การเลิกทาส ......ทางความคิด

  1. yourfwd
    yourfwd
    การเลิกทาส ......ทางความคิด

    วันนี้ ลองไปเปิดหนังสือที่น้องสาวซื้อมาอ่าน ไม่ได้คิดอะไรมาก แค่เปิดตามประสาคนอยากรู้อยากเห็น

    .... โดยไม่รู้ตัว ยืนอ่านจนจบบทแรก พร้อมกับสิ่งต่างๆ ที่ต้องเก็บไป "คิด" ต่อมากมาย

    เราเลยตัดสินใจ เรียบเรียง เรื่องราวที่อ่านเจอ มาให้เพื่อนๆ ได้ลองนำไปคิดกันเล่นๆ ดูนะคะ

    ---------------------------------------

    ลองจินตนาการภาพ เมื่อครั้ง ตอนที่โลกเรากำลังมีการก่อสร้างครั้งใหญ่ ประมาณ 3500 ปี ก่อน ค.ศ.

    "การสร้าง มหาปิรามิด แห่งอียิปต์"

    หากเรามองการก่อสร้างครั้งนั้น คนที่เกี่ยวข้อง มีมากมาย

    มีตั้งแต่ ราชา ที่เป็นเจ้าของโครงการ
    สถาปนิก ผู้ออกแบบ
    วิศวกร ผู้ทำให้แบบนั้น ใช้งานได้จริง
    และ แรงงานทาส ที่ไม่รู้ว่า สิ่งที่ตนทำนั้น คือสิ่งใด

    คน ทำไม ถึงต่างกัน??

    ในโลกอดีต เช่นนั้น เรามองเห็นได้ไม่ยาก ถึงความต่างกันของคน
    แต่การมองเห็นเหตุ ที่ทำให้คนเราต่างกันนั้น เป็นเรื่องยาก หากเรายังไม่เคยได้มอง

    คนที่ "คิด" กับคนที่ "ไม่คิด" ชีวิตต่างกันมากมาย

    คำพูดที่กล่าวว่าคนเราต่างคิดได้เหมือนกัน คำพูดนี้ก็จริง

    "คนเราคิดได้เหมือนกัน แต่ความคิดที่ได้ ไม่เหมือนกัน"

    หากเราพิจารณาแค่ งานสร้างปิรามิด "คนที่คิดว่า กำลังสร้างปิรามิด" กับ "คนที่ ไม่รู้ว่าตนสร้างสิ่งใด" คนสองกลุ่มนี้ สิ่งที่คิดได้ ต่างกัน

    "ความคิด กำหนดชะตาชีวิตของทั้งเผ่าพันธุ์"

    เผ่าพันธุ์ีที่คิดได้ กับ เผ่าพันธุ์ที่คิดได้น้อยกว่า (หรือเผ่าพันธุ์ที่ใช้ความคิดไม่ได้)

    เราอยากเป็นคนกลุ่มไหน ในโลกอดีต

    .... เผ่าพันธุ์ ที่เป็นผู้สร้างปิรามิด
    .... หรือ เผ่าพันธุ์ ที่เป็นทาส ไม่รู้ว่าตนกำลังสร้างสิ่งใด

    ในอดีต เรามองความแตกต่างของผล จากการคิดและไม่คิด เห็นได้ชัด

    หากเราไม่ยอมรับความต่างนี้ เราจะรู้ไหม .... ว่าเราเป็น "ทาส" ผู้ไม่รู้ว่าชีวิตเรากำลังออกแรงเพื่อสร้างสิ่งใด หรือเป็น "ผู้รู้" ในสิ่งที่ตนต้องทำ

    ในยุคอดีตนั้น ความแตกต่าง ทำให้เรามองเห็นได้ง่ายว่าชีวิตนั้น ต่างกัน

    "อารยธรรมที่สูงกว่า จากอาณาจักรที่แข็งแกร่งกว่า เป็นผู้กำหนดให้คนทีอ่อนแอกว่า ต้องเป็น ทาส"

    ลองนึกภาพหมู่บ้านชนเผ่าในชนบท ที่ต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบ

    วันหนึ่งที่อารยธรรม ของผู้ปกครองขยายออกมา ความต้องการแรงงานในการสร้างปิรามิดเกิดขึ้น

    "คนที่อ่อนแอกว่า ก็ต้องโดนกวาดต้อน ไปเป็นแรงงาน"

    อารยธรรมจากอาณาจักรที่แข็งแรงกว่า ทำลายชีวิตดังเดิมและมอบชีวิตใหม่ ให้คนเหล่านั้น

    "ทาส ผู้ไม่รู้ว่าตนกำลังทำสิ่งใด"


    มาในยุคปัจจุับัน เรามองเห็นความแตกต่าง ของความคิดไหม "อารยธรรม ของอาณาจักรที่แข็งแรงกว่า"

    "อารยธรรม ที่จะพาเราไปเป็นทาส" ทาส ผู้ที่ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนทำ นั้นมีความหมายเช่นไร ต่อชีวิต นอกจากเพียงแค่ได้มีอาหารกิน

    อารยธรรม ของอาณาจักรที่แข็งแรงกว่า


    "อาณาจักร ของโลกทุนนิยม"


    ในเมื่อความคิดนั้น ทำให้คนสองกลุ่มแตกต่าง

    "การเข้าใจความคิดตนเท่านั้น ที่จะทำให้เราอิสระอย่างแท้จริง"

    ทำให้อิสระพอที่เราจะเลือกได้ว่าเราจะเป็นคนจากกลุ่มไหน หรือ บางวันที่เราเข้าใจความคิดเราจริงๆ เราอาจมีทางเลือกมากกว่า ทางที่เขามีให้เลือก

    ไม่ต้องเป็นทาสของอาณาจักรโลกทุนนิยม

    หรือโลกใดๆ "ที่คนอื่นคิดแทนเรา" โลกที่ทำให้เราเป็นทาส แม้แต่่ความคิดตนเอง

    ไม่มีอิสระพอจะรู้ว่า ในหัวเราความคิดอันไหน คือ ความคิดของเราเองจริง

    และทำไม เราเองถึงต้องคิดเช่นนั้น

    ทำให้สมองที่มี เหมือนไม่มีชีวิต

    "สมองมีชีวิต" จึงเป็นเรื่องที่ต้องเขียน

    เขียนเพราะรู้ว่า สิ่งที่ทำมีความหมายต่อชีวิตเช่นไร

    --------------------------------------------------------------------

    อ่านจบแล้ว ความคิดหลายๆอย่าง มันประเดประดังเข้ามาเต็มไปหมด

    ปีที่แล้ว ตอนนัดเจอเพื่อนสมัยมหาลัย ต่างคนต่างทำงาน ต่างเริ่มต้องวางแผนในชีวิต

    "อนาคต คิดจะทำอะไร" เพื่อนสนิทคนหนึ่งถามเรากลางงาน

    "ไม่รู้ ทำงานไปเรื่อยๆก่อน" เราตอบไปอย่างไม่คิดอะไร

    "แล้วเธอหล่ะ" เราถามกลับ

    "คิดว่าสิ้นปีจะเปลี่ยนงานหล่ะ up เงินเดือนหน่อย" เพื่อนยิ้มและตอบกลับมา

    .............................................

    สองเดือนที่ผ่านมา ตอนคุยกับแม่

    "เรื่องชีวิต วางแผนไว้ว่าไงลูก" แม่ตั้งคำถาม

    "ยังไม่รู้เลยค่ะแม่ ตอนนี้คิดว่าตั้งใจทำงานไปก่อนค่ะ" คำตอบเดียวกับที่ตอบเพื่อน

    ..............................................

    เมื่อคืน ก่อนเขียนเมลล์ Fwd นี้ ได้ยินข่าวทางโทรทัศน์

    "นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เศรษฐกิจของไทยกำลังเริ่มฟื้นตัว และต่างประเทศเองก็ยังคงต้องการที่จะเข้ามา ลงทุน ในไทย"

    ..............................................

    มันคงรู้สึกไม่ดีนัก ที่ยิ่งนับวันยิ่งชัดเจน ว่าเราเอง ก็เป็น "ทาส" คนหนึ่ง ทาส ในระบบทุนนิยม

    แต่ในฐานะ ที่เป็นเพียงคนหนึ่ง เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ในสังคมอันกว้างใหญ่ เราคงไม่สามารถลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมที่มันเป็นมาอย่างยาวนาน ให้กลายเป็นอีกอย่างได้

    และเราเอง ก็ไม่มุ่งหวังให้ใคร ต้องมารับภาระเพียงลำพัง เหมือนดังที่ ล้นเกล้าฯ ร.5 ของเราได้ทรงนำประเทศไทย ไปสู่การเลิกทาสได้สำเร็จ

    ...............................................

    นึกไปถึงหนังที่เราชอบเรื่องหนึ่ง ชื่อว่า 10,000 B.C.

    ตอนใกล้จบ มีฉากที่พระเอก บุกเข้าไปแล้วทำการปล่อยทาสที่เป็นแรงงานผู้่สร้างปิรามิดทั้งหมดให้ออกมา

    แต่มีสิ่งที่เราตกใจ ก็คือในฉากนั้นทาสส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่าต้องหนี เลือกที่จะนั่งอยู่ในคุกที่เปิดแล้ว ต่อไป

    พอย้อนนึกดูจากตรงนี้ ทาสผู้น่าสงสารเหล่านั้น ไม่ได้เป็นทาส เพียงแค่ร่างกาย แม้แต่ความคิดก็กลับกลายเป็นทาสเสียแล้ว ทาสผู้ไม่รู้ว่า อิสรภาพ มีค่าแค่ ไหน ทาสผู้ขอเพียงว่า มีอาหารกิน ก็เพียงพอ

    .................................................

    พอกลับมาในยุคปัจจุบัน ในที่สุด เราก็เจอสิ่งที่ผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเรา สามารถทำได้ และเราก็เชื่อว่าทุกคนทำได้ นั่นคือ

    อย่างน้อย เริ่มต้นที่ตัวเอง ที่จะต้องทำให้ความคิดตัวเองเป็นอิสระ จากความคิดทุกๆความคิด ที่ครอบงำเราอยู่โดยไม่รู้ตัว ไม่ใช่แค่จากอาณาจักรทุนนิยม

    .... แล้วจะเริ่มต้นอย่างไรหล่ะ ....

    คิดอยู่นาน สุดท้ายก็เจอคำตอบ อยู่ในหนังสือเล่มที่เรานำบทความมาเรียบเรียงนี่แหละค่ะ เราเรียบเรียงมาเป็นหลักปฏิบัติง่ายๆค่ะ

    1. ตั้งคำถาม "ทำไม" กับทุกๆ ความรู้ ความคิด ที่เข้ามาสัมผัสตัวเรา (ตั้งคำถามในใจ แล้วหาคำตอบเองก่อนนะคะ แล้วค่อยถามคนอื่น ไม่งั้น เดี๋ยวไม่มีใครอยากคุยด้วยค่ะ ส่วนคำถามไหนที่หาคำตอบได้แล้วก็ไม่ต้องไปตั้งใหม่นะคะ)

    การตั้งคำถาม "ทำไม" จะเป็น ตัวกรอง ความรู้ ความคิด ที่เข้ามาสัมผัสตัวเรา ว่าเราควรจะยอมรับมันเข้ามาไหม (ถ้าพิจารณาแล้ว ดีจริง ก็ควรยอมรับเข้ามาค่ะ) และถ้าไม่ยอมรับมันเข้ามา มีทางไหนล่ะ ที่แก้ปัญหาเดียวกันได้ดีกว่า ซึ่งสุดท้าย การแก้ปัญหาต่างๆ ในชีวิตของเรา จะเริ่มยืดหยุ่น ไม่ติดกับกรอบความรู้ ความคิดใดๆค่ะ

    2. ตั้งคำถาม "ทำไม" กับทุกๆ การกระทำ การพูด และการคิด ของเราเอง ข้อแรก เป็นการตั้งคำถามกับสิ่งแวดล้อมค่ะ ส่วนข้อนี้ เป็นการตั้งคำถามกับตัวเราเอง ซึ่ง จะทำให้เราสามารถ

    ละการกระทำ ที่ไม่ได้ผ่านการคิดตรึกตรองมาก่อน เพราะการกระทำเหล่านั้น มักจะส่งผลร้ายเป็นส่วนใหญ่ อย่างน้อยก็ทำให้เราเสียเวลาค่ะ

    ละการพูด ที่ไม่รู้ว่าพูดไปทำไม ซึ่งก็ส่งผลร้ายเป็นส่วนใหญ่เช่นกัน เพราะอย่างน้อยสิ่งที่พูดออกไปก็เป็นเพียงการพูดพล่อยๆ

    ละการคิด ที่ไมีรู้ว่าคิดเพื่ออะไร มันทำให้เราคิดฟุ้งซ่านค่ะ บางครั้งถึงขั้นไม่ได้นอน ก็เพราะไม่รู้ไปคิดอะไรอยู่นี่แหละค่ะ

    3. ห้ามเด็ดขาด กับการบอกว่า "พูดไป โดยไม่ได้คิด" หรือ "ทำไป โดยไม่ได้คิด" (ห้ามตัวเองให้ได้ก่อน ก่อนไปห้ามคนอื่น นะคะ) มันเป็นแค่ข้อแก้ตัวค่ะ เพราะการพูด และกระทำนั้น ผ่านการคิดมาแล้วทั้งนั้น แต่เพราะไม่รู้ว่าคิดไปทำไม จึงไม่รู้ว่าคิดอะไรออกไป จนตัดสินใจ พูดไปแล้ว ทำไปแล้ว


    4. ห้ามเด็ดขาด กับการนำคำว่า "การทำความคิด ให้อิสระ" ไปตีความว่าความคิดเราถูกเสมอ โดยไม่ได้เปิดใจรับความคิดอื่น ซึ่ง การตีความแบบนี้ จะทำให้เราเป็นคนยึดถือความคิดตัวเองเป็นหลัก จนกลายเป็นไม่ยืดหยุ่นไปอีกแบบ และสุดท้าย จะกลายเป็นคนไม่สนใจกฏระเบียบ และความคิดคนอื่นเลยค่ะ ระวังนะคะ ถ้าปล่อยถึงจุดนี้แล้ว จะไม่มีใครคบหาสมาคมด้วยค่ะ


    ทั้ง 4 ข้อด้านบนนี้ เป็น สิ่งที่เราพยายามเรียบเรียงจากหนังสือ "สมองมีชีวิต สุดยอดคัมภีร์ความคิด" ของ คุณเอกราช จันทร์ดอน ค่ะ ซึ่ง เราก็ไม่มั่นใจนะคะ ว่าเรียบเรียงใจความสำคัญออกมาได้หมดหรือเปล่า (เพราะในหนังสือ เขียนอธิบายละเอียดยิบค่ะ) ถ้าเพื่อนๆ สนใจ สามารถไปลองเปิดอ่านดูเพิ่มเติมได้ที่ซีเอ็ดค่ะ (เห็นน้องสาวไปซื้อมาจากที่นั่น น่าจะยังมีขายอยู่)

    ขอบคุณทั้งหนังสือ และคนแต่งค่ะ ที่ทำให้ "สมอง มีชีวิต" (ชอบคำนี้จังค่ะ)

    สุดท้ายนี้ แรงบันดาลใจทั้งหมด ที่ทำให้เราเขียน Forward Email นี้ขึ้นมา เพราะอยากให้เพื่อนๆ ได้เห็นความสำคัญ ของการ "ทำความคิดให้อิสระ" มี "สมองที่มีชีวิต" (คือรู้ว่า ทุกความคิด คิดไปทำไม) และ หากเราเริ่มทำความคิดตนให้อิสระ ชีวิตเราจะเริ่มเปลี่ยนแปลงค่ะ

    (อันนี้ ขอจินตนาการต่อนิดนึงนะคะ) ซึ่ง หาก ชีวิตของเราหลายๆคน เริ่มเปลี่ยนแปลง เราเชื่อว่าสังคมเอง ก็จะเริ่มเปลี่ยนแปลง หรือแม้แต่ ประเทศชาติเอง ก็จะเริ่มเปลี่ยนแปลงด้วย และเรามั่นใจว่า จะเปลี่ยนแปลงไปในแนวทางดีขึ้นค่ะ

    ถ้ามีโอกาส อยากให้เพื่อนๆ ทุกคนได้อ่านหนังสือ "สมองมีชีวิต สุดยอดคัมภีร์ความคิด" ของคุณเอกราช จันทร์ดอนค่ะ เราเชื่อจริงๆค่ะ ว่าหนังสือเล่มนี้ จะช่วยให้ทุกคนได้รู้ว่า การทำความคิดตนให้อิสระ จากสมองที่มีชีวิต เป็นอย่างไร

    ขอบคุณมากนะคะที่อ่านมาถึงตรงนี้ ช่วย Forward ไปให้คนที่คุณรักด้วยนะคะ อยากให้ทุกๆคน ได้ทำความคิดตนให้อิสระค่ะ ส่วนใครได้ทำไปบ้างแล้ว ก็ยินดีด้วยนะคะ

    ขอบคุณค่ะ



    ฟอร์เวริดเมลจากลิงค์ http://sweetsaltz.ob.tc/-View.php?N=12
    ขอบคุณเจ้าของบอร์ดมากครับที่นำฟอร์เวริดเมลเกี่ยวกับหนังสือดี มีหัวใจ มาเก็บไว้เพื่อให้คนอื่นๆได้อ่าน และขอบคุณ ผู้เขียนฟอร์เวริดเมลที่ตั้งใจ บอกความจริงที่ตนได้รับจากหนังสือดี มีหัวใจ ให้คนอื่นๆ ได้มีโอกาสได้รับความจริง จากหนังสือดี มีหัวใจ นี้เช่นกัน
  2. yourfwd
    yourfwd
    ข้อมูลสำหรับผู้ที่สนใจ หรือ ยังไม่ได้รับโอกาส ได้รับการถ่ายทอดความรู้เพื่อให้เกิดทักษะ "สร้างความรู้ สู่การสร้างงาน"โดยตรง ความรู้ที่ถ่ายทอดให้ได้รับนั้น มาจากชุดความรู้ ใน หนังสือชุด "ความจริงจากความคิดใหม่ จึงขอให้ข้อมูลเพิ่มเติ่ม เพื่อโอกาส ในการนำชุดความรู้ไปศึกษา ไปใช้งาน

    เกี่ยวกับ หนังสือดี มีหัวใจ...
    หนังสือทั้งหมด เขียนขึ้น โดย คุณเอกราช จันทร์ดอน


    ผู้ก่อตั้งและให้กรอบคิดสำหรับการจัดการการศึกษาที่ถูกต้อง
    ให้กับศูนย์แห่งการเรียนรู้บ้านแก่นวิชา และเป็นผู้เขียนหนังสือ “ความลับของคน” ที่ได้รับการคัดสรรค์ ว่าเป็น "ความคิดใหม่" (New Thought) โดย ห้องสมุดแห่งชาติประเทศ Australia


    อ่านรายละเอียด เกี่ยวกับหนังสือเล่มดังกล่าวได้ในกระทู้ "ความลับของคน"..หนังสือไทยเพียงเล่มเดียว ที่ได้รับคัดสรรจากห้องสมุดแห่งชาติประเทศออสเตรเลีย ให้อยู่ในหมวด New Thought !! ทั้งๆที่ยังเป็นภาษาไทย 1 ใน 66 เล่มจากทั่วโลก


    จากกรอบคิดและชุดความรู้ที่สำคัญเดียวกันจากหนังสือ "ความลับของคน" ได้นำไปสู่ การสร้าง ชุดความรู้หลักๆ ที่สำคัญต่อการดำรงชีวิต ทั้งเรื่อง การชีวิต เรื่องตัวเรา ความรัก การงาน และการใช้ ความคิด ในหนังสือชุด "ความจริงจากความคิดใหม่"่


    ชุดความรู้ จากในหนังสือ "ความจริงจากความคิดใหม่" ได้มีการนำไปใช้งานจริงในการ "สร้างความรู้ สู่การสร้างงาน" อ่านรายละเอียดได้จากลิงค์หัวข้อการถ่ายทอดต่อไปนี้

    หัวข้อการถ่ายทอดที่ ใช้ สร้าง ความรู้ จากชุดความรู้ดังกล่าว


    การศึกษาที่แท้จริง ควรให้มนุษย์ เดินทางสู่เป้าหมาย ความเป็น มนุษย์ ได้
    จึง ขอ ร่วม ส่งต่อ การศึกษา ที่แท้จริงร่วมกัน
    "แก่นวิชา มากกว่า ความรู้"

    สังคมที่ไร้มุทิตา...
    คือ สังคม ที่ คนส่วนใหญ่ ไม่รู้ว่า ใครคือคนที่ทำให้

    เชื่อว่ามนุษย์ทุกคนควรต้องมีหัวใจ
    สังคมนี้ แผ่นดินนี้ คงอยู่ ให้เรา อาศัย อยู่ร่วมกัน ได้ต่อไป
    "ผู้เสียสละทุกคน ที่ตาย ล้วนมีชีวิต และเรา ติดหนี้บุญคุณ"
    ขอบคุณใน ความเสียสละ ที่ทำให้เรา ได้อาศัยอยู่ร่วมกัน

    เชื่อว่ามนุษย์ทุกคนควรต้องมีหัวใจ
    ด้วยความเคารพในความเสียสละ อย่างสูงยิ่ง
    ประเทศใคร.. ในหนึ่งวัน<Click>


    ความเห็นแก่ตัว ทำให้ คน โง่ ขึ้น
Results 1 to 2 of 2