ร้อยเอกมานพ พันธ์สะโม ภูมิใจที่ได้รับใช้แผ่นดิน เจ้าของรางวัลคนดีของแผ่นดินประจำปี 2553

  1. yourfwd0
    yourfwd0


    " นอกจากขาสองข้างที่ต้องเสียไป ผมม่รู้ว่าตัวเองสูญเสียอะไรกับการเป็นทหาร เกียรติและความภาคภูมิใจที่ผมได้รับไม่อาจเกิดขึ้นได้ถ้าหากไม่เป็นทหาร "

    ♫ ♫ หลับตาเถอะนะ..ขอให้เธอหลับฝันดี..คืนนี้ไม่ต้องห่วง..ตรงนี้ฉันจะดูแลด้วยชีวิตของฉัน .. ฝากดาวบนฟ้าร้องเพลงนี้ให้เธอฟัง.. หากฉันไม่ได้กลับ .. อย่างน้อยให้เธอหลับสบาย ก็พอแล้ว ♫ ♫


    แม้จะเป็นเนื้อหาสั้นๆ จากเพลงไทยให้กำลังใจทหาร (เพลงราตรีสวัสดิ์ ศิลปิน : ฟักกลิ้งฮีโร่ Feat. ธีร์ ไชยเดช) แต่นี่อาจเป็นเสียงสะท้อนที่ชัดและรับรู้ได้มากที่สุดครั้งหนึ่งถึงสิ่งที่ทหารกล้าตั้งใจสื่อสารถึงแนวหลังทุกคน คงเป็นการยากที่จะบอกความรู้สึกให้เข้าใจลึกซึ้งถึงความหมายในคำว่าเสียสละของทหารไทยหากใครคนนั้นไม่ใช่ทหารหรือเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวทหาร เพราะนี่คืออาชีพที่ถูกขีดเส้นไว้ด้วยการเสียสละ ไม่ใช่เพื่อใครคนหนึ่งคนใด แต่มันคือการอุทิศจิตอาสาเพื่อธำรงไว้ซึ่งอธิปไตยของผองไทยทั้งชาติ กี่คนแล้วกี่คนเล่า ที่ต้องสูญเสียชีวิต และเลือดเนื้อจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางภาคใต้ และแม้ว่า เหตุการณ์จะยืดเยื้อมายาวนานหลายปีแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารที่ยังประจำการอยู่ ณ ดินแดนด้ามแขวนที่แวดล้อมไปด้วยขวากหนามอันตรายล้วนกำลังต่อสู้เพื่อพวกเราทุกคนอยู่ และนี่คือหนึ่งเรื่องราว ของหนึ่งผู้เสียสละที่ยังประจำการอยู่ในพื้นที่สีแดง ด้วยความภาคภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นชายชาติทหาร และปกป้องผืนแผ่นดินนี้ด้วยชีวิต และเลือดเนื้อของพวกเขาเอง "ร้อยเอกมานพ พันธ์สะโม" นายกหารฝ่ายข่าวกรองหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 16 จ.ยะลา เขต 9



    หากย้อนกลับไปเมื่อ 6 ปีก่อน ชีวิตของ "ร้อยเอกมานพ พันธ์สะโม" กำลังอยู่ในวัยสนุกสนาน เที่ยวเล่นไปตามประสาเด็กหนุ่ม แต่แล้วชีวิตของ ร้อยเอกมานพ หรือนายมานพ ในขณะนั้น กลับถูกเปลี่ยนผันด้วย "ใบแดง" ที่ไม่ใช่ได้รับมาจากการเล่นฟุตบอล แต่เป็น "ใบแดงแห่งโชคชะตา" ที่ทำให้นายมานพเข้าสู่รั้วทหารอย่างที่เจ้าตัวยังไม่ทันตั้งตัว "ใบแดง"ครั้งนั้นนำความเสียใจมายังมานพอย่างที่สุด แต่ช่วงเวลาที่ได้รับการฝึกฝนจากรั้วโรงเรียนทหาร มิได้สร้างความเข้มแข็ง และแข็งแกร่งให้นายมานพได้เพียงเท่านั้น แต่ยังบ่มเพาะและขัดเกลาความเป็นมนุษย์ให้กับเขา ทุกสิ่งทุกอย่างได้ทำให้มานพรู้สึกตัวเองว่า หากก้าวเดินต่อไปยังสายอาชีพนี้ น่าจะทำประโยชน์ให้กับคนอื่น สังคม และประเทศชาติได้บ้าง และหลังจากการตัดสินใจอยู่หลายรอบ ในที่สุดมานพตัดสินใจสมัครสอบเข้าเป็นทหารต่อ จนในที่สุดเขาก็จบโรงเรียนนายร้อย จปร. อันทรงเกียรติ พร้อม ๆ กับการซึมซับความรู้สึกรักชาติ และจิตวิญญาณที่แท้จริงของคำว่า "ข้าราชการทหาร"



    "จากความเสียใจที่จับได้ใบแดงในวันเกณฑ์ทหารผมเกือบมองไม่ออกว่าตัวเองจะรักอาชีพนี้ได้อย่างไร แต่สุดท้ายด้วยศาสตร์วิชาที่ครูอาจารย์พยายามสอน ประกอบกับจิตสำนึกที่ได้รับการปลูกฝัง วันนี้ผมก็เกือบมองไม่เห็นตัวเองในภาพของทหารเกณฑ์ไม่เอาถ่านคนเดิมอีกเลย"ร้อยเอกมานพ ย้อนเล่าให้ฟัง ผ่านจากรั้วโรงเรียน ร้อยเอกมานพ ต้องก้าวเข้าสู่ชีวิตจริง ที่มิอาจพลาดพลั้งได้แม้แต่เสี้ยววินาที และจุดเปลี่ยนในชีวิตอีกครั้งของร้อยเอกมานพ ก็คือการต้องร่วมเดินทางไปยังอำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส โดยแบกรับภารกิจที่เกี่ยวข้องกับความสงบสุขของคนไทยในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเดิมพัน



    ร้อยเอกมานพ มองว่า ทหารไม่ใช่แค่ผู้มารักษาความปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังต้องเรียนรู้วัฒนธรรมและความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ช่วยพัฒนาชุมชน สร้างกำลังใจให้ชาวบ้านด้วย เพราะหากทหารให้ใจชาวบ้านได้ ชาวบ้านก็จะให้ใจทหารกลับมาเช่นกัน ซึ่งระหว่างที่ทุกอย่างเริ่มไปได้สวย แต่จู่ ๆ ร้อยเอกมานพ กลับได้รับคำสั่งให้สับเปลี่ยนกำลังไปยังอำเภอธารโต จังหวัดยะลาแทน เท่ากับว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เรียนรู้มาต้องเริ่มนับหนึ่งกันใหม่ แต่ชายผู้นี้ก็เชื่อว่า เขาจะสามารถทำภารกิจที่ท้าทายครั้งนี้ได้อีกครั้งแน่นอน "ถ้าไม่มีทหาร ชีวิตความเป็นอยู่ชาวบ้านจะลำบากมากขึ้น ปัญหาทุกอย่างจะลุกลาม แผนการร้ายก็จะสัมฤทธิ์ผลได้ง่าย เราจึงต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนอยู่ได้ แม้พื้นที่ธารโตจะเสี่ยง เสี่ยงจนเราไม่มีโอกาสได้นอนหลับเต็มตาสักคืน แต่ถ้าเราไม่ทำแล้วใครจะทำ" ร้อยเอกมานพ กล่าว



    ข่าวจากนสพ.

    ด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเททำให้ ร้อยเอกมานพ ได้เลื่อนตำแหน่งจากรองผู้บังคับบัญชากองร้อย เป็นผู้บังคับบัญชา และด้วยความสามารถของเขา รวมทั้งความมุ่งมั่นยังส่งผลให้เขาได้ทำงานเป็นนายทหารฝ่ายข่าวกรองหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 16 ในช่วงระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี แต่แล้วโชคชะตาก็ยังคงท้าทายชายนักสู้ผู้นี้ต่ออีกครั้ง และเป็นครั้งสำคัญที่ร้อยเอกมานพ จะไม่มีวันลืมเลย นั่นคือในตอนเช้าของวันที่ 19 มกราคม พ.ศ.2553 ก่อนที่เสียงเพลงชาติไทยจะดังขึ้น และก่อนที่ธงชาติไทยจะปลิวไสวขึ้นสู่ยอดเสา ก็ได้เกิดเสียงระเบิดขึ้น นำพาให้ร้อยเอกมานพ ลงพื้นที่ไปสมทบและได้เดินตรวจตราพื้นที่โดยรอบ ก่อนจะเกิดเสียงตู้มใหญ่ขึ้นมาอีกครั้ง ฉุดให้ตัวของร้อยเอกมานพ ลอยละลิ่วจนตกกระแทกพื้น



    หลังจากเสียงระเบิดซาลง เสียงแรกที่ออกจากปากของร้อยเอกมานพ มิใช่เสียงร้องโอดโอย แม้ว่าขาข้างหนึ่งของร้อยเอกมานพจะขาดทันที และขาอีกข้างก็ยังอาการสาหัส แต่เป็นคำถามที่ว่า "มีใครเป็นอะไรบ้าง" ซึ่งประโยคคำถามสามัญประโยคนั้น ได้ซื้อใจคนทั้งกองร้อยให้รับรู้ถึงความจริงใจที่ผู้หมวดคนนี้มอบให้กับทุกชีวิตในพื้นที่



    "ถ้าต้องมีคนที่สูญเสียแล้วผมต้องเลือกในเช้าวันนั้น ผมก็ยังยืนยันให้ตัวเองโดนระเบิด จากเหตุโดยซุ่มโจมตีในช่วง 2-3 เดือนแรก ลูกน้องได้รับบาดเจ็บ ตั้งแต่วันนั้นผมตั้งปณิธานว่าจะต้องทำงานหนัก ลูกน้องทุกคนต้องได้กลับบ้าน ภาวนาว่าถ้าจะเกิดก็ขอให้เกิดกับเราดีกว่า ผมไม่อยากตอบคำถามพ่อแม่ ตอบคำถามครอบครัวลูกเมียของเขา กองร้อยของเราอยู่ด้วยกันเหมือนครอบครัวใหญ่ ผมจึงไม่อยากเห็นใครในครอบครัวเป็นอะไรไปโดยที่ผมยังสุขสบาย" ณ วันนี้ ร้อยเอกมานพ ยังพักรักษาตัวอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล และขับเคลื่อนร่างกายด้วยรถเข็น แต่ในทุกวันคืนร้อยเอกมานพ ยังคงคิดถึงการจับปืนลงพื้นที่ เพื่อดูแลปกป้องชาวบ้าน แม้ในใจลึก ๆ ของเขา ยังคงวิตกกังวลว่า จะมีโอกาสได้ทำดังใจหวังหรือไม่



    แม่ทัพภาคที่ ๔ เยี่ยม ร.อ.มานพ พันธ์สะโม (ภาพจากมติชน)

    "ทุกครั้งที่ต้องนั่งดูรูปการทำงานเก่า ๆ บนเตียงโรงพยาบาล ใจคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้ถือปืนแล้ว ไม่มีโอกาสได้ลงพื้นที่แล้ว คิดว่าโดนเร็วไปหรือเปล่า เรายังอยากทำอะไรอีกเยอะ คิดว่าพยายามเอาชีวิตให้รอดรักษาให้หาย จะได้กลับไปทำงาน ถึงจะไม่ได้ออกไปลาดตระเวนก็ยังอยากกลับไปช่วยงานให้ได้เยอะที่สุด มีชาวบ้านที่ยังรอการทำงานของเราทุกครั้งที่ชาวบ้านในพื้นที่มาเยี่ยมผมจะมีกำลังเพิ่มขึ้นมาก เพราะรู้สึกว่าที่เราทำไปมันไม่สูญเปล่า" ขณะที่หลายคน หากเจออุปสรรคอาจรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง แต่หัวใจที่เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำประโยชน์เพื่อแผ่นดินไทยของ ร้อยเอกมานพ พันธ์สะโม ยังคงเป็นกำลังใจในการสู้ชีวิตต่อไปได้อย่างดี และแม้ว่าเขาจะพิการขาจากการลอบโจมตีของผู้ทำลายความสงบของประเทศไทย แต่ชายผู้นี้กลับไม่รู้สึกหวาดหวั่นที่จะเดินหน้าทำความดีเพื่อแผ่นดินนี้เลย "นอกจากขาสองข้างที่ต้องเสียไป ผมไม่รู้ว่าตัวเองสูญเสียอะไรกับการเป็นทหาร เกียรติและความภาคภูมิใจที่ผมได้รับไม่อาจเกิดขึ้นได้ ถ้าหากไม่เป็นทหาร" นี่คือคำพูดจากใจของชายชาติทหารอย่างแท้จริง



    ร้อยเอกมานพ พันธ์สะโม

    ยังมีอีกหลายเรื่องราวของอีกหลายชีวิต ที่ต้องเสียสละจากการทำหน้าที่ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่คงจะดีที่สุด หากพวกเราทุกคนพร้อมใจที่จะเสียสละ และช่วยกันทำอะไรให้แก่ประเทศชาติของเราบ้าง เพื่อให้เรื่องราวการเสียสละชีวิต และเลือดเนื้อของเหล่าทหารหาญอันน่าประทับใจเหล่านี้ เป็นเรื่องราวสุดท้าย และทุกอย่างจบสิ้นลงเสียที ร.อ.มานพ พันธ์สะโม นายทหารฝ่ายข่าวกรอง หน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 16 จ.ยะลา ได้รับรางวัล “ คนดีของแผ่นดิน ” ประจำปี 2553 จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) บริษัททีวีบูรพา จำกัด ผู้ผลิตรายการ “คนค้นฅน” สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ เพื่อค้นหาข้าราชการต้นแบบ จากทุกเขตพื้นที่ทั่วประเทศ ภายใต้แนวคิด “ทำหน้าที่เต็มกำลัง ตั้งมั่นสุจริต ใช้ชีวิตพอเพียง” เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2553 ที่หอประชุมเล็ก ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว. ยุติธรรม เป็นประธาน มอบโล่รางวัลโครงการ “คนดีของแผ่นดิน”



    จากบทสัมภาษณ์จากงานเมืองไทยไม่สิ้นคนดี 10 ข้าราชการต้นแบบ "ข้าฯ ของแผ่นดิน"

    นายทหารหนุ่มจากจ.อุตรดิตถ์ ร้อยเอกมานพ พันธ์สะโม นายทหารฝ่ายข่าวกรองหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 16 จ.ยะลา ต้องสูญเสียขาทั้งสองข้าง จากเหตุการณ์เหยียบระเบิดขณะออกปฏิบัติหน้าที่ เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2553 บนเวทีมอบรางวัลคนดีของแผ่นดิน ภาพที่เราได้เห็น ร้อยเอกมานพ ผู้ใช้หัวใจเป็นอาวุธในการทำงาน เป็นทหารเป็นที่รัก และเป็นที่ไว้วางใจของชาวบ้านในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความหวาดระแวง นั่งรถเข็น ไม่ได้สวมเครื่องแบบ เพราะเจ้าตัวตั้งใจเอาไว้ว่า เมื่อได้ใส่ขาเทียมแล้วถึงจะกลับมาสวมใส่ชุดทหารอย่างเต็มยศอีกครั้ง “ยังคิดถึง.....ยังรัก.....พี่น้องสามจังหวัดชายแดนใต้.... อยากกลับ....ไปร่วมงาน” ด้วยน้ำเสียงและถ้อยคำที่กินใจ คำพูดประโยคแรกของชายชาติทหารผู้นี้กลั่นออกมาจากหัวใจ ทำเอาแขกเหรื่อผู้ร่วมงานถึงกับชะงัก บ้างก็น้ำตาซึม ถอดแว่น เช็ดน้ำตาอยู่หลายรอบ ตามด้วยเสียงปรบมือดังก้องทั่วหอประชุมศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย “หากประเทศไทยเปรียบเหมือนบ้านอย่างที่หลายคนคิด ทหารเราก็เปรียบเหมือนรั้วของบ้าน 4 เดือนกว่า ที่รักษาตัวที่โรงพยาบาล มีสมาชิกของบ้านที่ได้มาให้กำลังใจ เป็นแรงกำลังใจให้พวกเราได้ทำหน้าที่ ช่วยให้เรามีกำลังใจในการทำงานต่อไป ซึ่งพวกผมก็ยืนยันจะเป็นรั้วของบ้านที่ดี”


    ประวัติ ร.อ.มานพ พันธ์สะโม

    • เกิดเมื่อ : วันที่ 12 พ.ย. 2517 อายุ 36 ปี ณ บ้านเลขที่ 12/3 ต.ท่าสัก อ.พิชัย จว.อุตรดิตถ์
    • ที่อยู่ปัจจุบัน : 99/884 หมู่ 2 ต.สะเดียง อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์
    • (บิดา) ชื่อ นายปลื้ม พันธ์สะโม (มารดา) ชื่อ นางบุญช่วย พันธ์สะโม
    • สถานะ : โสด
    • การศึกษา : สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เมื่อปี 2547 ( เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 41 )
    • ประวัติรับราชการ : บรรจุเข้ารับราชการในหน่วย กองพันทหารม้าที่ 13 ค่ายพ่อขุนผาเมือง อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ ตั้งแต่ ชั้นยศ ร.ต. – ร.อ.
    • ตำแหน่งที่สำคัญ : ผบ.มว.ม.ร้อย.ม.ม.พัน.13 ตั้งแต่ 25 ธ.ค.47 – 29 พ.ย.49 , รอง ผบ.ร้อย.ม.ม.พัน.13 ตั้งแต่ 30 พ.ย.49 – 23 ก.ค.51, ผบ.ร้อย.ม.(ก.)2 ม.พัน.13 ตั้งแต่ 24 ก.ค.51 – ปัจจุบัน
    • ประวัติรับราชการสนาม : นับตั้งแต่ กองพลทหารม้าที่ 1 ได้รับมอบภารกิจจาก กองทัพภาคที่ 3 ให้จัดกำลัง กองพันทหารม้า มาปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ จชต. ตั้งแต่ 4 ธ.ค.49 เป็นต้นมา ร.อ.มานพ พันธ์สะโม ได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชา ให้มาปฏิบัติหน้าที่ราชการสนามใน จชต. ดังนี้ เมื่อ 4 ธ.ค.49 – 30 ก.ย.50 ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง รองผู้บังคับกองร้อยทหารม้าที่ 1381 กองพันทหารม้าที่ 138 ขึ้นควบคุมทางยุทธการกับหน่วยเฉพาะกิจที่ 33 รับผิดชอบการป้องกันและปราบปรามผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ อ.รือเสาะ จว.นราธิวาส เมื่อ 1 ต.ค.50 – 9 เม.ย.51 ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง ผู้บังคับกองร้อยทหารม้าที่ 4 หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสที่ 39 รับผิดชอบการป้องกันและปราบปรามผู้ก่อความไม่สงบ ในพื้นที่ ต.สาวอ และ ต.สามัคคี อ.รือเสาะ จว.นราธิวาส เมื่อ 10 เม.ย.51 – 30 ก.ย.51 ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง ผู้บังคับกองร้อยทหารม้าที่ 1 หน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 16 รับผิดชอบในการป้องกันและปราบปรามผู้ก่อเหตุรุนแรง การป้องกันและปราบปรามปัญหายาเสพติด และการกระทำผิดกฎหมาย ในพื้นที่ อ.ธารโต จว.ยะลา เมื่อ 1 ต.ค.52 เป็นต้นมา ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง นายทหารฝ่ายข่าวกรอง หน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 16 และเมื่อ 19 ม.ค.53 , 0730 ได้รับแจ้งจากชุด ลว.คุ้มครองครู จาก กองร้อยทหารม้าที่ 1 ตรวจพบสายไฟประกอบระเบิดแสวงเครื่อง ข้างถนน สาย บ.แหร – บ.บัวทอง ต.บ้านแหร อ.ธารโต จว.ยะลา ด้วยความเป็นห่วงต่อกำลังพล และความรับผิดชอบ ต่อหน้าที่ จึงนำกำลังพล ชป.บก.ฉก.ยะลา 16ฯ ออกไปพิสูจน์ทราบ และตรวจสอบจุดเกิดเหตุด้วยตนเอง เป็นเหตุให้ต้องเหยียบระเบิดแสวงเครื่องอีกลูกหนึ่ง ที่กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงวางพรางไว้ ซึ่งทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส สูญเสียอวัยวะขาทั้งสองข้างจากการปฏิบัติหน้าที่ที่ผ่านมาของ ร.อ.มานพฯ พบว่าเป็นผู้ที่มีความเสียสละ เป็นที่รักใคร่ของผู้บังคับบัญชา/ผู้ใต้บังคับบัญชา ของชาวบ้าน และหน่วยงานราชการต่างๆ ในพื้นที่ที่ตนเองรับผิดชอบ ทุ่มเท และมีความตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ต่อส่วนรวม ซึ่งในการปฏิบัติภารกิจทุกครั้งจะเป็นผู้นำของกำลังพล เพื่อต้องการจะทำให้พื้นที่ จชต. สงบสุข ตลอดจนมีภาวะผู้นำอย่างห้าวหาญ การปฏิบัติของ ร.อ.มานพ พันธ์สะโม นับว่าเป็นผู้ที่มีความกล้าหาญ เสียสละ ทุ่มเทให้กับงานในหน้าที่อย่างสุดความสามารถ โดยเฉพาะมีความเป็นผู้นำอย่างสูง เป็นผู้นำ ชป. เข้าปฏิบัติการโดยตนเอง ขณะบาดเจ็บยังครองสติโต้ตอบกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง พร้อมกับได้ร้องขอกำลังสนับสนุน และติดต่อขอรถพยาบาลมารับผู้บาดเจ็บด้วยตนเอง ขณะถูกนำส่งโรงพยาบาล ยังสอบถามว่าลูกน้องของตนเองปลอดภัยทุกคนหรือเปล่า ซึ่งเป็นการแสดงถึงความห่วงใยต่อผู้ใต้บังคับบัญชาถึงแม้ตนเองกำลังได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ก็ตาม




    ผู้กองน้อยได้ใส่ขาเทียมและฝึกเดินแล้วค่ะ

    ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะร่วมกันปลูกจิตสำนึกถึงคำว่าเสียสละให้กลายเป็นสำนึกร่วมของชนทั้งชาติ ไม่ใช่แค่การเสียสละของทหารไทยแต่เพียงลำพัง ถ้าหากยังไม่เชื่อว่าคุณทำได้ ก็ย้อนอ่านเรื่องราวของนายทหารที่ชื่อ " ร้อยเอกมานพ พันสะโม " อีกครั้งแล้วจะรู้ว่าเป็นคนดีของแผ่นดินไม่ใช่เรื่องยาก

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    หนังสือ ฅ คน ปีที่ 5 ฉบับที่ 8 (56) มิถุนายน 2553 ,เว็บนักเรียนนายร้อยลูกศิษย์ทูลกระหม่อมอาจารย์ ,ศูนย์ข้อมูลข่าวสารปฎิรูปประเทศไทย,รูปผู้กองน้อยจาก FB



    บทสัมภาษณ์ผู้กองน้อย ร้อยเอกมานพ พันสะโม

    ---------------------------------------------------------------------------------


    ททความจากบล๊อกคุณYingeXtreme จาก oknation

    ขอบคุณ คุณYingeXtreme เจ้าของบทความ

    อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับ ผู้กองน้อย ร้อยเอกมานพ พันสะโม ได้จาก FB ของผู้กอง



    สังคมที่ไร้มุทิตา...
    คือ สังคม ที่ คนส่วนใหญ่ ไม่รู้ว่า ใครคือคนที่ทำให้

    เชื่อว่ามนุษย์ทุกคนควรต้องมีหัวใจ
    สังคมนี้ แผ่นดินนี้ คงอยู่ ให้เรา อาศัย อยู่ร่วมกัน ได้ต่อไป
    "ผู้เสียสละทุกคน ที่ตาย ล้วนมีชีวิต และเรา ติดหนี้บุญคุณ"
    ขอบคุณใน ความเสียสละ ที่ทำให้เรา ได้อาศัยอยู่ร่วมกัน

    เชื่อว่ามนุษย์ทุกคนควรต้องมีหัวใจ
    ด้วยความเคารพในความเสียสละ อย่างสูงยิ่ง
    ประเทศใคร.. ในหนึ่งวัน<Click>

  2. yourfwd0
    yourfwd0
    คนค้นฅน - ร.อ.มานพ พันธ์สะโม และ ประกอบ ช่วยศรีนวล




  3. iDnOuSe4
    iDnOuSe4
    ขอแบ่งปันนะครับ
  4. yourfwd0
    yourfwd0
    ยินดีครับอยากขอความช่วยเหลือให้ช่วยส่งต่อ
  5. itasian
    itasian
    ขอขอบคุณ คุณ yourfwd ครับ ที่นำมาให้ได้อ่านเรื่องราว อีก 1 ผู้เสียสละ

    เพื่อให้เราได้เรียนรู้ที่จะรับผิดชอบ ต่อ สิ่งที่เขาเสียสละ ต่อไป

    ขอขอบคุณ ผู้กองน้อย ร.อ.มานพ พันธ์สะโม ที่เสียสละ มาพอแล้ว
    เพื่อรักษาแผ่นดินให้เรายังมี และได้อาศัยอยู่ร่วมกัน ต่อไป

    ถึงเวลาแล้ว ที่เรา จะรับผิดชอบต่อ ความเสียสละของเขาเหล่านี้
    เพื่อ ร่วมกัน รักษาแผ่นดิน และ ความเป็นชาติไทย เดียวกัน ให้คงไว้
    เพื่อเราและลูกหลานเรา ได้อาศัยอยู่บนแผ่นดิน ร่วมกัน ได้อย่างเท่าเทียม ต่อไป

    ขอนำไปส่งต่อนะครับ
  6. iDnOuSe4
    iDnOuSe4


    "Up, up and away:away from me
    It's all right:You can all sleep sound tonight
    I'm not crazyr anything:"
    ชอบประโยคนี้ที่สุด

    ขอมอบเพลงนี้ ให้กับผู้กองมานพครับ
    ขอบคุณที่ความเสียสละ ที่ทำให้ เราได้อาศัยอยู่บนแผ่นนี้ร่วมกันครับ
  7. Euphrates
    Euphrates
    ขอบคุณที่นำมาให้ได้รับรู้ค่ะ ขอร่วมส่งต่อ
  8. bit
    bit
    ขอขอบคุณในความเสียสละของ ผู้กองมานพ พันธ์สะโม ที่ช่วยปกป้องดูแลคนในประเทศชาติเดียวกันครับ

    ขอบคุณครับ
  9. Siambrandname Webmaster
    Siambrandname Webmaster
    ได้ดูเทปในรายการคนค้นคนแล้วเป็นงานที่เสียสละมากครับ

    ขอบคุณผู้กองน้อย ร.อ.มานพ พันธ์สะโม และเพื่อนทหาร ที่ทำงานที่เสียสละ มาพอแล้ว
    เพื่อรักษาแผ่นดินให้เรายังมี และได้อาศัยอยู่ร่วมกัน ต่อไป

    (ขอยืมคำของคุณ itasian มาใช้ด้วยคนครับ)

    และขอบคุณคุณ yourfwd ที่นำสาระมาแบ่งปันไว้ให้ในชุมชนแห่งนี้ ขอบคุณครับ
  10. yourfwd0
    yourfwd0
    มีคนกล่าวว่า...
    สิ่งที่ต้องการจากทุกวิชาชีพในการอาศัยอยู่ร่วมกัน คือ "ความรับผิดชอบ"

    1. รับผิดชอบ ในวิชาชีพ
    2. รับผิดชอบ ในความเป็นมนุษย์

    แต่บังเอิญ เราไม่รู้ว่า ความเป็นมนุษย์ ของเรา อยู่ตรงไหน?
    และ ไม่รู้ ว่า วิชาชีพ เรา รับผิดชอบ ต่อ สิ่งใด...
    หาก ไม่รู้ ว่า รับผิดชอบ ต่อ สิ่งใด ได้โปรด อย่า ทำลาย งานของคนที่เสียสละเลย
Results 1 to 10 of 10