ตามมาเกาะกระทู้;)
Printable View
ตามมาเกาะกระทู้;)
ขอบคุณทุกท่านค่ะ พ่อลูกแอบเครียด เพราะพ่อเป็นต่างชาติ ถ้าลูกไปโรงเรียนไทย เค้ากลัวคุยกับลูกไม่สนุก แต่แม่ขำ สอนไทยพ่อมาสิบปีไม่มีคำว่าพัฒนา ฮ่าๆๆ
มาตามติดด้วยคน กำลังตกลงกับคุณสามีเหมือนกันค่ะ ว่า อนุบาล ถึง ป 4 จะให้เรียนเมืองไทย
แต่จะเป็นอินเตอร์มั๊ย ยังไม่ทราบเลยค่ะ ห่วงลูกจะอ่าน. เขียนภาษาไทยไม่ได้เหมือนกัน เพราะที่บ้านไม่ได้พูดไทยกันเลยค่ะ
จริงๆ ถ้าที่บ้านพูดภาษาอังกฤษอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเรียนอินเตอร์ก็ได้นะคะ เพราะยังไงลูกก็ได้ภาษาอังกฤษอยู่ดี เพราะเป็นภาษาที่ใช้ประจำวัน ของเราที่บ้านพูดภาษาไทย แต่พูดภาษาอังกฤษกับลูกตั้งแต่ตอนเค้าเกิด ลูกพูดภาษาอังกฤษได้ก่อนภาษาไทยด้วยซ้ำ แต่ก็มาเข้าโรงเรียนไทย ตอนแรกก็กลัวๆว่าเค้าจะสื่อสารกับเพื่อนรู้เรื่องมั๊ย ซึ่งก็มีปัญหาแค่ตอนแรกๆ ตอนหลังนี่ก็เลยไม่ยอมพูดภาษาอังกฤษกับเราแล้วอ่ะ แต่เค้าเข้าใจนะคะ หนังสือที่มีอยู่ก็มีแต่ภาษาอังกฤษ อ่านให้เค้าฟังตลอด ตอนนี้อ่านเองได้แล้ว ทั้งไทย และอังกฤษค่ะ ที่โรงเรียนมีสอนภาษาจีนด้วยค่ะ เค้าก็เรียนได้โดยไม่รู้สึกว่าลำบาก แต่ต้องไม่ไปคาดหวังมากนะคะ ว่าต้องได้อย่างโน้นอย่างนี้ พอดีที่โรงเรียนเค้าใช้หลักสูตรของวอลดอร์ฟ ซึ่งเน้นเรียนโดยผ่านกิจกรรมค่ะ
อ้อ สามีเราเป็นลูกครึ่ง พูดภาษาอังกฤษกับพ่อแม่ค่ะ แต่เค้าเกิดที่นี่ เรียนโรงเรียนไทย ภาษาอังกฤษก็ยังสุดยอดอยู่ดี
สรุปไม่ว่าจะเรียนกี่ภาษา เด็กๆสามารถรับได้หมดค่ะ (ไม่รู้ช่วยได้บ้างหรือเปล่า)
§มาเก็บข้อมูลลูกชายก้อกำลังจะเข้าโรงเรียนเหมือนกัน §
เข้ามาแอบดูค่ะ เก็บไว้เป็นความรู้
เห็นด้วยค่ะว่าภาษไทยยากกว่าภาษาอังกฤษ
แต่ถ้าเรียนภาษาไหนก่อนก็จะได้สำเนียงนั้น
ถ้าอยากให้เค้าได้สำเนียงฝรั่งก็น่าจะเรียนอินเตอร์ไปเลยค่ะ
น้องที่จบจากร่วมฤดีก็ให้คำปรึกษาเราคล้ายๆที่คุณนีน่าบอกเลยค่ะ
เค้าบอกว่าภาษาไทยยากโค.ต.ร. แถมมีวรรณยุกต์ มีกฏเกณฑ์ไม่ตายตัว (ดิ้นได้)
ให้เด็กคุ้นเคยกับไทยก่อนแล้วไปต่อที่ภาษาที่ 2 ที่ 3 ตามมา น่าจะดีกว่าค่ะ
จากประสบการณ์จริงคะ
น้องชายเราเรียนโรงเรียนสองภาษาที่เน้น อังกฤษ จีนเป็นหลัก ตั้งแต่เด็ก จนพอเรียนไปได้สักพัก น้องก้าวร้าวมาก ไหว้ไม่เป็น เชื่อแต่ความคิดตัวเอง ห้องนึงมีแค่ 20 คน ก็อยู่ในสังคมเล้กๆของเขา โรงเรียนลักษณะอินเตอร์ จะไม่เน้นเรื่องเรียนจะเน้นแต่กิจกรรมเป็นหลัก
ในโรงเรียนทุกคนจะใช้แต่มือถือดีดี รองเท้าผ้าใบคู่ละหลายพัน กระเป๋าสตางค์ต้องแพงๆ ตอนนี้น้องเวลาจะซื้อของต้องมองว่าแบรนดืหรือเปล่าถ้าไม่แบรนดืก็จะไม่ใช้ มือถือไม่ดังก็จะไม่ใช้
พอน้องจบ เกรด 6 ทางเราก็เลยปรึกษากันว่าอยากให้น้องไปเรียนโรงเรียนที่มีเด้กเยอะเพื่อพอน้องโตจะได้รู้จักสังคมจริงๆ และได้เรียนเรื่องมารยาทการเข้าสังคม และความเป็นไทย
เลยจับน้องไปเรียนที่โรงเรียนบดินทร์เดชา
พอเข้าไปน้องค่อนข้างตื่นเต้นกับการที่เด้กเยอะมากห้องนึงมี 50 กว่าคน
ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่าเด้กโรงเรียนรัฐจะประกอบด้วยเด็กหลายๆฐานะ พอเข้าไปอาจารย์ก้เรียกพบบอกค่อนข้างเป็นห่วงน้องเพราะน้องค่อนข้างซื่อ ตามคนไม่ทัน ไม่ค่อยตั้งใจเรียน ไม่พุดครับ พอเข้าไปน้องค่อนข้างเด่น เพราะตัวโตแบบฝรั่ง มีทั้งคนหวังดีและไม่ดี เข้ามาหาน้อง ตอนนี้เป็นห่วงมากๆ มีเด้กผู้หยิงโทรมาจีบน้องทุกคืน ที่เป็นห่วงเพราะน้องหัวอ่อนมาก ตามเด้กผู้หญิงพวกนี้ไม่ทัน ยิ่งเพื่อนผู้ชายยิ่งไปกันใหญ่
ส่วนเรื่องภาษาไทยน้องกลายเป็นเด้กที่ต้องคิดเป็นไทยแล้วค่อยพุดออกมา ทำให้เรียนไม่รุ้เรื่อง พอเรียนไม่รู้เรื่องเลยขี้เกียจเรียน
ค่อนข้างเป็นห่วง เลยอยากให้ผู้ปกครองทำใจ หากจะให้ลุกเรียนอินเตอร์ ต้องทำใจเลยคะ
ตัวเองก้เรียนอินเตอร์มา แต่เรียนตอนเด้กแล้วมาเปลี่ยนตอนโต
ยกตัวอย่างเวลาจะขอออกนอกห้องไปห้องน้ำ ถ้าเป็นเด้กไทยจะขออณุญาติครูไปเข้า แต่ที่เราเรียน ก็จะเดินไปออกไปเลย หรือถ้าเรียนแล้วไม่รู้เรื่องก้เดินออกไปเลยแล้วไปยืนคุยกันหน้าห้อง
ครูก้ไม่ว่า ที่เราเรียนจะบังคับแค่เข้าห้องต้องตรงเวลาแค่นั้นเองคะ
อิจฉาจังเลย คนมีลูกเนี่ย
มิ้มเคยได้ยินมาว่าในช่วงนี้น่าจะเรียนภาษาไทยก่อนนะค่ะ
เพราะไม่งั้นเด็กจะรู้สึกสับสน(ถ้าอยู่ประเทศไทย)
แลเวเค้าจะงงเลยอ่ะค่ะ
เหมือนไทเกอร์ วู๊ด ที่แม่เค้าพยายามสอนภาษาไทยให้ตอนเด็ก
กลับกลายเป็นว่าเค้างงจนพูดไม่รู้เรื่องสักภาษาเลยอ่ะค่ะ
แค่ออกความคิดเห็นนะค่ะ