อืม อ่านแล้วได้ข้อคิดดีมากกก นี่ล่ะนะ ชุมชนชาวสยามแบรนด์เนม มีอะไรดีๆก็มาแบ่งปันกัน
Printable View
อืม อ่านแล้วได้ข้อคิดดีมากกก นี่ล่ะนะ ชุมชนชาวสยามแบรนด์เนม มีอะไรดีๆก็มาแบ่งปันกัน
ชอบประโยคนี้ค่า
ทำดีต่อกันไว้ดีกว่า
> > เพราะไม่มีใครรู้ว่าเราจะต้องจากกันเมื่อไหร่ ^_^
ถุกต้องที่สุดเลยยย
ใช่เลย...... ของของเรายังไงก้อเป็นของเราอยู่ดี ไม่ต้องยื้อแยง ฮิฮิ
กินใจครับ.....
ชอบอ่า
ตั้งแต่อันที่แล้วแระ
รอชมเลยคะ
^^
อ่านแล้วซึ้งค่ะ คิดตามเลย
เวรกรรมมีจริง จริงๆ
เจอมากับตัวเลย เมือ่ก่อนไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้
ตอนนี้รู้เลยว่าเรื่องความรักอย่าไปล้อเล่นกับใคร เราทำกับเค้าไว้ยังไง
เราก็ได้คืนอย่างนั้นจริงๆ:(
จะแหวกแนวไปมั้ยคะเนี่ย ถ้าจะบอกว่าเราไม่เห็นด้วยที่จะปล่อยชีวิตไปตามโชคชะตาค่ะ
ออกตัวไว้ก่อนเลย ว่าเราไม่ได้ลบหลู่เรื่องของชาติก่อนใดๆ เลยค่ะ ที่เขียนมานี่ก็เป็นความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ และประกอบกับความรู้ที่ได้ไปปฏิบัติธรรม และความรู้จากการอ่านหนังสือ และฟังซีดีธรรมะต่างๆ ค่ะ
สำหรับเรา เรื่องนี้อ่านเพื่อเป็นเหตุผลหนึ่ง ให้ทำใจได้ เมื่อต้องเลิกกับคนรัก เป็นเพียง excuse หนึ่งเท่านั้น
เรื่องจริงๆ ไม่มีใครรู้เลย เช่น ผู้ชายป่วยคนนั้น อาจมีนิสัยไม่ดี อาจมีนิสัยที่ผู้หญิงรับไม่ได้ ก็เลยไม่อยากแต่งงานด้วย หากผู้ชายคนนั้นปรับตัวได้ ก็อาจจะไม่เป็นอย่างนี้ค่ะ
ความจริงแล้ว ไม่ต้องหาเหตุผลอื่นใดเลย ว่าทำไมเขาจึงถูกทิ้ง เหตุผลง่ายๆ และพิสูจน์ได้ ก็คือ ผู้หญิงคนนั้นไม่รักเขานั่นเอง ด้วยเหตุผลนี้ เขาก็ควรจะตัดใจได้แล้วค่ะ
เราควรจะอยู่กับปัจจุบัน เพราะเป็นสิ่งที่เห็นได้ เข้าใจได้อย่างแท้จริงค่ะ
เรื่องราวของชาติก่อนอาจมีจริงๆ แต่เราก็เชื่อว่าเป็นเพียงส่วนหนึ่ง ที่จะกำหนดชีวิตเราได้ แต่ส่วนที่เหลือนั้น เรากำหนดเองได้ค่ะ อย่างน้อยก็กำหนดใจ
เรื่องเศร้าที่เกิดขึ้นกับเขานั้น เป็นเรื่องธรรมดา ที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน เกิดขึ้นทุกวัน มันอยู่ที่ว่าใครจะตอบสนองต่อเรื่องเศร้าเหล่านั้นยังไง ทุกอย่างอยู่ที่ใจค่ะ
เรื่องที่จะเกิดขึ้น เราควบคุมไม่ได้ แต่เราควบคุมตัวเองได้ค่ะ
อย่างเช่น ผู้ชายที่โดนทิ้งคนนั้น ควรจะฝืนชะตา โดยการทำใจให้ได้ ไม่เศร้าหมองจนตัวเองต้องป่วยอย่างนั้น แต่สิ่งที่เค้าทำ คือการปล่อยไปตามโขคชะตา เค้าก็เลยต้องเสียใจ ตามที่โชคชะตากำหนดไว้
แต่ถ้าหากเค้าโดนทิ้ง แล้วทำใจได้ ตัดใจ ยินดีกับผู้หญิงอย่างจริงใจ มีความสุขไปกับผู้หญิงคนนั้นที่ได้แต่งงาน ไม่มัวแต่เศร้าจนเสียการเสียงาน เสียสุขภาพแบบนี้ ก็ถือว่าเค้าฝืนโชคชะตาได้แล้วค่ะ แล้วเค้าก็จะหลุดพ้นไปอีกเรื่องนึง
แต่ที่เค้าต้องมาเสียใจอยู่นี่เป็นเพราะเค้าติดกับกิเลสตัวเองค่ะ เค้าคิดว่าจะได้แต่งงาน จะต้องเป็นไปตามที่เค้าคิด แต่เมื่อไม่เป็นตามนั้น เค้าก็เศร้าโศกเสียใจมาก จนป่วย
เราอธิบายเข้าใจมั้ยคะเนี่ย?
อย่างไรก็ตาม เราคิดว่าพระ ก็ต้องหาวิธีสอนคนตามจริตของคนคนนั้น อย่างเช่น ถ้าพระรูปนั้นมาสอนเรา ก็คงไม่ได้สอนโดยใช้เรื่องชาติก่อน แต่สำหรับผู้ชายคนนั้น คงจะไม่มีวิธีอื่นใดที่จะทำให้เขาคิดได้แล้ว เลยต้องใช้วิธีนั้นสอน
ป.ล. เราเองก็จะแต่งงานเมื่อปีที่แล้วค่ะ แพลนไว้แล้วหลายเรื่อง คุยกับผู้ใหญ่หมดแล้ว แต่ในที่สุด ตอนนี้ก็พักความสัมพันธ์กันไปแล้วค่ะ และต่างคนก็ต่างไม่มีใครใหม่ด้วยค่ะ แต่เราก็ไม่ได้เศร้ามากมายเท่าไหร่ เพราะตอนที่เป็นแฟนกันต่างก็ทำดีๆ ให้กันอยู่แล้ว เราเองก็ไม่ได้คิดว่านี่ไม่ใช่คู่แท้หรืออะไรเลย การที่เรามาเจอเค้าในตอนนั้น ก็ถือว่าเป็นคู่กันแล้วค่ะ และก็เป็นสิ่งที่ดีที่เกิดขึ้นในชีวิตค่ะ
^
^^
^^^
เห็นด้วย หนึ่งคนคร้า ชอบเหตุผลที่คุณ meesook อธิบายมากเลยคะ
โดยเฉพาะย่อหน้านี้เลยคร้า
"เรื่องที่จะเกิดขึ้น เราควบคุมไม่ได้ แต่เราควบคุมตัวเองได้ค่ะ
อย่างเช่น ผู้ชายที่โดนทิ้งคนนั้น ควรจะฝืนชะตา โดยการทำใจให้ได้ ไม่เศร้าหมองจนตัวเองต้องป่วยอย่างนั้น แต่สิ่งที่เค้าทำ คือการปล่อยไปตามโขคชะตา เค้าก็เลยต้องเสียใจ ตามที่โชคชะตากำหนดไว้
แต่ถ้าหากเค้าโดนทิ้ง แล้วทำใจได้ ตัดใจ ยินดีกับผู้หญิงอย่างจริงใจ มีความสุขไปกับผู้หญิงคนนั้นที่ได้แต่งงาน ไม่มัวแต่เศร้าจนเสียการเสียงาน เสียสุขภาพแบบนี้ ก็ถือว่าเค้าฝืนโชคชะตาได้แล้วค่ะ แล้วเค้าก็จะหลุดพ้นไปอีกเรื่องนึง
แต่ที่เค้าต้องมาเสียใจอยู่นี่เป็นเพราะเค้าติดกับกิเลสตัวเองค่ะ เค้าคิดว่าจะได้แต่งงาน จะต้องเป็นไปตามที่เค้าคิด แต่เมื่อไม่เป็นตามนั้น เค้าก็เศร้าโศกเสียใจมาก จนป่วย"
แจ่มแจ้งเลยคะ ขอบคุณนะคะ