แชร์ประสบการ์เกี่ยวกับ การลดน้ำหนัก กันจ้า

  1. s
    s
    ขออ้างอิงจากประสบการณ์ การพยายามคุม นน.ไม่ให้ขึ้นของตัวเอง



    และจากที่เรียนด้านโภชนาการเกี่ยวกับสารอาหารที่ทานเข้าไปในร่างกายแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
    กับที่ได้พูดคุยกับเพื่อนรุ่นพี่ซึ่งทำงานเป็นหมอมาหลายปีแล้ว ได้ข้อสรุปว่า
    โยโย่เกิดจากพฤติกรรมของบุคคล ซึ่งก็มาจาก ใจ ที่ตามใจปาก ห้ามความอยากไม่ได้ (หิวกับอยากต่างกันนะคะ)

    ตามที่เอสได้ลงบทความไว้ในกรุ๊ป โยโย่ มากจากไหนกัน???

    เราต้องทำความเข้าใจให้ได้ ว่า หลักในการลด นน.ที่ดีที่สุด คือ ใจ ที่ไม่ตามใจปาก



    และการขยันออกกำลังกายวันละ 20-30 นาที ซึ่งจะไม่ส่งผลให้ นน. อ้วนขึ้นแน่นอน

    ส่วนคนที่โยโย่ เป็นผลมาจากการที่เราใช้ตัวช่วย ในการลดน้ำหนัก
    เราจะไม่ค่อยระวังเรื่องการกิน คือว่า เรากินได้มาก แต่มันไม่ค่อยอ้วน เพราะเรามีตัวช่วยอยู่

    แต่เมื่อหยุดทานตัวช่วย หากเรายังกินมาก..ตามใจปากเช่นเดิม ก็จะทำให้โยโย่ค่ะ ไม่ว่าจะทานอาหารเสริม ลดน้ำหนัก ตัวใดก็ตาม
    หากเราไม่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการทาน หรือไม่ควบคุมการทาน ยังไงก็จะเกิดการโยโย่แน่นอนนะคะ

    ดังนั้น เมื่อหยุดทานตัวที่ ช่วยลดน้ำหนักแล้ว เราต้องควบคุมการทานให้ดี พยายามอย่าทานเยอะกว่าตอนมีตัวช่วย
    พยายามทานให้น้อย..กว่าตอนมีตัวช่วย เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ ไม่โยโย่ค่ะ


    คราวนี้มาอ่านประสบการณ์ของเอสกันนะคะ

    จากที่เอสกินยาลด นน. มา 10 ปีของยันฮี
    กินอาหารเสริมที่ประกาศขายตามหน้าหนังสือพิมพ์ และนิตยสารต่างๆ
    กินเคิมบริดจ์ไดเอท อาทิตย์ละ 4000 บาท
    กินนูทรี อาหารลดน้ำหนัก เดือนละ 5000 บาท
    ฝั่งเข็ม ครั้งละ 1200 บาท จำนวน 6 ครั้ง
    ฉีดเมโส เข็มละ 5,500 บาท ฉีดไป 4 เข็ม 22,000 บาท
    ฉีด fat cocktail สลายไขมัน เข็มละ 3000 บาท
    ฉีดคาร์บอกซี่ แขน ขา หน้าท้อง รวมกันได้ปริมาณ ครั้งละ 3000 cc ทั้งหมด 20 กว่าครั้ง
    เข้าครอส คริสตี้ฟรองซ์ + มารีฟรานซ์ หมดไป 200,000 บาท
    และอีกมากมายที่ลองมาจะหมดแล้ว ยกเว้นดูดไขมัน(ยังไม่กล้า)

    สรุป ไม่มีอะไรที่ลดได้ถาวร ผอมได้ตลอดกาล จะลดได้เฉพาะช่วงที่เราทำเท่านั้น



    พอหยุดทำ นน. ก็จะค่อยๆ ขึ้นมาเรื่อยๆ จนในที่สุดเอสหยุดลอง ขนาดครอสเจ้าดังยังมีเหลือ
    เนื่องจากเมื่อได้ไปเรียนโภชนาการ และจากที่นักโภชนาการของสถาบันดังเคยให้ข้อมูล คือ คุมแคลลอรี่ต่อวันกันเลยทีเดียว

    และบวกกับจำที่พี่ชายเคยบอกไว้ซึ่งอธิบายหลักการของการลด นน. แก่นแท้ที่สิ่งสำคัญที่สุดของมัน คือ ใจของเรา ซึ่งไม่ต้องไปเสียตังค์ให้แพงมากมาย ไม่ต้องไปเสียค่าโง่ให้กับโฆษณาที่เกินความจริง
    เพียงแค่เราไม่กินตามปาก และออกกำลังกายสักนิด โดยเฉพาะขึ้นลงบันได เพียงวันละ 15-20 นาที เพียงเท่านี้ก็สามารถคุม นน.ไม่ให้โยโย่ได้แล้ว


    ทุกวันนี้เอสยังไม่โยโย่นะคะ คือ นน.ไม่มากกว่า นน.ที่เอสเคยหนักที่สุด คือ 64 กิโล
    เนื่องจากเอสจะใช้สารอาหารเป็นตัวช่วยในการทำให้ metabolism ของร่างกายสมบูรณค่ะ
    สำหรับตัวเอส นน.ที่เอสพอใจคือ ไม่เกิน 58 กก. เวลาที่นน.ขึ้น 1-2 โล เอสก็จะเริ่มมีวินัย ไม่ตามใจปาก และออกกำลังกาย
    เพียงหมั่นเช็คดู นน. อยู่เรื่อยๆ และมีวินัย เราก็จะไม่โยโย่แล้วค่ะ ยิ่งช่วงที่ นน.กำลังขึ้น จะต้องมีวินัยมากเป็นพิเศษ
    แต่เอสจะกินสารอาหาร เพื่อช่วย metabolism ตลอดค่ะ


    นำมาจากที่คุยกันในกรุ๊ปของแม่ค้าเรื่องลดความอ้วน :

    โห คุณเอส ลองมาทุกอย่างแล้วจริงๆ เห็นด้วยค่ะ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ วินัยในการกิน และ การออกกำลังกาย
    และสำคัญที่สุด คือ อย่าปล่อยให้โยโย่


    ฝืนใจให้ได้ เพราะถ้าคุณเริ่มโย่แม้แต่นิดเดียว แม้แต่แค่กิโลเดียว นั่นแปลว่าระบบ metabolism ของคุณกำลังเริ่มพัง
    ดังนั้นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดหลังจากน้ำหนักลงได้แล้ว เหล่าดาราฮอลลีวู้ดถึงต้องเข้ายิมแบบจัดหนัก
    เพื่อเปลี่ยนมวลเนื้อไขมันที่เหลือให้เป็นกล้ามเนื้อด้วยการออกกำลังกาย อย่างเคสของBritney นี่ก็คือลดน้ำหนักก่อน
    พอลงมาถึงจุดที่พอใจก็เข้ายิมจัดเต็มและควบคุมอาหาร พอร่างกายเริ่มสร้างความคุ้มเคยกับ metabolism ใหม่ แล้วจะเริ่มอยู่ตัว
    แต่ต้องทำเป็นวินัยให้ได้ 3เดือน แล้วจะเริ่มมี metabolism ที่สมบูรณ์
    หลังจากนั้น ก็ดูแลวินัยอาหารและออกกำลังกายแบบพื้นฐานทั่วไป ก็จะรักษาระบบการเผาผลาญที่ไม่ทำให้อ้วนไว้ได้
    ถ้ารักษาวินัยการกินและออกกำลัยกายได้ตลอดชีวิตหลังจากลดน้ำหนักได้ นั่นเป็นคำตอบเดียวว่าคุณจะไม่กลับมาอ้วนอีกเลยชั่วชีวิต

    ดังนั้นแล้ว หากคุณเริ่มโยโย่ แปลว่าคุณ "ต้องเลิก" ยาลดความอ้วนทุกชนิดได้แล้ว เพราะนั่นแปลว่า ระบบเผาผลาญในร่างกายคุณ "กำลังพัง"

    ซึ่งหากคุณยังพยายามทานยาลดความอ้วนเข้าไปเพิ่ม ระบบเผาผลาญในร่างกายคุณจะพังเกินกว่าจะเอากลับมาได้
    และจะทำให้คุณเป็นโรคอ้วนเรื้อรัง และในกรณีที่เป็นมาก น้ำหนักจาก 50 ก็กลายเป็นเกือบ 100 กิโลมาแล้วหลายคน
    หากใครอยู่ในช่วงโยโย่และกลัวจะรับมือไม่ไหวและต้องการตัวช่วยจริงๆ ขอให้เลือกเฉพาะอาหารเสริมกลุ่มที่เสริมระบบเผาผลาญ เท่านั้น


    "ห้าม" หันกลับไปหายาลดความอ้วน กลุ่มที่ไปกดประสาท ห้ามความอยากอาหารอีก โดยเด็ดขาด
    สรุปเป็นสองประเด็นสั้นๆ

    1. ยังไม่โยโย่ แต่ลดน้ำหนักได้แล้ว
    พอน้ำหนักลงแล้ว เข้ายิม หรือ ออกกำลังกายใดๆ เพื่อไปสร้างมวลกล้ามเนื้อด่วนๆ และควบคุมอาหาร
    ทำให้ได้ซักสามเดือนเพื่อปรับระบบเผาผลาญในร่างกายคุณ แล้วระบบเผาผลาญคุณจะเพอเฟคสุดๆ และจะกลับมาอ้วนยาก

    เพราะหากคุณปรับพฤติกรรมได้สามเดือนร่างกายคุณจะชิน จนร่างกายปรับตัวได้ตามธรรมชาติ
    และระบบเผาผลาญที่เสียไปจากการกินยาลดความอ้วนจะกลับมาเป็นปกติ และคงน้ำหนักที่ลดแล้วไว้ได้

    2. โยโย่แล้ว น้ำหนักกลับมาขึ้นแล้ว
    ให้หยุดยาลดความอ้วนทุกชนิด เพราะระบบเผาผลาญคุณกำลังพังแล้ว อย่าปล่อยให้พังมากกว่านี้
    จนกลายเป็นคนอ้วนมากโดยการไปทานยาลดความอ้วนอีก หากต้องการตัวช่วย ให้เลือกอาหารเสริมกลุ่มที่ เสริมระบบเผาผลาญ แต่"ห้าม" เลือกกลุ่มที่ระงับความอยากและปฏิบัติตามข้อหนึ่ง ควบคู่ไป เพื่อปรับระบบเผาผลาญคุณ ให้กลับมาปกติเร็วที่สุด




    ลืมบอกอีก 2 อย่างที่สำคัญที่เคยลองทานมาแล้ว คือ รีดิซ์ กับ รีดักทิล ขนาดซื้อจากคลีนิคไฮโซ หรูเลิศ ที่ว่าแท้แน่นอน อาทิตย์ละ 7 เม็ด 4,200 บาท นน. ก็ยังไม่ลงและยังอ้วนขึ้นอีก เฮ้อ....
    ดังนั้น ใจ และความมีวินัย เป็นสิ่งสำคัญที่ควบคู่กันอย่างดีที่สุด

    ส่วนกลุ่มที่ช่วยเพิ่มการเผาผลาญตัวที่ดีที่สุดในตอนนี้ คือ กลุ่มที่มีโครเมียมที่สามารถดูดซึมได้หมด 100% ที่เราทานเข้าไป และมีอีกกลุ่ม ที่เอสกินเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาผลาญ คือ แอลคาร์นิทีน L-carnitine
    ซึ่งสารอาหารสองตัวนี้ปลอดภัยมากๆ เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อระบบ metabolism และต้องเลือกที่ไม่มีส่วนผสมของยาลดความอ้วน

    และเอสจะกินอีกตัวเพื่อลดความหิว (หิว กับ อยาก ต่างกันนะคะ) ซึ่งเป็นสารอาหารเหมือนกันนะคะ ปกติร่างกายสามารถสร้างได้เอง

    แต่ถ้าคนไหนมีความหิวมากๆ แปลว่าร่างกายผลิตสารนั้นไม่เพียงพอ สารที่ว่าก็คือ กรดอะมิโน ที่ชื่อว่า แอลฟีนิลอะลานีน L-Phenylalanineค่ะ

    สรุปทุกวันนี้เอสกินสารอาหารอยู่ 4 ตัวค่ะ ที่ เอสชอบมากๆๆๆ เพื่อควบคุม นน. เพราะระบบ metabolism ของเอสพังไปเยอะแล้ว เนื่องมาจากเมื่อก่อนกินยาลดน้ำหนักมาประมาณ 10 ปี ซึ่งกินเป็นเวลานานเกินไป

    สำหรับสารอาหารทั้ง 4 ตัวเพื่อนๆเลือกซื้อต้องระวังอย่าดูแคชื่อนะคะให้เลือกโดยดูว่าผู้ผลิตได้มาตรฐานอาหารและยาของประเทศไหนบ้างและประเทศนั้นได้รับการยอมรับในวงการวิทยาศาสตร์ทางด้านอาหารและยาไหม

    ที่สำคัญที่สุด เลิกกินยาลดความอ้วน และ แก่นแท้ที่สิ่งสำคัญที่สุดของมัน คือ ใจของเรา วินัยในการกินอาหารและออกกำลังกาย เท่านี้ละคะ




    ขอบคุณรูปจากลิงค์ต่อไปนี้ค่า ^^

Results 1 to 1 of 1