รายละเอียดตามโปสเตอร์เลยครับ การบริจาคเลือดนอกจากจะสามารถช่วเหลือสุนัขตัวอื่นได้แล้ว ยังเป็นการสร้างประโยชน์ให้แก่สัตว์ที่มาอีกทางหนึ่ง เพราะเท่ากับเป็นการถ่ายเลือดเก่าออกไปและทำให้เกิดการสร้างเม็ดเลือดใหม่ขึ้นมา สำหรับสุนัขที่สามารถบริจาคเลือดได้ ควรมีคุณสมบัติดังนี้ -เป็นสุนัขอายุระหว่าง 1-6 ปี ไม่จำกัดเพศ พันธุ์ (ถ้าเป็นเพศเมียต้องรอให้หมดประจำเดือนก่อน) -มีน้ำหนักไม่น้อยกว่า 20 กิโลกรัม -มีประวัติการทำวัคซีน ได้แก่ ป้องกันวัคซีนรวม เช่น ลำไส้อักเสบ ไข้หัด ตับอักเสบ เลปโตสไปโรซีส วัคซีนพิษ สุนัขบ้า โรคพยาธิหนอนหัวใจ -ไม่มีประวัติของโรคพยาธิในเม็ดเลือด -ไม่เคยรับการผ่าตัดใหญ่ในระยะ 1-2 เดือน ก่อนบริจาคโลหิต -สุนัขมีสุขภาพแข็งแรง ทั้งนี้ หากสุนัขมีคุณสมบัติครบถ้วน ก่อนถึงวันนัดบริจาคโลหิต ควรงดน้ำและอาหารเพื่อความปลอดภัยในการให้ยาซึม ขั้นตอนการบริจาคเลือด เจ้าหน้าที่จะนำสุนัขมาตรวจเช็กสุขภาพและตรวจเลือดกับสัตวแพทย์ หากสุนัขมีผลตรวจเลือดผิดปกติทางโรงพยาบาลจะแจ้งให้ทราบทันที เมื่อตรวจเรียบร้อยแล้ว สัตวแพทย์จะให้ยาซึม เพื่อป้องกันสุนัขดิ้นระหว่างการเจาะเลือด เนื่องจากบริเวณที่ใช้ในการเจาะเลือดคือบริเวณลำคอ ถ้าสุนัขดิ้นอาจเกิดอันตรายได้ การวางยาซึมนี้จะไม่มีผลข้างเคียงใดๆ หากแต่สุนัขจะมีอาการง่วงซึมเท่านั้น ในการบริจาค 1 ครั้ง จะเก็บเลือดปริมาณ 1 Unit หรือ 350 ซีซี ซึ่งโดยปกติความสามารถในการให้เลือดจะอยู่ระหว่าง 10-20 ซีซี ต่อน้ำหนัก 1 กิโลกรัม และความถี่ในการบริจาคเลือดทุกๆ 4-6 เดือน เมื่อสามารถเก็บผลเลือดได้ตามความต้องการแล้ว สัตวแพทย์จะให้ยาบำรุงเลือดพร้อมบัตรประจำตัวผู้บริจาคเลือด โดยการบริจาคจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น จากวิธีการนี้ ท่านกับเจ้าตูบแสนรักก็ถือว่าได้ ทำบุญช่วยเหลือสัตว์อื่นๆ ได้แล้ว ที่มา kasetanimalhospital.com
ขอบคุณที่มาแจ้งข่าวนะคะ เสียดายลูกชายเป็นมาพันธุ์เล็ก น้ำหนักเลยไม่ถึง บริจาคไม่ได้ ^^
ขอบคุณที่นำข่าวมาบอกค่ะ แต่อยู่ต่างจังหวัด ไม่ได้พาไปค่ะ
พอดี เอาข่าวมาจาก kasetanimalhospital.com หน่ะครับ