ปฎิบัตืธรรมในกรุงเทพได้ที่ไหนบ้างคะ แบบไม่เคร่งมากคะ ไม่เคยนั่งมาก่อนคะ
ขอบคุณล่ว่งหน้านะคะ
Printable View
ปฎิบัตืธรรมในกรุงเทพได้ที่ไหนบ้างคะ แบบไม่เคร่งมากคะ ไม่เคยนั่งมาก่อนคะ
ขอบคุณล่ว่งหน้านะคะ
ก่อนที่จะปฎิบัติธรรม หรือการนั่งวิปัสสนา กรรมฐาน..
เห็นบอกว่าไม่เคยนั่งมาก่อน...
ผมขอแนะนําว่า...เราลองปฎิบัติเองที่บ้านเราก่อนดีกว่าครับ...
อันดับแรก...
หาเวลาที่คุณคิดว่า ว่าง หรือมีเวลาพอ ดีที่สุดคือ ก่อนนอนครับ..
ทําตัวให้สบายๆ...ไม่จําเป็นต้องนั่งขัดสมาธิ...เราจะนั่งพับเพียบก็ได้ครับ
ก่อนนั่ง..ควรสวดมนต์ บูชาพระ แล้วตามด้วยการแผ่ส่วนบุญกุศล จะดีมากครับ
และที่สําคัญ...เราต้องมีครู หรืออาจารย์กํากับ..ดีที่สุดคือ...พระประธานในห้องพระเราเองนั่นแหล่ะครับ
เมื่อเราสวดมนต์เสร็จ...เราก็ขอท่านมาปกป้องคุ้มครองในการนั่งวิปัสสนาของเรา.
วิปัสสนา กรรมฐาน...
ก่อนเข้าวิปัสสนา..ต้องผ่านจากกรรมฐานก่อน
กรรมฐานแบ่งออกเป็น 3 ระดับ
1.ขณิกสมาธิ....คือจิตใจแน่นิ่งช่วงสั้นๆ...และเรายังรับอารมณ์ต่างๆที่มากระทบได้.
2.อุปจารสมาธิ....คือจิตใจเราจะสงบนิ่งขึ้น และได้นานขึ้น..แต่เรายังรับอารมณ์ต่างๆที่มากระทบได้อยู่
3.อัปปนาสมาธิ....คือจิตเราสงบตั้งมั่นอยู่อย่างนั้นตลอด...ไม่รู้อารมณ์ที่มากระทบ..อีกทั้งลมหายใจเราก็ไม่สามารถรับรู้ได้.
กองกรรมฐานมีทั้งหมด 40 กอง...กองที่ผมแนะนําคือการภาวนา พุท-โธ จะเป็นสายกลาง ที่ไม่มีอันตรายครับ
ถ้า สัมมาอรหัง...คุณจะต้องกําหนดดวงแก้วเป็น...ซึ่งจะยาก หากคุณไม่ได้รับการฝึกมา
หรือ....ยุบหนอ พองหนอ...กองนี้ก็ใช้ได้ครับ...
ลองดูครับ...ถูกจริตกองไหน ก็เลือกเอาครับ....ซึ่งเราจะสังเกตุได้จากการสูดลมหายใจ...
ถ้า พุท-โธ ติดขัด ก็ลองเปลี่ยนเป็น ยุบหนอ-พองหนอ
เรามาพูดถึงการใช้ลมหายใจ...
คุณนั่ง ปล่อยจิตใจให้ สบายๆ. หลับตา..สูดลมหายใจเข้าช้าๆยาวๆ....แล้วคิดตามว่า...พุท
พอปล่อยลมหายใจอออก....คิดตามว่า...โธ..
แรกๆคุณอาจจะว้าวุ่น..ติดๆขัดๆ..อย่าไปสนใจครับ...ภาวนาไปเรื่อยๆ....ตอนนี้ลมหายใจคุณจะเป็นลมหายใจ หยาบครับ...ตอนนี้จิตคุณจะมาจับอยู่ตรงลมหายใจซึ่งยังหยาบอยู่...เรียกว่า ขณิกสมาธิ.
ขั้นต่อมา..คุณจะรู้สึกได้ถึงลมหายใจคุณเริ่ง...ราบเรียบ เหมือนน้ำที่ไหลเป็นสาย...จิตคุณจะสงบขึ้น..เพราะเรารู้จากลมหายใจ...ซึ่งเรียกว่า..อุปจารสมาธิ.....ข้อสําคัญ ช่วงสงบนี้ คุณจะเห็นภาพต่างๆนาๆ...เช่น พระพุทธรูป...เทวดา...นรก...สวรรค์...หรือ ภูต ผี ปีศาจ...หรือ น้ำตาไหล...ตัวบวม...ตัวลอย..ฯลฯ คุณอย่าไปกังวล หรือไปจับ...ในที่นี้หมายถึง อย่าเอาจิตไปจับ...ปล่อยให้ผ่านไป...สงบนิ่งอยู่ที่ลมหายใจ...
พอถึงขั้นที่3...ซึ่งเรียกว่า อัปปนาสมาธิ....จุดนี้ คุณจะไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น ทั้งลมหายใจ ทั้งอารมณ์ต่างๆ....คุณจะเห็นแต่ความส่วาง...แบบว่าสว่างมากๆ....อย่าตกใจนะครับ..ไม่อย่างนั้นสมาธิคุณจะหลุด..แล้วจะต้องเริ่มต้นใหม่.
เมื่อคุณเห็นความสว่างแล้ว....คุณค่อยๆดึงความส่วางให้เป็นลูกกลมๆ...แบบว่าให้กลมอยู่อย่างนั้น...แล้วคุณค่อยๆถอดจิต ออกมาจากร่างเดิม...ซึ่งร่างที่คุณถอดออกมา เรียกว่า กายทิพย์.....คุณจะเห็นร่างเดิม เรียกว่า กายมนุษย์...
คุณจะต้องปลงการ แตก ดับ ของร่างกายเดิม...คือ การดับสลายของร่างกาย...คือ บวม เขียว เน่า เปื่อย เหลือแต่กระดูก...แล้ว สลายกลายเป็นดิน...แล้วก็เริ่มต้นใหม่...วนเวียนอยู่อย่างนี้...จุดนี้..เรียกว่า เข้า วิปัสสนา..
ถ้าสงสัยอะไร...เมล์มาถามได้นะครับ....ลองฝึกปฏิบัติที่บ้านก่อนดีที่สุดครับ...
ไม่ใช่ว่า คุณจะนั่ง วิปัสสนา กรรมฐาน...แต่ไม่เคยทําบุญเลย ก็จะไปยากนะครับ..ศิลต้องครบ
และอีกอย่าง....เมื่อเกิดนิมิตต่างๆ....คุณอย่าไปสงสัย หรือคิดว่านั่นคืออะไร...นี่คืออะไร...ทําไมถึงเป็นแบบนี้..
ให้แค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปนะครับ...
*****ข้อสําคัญ อย่าลืมกําหนดว่า เราจะนั่งกี่ นาที กี่ชั่วโมง กี่วัน...ถ้าคุณกําหนด จิตเราจะออกตามที่เรากําหนดเอง...ไม่ต้องกลัวว่า จิตจะเข้าร่างไม่ได้....******
แต่ ถ้าที่บ้านไม่ค่อยสะดวกจริงๆ แต่กก็จะลองดูคะ
ขอบคุณ คุณ pepsi5510 ที่ร่วมแบ่งปันสาระเก็บไว้ให้ในชุมชนแห่งนี้
และขอบคุณ คุณ Mylovelyactz ที่ร่วมสร้างวัฒนธรรม การเป็นผู้รับและให้ ที่ดีในชุมชนแห่งนี้
ขอบคุณครับ
พึ่งมาอ่านเจอกระทู้นี้ค่ะ ไม่ทราบตอนนี้ได้สถานที่หรือยัง ยังไงลองเข้าไปตาม link ด้านล่างนะคะ
เป็นlink แนะนำสถานที่ปฎิบัติธรรมใน กทม ค่ะ บอกกันเป็นเขตๆเลยค่ะ
http://www.dhamma4u.com/index.php/20...-06-35-01.html
อนุโมทนาค่ะ
Quote:
Originally Posted by USD
ขอบคุณมากมากคะ