อาการของร่างกายหลังรับประทาน organic chlorella จาก febico

  1. iDnOuSe4
    iDnOuSe4
    อาการของร่างกายหลังรับประทาน คลอเรลล่า ที่เป็นออร์แกนิก

    ทำไม การทานคลอเรลล่า จึงจำเป็นต้องเลือก "คลอเรลล่า ที่เป็นออร์แกนิก" เท่านั้น

    คลอเรลล่า เป็นพืชน้ำเซลล์เดียว ที่มีความสามารถในการดักจับโลหะหนักสูง ดังนั้น คลอเรลล่า ที่เลี้ยงในแหล่งน้ำที่มีการปนเปื้อนของโลหะหนัก ก็จะดักจับโลหะหนัก ในแหล่งน้ำนั้นๆ มาเก็บไว้ที่ตัวเอง

    ดังนั้น เมื่อทานคลอเรลล่า ที่มีการปนเปื้อน โลหะหนัก ก็เท่ากับร่างกายได้รับพิษโลหะหนักเพิ่มจากคลอเรลล่า แทนที่คลอเรลล่าจะมาขับล้างพิษโลหะหนักในร่างกายออกไป

    โดยหลักการนี้ การทานคลอเรลล่า ที่ไม่สามารถการันตี "ความปลอดภัย" ได้ จะยิ่งทำให้ร่างกายสะสมพิษมากขึ้น จึงเป็นสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง ไม่ว่าจะในสถานการณ์วิกฤติหรือไม่ ก็ตาม

    การทานคลอเรลล่า จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องเลือก คลอเรลล่า เป็นออร์แกนิก 100% เพื่อการันตี ว่า จะไม่มีสิ่งพิษปนเปื้อนเข้ามาสู่ร่างกายเรา แทนที่จะมาช่วยร่างกายขับพิษ

    โดยที่ คลอเรลล่า ที่ได้รับการการันตีว่า เป็น ออร์แกนิกส์ 100% นั้น ถือว่าเป็นอาหารจากธรรมชาติ ที่สะอาด ปลอดภัย สามารถทานได้ทุกเพศทุกวัย และ สามารถทานต่อเนื่องได้ ตลอดชีวิต
    เนื่องจากอาหาร คลอเรลล่า เป็นอาหารที่มีคุณประโยชน์เด่นในเรื่องช่วยขับพิษให้ร่ายกาย และ ช่วยให้ร่างกายขับพิษได้มากขึ้น

    อาการของร่ายกายหลังรับประทาน คลอเรลล่า จึงแบ่งเป็นช่วงใหญ่ๆ อยู่ 2 ช่วงด้วยกัน นั้นคือ ช่วงที่ร่างกายกำลังสะสางสารพิษ และ ช่วงที่ร่ายกายเริ่มปราศจากสารพิษ

    ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกลไกร่างกายของเราเองก่อน ร่างกายปกติของมนุษย์มีกลไกการกำจัดสารพิษได้เองตามธรรมชาติ โดยได้อาศัยทรัพยากรหลักในการทำงานนี้ จากอาหารที่รับประทานเข้าไปจำพวก ผักใบเขียว และผลไม้ เป็นหลัก โดยจะปล่อยสารพิษออกจากร่างกายทางปัสสะวะ และ อุจจาระ เสียเป็นส่วนใหญ่

    แต่การที่ร่ายกายไม่ปกติ อันเกิดจากการ พักผ่อนไม่เพียงพอ และ พฤติกรรมการรับประทานอาหารที่เสี่ยงต่อการได้รับสารพิษ ดังที่ได้เขียนไว้ในกระทู้ แน่ใจหรือ? เพราะสารพิษรุนแรงและใกล้ตัวกว่าที่คุณคิดไว้เยอะมาก จะส่งผลกลไกการกำจัดสารพิษทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ หรือสารพิษไม่สามารถกำจัดออกจากร่างกายได้เท่ากับที่มีในร่างกาย จนส่งผลให้เกิดการสะสมสารพิษไว้ในร่างกาย ถ้าร่างกายสะสมสารพิษไว้มากเกินพอ จะมีสัญญาณที่เราสามารถสังเกตเห็นได้ ดังที่เขียนไว้ในกระทู้ 7 สัญญาณ ที่บ่งบอกว่า ร่างกายเราได้รับสารพิษมามากเกินพอ จนเมื่อเราได้รับประทานคลอเรลล่าเข้าไป จะสามารถสังเกตุเห็นการเปลี่ยนแปลงของร่ายกายในช่วงนั้นๆ ได้ ดังต่อไปนี้

    1. ช่วงที่ร่ายกายกำลังสะสางสารพิษ
    ส่วนใหญ่ ช่วงนี้จะใช้เวลานาน ซึ่งจะนานเพียงใดนั้น ขึ้นกับว่า ร่างกายเราจะสะสมสารพิษไว้มากเพียงใด และวิถีชีวิตและพฤติกรรมการกิน เราเสี่ยงต่อการได้รับสารพิษเพิ่มเพียงใด สามารถสรุปอาการทั่วไปของร่างกายในช่วงกำลังสะสางสารพิษ ได้ดังนี้

    1.1 หิวน้ำบ่อยขึ้น
    1.2 ปัสสาวะบ่อยขึ้น และ สีของปัสสาะจะมีสีใสขึ้น
    1.3 ปริมาณอุจจาระเยอะขึ้น จนรู้สึกได้ว่าโล่งท้อง

    หมายเหตุ 1. กรณีคนที่ไม่ชอบกินผักและผลไม้ คือกลุ่มที่สันนิษฐานว่า ร่างกายสะสมสารพิษไว้ปริมาณสูง เนื่องจากทรัพยากรที่ใช้ทำงานสะสางสารพิษ ไม่เพียงพอ กลุ่มนี้เมื่อรับประทานคลอเรลล่าเข้าไปอาจส่งผลให้เกิดอาการท้องเสีย เนื่องจากสมดุลลำไส้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเฉียบพลัน ซึ่งสามารถแก้ไขได้โดยการลดปริมาณการรับประทานลง จนไม่มีอาการท้องเสีย แล้วจึงค่อยๆ เพิ่มปริมาณการรับประทานต่อวันให้ได้ตามมาตราฐาน

    หมายเหตุ 2. กรณีคนที่ร่ายกายสะอาดมากๆ และ เสี่ยงต่อการได้รับสารพิษเพิ่มน้อยมากๆ อาจไม่สามารถตรวจสอบได้จากอาการข้างต้นได้ แต่หากวันใดร่างกายได้รับสารพิษเข้ามาเกินกว่าที่กำจัดออกไปได้ อาจจะสังเกตเห็นอาการดังกล่าวข้างต้นได้
    2. ช่วงที่ร่ายกายเริ่มปราศจากสารพิษ
    เป็นช่วงที่ร่างกายเริ่มสะสางสารพิษต่อวันได้มากกว่าหรือเท่ากับปริมาณสารพิษในร่างกาย เมื่อร่างกายเข้าสู่สภาวะนี้ เราจะเริ่มรู้สึกได้เองมากน้อยเพียงใดขึ้นกับว่าร่างกายเราเสื่อมมากเพียงใด ถ้าร่ายกายเสื่อมมากจะสังเกตเห็นสภาวะนี้ได้ชัดกว่า หากเข้าสู่ภาวะนี้ อาการที่แสดงว่าร่างกายสะสมพิษไว้ควรจะน้อยลง จนไม่มีเลย ซึ่งสามารถสรุปอาการทั่วไปของร่างกายในช่วงร่างกายเริ่มปราศจากสารพิษได้ ดังนี้

    2.1 ร่างกายแสดงอาการไว ถี่ และ บ่อยขึ้น หลังสัมผัสสารพิษ
    2.2 รู้สึกได้ว่าร่างกายมีพลังงานมากขึ้น
    2.3 กลิ่นปากตอนเช้ามีน้อย จนอาจไม่มี
    2.4 ตัวเหนียวเนอะหน่ะ น้อยลง จนสังเกตได้จากเสื้อผ้าก่อนอาบน้ำได้ว่า มีกลิ่นน้อยลง

    หมายเหตุ. หากร่ายกายเข้าสู่สภาวะนี้แล้ว ไม่ได้หมายความว่าจะไม่แสดงอาการของร่างกายช่วงกำลังสะสารสารพิษ
    ผลของร่ายกายเฉพาะกลุ่ม (ข้อมูลจริงจากการรับประทานด้วยตนเอง)
    - พบว่าผู้เป็นลมพิษเรื่อรัง รับประทานคลอเรลล่าต่อเนื่องเป็นเวลา 2 อาทิตย์ สามารถช่วยลด บรรเทา อาการของลมพิษเรื้อรังได้
    - พบว่าพุงอันเกิดจากความเครียดยุบลง
    - พบว่าร่างกายตนเองมีพลังงานในการทำงานได้มากขึ้น ลดการพึ่งพากาแฟได้มากขึ้น
    - พบว่าตนเองมีการถ่ายได้อย่างสม่ำเสมอ และปริมาณมากกว่าแต่ก่อน โล่งพุงเอามากๆ
    - พบว่าตนเองตื่นเช้าได้ ง่ายขึ้น โดยที่ไม่มีอาการง่วง เหงา หาว นอน เหมือนก่อน

    (ขอบคุณรูปภาพจาก http://thesupermandiet.com/wp-conten...compressor.jpg)

    อย่างไรก็ตาม สภาวะสะสมพิษ อาจเกิดขึ้นได้เมื่อไหร่ก็หากสะสางพิษได้ไม่ทันต่อเนื่อง สภาวะสะสมพิษไม่ควรปล่อยให้เกิดขึ้นเลย เนื่องจากอาจเป็นต้นเหตุของโรคร้าย หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือ ทางอ้อม เช่นมะเร็งลำไส้ มะเร็งตับ โรคหัวใจ โรคอัลไซเมอร์เป็นต้น


    (ขอบคุณรูปภาพจากลิ้ง http://www.colon-cleanse-information...xic-colon.html)

    นอกจากคุณสมบัติเด่นในเรื่อง การสะสางสารพิษแล้ว ในสาหร่ายคลอเรลล่ายังไม่กรดอะมิโน และวิตามินสูงมาก ซึ่งเมื่อร่างกายเข้าสู่สภาวะเริ่มปราศจากสารพิษแล้ว กรดอะมิโน และวิตามินเหล่านั้นจะช่วยบำรุงร่างกายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จนรู้สึกได้ว่าร่างกายแข็งแรงขึ้นจากการที่ป่วยน้อยลง

    อีกทั้งยังมีปริมาณ “คลอโรฟิล” ในปริมาณต่อน้ำหนักที่สูงที่สุด ซึ่งคลอโรฟิลนี้ช่วยลดความดันในเลือด และเป็นพรีไปโอติก (อาหารของจุลินทรีดีในร่างกาย) ส่งผลให้ถ่ายง่าย เป็นเวลา และสม่ำเสมอ

    และยังมี “คลอเรลลิน” ที่ออกฤทธิ์ต่อต้านแบคทีเรียที่ไม่ดีในร่างกาย ช่วยให้มีแบคทีเรียที่ดีในร่ายกายเพิ่ม ซึ่งแบคทีเรียที่ดีในร่ายกายช่วยย่อยอาหารบางชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่ายกาย แต่ร่ายกายไม่สามารถย่อยได้
Results 1 to 1 of 1