RE: ขอแรงบันดาลใจหรือเคล็ดลับในการลดความอ้วนทีครับ
อยากถูกจับเข้าโครงการบ้างอ่า.. จะได้ลดๆซะที.. T T
ของหมวยนะคะ หมวยมองว่าคนลดความอ้วนมีหลักๆอยู่แค่อย่างเดียวเอง คือ ต้องรับให้น้อยกว่าจ่าย แต่ปัญหามันคือ จะทำไงให้รับน้อยๆ จ่ายไปเยอะๆ ในเมื่อคนอ้วนคงไม่ชอบออกกำลังกายเท่าไหร่ และคงเป็นคนชอบกินโน่นนี่เป็นนิสัย การทำให้ลดก็เหมือนกับการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตโดยรวมอะค่ะ ต้องงดสิ่งที่อยาก และต้องทำสิ่งที่ไม่อยาก มันเลยเป็นเรืองยากสำหรับหมวย และอีกหลายคนอะ...
ความอยากสวยก็เป็นแรงบันดาลใจอย่างหนึ่ง แต่บางครั้งมันก็ไม่มากพอสำหรับบางคน ยิ่งถ้าเจออุปสรรค์เช่นเดือนนี้ไม่ลงเลย ก็เริ่มท้อแท้แล้วก็ล้มเลิกหันกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมๆในที่สุดอะค่ะ...
พอพึ่งตัวเองไม่ได้ก็หันไปพึ่งอย่างอื่นแทน เช่น ยา คอร์สลดน้ำหนัก เป็นต้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าพวกนี้มันไม่ถาวรอะค่ะ ถ้ายังไม่เปลี่ยนแปลงที่ต้นเหตุ การลดความอ้วนไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนอ้วนหรอก จริงๆ แล้วปัญหาหลักคือ เมื่อลดแล้วจะคงสภาพน้ำหนักนั้นได้นานแค่ไหนต่างหากอะค่ะ หมวยก็เป็นอีกคนอะที่ไม่เคยมีปัญหาเรื่องลดความอ้วนเลย ลดนั้นไม่ยากอะค่ะ ลดมาแล้วหลายหน แต่ลดแล้วทำไงไม่ให้ขึ้นอีกอะยากสำหรับหมวย
สำหรับคนไข้ ไม่รู้คุณหมอไบร์จะทำยังไงให้เค้าลดได้ แต่คิดว่าคงไม่ยากเท่าไหร่นักยิ่งถ้าคนไข้เป็นผู้หญิง พูดๆนิดๆหน่อยๆก็มีแรงกระตุ้นแล้วค่ะ แต่ว่าอยากให้ห่วงว่าจะทำยังไงไม่ให้เค้าเป็นโยโย่หรืออ้วนขึ้นมาอีกด้วยอะค่ะ แบบว่า ถ้านิสัยเก่าๆยังคงอยู่ มันก็จะกลับไปเหมือนเดิม (เอ๊กๆ พูดจากประสบการณ์นะเนี่ย) นอกจากจะผ่าตัดไปให้รู้แล้วรู้รอดเลยอะค่ะ... :oops: :oops: คิดว่าถ้ามีใครซักคนคอยดูแลเค้าซักระยะใหญ่ๆ จนกระทั้งเค้าปรับเปลี่ยนเป็นคนใหม่ได้ มีนิสัยการบริโภคและการดำรงชีวิตที่ดีขึ้นมันก็น่าจะดีอะค่ะ มันจะเป็นอะไรที่ติดตัวไปตลอดชีวิต แต่ว่าต้องค่อยเป็นค่อยไปอ่า อย่าให้ทรมานมากไม่งั้นจะท้อ....
คิดได้แค่นี้อะค่ะ จากประสบการณ์นะเนี่ย แฮะๆๆๆ
RE: ขอแรงบันดาลใจหรือเคล็ดลับในการลดความอ้วนทีครับ
กระทู้นี้ท่าจะตอบไม่ได้แหะ
เพราะตัวโบว์เองยังเลี้ยงพุงไปวันๆอยู่เลย
ว่าแล้วก็ออกดีกว่า แหะๆ
RE: ขอแรงบันดาลใจหรือเคล็ดลับในการลดความอ้วนทีครับ
การลดความอ้วนเป็นอะไรที่ลำบากยากเย็นและต้องทำได้อย่างต่อเนื่อง ลดเกือบตาย เผลอตามใจปากแค่นี้ดเดียว มื้อเดียวก็มีโอกาสทำลายความพยายามของหลายๆ วันที่ผ่านมาได้แล้ว จึงเป็นสิ่งที่ต้องอาศัย "กำลังใจ" สูงมากๆ เพราะสิ่งนี้จะเป็นแรงดันให้คนเราเอาชนะกิเลส (การตามใจปาก และการขี้เกียจออกกำลังกาย) ได้
แล้วกำลังใจจะมาจากไหนล่ะ?? แน่นอนว่า กำลังใจก็ต้องมาจาก "เป้าหมาย" น่ะสิคะ
เนื่องจากการบังคับตัวเองให้กินน้อย กินแต่ของผอมๆ (และมีประโยชน์) แถมยังต้องแบกร่างขึ้นมาออกกำลังกายมันยาก เพราะถ้ามันง่าย คนอ้วนคงทำไปตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ปล่อยให้ตัวเองอ้วนถึงขนาดนี้ แปลว่าถ้าคนเราจะลุกขึ้นมาทำสิ่งเหล่านี้ได้ ก็ต้องเป็นเพราะหวังว่าการผอม การมีรูปร่างดี มีสุขภาพดี ให้ประโยชน์สุขกับตัวเองได้มากกว่า จริงไหมคะ ...อย่างเช่น สังเกตดูได้เลยว่าเวลาที่คนมีความรักจะดูแลตัวเองมากขึ้นและผอมลง นั่นก็เป็นเพราะต้องการที่จะดูดี มีเสน่ห์ดึงดูดใจอีกฝ่ายได้ หรือช่วงใกล้หน้าร้อนสาวๆ จะพยายามลดหุ่นลงให้สวยเช้งกระเด๊ะ เพื่อให้ใส่ชุดว่ายน้ำได้สวย อะไรแบบเนี้ยอะค่ะ ส่วนมากเป้าหมายพื้นฐานของคนก็จะอยู่ที่การอยากจะเป็นที่รักและเป็นที่ยอมรับในสังคมนะคะ และอีกส่วนก็คือการรู้สึกเคารพชื่นชมตัวเองด้วย
งืม ไม่ได้เป็นหมอ ไม่ได้เป็นนักจิตวิทยาและอะไรทั้งสิ้นนะคะ ไม่ได้มีหลักการเลย แต่พูดจากความคิดตัวเองถึงจิตวิทยาพื้นฐานของคนทั่วไป ชั้นแรกของการที่จะทำให้คนสักคนลดความอ้วน น่าจะต้องเป็นการพูดคุยเปิดใจคนไข้เสียก่อนน่ะค่ะ พูดคุยไปเรื่อยๆ ด้วยบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เป็นกันเอง (เพราะการเป็นคนไข้ นั่งคุยกับหมอสวมชุดกาวน์ในห้องตรวจ บางทีก็อาจรู้สึกเกร็งและไม่กล้าพูดสิ่งที่ตัวเองคิดออกมานะคะ) แล้วค่อยๆ จับจุดว่าเขา concern เรื่องอะไรเป็นพิเศษ เรื่องบุคลิกภาพหรือสุขภาพ อยากสวยขึ้นมั้ย ฯลฯ แล้วค่อยแนะนำวิธีให้เขาโดยมีเป้าหมายระยะสั้นเพื่อกระตุ้นเป็นระยะๆ แบบนี้น่าจะดีอ่ะค่ะ แล้วอีกจุดนึง คนที่อ้วนส่วนมากจะติดนิสัยการกินที่ไม่ถูกต้องบางอย่าง เช่น พอเครียดก็กิน ก็ต้องพยายามหาทางเปลี่ยนนิสัยตรงนั้นอะค่ะ และระวังไม่ให้เครียดด้วย (การเครียดแล้วกินเป็นที่น่าเศร้าอย่างนึงอ่ะค่ะ เครียด-กิน-อ้วน-เครียด-กิน-อ้วน วนกันแบบนี้เลย เหมือนอาหารจน-เครียด-ชอปปิ้ง ยังไงยังงั้น - -''')
แหะๆ พิมพ์มาขนาดนี้รู้สึกเหมือนตัวเองสอนจระเข้ว่ายน้ำจังเลยค่ะ อธิบายยืดยาวในสิ่งที่คุณหมอคงจะทราบดีอยู่แล้ว :oops: จริงๆ แล้วตั้งใจจะบอกว่าอยากจะให้ "สร้าง" กำลังใจ หรือแรงบันดาลใจอย่างแรงกล้าให้กับคนไข้อ่ะค่า ถ้าคนไข้เห็นดีเห็นงามด้วย เขาก็จะฮึดขึ้นมาเองค่า แต่ของแบบนี้ต่างคนก็คงต้องใช้ต่างวิธีนะคะเพราะเป้าหมายในการผอมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
อ้อ! อีกอย่างหนึ่ง อันนี้วัดจากตัวเองกับเพื่อนบางคนอ่ะค่ะ คือเป็นพวกไม่ชอบฟิตเนส ไม่เข้าห้องยิมเพราะมันไม่สนุก ไม่ใช่กิจกรรมสันทนาการ แต่ถ้าให้ไปตีแบต ตีเทนนิสจะไป ก็เลยอยากจะเสนอว่าลองคุยกันดูไหมคะว่าคนไข้ชอบการออกกำลังกายแบบไหน ถ้าได้เล่นแบบที่ชอบเขาอาจจะมีใจอยากจะออกกำลังกายมากขึ้นก็ได้นะคะ
RE: ขอแรงบันดาลใจหรือเคล็ดลับในการลดความอ้วนทีครับ
เกาะกะทู้แบบใจจดใจจ่อ หวังว่าคัยจะช่วยได้บ้าง
ตัวเองก้ออ้วนจะตายอยู่แล้ว รอเก็บข้อมูลค๊า :lol:
RE: ขอแรงบันดาลใจหรือเคล็ดลับในการลดความอ้วนทีครับ
ชวนคนไข้มาเล่นเวป SBN สิครับ? ซื้อๆๆๆๆ จนจะไม่มีทานแระ ตอนนี้น้ำหนักลดลงทันตาเรยครับ :lol: :lol: :lol:
จริงๆ ของแบบนี้อยู่ที่ "ความตั้งใจ" ครับ ส่วนตัวเคยลด นน มากสุดๆ 45 กิโลครับ อยู่ที่ความตั้งใจครับ ถือหลักการเดียวกับพี่ๆ ข้างบนครับ "เอาเข้าให้น้อยกว่าเอาออก" และ "เลือกเอาแต่ของดีๆ เข้าไปครับ"
"เอาเข้าน้อยกว่าออก" = นำพลังงานจากอาหารเข้าสู่ร่างกายให้น้อยกว่าพลังงานทั่ใช้ไปครับ เดินให้มากๆ ออกกำลังกายอ่ะครับ เดินขึ้นบันได ยืนดูทีวี ดูทีวีก็เดินไปเดินมา เอิ๊กๆ
"เอาเข้าแต่ที่มีประโยชน์" = เลือกทานอ่ะครับ งดของมันของทอด งดแป้ง คาร์โบไฮเดรต งดๆๆๆๆ
ว่าไปไอ้หลักการที่ว่าข้างต้นเนี่ยใครๆ ก็ทราบครับ แต่ "ทำได้หรือไม่ได้มากกว่า" ของงี๊ "อยู่ที่ความตั้งใจครับ" ไม่มีความตั้งใจปรึกษาใคร หาหมอที่ไหนก็คงไม่ได้อ่ะครับ นอกจากไปเย็บปากซะไม่ต้องทาน เพราะคงไม่มียาอะไรสั่งให้สมองคนไข้คิดได้ว่าต้องเลือกทาน ต้องออกกำลังกาย etc
ว่าแร้วไปลดมั่งดีกว่า เอิ๊กๆๆๆๆ กะจะลดสัก 5 กิโล คริคริ
อ่อๆๆๆ เรืองแรงบันดาลใจเนอะๆๆๆ พี่อ่ะชอบซื้อเสื้อผ้าที่อยากได้มากๆๆๆๆ เล็กกว่าตัวเองไว้สักเบอร์อ่ะ แบบคอยดูช้านจะใส่มันให้ได้ ผ่านไปอาทิตย์ สองอาทิตย์ก็เอามาลอง อืมๆๆๆ เกือบแระๆๆๆๆ ลดต่อๆๆๆๆ ลองจนกว่าจะใส่ได้อ่ะครับ
RE: ขอแรงบันดาลใจหรือเคล็ดลับในการลดความอ้วนทีครับ
ฟ้าว่าคนไข้ต้องมี motivation เป็นหลักด้วยอ่ะคะ เขาคงคิดว่ากินยาอย่างเดียวแล้วเดี๋ยวก้อลดไรงี้อ่ะคะ
ฟ้าเคยน้ำหนัก 70 กว่าๆเหมือนกันอ่ะคะ สูง 167 อะคะ ตอนนี้ลดเหลือ 50 กว่าๆ(เหอๆๆๆ ยังอ้วนอยู่ดีแต่ก้อลดน้าาา) ตอนที่ลด (เอ่อ จริงๆคือลดอยู่) ใช้โปรแกรม Weight Watchers ช่วยอ่ะคะ แต่ก้อหลักการง่ายๆคือ เราต้อง conscious กับที่ว่าเรากินอะไรไป กินไป portion size เท่าไหร่อะไรแบบนี้อ่ะคะ แล้วก็ไม่ใช่ว่าสักแต่กิน เราก้อต้องแพลนออกมาเลยว่าวันนี้มื้อไหนจะกินอะไร แล้ววันนึงกินได้เท่าไหร่ เขาทำออกมาเป็น point ให้เลยอ่ะคะ
คนไข้ที่อังกฤษมีเป็น portion ส่วนนึงเลยอ่ะคะที่ลดด้วย Weight watchers ฟ้าว่าการเริ่มทำอะไรสักอย่างมันอยู่ที่ motivation จริงๆอ่ะคะ ต้อง counsel คนไข้ด้วยว่าเขาตั้งใจจะลดขนาดไหน เขาคาดหวังยาอันนี้ใช้แล้วจะช่วยเขายังไงบ้าง แล้วเขารู้ไหมว่า complication ของความอ้วนคืออะไรแบบนี้อะคะ รวมไปถึงเขามีแรงบันดาลใจอะไรไหม แบบฟ้าตอนนี้แรงบันดาลใจคือต้องผอมก่อนรับปริญญาเดือนกค เพราะเดี๋ยวถ่ายรูปไม่สวย ฮ่าๆๆๆแล้วมันก้อทำให้เราตั้งใจจริงๆอ่ะคะ
ฟ้าใช้ cycle of change เป็นตัวหลักเวลาจะให้คนไข้ lifestyle changes อ่ะคะ ใช้ได้กับการลดความอ้วน เลิกบุหรี่ เลิกเหล้าจริงๆ แบบ pre-contemplation ==> comtemplation ==> determination to change ==> implement the changes ==> Maintenance ==> relapse วนๆไปเรื่อยๆอ่าคะ
เอ๊ะ เพิ่งไปอ่านความตั้งใจของพี่เด่น กะ motivation ของฟ้ามันตัวเดียวกันนี่หว่า แหะๆ
ฟ้าสนใจ research อันนี้จังคะ น่าสนใจมากๆ ไม่ทราบอันนี้เป็น clinical trial ใช่ไหมคะ ใช้เป็น double blind หรือว่ายังไงคะ :)
RE: ขอแรงบันดาลใจหรือเคล็ดลับในการลดความอ้วนทีครับ
แรงบันดาลใจคือ อยากสวย อยากมีสามีค่า ฮี่ฮี่ กลัวเค้าไม่ขอแต่งงานง่ะ
ตอนไปใช้ทุนตจว แอบน้ำหนักขึ้นเกือบสิบกิโล วันกลับมารับปริญญาเพื่อนๆจำบ่ได้เลย ต้องรีบลดเปนการด่วนค่า ด้วยการกินแต่กะหล่ำปลีต้ม+มาม่า มาม่าหนึ่งซองกินหนึ่งวันแบ่งสามมื้อ กินเปนเดือนเล้ยเอื๊อก
ผลลัพท์ที่ได้คือ น้ำหนักลดเท่าที่ต้องการ+สามีขอแต่งงาน และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข :lol:
RE: ขอแรงบันดาลใจหรือเคล็ดลับในการลดความอ้วนทีครับ
ลองเล่นโยคะสิค่ะ สำหรับเราคิดว่าได้ผลมาก ๆ เลย :D
RE: ขอแรงบันดาลใจหรือเคล็ดลับในการลดความอ้วนทีครับ
หมอไบรท์ คนไข้ของหมอไบรท์ที่น้ำหนัก 105 กก มี indication บกบ่องบอกว่า Morbid Obese เเล้วน้า คนไข้อายูเท่าไหร่เอ่ย หากค่า BMI อยู่ที่ 45 เป็น Morbid Obese
พี่ว่าคนไข้ควรที่จะพิจารณาที่จะทำ Gastric Banding หรือ Gastric Bypass นา (ถ้าคนไข้มีกำลังทรัพย์)
ในหลายๆ เคส คนไข้ที่มาทำ Gastric Banding กะ Gastric Bypass กะทีมเเพทย์ที่บริษัทพี่ ล้วน เคยลคความอ้วน มาโดยวิธีต่างๆมาเเล้ว เเต่ไม่ได้ผล
ถ้าคนไข้น้ำหนักเกิน 100 กิโลกรัมเเล้วละก็ จะลดน้ำหนักเองได้ยากมาก คนไข้ทุกราย เคยลองทานยาลดความอ้วนมาเเล้วทั้งนั้น น้ำหนักคนไข้จะลดลงมาได้ระยะหนึ่ง เเต่ก็กลับมาอ้วนอีกเเละอ้วนกว่าเดิมด้วย รายงานการวิจัยระบุว่า คนไข้ที่ทานยาลดความอ้วนจะกลับมาอ้วนอีกภายใน 5 ปี อะคะ
คนไข้คนไทยของ้พี่ ในบางเคสไปทำ Tummy Tuck กะ ดูดไขมันมาก่อน เพราะเชื่อว่าเป็นวิธีการลดความอ้วนอย่างหนึ่ง มีเเผลที่หน้าท้องใหญ่มาก
อยากจะเพื่อนๆ ในนี้ว่า การดูดไขมัน กะ ตัดหนังหน้าท้อง ไม่ใช่การลดความอ้วน หากเเต่เหมาะสำหรับคนที่หุ๋นดีอยู่เเล้ว เเต่ต้องการลดเฉพาะส่วน เพราะออกกำลังกายอาจเห็นผลช้า น้ำหนักเกิน 100 กิโลกรัม จะลดความอ้วนโดยการออกกำลังกายได้ยากกมาก ลดที่ไม่เกิน 0.5 -1 กิโลกรัม จะทำให้คนไข้ท้อ เเล้วจะหันกลับไปทานต่อ
คนที่อ้วน หากไปดูดไขมันจะทำให้เเผลหายช้า เเละอาจเกิดอาการเเทรกซ้อนได้
เเนะนำว่า หากคนไข้ที่เป็น โรคนอนกรนขณะนอนหลับเเละหยุดหายใจขณะนอนหลับ (Sleep Apnea) , เบาหวาน ประเภทที่สอง Diabete Type II, ความดันสูง Hypertension, โรคปวดตามข้อ ควรพิจารณาในการทำ Weight Loss Surgery
คนไข้ ที่มีBMI สูงๆ คุณหมอจะเเนะนำเลยว่า คนไข้จะมีช่วงชีวิตสั้นนะ หากไม่คิดทำอะไรกับปัญหาน้ำหนัก เเละอาการตามขั้นต้น
หมอไบรท์ ราคาการทำผ่าตัดลดน้ำหนักที่ทีมเเพทย์พี่ อยู่ที่;
Gastric Banding กะอยู่ท่ีี่ี่ี 3xx,xxx บาท
Gastric Bypass อยู่ที่ 5xx,xxx บาท
คนไข้คนไทย ที่บริษัทพี่เคยทำ weight loss surgery มาตลอด 5 ปี
ที่มีน้ำหนักมากที่สุด คือ 168 กิโลกรัม ค่า BMI 65 คนไข้คนนี้ เพิ่งทำ Gastric Bypass ไปตอนต้นเดือน มกราคม ปีนี้นี่เอง น้ำหนักมากขนาดนี้ ไม่มี Complications ใดๆ เลยขณะผ่าตัด สามาร๔กลับบ้านได้ 3 วันหลังจากผ่า ผ่านมาเกือบ 2 เดือน เเล้ว คนไข้ผู้หญิงท่านนี้ ลดไป เกือบ 30 กิโล เเล้ว คาดว่าคนไข้จะลดลงอีก 50 กิโลกรัม ภายใน 1 ปี อาการ Sleep Apnea ก็ดีขึ้น ไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเเล้ว ไม่ต้องทานยาเบาหวานเเล้วด้วย
ลองเอาไปเป็นข้อมูลดูนะคะ ถ้าคนไข้สนใจ เด่วนัดคุยกะศัลยเเพทย์ให้ค่า
RE: ขอแรงบันดาลใจหรือเคล็ดลับในการลดความอ้วนทีครับ
กลายเป็นกระทู้พบคุณหมอไปแล้ว ฮิ ฮิ
จะเข้ามาบอกว่าการลดน้ำหนัก อยู่ที่แรงจูงใจของแต่ละคนค่ะ อย่างหลานชายก่อนนี้ให้ลดเท่าไหร่ก็ไม่ยอม ขนาดจ้างเลยนะ ว่าลดลง 1 กกให้ 1000 ยังเมินเลย พอโตเป็นหนุ่มเคยพาไปหาหมอเกี่ยวกับความอ้วน ความสูง หมอบอกว่า ลองลดดูนะ ไม่งั้นโรคจะถามหา
สรุปเดือนแรกลดได้ 9 ขีด คุณหมอว่าได้แค่นี้ก็โอเค ขอให้ได้เท่านี้ทุกเดือนนะ แต่ 3 เดือนผ่านไป ลดได้ 10 กก คุณหมอถึงอึ้งเลยค่ะ ว่าทำได้ไง ทุกวันนี้ก็ยังรักษาน้ำนักได้เท่าเดิมอยู่
เข้าใจว่าพอโตเป็นหนุ่มแล้วอยากหล่อ กลัวไม่หล่อ ไม่ก็กลัวสาวไม่มอง ถึงยอมลดน้ำหนัก
คุณหมอลองหาแรงกระตุ้นซิค่ะ ประมาณเดี่ยวไม่มีหนุ่มๆมาจีบนะ อะไรประมาณเนี่ยค่ะ