ชนะหรือแพ้...มันก็แค่สิ่งสมมุติ
	
	
		
เคยรู้สึกกันบ้างหรือเปล่าว่าทุกสิ่งทุกอยางบนโลกใบนี้ ล้วนแล้วแต่จะนำมาซึ่งความผิดหวังได้ทั้งสิ้นเพราะความผิดหวังหรือความล้ม เหลว มันอยู่ไม่ไกลจากตัวเรา มันเกิดขึ้นมาจากทุกอย่างรอบตัว มันทั้งหยอกเล่น เอาจริง รังแก หรือแค่ทดสอบเรา จนบางครั้งทำให้รู้สึกเหมือนกับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปเสียอย่างนั้น 
            แต่เมื่อเจอกันอีกครั้ง เรากลับต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้มันอยู่ดี หลายคนจึงอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น และทำอย่างไรจึงจะสามารถเอาชนะมันได้สักที 
            อาจกล่าวได้ว่า ความล้มเหลวและความผิดหวังนั้นเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับเราไม่ต่างจากความสม หวัง เพียงแต่คนเรามักจะสมมติให้ตัวเองพึงพอใจกับความสมหวังมากกว่าเท่านั้นเอง 
            ในยามที่สมหวัง เราอาจจะบอกกับตัวเองว่าเป็น "ผู้ชนะ" โดยที่ไม่เคยสนใจว่าได้มันมาอย่างไร หรือไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเก็บรักษาเอาไว้ได้นานอย่างไร 
            ในทางกลับกัน เมื่อเป็นฝ่ายที่ต้องผิดหวังบ้าง เราก็มักจะตอกย้ำกับตัวเองอยู่เสมอว่าเราเป็น "ผู้แพ้" คนส่วนใหญ่จึงมองข้ามสิ่งสำคัญของชีวิตไป เพราะมัวแต่จดจ้องอยู่แค่คำว่า 
            แพ้ . . . ชนะ 
            สำหรับ ผมแล้วมีสิ่งหนึ่งที่คนเราไม่ควรมองข้าม นั่นคือการมีน้ำใจนักกีฬา และการยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรู้เท่าทัน ไม่ว่าจะเป็นผู้แพ้หรือชนะ เมื่อได้สู้อย่างเต็มที่แล้ว ให้คิดเสียว่าเราแพ้สิ่งหนึ่งเพื่อทำให้รู้ตัวว่า 
            "เราอาจจะเหมาะกับอีกสิ่งหนึ่งมากกว่า" 
            จงอย่ามัวเสียดายในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเราให้นานนัก จงออกไปค้นหาสิ่งที่ใช่สำหรับตัวเองดีกว่า เพราะไม่มีประโยชน์อะไรกับการพรรณนาถึงความล้มเหลวอย่างไร้สติรังแต่จะทำให้ ตัวเองรู้สึกด้อยค่ายิ่งขึ้นเท่านั้น 
            หากเปรียบชีวิตคนเราเป็นการแข่งขัน โลกนี้ก็คงเป็นสนามที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เราทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันที่จะเข้าร่วมอย่างไม่มีเงื่อนไข และก็ใช่ว่าโลกจะจำกัดชนิดกีฬาที่แข่งขัน มีหลากหลายอย่างที่ให้เราเลือกเล่น เราจึงต้องแสดงฝีมือในสิ่งที่ตนเองถนัดอย่างเต็มความสามารถ จนกว่าระฆังยกสุดท้ายของชีวิตจะดังขึ้น ซึ่งก็จะเป็นการสิ้นสุดการแข่งขันอันยาวนานนั้นลง 
            และในสนามแข่งขันของเกมชีวิตนั้นจะไม่มีการพักครึ่ง ไม่มีการขอเวลานอก ที่สำคัญไม่สามารถเปลี่ยนตัวผู้เล่นได้ เพราะเราต่างเกิดมาเพื่อที่จะเล่นเกมของตัวเองด้วยตัวเองจนจบ 
            แม้บางเกมเราจะแพ้หรือชนะ แต่ทุกๆ เกมเกิดจากการตัดสินใจของตัวเราเองทั้งสิ้น เราจึงต้องยืดอกยอมรับต่อผลที่เกิดขึ้นอย่างกล้าหาญ และน่าจะดีกว่าถ้าเราทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อจะไม่ต้องเสียใจในภายหลังเมื่อความผิดหวังมาเยือน 
            เมื่อพูดอย่างนี้ ก็ใช่ว่าจะยิ่งใหญ่ที่สุดเสมอไป เพราะบางครั้งความพ่ายแพ้ก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย แม้ว่าชัยชนะจะเป็นยอดปรารถนาของคนเราก็ตามที แต่เรามักจะได้อะไรดีๆ ในชีวิตจากความพ่ายแพ้มากกว่า เพียงแต่เราต้องทำความรู้จักและเรียนรู้จากมัน เพื่อสามารถนำเอาความผิดพลาดต่างๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในครั้งต่อไป ดังเช่นที่ นโปเลียน นักการเมืองการทหารผู้ยิ่งใหญ่ชาวฝรั่งเศส เคยกล่าวไว้ว่า 
            "คนที่ไม่รู้จักเรียนรู้จากความผิดพลาด ยังห่างไกลจากหนทางสู่ความสำเร็จนัก" 
            ไม่จำเป็นว่าเราต้องเป็นผู้ชนะฝ่ายเดียว 
            แพ้เสียบ้างก็เป็นกำไรชีวิตได้เช่นกัน 
            และ นอกเหนือจากมนุษย์ทุกคนจะต้องการปัจจัย 4 เพื่อการดำรงชีวิต ความทุกข์ที่เกิดจากความผิดหวังและความพ่ายแพ้ ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทุกคนต้องพบพานเหมือนกันหมด และเมื่ออยู่ในสนามแข่งขัน ทุกคนต่างก็มุ่งหวังที่จะเป็นผู้ชนะให้ได้ 
            คนส่วนใหญ่จึงอาจจะคิดว่าการเป็นที่หนึ่งนั้นจำเป็นต้องเอาชนะคนอื่นเท่า นั้น 
หากแต่แท้จริงแล้ว เกมที่เราแข่งขันอยู่ในสนามชีวิตจริง 
อาจไม่จำเป็นต้องมีคู่แข่งอื่นใดนอกจากตัวเรา 
เพราะบางทีเพียงแค่การเอาชนะใจตัวเองมันก็เป็นเรื่องที่ยากเย็นเสียยิ่งกระไร 
            บางทีหากเราต้องการจะเป็นผู้ชนะตัวจริง จึงไม่ใช่การวิ่งแซงหน้าเพื่อเอาชนะใครต่อใคร หากแต่คือการเอาชนใจตัวเองให้ได้ ก็ถือเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกแล้วล่ะ 
ที่มา...หนังสือจะท้อไปใย...เริ่มใหม่ลองดู โดย: ฤทธิรงค์
	 
	
	
	
		วิธีสร้างบุญบารมีในชีวิตประจำวัน
	
	
		1. นั่งสมาธิให้จิตนิ่งสนิท อย่างน้อยวันละ 15 นาที (หรือเดินจงกรมก็ได้) อานิสงส์ ---เพื่อสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดขึ้นทั้งภพนี้และภพหน้า เมื่อจิตสงบนิ่ง จะปราศจาก โลภะ โทสะ โมหะ ได้บุญมาก จิตจะผ่อนปรนจากกิเลส ปล่อยวางได้ง่าย จิตจะรู้วิธีแก้ปัญหาชีวิตโดยอัตโนมัติ ชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองไม่มีวันอับจน ผิวพรรณผ่องใส สุขภาพกายและจิตแข็งแรง เจ้ากรรมนายเวรและญาติมิตรที่ล่วงลับจะได้บุญกุศล 
 
2. สวดมนต์ด้วยพระคาถาต่างๆอย่างน้อยวันละครั้งก่อนนอน 
อานิสงส์ ---เพื่อให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ชีวิตหน้าที่การงานเจริญก้าวหน้า 
เงินทองไหลมาเทมา แคล้วคลาดจากอุปสรรคทั้งปวง จิตจะเป็นสมาธิได้เร็ว 
แนะนำพระคาถาพาหุงมหากา,พระคาถาชินบัญชร, 
พระคาถายอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก เป็นต้น เมื่อสวดเสร็จต้องแผ่เมตตาทุกครั้ง 
 
3. ถวายยารักษาโรคให้วัด,ออกเงินค่ารักษาให้พระตามโรงพยาบาลสงฆ์ 
อานิสงส์--- ก่อให้เกิดสุขภาพร่มเย็นทั้งครอบครัว โรคที่ไม่หายจะทุเลา 
สุขภาพกายจิตแข็งแรง อายุยืนทั้งภพนี้และภพหน้า 
ถ้าป่วยก็จะไม่ขาดแคลนการรักษา 
 
4. ทำบุญตักบาตรทุกเช้า 
อานิสงส์ ---ได้ช่วยเหลือศาสนาต่อไปทั้งภพนี้และภพหน้า ไม่ขาดแคลนอาหาร 
ตายไปไม่หิวโหย อยู่ในภพที่ไม่ขาดแคลน ข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์ 
 
5. ทำหนังสือหรือสื่อต่างๆเกี่ยวกับธรรมะแจกฟรีแก่ผู้คนเป็นธรรมทาน 
อานิสงส์---เพราะธรรมทานชนะการให้ทานทั้งปวง ผู้ให้ธรรมจึงสว่างไปด้วยลาถยศ 
สรรเสริญ ปัญญา และบุญบารมีอย่างท่วมท้น เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้ 
ชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่คาดฝัน 
 
6. สร้างพระถวายวัด 
อานิสงส์---ผ่อนปรนหนี้กรรมให้บางเบา ให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง 
สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง แคล้วคลาดจากอุปสรรคทั้งปวง ครอบครัวเป็นสุข 
ได้เกิดมาอยู่ในร่มโพธิ์ของพุทธศาสนาตลอดไป 
 
7. แบ่งเวลาชีวิตไปบวชชีพรามณ์หรือบวชพระอย่างน้อย9วันขึ้นไป 
อานิสงส์ ---ได้ตอบแทนคุณพ่อแม่อย่างเต็มที่ 
ผ่อนปรนหนี้กรรมอุทิศผลบุญให้ญาติมิตรและเจ้ากรรมนายเวร 
สร้างปัจจัยไปสู่นิพพานในภพต่อๆไป ได้เกิดมาอยู่ในร่มโพธิ์ของพุทธศาสนา 
จิตเป็นกุศล 
 
8. บริจาคเลือดหรือร่างกาย 
อานิสงส์---ผิวพรรณผ่องใส สุขภาพแข็งแรง ช่วยต่ออายุ 
ต่อไปจะมีผู้คอยช่วยเหลือไม่ให้ตกทุกข์ได้ยาก เทพยดาปกปักรักษา 
ได้เกิดมามีร่างกายที่งดงามในภพหน้า ส่วนภพนี้ก็จะมีราศีผุดผ่อง 
 
9. ปล่อยปลาที่ซื้อมาจากตลาดรวมทั้งปล่อยสัตว์ไถ่ชีวิตสัตว์ต่างๆ 
อานิสงส์---ช่วยต่ออายุ ขจัดอุปสรรคในชีวิต 
ชดใช้หนี้กรรมให้เจ้ากรรมนายเวรที่เคยกินเข้าไป ให้ทำมาค้าขึ้น 
หน้าที่การงานคล่องตัวไม่ติดขัด ชีวิตที่ผิดหวังจะค่อยๆฟื้นคืนสภาพที่สดใส 
เป็นอิสระ 
 
10. ให้ทุนการศึกษา,บริจาคหนังสือหรือสื่อการเรียนต่างๆ,อาสาสอนหนังสือ 
อานิสงส์---ทำให้มีสติปัญญาดี ในภพต่อๆไปจะฉลาดเฉลียวมีปัญญา 
ได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนอย่างรอบรู้ สติปัญญาสมบูรณ์พร้อม 
 
11. ให้เงินขอทาน,ให้เงินคนที่เดือดร้อน(ไม่ใช่การให้ยืม) 
อานิสงส์ ---ทำให้เกิดลาภไม่ขาดสายทั้งภพนี้และภพหน้า ไม่ตกทุกข์ได้ยาก 
เกิดมาชาติหน้าจะร่ำรวยและไม่มีหนี้สิน ความยากจนในชาตินี้จะทุเลาลง 
จะได้เงินทองกลับมาอย่างไม่คาดฝัน 
 
12. รักษาศีล5หรือศีล8 
อานิสงส์---ไม่ต้องไปเกิดเป็นเปรตหรือสัตว์นรก 
ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐครบบริบูรณ์ ชีวิตเจริญรุ่งเรือง 
กรรมเวรจะไม่ถ่าโถม ภัยอันตรายไม่ย่างกราย เทวดานางฟ้าปกปักรักษา 
 
 
FW