ตลกดีนะคะ :D
ว่าแต่เกรียน แปลว่าอะไรคะ ขอถามโง่ๆ 555
Printable View
ตลกดีนะคะ :D
ว่าแต่เกรียน แปลว่าอะไรคะ ขอถามโง่ๆ 555
Two thumbs up loey na kha. It's funny yet so true kha.:D:D
เข้ามากรี๊สสสสส
เห็นด้วยอย่างแรงงงง ตรงเป๊ะๆๆ
:):)
5555++..............โดนทุกข้อ...ขอบคุณนะคะ
ข้อเลือก ง ถูกทุกข้อครับ
K.eclair คะ จขกท ไปหาข้อมูลมาแล้วคะ ได้ความว่า
** ความ หมาย คำ ว่า เกรียน
ผมเชื่อว่าหลายๆคนที่เคยพูดคำว่า "เกรียน" หรืออาจจะเคยต่อว่าใครบางคนว่าเป็นเกรียน แต่อาจจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำเลยว่าความหมายของเกรียนจริงๆแล้ว คืออะไร ? หากอ่านบทความนี้แล้วจะเข้าใจ จะได้ใช้คำว่า เกรียน ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ
ภาษาไทยวันละคำวันนี้ขอเสนอคำว่า เกรียน หากเปิดหาคำนี้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 หน้า 141 จะพบว่าถูกนิยามความหมายไว้ 3 ความหมายด้วยกันดังนี้
เกรียน 1 [เกรียน] ว. สั้นเกือบติดหนังหัว ผิวหนังหรือพื้นที่ เช่น ผมเกรียน หมาขนเกรียน หญ้าเกรียน
เกรียน 2 [เกรียน] ดู เลี่ยน 1
เกรียน 3 [เกรียน] น. แป้งซึ่งนวดด้วยน้ำร้อน แล้วไม่น่ายเป็นเม็ดปนอยู่ เม็ดนั้นเรียนกว่า เกรียน เรียกปลายข้าวขนาดเล็กว่า ข้าวปลายเกรียน
แต่วันนี้ผมไม่ได้มาพูดถึงคำนี้ตามที่พจนานุกรมให้นิยามไว้หรอกนะครับ แต่ผมขอพูดถึงมันในแง่มุมของมนุษย์ CYBER กันดีกว่า เราจะมาค้นหาความหมายของมันกันและเมื่อรู้ความหมายแล้ว อย่าลืมสำรวจตัวเองด้วยนะว่าคุณ "เกรียนหรือเปล่า"
ต้นกำเนิดแห่งเกรียน
เกรียน คำนี้มีต้นกำเนิดมาจากที่ใดไม่มีหลักฐานระบุชี้ชัดได้ แต่ที่แน่ๆ บนศิลาจารึกหลักไหนๆก็คงไม่มีคำๆนี้ปรากฎอยู่เป็นแน่ ผู้คร่ำหวอดในวงการเกมบางคนบอกว่า พบเห็นคำนี้ครั้งแรกมาจากเกมออนไลน์ที่มีผู้นิยมเล่นสูงสุดเกมหนึ่ง ส่วนผู้คร่ำหวอดในวงการบอร์ดบอกว่าเห็นครั้งแรกในเว็บซื้อขายแลกเปลี่ยนที่มีผู้ใช้มากที่สุดแห่งหนึ่ง ผมจึงไม่สามารถอ้างอิงได้ว่ามันมีต้นกำเนิดจากที่ใดกันแน่ รู้แต่เพียงว่าวันนี้มันถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย
การขยายตัวของเกรียนเ
กรียน ไม่ใช่คำด่าพร่ำเพรื่อเหมือนอย่างคำด่าอื่นๆที่เราคุ้นเคยมาตั้งแต่สมัยพ่อขุนรามคำแหง แต่เป็นคำที่ใช้เฉพาะเจาะจงสำหรับกลุ่มคนประเภทหนึ่ง กลุ่มคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนพิเศษ นักวิชาการบางท่านบอกว่าเป็นอาการของคนที่เสพหญ้ามากเกินไป จนคอโรฟิวส์ในหญ้าไปอุดตันสมอง จนส่งผลให้การทำงานของสมองซีกขวา ซึ่งเป็นสมองด้านของเหตุผลและการเรียนรู้หดตัวลง ในขณะที่สมองซีกซ้ายที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการใช้อารมณ์ขยายตัวใหญ่ขึ้น จึงส่งผลให้คนกลุ่มนี้ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลและการวิเคราะห์ไตร่ตรอง ดังจะพบพฤติกรรมดังกล่าวได้บ่อยๆ ในเกมออนไลน์ หรือตามเว็บบอร์ดทั่วไป สาเหตุที่ทำให้คำนี้เกิดการใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้นไม่ใช่เพราะมันถูกนำมาใช้เป็นคำแฟชั่น หากแต่กลุ่มคนประเภทดังกล่าวขยายตัวมากขึ้นและลุกลามอย่างรวดเร็วจนยากที่จะหยุดยั้งได้ต่างหาก
กลุ่มที่อยู่ในสภาวะเกรียน
หลายคนอาจจะเข้าใจผิดจนเหมารวมไปเลยว่า เกรียน คือ กลุ่มเด็กตั้งแต่ ป.1 จนถึง มัธยมปลาย ที่ตัดผมสั้นเกรียน สาเหตุที่หลายคนตีความแบบนั้นอาจเป็นด้วยลักษณะทางกายภาพที่โดดเด่นคือ ทรงผมที่เลี่ยนเกรียนติดหนังหัว ซึ่งความหมายจริงแล้วตาม "กฎของเกรียน" หรือ " เกรียน LAW " คือ " ความเกรียนไม่จำกัด ทรงผม อายุ เพศ หรือฐานะ ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมในความเกรียนเหมือนกันหมด " ดังนั้นจึงพอจะสรุปได้ว่า สภาวะเกรียน เป็นสภาวะของพฤติกรรมทางความคิด หาใช่ลักษณะทางกายภาพอย่างที่หลายคนเข้าใจกันไม่
ทำไมต้องเกรียน
หลังจากที่ได้ทำการศึกษาและค้นคว้าเป็นเวลาหลายวันผมได้พบว่า คำเหยียดสติปัญญาคำนี้เกิดขึ้นด้วยสาเหตุที่ว่า กลุ่มคนที่อยู่ในสภาวะเกรียนส่วนใหญ่จะเป็นเด็ก และเป็นกลุ่มเด็กที่เล่นเกมออนไลน์ อาจจะด้วยเพราะเกมออนไลน์ในบ้านเรา เปิดกว้างมากจนเกินไป จนเกิดการกระจุกตัวทางการแสดงออกในสถานที่เดียวกัน จนเมื่อเด็กๆเกิดการคลุกคลีกับพฤติกรรมไม่เหมาะสมบ่อยๆ จึงดูดซึมพฤติกรรมเลวร้ายเหล่านี้นมาใช้โดยไม่มีคนคอยให้คำแนะนำ โดยพฤติกรรมที่เราจะพบเห็นได้จากเด็กที่อยู่ในสภาวะเกรียนก็คือ การกระทำที่ไร้ความคิด พฤติกรรมไร้เหตุผล พฤติกรรมก้าวร้าวทางคำพูดและความคิด เมื่อเข้าสู่สภาวะเกรียน สมองซีกซ้ายจะขยายตัวอย่างรวดเร็ว จนบางครั้งคนที่อยู่ข้างๆ ต้องเข้าระงับสติด้วยการ เบิร์ดกระบาล ซึกซ้ายซะหนนึ่งที ก่อนที่อาการจะลุกลามถึงขึ้น "โคบ้า" ถ้าเป็นพวกวิกฤติหนักๆก็อาจจะกลายเป็น "กระบือบ้า" ได้เหมือนกัน
อาการที่เรียกว่า " เกรียน "
- กลุ่ม เกรียน มักจะมีความเชื่อมั่นตัวเองสูงในจินตนาการ แต่ปฏิบัติตัวตรงกันข้าม อยากเทพแต่ทำตัวถ่อย เกรียนประเภทนี้มีคนให้นิยามจำแนกออกมาเป็น กลุ่มเทพเกรียน หรือ King of เกรียน หรือ เกรียนเหนือเกรียน
- กลุ่ม เกรียน มักจะมีความอดทนต่อสิ่งเร้าภายนอกน้อยกว่าบุคคลปกติ และควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยได้ มักแสดงออกทางคำพูด มากกว่าทางความคิด หรือที่เรียกว่า " พูดโดยไม่คิด " ในบางรายจะชอบด่าทอผู้อื่นแบบไร้เหตุผล โดยเชื่อมั่นว่าตัวเองถูกเสมอ จนบางครั้งก้าวล่วงไปถึงบุพการีของผู้อื่น
- ชาวเกรียนจะมีความสุขไปกับการด่าคนแบบไร้เหตุผล และอะดรีนาลินของชาวเกรียนจะสูบฉีดรุนแรงขึ้นเมื่อถูกด่าตอบ ชาวเกรียนมีพฤติกรรมที่ชอบเรียกร้องความสนใจ ดังจะพบได้ตามเว็บบอร์ด ในกระทู้ดังควายต่างๆ พอเห็นคนเข้ามาด่าก็นั่งยิ้มชื่นใจ จนกลายเป็นค่านิยมเสพติดของพวกเค้าไปแล้ว
- อาการหนึ่งที่เห็นได้ชัดจากกลุ่มเกรียนคือ จะเป็นกลุ่มคนที่มี IQ และ EQ ต่ำ เนื่องจากไม่ค่อยชอบใช้ความคิด ชอบใช้แต่อารมณ์ สมองไม่สามารถดูดซึมเหตุผลเข้าไปได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องปลุกเร้าอารมณ์ก้าวร้าวจะตื่นตัวในทันที
จะหลีกเลี่ยงสภาวะเกรียน อย่างไร ?
สภาวะเกรียนสามารถป้องกันได้โดยการสร้าง "ภูมิคุ้มกันโรคเกรียน" การแบ่งเวลาในการใช้ชีวิตประจำวันเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างภูมิคุ้มกันโรคเกรียน การอ่านหนังสือ สะสมความรู้ ใช้สมองซีกขวาในการตัดสินใจ คิดวิเคราะห์ต่างๆ รู้จักระงับอารมณ์ การเป็นคนมีเหตุผล เปิดโอกาสในการรับฟังผู้อื่น เหล่านี้คือผู้ที่จะสามารถหลุดพ้นสภาวะเกรียนได้ นักวิชาการหลายท่านบอกว่า สภาพวะเกรียนในเด็กจะหมดไปเมื่อพวกเค้าบรรลุนิติภาวะ แต่ในทรรศนะของผมแล้ว การจะหลุดพ้นสภาวะเกรียนได้ คุณจะต้องบรรลุนิติภาวะทางความคิด ไม่ใช่อายุ เพราะอย่าลืมว่า ความเกรียนมีอิระเสรี สามารถเข้าสู่ทุกคนได้ หากคุณมีพฤติกรรมต่างๆดังที่ผมได้กล่าวมาแล้วนั้นโปรดระลึกว่า สภาพวะเกรียนได้ย่างกรายมาสู่คุณแล้ว อย่าปล่อยให้มันฝังรากเข้าสู่กมลสันดานของเราได้ รีบสะบัดมันให้หลุดพ้น ก่อนที่ช่อของเราจะถูกเปลี่ยนเป็น " ไอ้เกรียน "
ซึ่งแล้วใช่ไหมกับคำว่าเกรียน แล้วต่อไปถ้ามีใครมาว่าคุณเป็น เกรียน ย้อนถามกลับไปเลยว่าคุณน่ะรู้หรือไม่ว่าคำว่าเกรียนจริงๆแล้วมีความหมายว่าอะไร ? http://redmachinethailand.com/BoardR...163070213B.gif
แง่ม แง่ม......
อีกคำคือคำว่า "ดราม่า" ที่ จขกท ก็ยัง งง อยู่ ^^" เลยไปหาข้อมูลมาแบบว่าอยากรู้จัด ม่ายงั้นเด๋วนอนม่ายหลับ ( อ๊ะ อ๊ะ อย่ากรู้เหมือนกันชั่ยปะ....) ได้ความมาว่า
เคยสงสัยไหม ยุคนี้ อะไรๆ ก็ดราม่า, เกิดดราม่า, เสพย์ดราม่า, ดราม่าแอดดิก เราจะมีไขความกระจ่างของคำนี้กัน
ก็ใกล้เคียงกับที่ผมคาดการณ์แหละ คำว่า ดราม่า น่าเกิดจากความเบื่อหน่ายในสังคม ซึ่งแบ่งแยกออกเป็น 2 อย่างชัดเจน
“DRAMA เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากความคิดเห็นที่แตกต่าง อคติ หรือจริงจังมากเกินไป แล้วก่อให้เกิดความขัดแย้ง รำคาญใจ กับผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด”
จุดเริ่มต้นของ DRAMA อย่างที่บอกน่าจะมาจากความขัดแย้งที่น่าเบื่อระดับประเทศของเสื้อxx และเสื้อyy แต่แล้วก็กลายเป็นคำแสลงที่นำมาใช้กับเวปบอร์ดเมืองไทย ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุด ก็คือ xxxxx
สังคมออนไลน์ในยุคอินเตอร์เน็ตมีมาซักพักหนึ่งแล้ว และสังคมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย มีคนใช้มากที่สุดในเมืองไทย ก็คือ xxxxx ซึ่งเป็นแหล่งรวมทั้งข่าวสาร ความคิดเห็น ข้อสังเกตในสังคมมากมาย ถึงกับมีการเปิดห้องพูดคุยต่างๆมากมาย เยอะแยะไปหมด
ความขัดแย้งจริงในสังคมนั้น เป็นสิ่งที่เราเห็นกันได้โดยทัวไป แต่ในโลกอินเตอร์เน็ต ในยุค Social Network นั้น นี่เพิ่งจะเป็นยุคแรกๆของสังคมออนไลน์ ที่จำนวนผู้ใช้กำลังเพิ่มขึ้นมากทุกปี “เมื่อมีสังคม ก็จะต้องมีการปกครอง เมื่อมีคนก็ต้องมีความขัดแย้ง” สังคมออนไลน์ที่เกิดขึ้น จึงเริ่มมีผู้ใช้ที่มีความคิดเห็นแตกต่างออกไป ตามวิวัฒนาการของสังคม เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง จึงได้เกิดความขัดแย้งในสังคมขึ้น ซึ่งสังคมออนไลน์เป็นเพียงสังคมสมมติเท่านั้น แต่เหตุการณ์กลับรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนอาจจะถึงขั้นลุกลามออกมาในสังคมจริงๆ
สังคมสมมติ หรือสังคมออนไลน์นี้ เปรียบเสมือนการ Avatar(จำลอง)ตัวเอง ในมุมมองที่อาจจะไม่ใช่ตัวตนจริงของผู้ใช้ เข้าไปในสังคมๆหนึ่งที่อยู่บนอินเตอร์เน็ต ซึ่งในสังคมจริงๆ ผู้ใช้สังคมออนไลน์อาจจะเป็นคนเีงียบขรึม แต่ในสังคมออนไลน์ เขากลับกลายเป็นบุคคลที่ชอบแสดงความคิดเห็น หัวรุนแรง มีแนวคิดในทางตรงกันข้าม อคติ ฯ ซึ่งเขาได้เห็นช่องทางในการระบายออกในสังคมออนไลน์ เพราะคิดว่า สังคมออนไลน์ มันก็แค่สมมติ ไม่มีใครรู้ร็อกว่าเขาเป็นใคร เขาจึงได้แสดงนิสัย(สันxxx) ที่แท้จริงของเขาออกมา โดยการแสดงความคิดเห็นในเชิงที่ก่อความรำคาญให้แก่ผู้อื่น (ซึ่งผู้คนนิยมเรียกคนกลุ่มนี้ว่า เกรียน)
พอสังคมขยายใหญ่ขึ้นมากๆ จึงไม่แปลกที่จะเห็นเกรียนเพิ่มมากขึ้น พอเกรียนเยอะสังคมก็มีความขัดแย้งกันเยอะ แม้ว่าสังคมออนไลน์ ยังถือว่าเป็นสังคมวัยกะเตาะ ที่ยังค่อยๆเจริญเติบโตไปเรื่อยๆ แต่ภาพการทะเลาะกันในสังคมนั้น ส่งผลกระทบค่อนข้างรุนแรง เพราะทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ การเข้าไปมีส่วนร่วม จึงเป็นการเข้าไปซ้ำเติม หรือไม่ก็สนับสนุน ทำให้ความรุนแรงมากเพิ่มเข้าไปอีกทั้งๆที่มันเป็นแค่สังคมสมมติ
คนที่มองสังคมสมมตินี้ เป็นแค่สังคมสมมติ ไม่ได้จริงจังซีเรียสอะไร การได้อ่าน(หรือภาษาทางดราม่า เรียกว่า เสพย์) เมื่อได้เสพย์เหตุการณ์แบบนี้ จึงมีความรู้สึกสนุกสนาน เหมือนได้เห็นคนตีกันจริงๆ ทั้งๆที่เป็นข้อความโจมตีกันไปมาเท่านั้น เหตุการณ์ ดราม่า จึงได้เกิดขึ้น และเป็นที่ชื่นชอบของบุคคลประเภทนี้มากมายคนที่เสพย์ติดดราม่า จึงเรียกกันว่า #drama addict นั่นเอง
แต่ก็มีกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมองว่าสังคมสมมตินี้ เปรียบเสมือนตัวตนที่แท้จริงของเขา จึงได้นำเอาเรื่องต่างๆในสังคมสมมติ นำออกมาสู่โลกความเป็นจริง คนกลุ่มนี้แหละที่มีปัญหาอย่งแท้จริง เพราะไม่สามารถแบ่งแยกโลกจริงๆ กับโลกสมมติได้ บางทีก็จะเรียกกลุ่มคนพวกนี้ว่า เกรียนแตก เพราะแค่เกรียนธรรมดาไม่พอ เหนือชั้นไปกว่า เกรียนทั่วๆไป ยังมีศัพท์ที่สูงไปกว่านั้น อาทิ เกรียนเทพ เกรียนเมพ ฯ แต่เราคงไม่เอ่ยถึง
“ว่าแต่เขา อีเหนาเป็นเอง” ก็อย่างว่าแหละครับ คนที่เสพย์ดราม่าเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องสนุก แต่ในบางทีคนเสพย์ดราม่าก็โดนเข้าเองเหมือนกัน คราวนี้แหละถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว
สิ่งที่ผมจะบอก ในบทความนี้ก็คือ เดี๋ยวนี้สังคมสมมติ ได้เข้ามามีบทบาทกับชีวิตของเรามากขึ้น(เร็วกว่าที่คิดไว้) ตัวตนของเราบนโลกอินเตอร์เน็ต กับตัวตนบนโลกจริงๆ นั้นอาจจะเหมือนหรือไม่เหมือนกันก็ได้ (บางคนชีวิตจริงเxยมากๆ แต่บนอินเตอร์เน็ต พูดคุยดีมีสาระตลอดเลย) เราจึงควรแยกให้ออกครับว่าอันไหนสังคมสมมติ อันไหนสังคมจริง อย่าพยายามเอามันมาปนกัน เพราะมันจะมีแต่ปัญหาครับ
ถ้าใครได้อ่านบทความนี้แล้ว พบว่าเพื่อนหรือคนรู้จัก ติดสังคมสมมติมากไป ก็ให้ลองแนะนำเขาดูน่ะครับ แต่ถ้ามันมากเิกินไปจริงๆ ผมแนะนำให้ปรึกษาจิตแพทย์ครับ ความหมกมุ่นมันมีได้ระดับหนึ่ง แต่ถ้ามันมากไปเขาจะไม่สามารถแยกตัวเองออกจากสังคมสมมตินั้นได้
.
.
credit xxxxx(ไม่แน่ใจว่าลงให้จะ ผิดกฎหรือเปล่าคะ ยังไงขออภัยเจ้าของบทความด้วยนะคะ)xxxxx
**เนื้อหาบางส่วนรุ่นแรง จึงตัดออกนะคะ ผิดถูกอย่างไรขออภัยด้วยนะคะ ^^
เข้าใจแล้วจ้าคุณ jaew_waw จะจำไว้ใช้มั่ง ศัพท์นี้ 5555
ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ
โดนจังเลย อิอิ :D:D
55555555555555 :D