อีกไม่กี่เดือนก็จะเข้าหน้าร้อนอีกแล้ว มาหาวิธีรับมือให้อยู่บ้านแบบไม่ร้อนกันดีกว่า

ในช่วงเดือนมีนาคม - เมษายนที่ผ่านมา หลายๆคนคงจำกันได้ดีถึงสภาพอากาศที่ร้อนแบบสุดๆ ที่โรงเรียนวิศวกรรมขั้นสูงเองก็ประสบปัญหาอากาศในห้องร้อนมากเช่นกัน ยิ่งช่วงบ่ายๆนี่ร้อนสูงถึง 42-44 องศากันเลยทีเดียว ร้อนแบบนี้ติดเครื่องปรับอากาศดีไหมนะ คิดแบบนี้จึงลองศึกษาเกี่ยวกับเครื่องปรับอากาศดูพบว่า เครื่องปรับอากาศนี้แก้ปัญหาให้เราแต่ก็สร้างปัญหาให้คนที่ต้องช้ชีวิตอยู่ข้างนอกไม่น้อย เพราะหลักการทำงานของมัน คือการนำความร้อนของห้องออกไปทิ้งนอกห้อง อ้าว......แบบนี้ข้างนอกก็ร้อนขึ้นอ่ะดิ !!!! รู้แบบนี้ก็อดคิดไม่ได้ว่าหากทุกคนพากันแก้ปัญหาด้วยเครื่องเครื่องปรับอากาศแบบนี้แล้ว ช่วงหน้าร้อนเราจะใช้ชีวิตข้างนอกโดยไม่ห่างเครื่องปรับอากาศกันได้อย่างไร

http://www.meejai.com/mjphoto.php?imgid=421654
ขอขอบคุณรูปภาพจาก http://allwomenstalk.com/7-facts-about-sweating/

ระลึกถึงปัญหาได้แบบนี้ พี่ๆที่โรงเรียนวิศวกรรมขั้นสูงจึง set project นี้ให้ผมได้ฝึกใช้ความรู้กับปัญหาจริง โดยมีโจทย์คือการแก้ปัญหาความร้อนของห้องโดยไม่ใช้เครื่องปรับอากาศ ผมจึงนำแนวคิดของผมมารีวิว เพราะเห็นว่าเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่ประสบปัญหาลักษณะคล้ายๆกัน จะได้ลองนำแนวคิดไปปรับให้เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละคน มาร่วมสร้างสิ่งแวดล้อมให้น่าอยู่ด้วยกันนะครับ

ก่อนที่เราจะลงมือแก้ปัญหาได้ เราก็ต้องรู้ปัญหากันก่อน แต่ก่อนเที่เราจะรู้ปัญหา เรามาทำความรู้จักกับความร้อนกันก่อน เพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจปัญหานะครับ

สวัสดีความร้อน

ความร้อนเป็นพลังงานรูปแบบหนึ่ง ที่มนุษย์เราใช้อุณหภูมิเป็นตัวบอกขนาดพลังงานของมัน ยิ่งร้อนมากอุณหภูมิสูง แปลว่ามีพลังงานมาก และเมื่อวัตถุที่มีพลังงานมากกว่าสิ่งแวดล้อมของวัตถุ พลังงานจากวัตถุนั้นก็จะค่อยๆถูกแบ่งปันไปให้สิ่งแวดล้อม จนเมื่อเวลาผ่านไปนานมากพอทั้งวัตถุและสิ่งแวดล้อมก็จะมีพลังงานเท่ากัน อุณหภูมิเท่ากัน

http://www.meejai.com/mjphoto.php?imgid=421656
ขอขอบคุณรูภาพจาก http://www.bioenergylogs.com/

และในบางครั้งเราอาจสังเกตเห็นว่าประตูบ้านที่เป็นโลหะกับกำแพงบ้านที่เป็นปูนตากแดดอยู่กลางแจ้งเหมือนกันแต่กลับร้อนไม่เท่ากัน ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าวัตถุแต่ละชนิดมีความสามารถในการรับความร้อนได้ไม่เท่ากัน วัตถุไหนที่สามารถรับความร้อนได้ดี (หรือที่เราเรียกว่าตัวนำความร้อนนั้น) เมื่อโดนความร้อนก็จะร้อนได้เร็วกว่า วัตถุที่สามารถรับความร้อนได้แย่ (หรือที่เราเรียกว่าฉนวนความร้อน) และในตัวอย่างข้างต้น ตัวนำความร้อนก็คือประตูโลหะ ฉนวนความร้อนก็คือกำแพงปูนนั้นเอง จากความเข้าใจข้างต้นอาจสรุปง่ายๆ เป็น ความร้อนจะถ่ายเทจากที่ที่มีอุณหภูมิสูงกว่าไปยังที่ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า โดยที่วัตถุประเภทตัวนำความร้อนจะรับความร้อนได้ดีกว่าวัตถุประเภทฉนวนความร้อน นั้นเอง

หลังจากเราพอจะรู้จักกับความร้อนมาบ้างแล้ว เรามามองปัญหาที่ต้องแก้กันดีกว่า

ทำไมห้องที่เราอยู่ถึงร้อน

ตอบแบบอิงความเข้าใจข้างต้นก็คือเพราะสิ่งแวดล้อมที่เราอาศัยอยู่ร้อนกว่าเรา ความร้อนจากสิ่งแวดล้อมจึงถูกถ่ายเทมาสู่เรา ซึ่งมันเป็นกฏธรรมชาติ หนีไม่พ้น

ดังนั้นเราจึงต้องหาว่า ความร้อนมาหาเราผ่านทางช่องทางไหน ที่ทำให้ห้องร้อนจนเป็นปัญหา :confused:

http://www.meejai.com/mjphoto.php?imgid=421667
ขอขอบคุณรูปภาพจาก http://myjeremy.wordpress.com/2011/10/05/252/

ในกรณีของผม เจอว่าช่องทางหลักๆก็จะมีสองทาง คือ ความร้อนจากนอกห้อง เช่นแสงแดด ควันไอเสีย กับความร้อนจากภายในห้อง เช่น หลอดไฟ เครื่องคอมพิวเตอร์

แล้วความร้อนจากช่องทางไหนหละ ที่ทำให้ห้องร้อนจนเป็นปัญหา :confused:

ผมเจอว่ามาจากแสงแดดที่ส่องผ่านมาทางระเบียงของห้องครับที่เป็นสาเหตุหลัก ให้ห้องร้อนจนเป็นปัญหาแบบนี้

แล้วรู้ได้อย่างไรกัน ???? ว่าแสงแดดที่ส่องผ่านทางระเบียงของห้องเป็นสาเหตุหลัก ในเมื่อวัตถุที่ให้ความร้อนแก่ห้องมีตั้งหลายที่

อย่างแรกเลยนะครับที่คิดว่าไม่น่าส่งผลถึงขั้นเป็นปัญหาแน่ๆคือ ความร้อนจากภายในห้อง ... ก็เพราะว่าก่อนหน้านี้ก็มีสิ่งของเหล่านี้อยู่ในห้องก่อนแล้ว ไม่เห็นว่าจะรู้สึกร้อน เพิ่งมาร้อนเอาช่วงนี้แหละ

ตัดไปหนึ่งช่องทาง เหลืออีกหนึ่ง นั้นก็คือความร้อนจากนอกห้อง พบว่ามีสองส่วนครับที่เป็นทางให้ความร้อนเข้ามาได้คือทางด้านบนที่แสงแดดตกกระทบแล้วเพดานนำความร้อนเข้ามา กับ อีกทางคือทางระเบียงซึ่งจะมีแดดส่องยามบ่ายเพราะระเบียงหันหน้าไปทางทิศตะวันตกครับ

รู้แบบนี้ทีแรกก็คิดว่าน่าจะเจอต้นตอแล้วทำการแก้ปัญหาที่ 2 จุดนี้ก็จบ แต่เอะ! พอสังเกตดีๆแล้วพบว่ามีพื้นที่ในขั้นเดียวกันเลยโดนความร้อนจากแสงแดดด้านบนเหมือนกัน แต่ไม่โดนแดดทางระเบียง พื้นที่นี้กลับไม่ร้อนครับ เจอแบบนี้งานน้อยลงแล้ว เลยตั้งสมมติฐานว่าความร้อนที่ถ่ายเทมาทางระเบียงน่าจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ห้องร้อนครับ นั้นหมายความว่า ถ้าเราป้องกันความร้อนทางนี้ได้ก็จบ รู้แบบนี้แล้วคงต้องมาลองหาวิธีกันแล้วครับ จะทำอย่างไรกันดีๆ

เราจะแก้ปัญหากันอย่างไร :confused:

ผมไปลองหาข้อมูลถึงวิธีป้องกันความร้อนจากแสงแดดทางด้านระเบียงที่พบว่าเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ห้องร้อน หามาหลายวิธีเลยจัดกลุ่มมาให้สองวิธีใหญ่ๆครับ
1. ป้องกันไม่ให้แสงแดดส่องมาถึงห้องได้ เช่นการติดกันสาด ใช้แผ่นสะท้อนความร้อน
2.แดดจะส่องก็ส่องมา เธอเป็นพลังงานนิ งั้นฉันจะเอาเธอไปใช้ เช่นติดแผงโซลาเซลล์ ใช้ต้นไม้

อืมได้มาเสียหลายวิธี วิธีไหนกันครับที่เหมาะสม
ซึ่งการจะเลือกว่าวิธีไหนที่เหมาะสม นั้นมันก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละคนครับ อย่างของผมคืออยากได้แบบที่กันความร้อนได้ดีและราคาไม่แพง ตามเงื่อนไขดังกล่าวผมจึงเลือกต้นไม้ครับ :)

http://www.meejai.com/mjphoto.php?imgid=421669
ขอขอบคุณรูปภาพจาก http://forestecology.cfans.umn.edu/B4WARMED.html

ทำไมต้องเป็นต้นไม้

เพราะถ้าหากมองในแง่ของการจัดการกับความร้อนแล้ว ต้นไม้นี่แหละครับที่ผมมองว่าประสิทธิภาพน่าจะดีกว่าวิธีอื่นๆ เพราะวิธีอื่นๆ เป็นการป้องกันความร้อนเพียงครั้งเดียว เช่น แผ่นสะท้อนความร้อนจะทำงานโดนสะท้อนรังสีความร้อนออกไปไม่ให้ผ่านเข้ามาด้านในได้ แต่ต้นไม้นั้นแตกต่างครับ เมื่อแสงมาถึงเค้าจะนำรังสีความร้อนไปใช้งานผ่านการสังเคราะห์แสง คายออกซิเจนออกมาทำให้เรารู้สึกสดชื่น นอกจากนี้หากอากาศร้อนมากจนเกินไป ใบของต้นไม้ก็จะคายน้ำออกมาเพื่อลดความร้อนบริเวณโดยรอบ เป็นการสร้างผลต่างของอุณหภูมิอันเป็นสาเหตุให้เกิดลมอีกด้วยครับ เป็นการป้องกันความร้อนหลายขั้นกว่าจะมาถึงเรา ถ้าใครนึกไม่ออก ลองจินตนาการถึงวันที่อากาศร้อนมากๆ แล้วเราไปหลบร้อนใต้ต้นไม้สิครับ ว่ามันรู้สึกดีกว่าอยู่หลบร้อนใต้หลังคาบ้านทั่วไปเยอะครับ น่าทึ่งจริงๆครับคุณต้นไม้นี่ หากต้องสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่ทำงานจัดการด้านความร้อนให้ได้อย่างนี้ไม่รู้ต้องใช้เวลากี่สิบปี

http://www.meejai.com/mjphoto.php?imgid=421670
ขอขอบคุณรูปภาพจาก http://www.topcoolair.com/index.php
lay=show&ac=article&Id=421967&Ntype=34

ถึงตรงนี้ผมภาพตัวอย่างมาที่ผมได้ลองทำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันครับ ลองไปปรับให้ง่ายเหมาะสมกับเงื่อนไขของแต่ละคนนะครับ

ต้นไม้ที่ผมเลือกใช้นั้น คืดต้นจันทร์กระจ่างฟ้า เป็นไม้โตง่าย ทนแดด ออกดอกตลอดปี ราคาไม่แพงครับ ซื้อมาที่ราคา 3 ต้น 100 บาท โดยแต่ละต้นสูงประมาณ 70 cm

จากนั้นจึงนำท่อน้ำ PVC มาทำโครงเพื่อให้ไม้เลื้อย ที่เลือกท่อนั้นเพราะตั้งใจว่าจะให้น้ำไหลไปตามท่อ และค่อยหยดไปที่ต้นไม้ผ่านหัวหยดที่ติดกับท่อ จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องรดน้ำต้นไม้

แบบโครงสร้างนั้นออกแบบมาเป็นแผงแนวดิ่งให้ไม้เลื้อยสองชั้น เหลื่อมกัน เพื่อให้ลมเข้ามาได้สะดวก และกันแดดได้โดยสมบูรณ์ครับ เหมือนมีม่านสีเหลืองของดอกจันทร์กระจ่างฟ้าค่อยกันแดด กันความร้อนให้ห้องของเราครับ

ภาพนี้เป็นส่วนของอุปกรณ์ที่ถูกเลื้อยเตรียมไว้สำหรับการประกอบ

http://www.meejai.com/mjphoto.php?imgid=421873

ตระเตรียมชิ้นส่วนเสร็จแล้ว ก็ลงมือประกอบทีละส่วนก่อนนำไปประกอบเป็นโครงที่ระเบียงครับ

http://www.meejai.com/mjphoto.php?imgid=421874

นำแต่ละชิ้นมาประกอบจนได้ส่วนฐานของโครงครับ ตอนทำนี้เหนื่อยกว่าตอนคิดนะครับนี่ :(
คิดอย่างเดียวไม่ทำไม่รู้นะครับนี่

http://www.meejai.com/mjphoto.php?imgid=421875

ออกแบบให้ท่อทำการล็อคยึดกับระเบียง ส่วนฐานจะได้แข็งแรง แถมไม่ต้องเจาะระเบียงให้เสียหายด้วย

http://www.meejai.com/mjphoto.php?imgid=421876

เฮ้ย ตอนคิดออกแบบ ก็คิดว่าง่ายๆ ไม่ได้ยากอ่าไร พอได้ลงมือทำเข้าจริง โอ๊ยๆๆๆ....... คนละเรื่องการเลยครับ เหนื่อยมากครับ เกินกำหนดการที่คิดว่าจะเสร็จไปมาก เพียงเพราะเราคิดไม่ครบ errorก็เกิด ตรงโน้น ตรงนี้ ต้องค่อยไปตามแก้ เรื่องที่คิดว่าง่ายมันก็ไม่ได้อย่างที่คิด เพียงแค่ได้ลงมือทำก็ได้เข้าใจครับ หากเพียงคิด ไม่เคยปฏิบัติ คงไม่มีทางเข้าถึง ความเป็นจริงได้

ยังไงก็ขอบคุณงานนี้ครับ แม้เป็นงานที่ดูเรียบง่าย ไม่ต้องใช้ทักษะวิศวกรรมอะไรเยอะ แต่ก็เพียงพอ ที่เราจะเข้าใจถึง สิ่งประดิษฐ์ทางวิศวกรรมได้ ท้ายที่สุดก็ตามแก้ error จนเสร็จครับ แต่ไม่ได้มีภาพมาฝาก ต้องขอโทษเพื่อนๆ sbntown ด้วยครับ