss ที่ conference ต่างๆได้เนอะคะ เรื่อง obesity นี่ตอนนี้เรื่องใหญ่ของคนในยุโรปกะเมกาแล้วฟ้าก้อว่าไม่แน่อีกหน่อยอาจจะลามไปเอเชียด้วยเนอะคะQuote:
Originally Posted by Bright
สู้ๆๆๆๆคะเอาใจช่วยๆๆๆ ได้ผลอย่างไรขอรบกวนมา feedback ให้ได้พอมีความรู้บ้างจะได้ไหมคะ ขอบคุณค่าาา
สำคัญที่สุดคือความตั้งใจของคนไข้ค่ะ ไม่ใช่หมอ
..555..,มันจริงเสียยิ่งกว่าจริง
แถวที่บ้านใช้ group therapy ช่วยค่ะ
เริ่มจากpersonalใน รพ.ก่อน เอามาแบ่งเป็นกลุ่มเล็กๆ5-10คน ให้ความรู้แล้วให้ไปปฏิบัติ
แข่งกันว่ากลุ่มไหนeffective ที่สุด มีรางวัล
คนในกลุ่มจะคอยควบคุมกันเอง ...สนุกและผลระยะสั้นยังดีอยู่ค่ะ
ถ้าคนไข้คุณหมอผ่านระยะนี้แล้ว admit ให้ behavior Rx ดีไหมคะ
จะได้ 1.คุมอาหาร 2. ฝากออกกำลังกายที่กายภาย 3.ห้ามนอนกลางวัน ไปช่วยพยาบาลทำงาน..
ลองดูซัก2wk ไม่ไหวค่อยส่งsurgery
advice จาก thiny OB-GYN
:oops: :oops:
ขอเอาตัวเองเป็น case study ได้ไหมคะ คลอดลูกมา 3 ปีเเล้วคะ น้ำหนักเดิม 70 เเละก่อนคลอด 94 คะ คลอดเเล้ว เหลือประมาณ 85 เเละเวลาผ่านไปก็ลดไม่ลงคะ 82 กิโล มีผลทางด้านจิตใจมากไม่อยากเจอคน จากคนที่ชอบเเต่งตัวเเละ Social ก็เก็บตัวคะ เพื่อนนัดก็ไม่อยากเจอเพราะอายหุ่น ตอนนี้อยากลดมากคะ ลองออกกำลังกายเเล้วเเละคุมอาหารลงช้ามาก เเละเด้งขึ้นเร็ว มาก อยากจะไปพบหมอเพื่อปรึกษาเรื่องลดความอ้วน ไปที่ไหนดีคะ
ไม่รุ้ว่าจะแนะนำทำได้แค่ เลยเอาจากตัวเองหละกัน เคยอ้วน ขึ้น สามสิบกิโล เพราะท้อง ก่อนคลอดลูก ทั้งสองท้อง หนัก 92กิโล หลังจากเลิกให้นมลูก จะเหลืออยู่ประมาณ เจ็ดสิบสอง กิโล ก็ออกกำลัง กาย จนเหลือ ห้าสิบห้า กิโล แล้วก็ท้องคนที่สอง ขึ้นไปเป้นเก้าสิบสอง อีก เลิกให้นมลูกคนที่สอง เหลือ เจ็ดสิบสองกิโล แล้วก็ ออกกำลังกาย งดแป้ง ทำไปเรื่อยๆๆ ตอนนี้ เหลือ ห้าสิบสี่
จะบอกว่า ถ้าคนไข้ ของหมอไบร์ส ไม่มีทุนหรือ ทรัพย์ไม่ถึงที่จะทำแพงๆๆ อย่างคนอื่นๆๆ
อาจจะบอกว่า ถ้าเค้าผอม ลง จะลดปัญหาเรื่องโรคภัยไข้เจ็บต่างง รวมทั้งเบาหวาน เอาเรื่องโรคภัยไข้เจ็บให้เค้ากลัว เพื่อที่จะได้มีจุดมุ่งหมายในการลดน้ำหนัก เปลี่ยนพฤติกรรมการกิน อาจจะ กินเยอะเหมือนเดิม แต่หัดกิน อาหารไทย ยำต่างๆๆ ส้มตำ น้ำตก แกงส้ม ลดอาหารจังค์ฟู๊ด เปลี่ยนพฤติกรรมมากินอาหารไทย แต่ไม่เน้นแกงกะทิ นะ ให้เค้าค่อยๆๆจำกัดอาหารพวกแป้ง แต่ไม่ใช่ทันทีนะคะ หมายถึงค่อยๆๆลด คือบอกให้อด เค้าคงไม่อยากทำ แค่ค่อยๆๆลด แบบนี้ พอน้ำหนักลง ก็จะเริ่มมีกำลังใจ แล้วอีกอย่าง คือ พยายามให้เค้า เอา เอนเนอจี้ ออก พยายามเดินให้มากขึ้น ออกให้ทำโน่นทำนี่ให้มากขึ้น กว่าเมื่อก่อน เปลี่ยนเวลาการกินด้วย มื้อเย้น อาจจะกินเร้ว ขึ้นหน่อย แล้วถ้าสักสามสี่ทุ่ม หิว ถ้าเค้าทำได้ก็กินผลไม้ หรือ อาหารอะไรที่ให้เอ้นเนอจี้ น้อยๆๆ ก่อนนอน
ก็คงต้องดูเรื่องอาหาร กะ การออกกำลังกาย((ขั้นต้น อาจจะแค่จูงใจให้แค่เดินออกกำลังกายก่อนก็ได้ แบบยังไม่ต้องหักโหม)) หวังว่า จะช่วยหมอได้บ้างไม่มากก็น้อยนะคะ สู้สู้คะ หมอไบร์ท