รักแท้ที่ไม่ยอมแพ้...แม้โชคร้าย

  1. Siambrandname Webmaster
    Siambrandname Webmaster
    อีกบทความจากบล๊อกของคุณ Natayaa เรื่องราวต่อเนื่องจากเรื่อง "The most beautiful wedding of the year" เพื่อนสมาชิกสามารถเข้าไปอ่านบทความโดยตรงที่บล๊ิอก Natayaa; รักแท้ที่ไม่ยอมแพ้...แม้โชคร้าย และเราขออนุญาตนำเรื่องราวความรักที่ต้องดำเินินต่อไปนี้ให้เพื่อนๆ ได้อ่านในชุมชนแห่งนี้ด้วยครับ






    เมื่อสองปีที่แล้ว... ฉันเคยแปลเรื่องงานแต่งงานแห่งปี ของคู่รักแท้ ระหว่าง นายทหารหนุ่มชาวอังกฤษ ผู้พิการและเสียโฉมจากสงครามนามว่า Martyn และ คุณครูสาวสวยนามว่า Michelle....ผู้มอบรักแท้ให้โลกได้ตะลึง และซึ้งใจ กันมาแล้ว

    เวลาผ่านไปสองปี วันนี้เรามีข่าวดีที่เชื่อว่า ใครๆ ก็คงอยากแสดงความยินดีให้กับคู่รักแท้คู่นี้ด้วยกันอย่างแน่นอน นั่นคือ ทั้งคู่กำลังจะมีพยานรักผู้ซึ่งจะลืมตามาดูโลกในไม่ช้านี้แล้วค่ะ.....






    ย้อนไปเมื่อสองปีก่อน... ฉันได้แปลเรื่องซึ้งๆ เรื่องหนึ่งไว้ เกี่ยวกับคู่รักแห่งปี คู่นี้....

    มาร์ตินเป็นทหารหนุ่มที่ออกรบที่ประเทศอัฟริกานิสถาน ก่อนจะได้รับบาดเจ็บสาหัสกลับมา ทั้งพิการและเสียโฉม แต่ทว่า สาวมิเชล คนรักของเขากลับไม่รังเกียจอะไรเลย แถมยังคอยดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำ รวมทั้งเป็นกำลังใจมอบรักแท้ให้แก่เขา จนเข้าพิธิวิวาห์กันไปเมื่อสองปีก่อน และใครๆ ต่างก็ยกให้เป็น งานแต่งงานที่สวยงามที่สุดแห่งปี

    ใครสนใจอยากอ่านเรื่องนี้ และชมภาพงานแต่งของทั้งคู่กันอีกสักรอบ กรุณาคลิกอ่านได้ที่นี่ค่ะ...."The Most Beautiful Wedding of the Year"





    จากวันนั้นจนถึงวันนี้ คู่รักคู่นี้ก็ผ่านความสุข ความทุกข์มาด้วยกันพอสมควร เหตุการณ์เศร้าๆ ที่เกิดกับคนทั้งสองเมื่อปีกลายก็คือ เขาทั้งคู่ต้องสูญเสียลูกแฝด จากการคลอดก่อนกำหนดเมื่อท้องแรกของมิเชลไป

    สำหรับคู่รักคู่นี้ ใครๆ ก็รู้ดีว่า ทั้งสองผ่านโชคชะตาอันโหดร้ายมาแล้ว แต่ทั้งคู่ก็ไม่เคยยอมแพ้แก่โชคชะตา พวกเขาฝ่าฟันกันมา ด้วยพลังแห่งรักแท้ที่มีให้กันและกัน

    มิเชล ซึ่งตอนนี้เข้าวัย สามสิบปีแล้ว กล่าวว่า.... เมื่อตอนท้องแรก เธอดีใจมากที่รู้ข่าวว่า เธอท้องลูกแฝดชายหญิง เพราะนั่นจะทำให้พวกเขาได้เติมเต็มชีวิตครอบครัวให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

    แต่ทว่า มรสุมชีวิตก็พัดพาเอาความสูญเสียมาให้พวกเขา.....

    ในวันหยุดสุดสัปดาห์ ก่อนวันครบรอบแต่งงานปีแรก เพียงไม่กี่วัน.... มิเชลซึ่งตั้งท้องได้หกเดือนแล้ว รู้สึกปวดหลังและปวดท้องมาก จนต้องพาส่งโรงพยาบาล และเธอก็คลอดก่อนกำหนด ทำให้ทารกเพศชายหญิงทั้งสอง ต้องเสียชีวิตไป

    มิเชลเล่าว่า หมอบอกเธอว่า Harry คนพี่ยังมีชีวิตอยู่แต่ต้องเข้าตู้อบ ส่วน Freda ลูกสาว ซึ่งเป็นคนน้องอ่อนแอมาก และแพทย์ก็ไม่สามารถช่วยอะไรไว้ได้เลย พวกเขาจับ Freda แต่งตัวและใส่หมวก แล้วส่งให้มิเชลอุ้มไว้ ก่อนลมหายใจสุดท้ายของหนูน้อยจะหมดลง

    Freda นั้นตัวเล็กกว่าตุ๊กตาเสียอีก...มิเชลโอบกอดลูกสาวตัวน้อยไว้ในอ้อมแขนด้วยหัวใจที่แตกสลาย และเธอก็จากไป หลังจากมีชีวิตได้เพียงแค่ 44 นาทีเท่านั้น

    แต่พวกเขาก็ยังมีความหวังกับ Harry ลูกชายคนโตที่ต้องอยู่ในตู้อบ มิเชลไปเยี่ยมลูกชาย และหนูน้อยก็ได้กำนิ้วคุณแม่ พร้อมแผดร้องเสียงดัง ซึ่งมิเชลบอกว่า เธอจะไม่มีวันลืม วินาทีนั้นเลย เพราะจากนั้นอีกไม่นาน Harry ก็ต้องจากเธอไปอีกคน ด้วยเหตุผลที่ว่า อ๊อกซิเจนในเลือดของหนูน้อยไม่เพียงพอที่จะต่อลมหายใจของหนูน้อยได้ มิเชลเห็นลูกต้องทรมานต่อไปอีกไม่ได้ จึงตัดสินใจปล่อยเขาจากไป....

    วันต่อมา ซึ่งเป็นวันครบรอบแต่งงานของเขาทั้งคู่ จึงเป็นวันที่หดหู่ และโศรกเศร้าไปกับความสูญเสียครั้งนี้เป็นยิ่งนัก พวกเขาได้แต่ถามตัวเองว่า ทำไมต้องเป็นพวกเขาที่โชคชะตาอันโหดร้าย คอยตามกระหน่ำซ้ำเติมอย่างไม่หยุดหย่อน

    มิเชลและมาร์ตินฝังศพลูกน้อยทั้งสองในสัปดาห์ต่อมา และมิเชลก็ตกอยู่ในอาการหัวใจสลาย อยู่หลายเดือน เธอไม่ยอมให้มาร์ตินเปิดห้องนอนที่เตรียมไว้ให้ลูกน้อยทั้งสองเป็นเดือนๆ เพราะมันสะเทือนใจคนเป็นแม่เป็นยิ่งนัก

    แต่ในที่สุด....พวกเขาก็ลุกขึ้นสู้ เพื่อให้โชคชะตาได้รู้ว่า ไม่มีวันที่พวกเขาจะยอมแพ้แก่ความโชคร้าย ทั้งคู่ต่างเป็นกำลังใจให้กันและกัน จนผ่านวันเวลาอันปวดร้าวมาได้อีกครั้งหนึ่ง





    และวันนี้ มีข่าวดีที่ได้รับการยืนยันเป็นที่แน่นอนแล้วว่า ท้องที่สองของมิเชลนั้น.... เด็กน้อยแข็งแรงและปลอดภัย และอีกราวๆ หนึ่งเดือนนับจากวันนี้ ทั้งคู่จะได้พบหน้ากับทายาทน้อย พยานแห่งความรักแท้ของเขาทั้งสอง และ ครั้งนี้พวกเขาก็ได้ระมัดระวังดูแลเด็กในครรถ์อย่างดีที่สุด

    ครั้งนี้มิเชลคอยไปตรวจครรถ์อยู่เสมอ และโชคดีมากที่ในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้านี้ คุณหมอพบว่า ปากมดลูกเธอเปิดก่อนกำหนดคลอด ซึ่งเกิดจากปัญหาความผิดปกติของมดลูกเธอ และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอต้องเสียลูกน้อยทั้งสองไปในคราวก่อน

    แต่ครั้งนี้ คุณหมอทำการเย็บปากมดลูกให้เธอและดูแลให้เด็กสมบูรณ์ไม่คลอดก่อนกำหนดได้แล้ว อันนี้เราก็ต้องคอยเป็นกำลังใจให้เธอได้เจอลูกน้อยที่รอคอยกันในเดือนหน้า ขอให้หนูน้อยและคุณแม่ปลอดภัยทั้งคู่เลยแล้วกันนะคะ (แล้วฉันจะตามข่าว นำมาเล่าต่ออีกทีแล้วกันนะคะ)

    ตอนนี้ในบ้านสี่ห้องนอนของทั้งคู่ ซึ่งอยู่ในเขต East Sussex อบอวลไปด้วยบรรยากาศอันแสนอบอุ่น ที่พร้อมจะต้อนรับหนูน้อย สมาชิกคนใหม่ของครอบครัวแล้ว.....








    หลังจากที่ได้ทราบทั้งข่าวร้าย และข่าวดี ของทั้งคู่กันไปแล้ว คราวนี้เรามาอัพเดทชีวิตของนายทหารหนุ่มผู้พิการอย่างมาร์ตินกันดูเสียหน่อยค่ะ

    หลังจากได้รับการดูแลทั้งร่างกายและจิตใจ จากภรรยาอันเป็นที่รักของเขามาสักพัก ตอนนี้มาร์ตินมีความเข้มแข็งมากขึ้น แม้บางครั้งเขาจะแอบท้อแท้ไปบ้างก็ตาม เพราะดูเหมือนความบาดเจ็บอันนี้ มันมีปัญหาตามมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

    มาร์ตินกล่าวว่า "ตลอดสองปีที่ผ่านมา ผมต้องเข้ารับการรักษาและผ่าตัดกว่าสิบครั้ง หมอผ่าตัดเอากระดูกข้อศอกผมออกไป เพื่อให้ผมเคลื่อนไหวแขนได้ดีขึ้น ต่อมาหมอก็ผ่าตัดเอาผังผืดระหว่างนิ้วผมออกไปด้วย ไหนยังจะผ่าตัดสมองที่ติดเชื้อของผมอีก โอ้ว...มันช่างมากมายเสียจริงๆ และดูเหมือนว่า จะไม่มีวันจบสิ้นเสียด้วยสิ"

    "ผมไม่แน่ใจด้วยซ้ำไปว่า ผมจะมีชีวิตยืนยาว อยู่ถึงปี 2012 ได้หรือไม่"


    นอกจากเรื่องร่างกายที่มีปัญหาอยู่ตลอดแล้ว บางครั้งจิตใจของเขาก็โดนกระทบบ้างเหมือนกัน อย่างเวลาออกไปข้างนอก แล้วคนจ้องมองเขาเหมือนตัวประหลาด เขาก็รู้สึกเจ็บปวดไม่น้อยทีเดียว จนทำให้บางทีไม่อยากออกไปไหนให้ใครได้เห็นเลย



    (รูปมาร์ตินตอนเด็กๆ)

    แต่สุดท้ายเขาก็บอกตัวเองว่า เขาต้องอยู่กับความจริงอันเจ็บปวดนี้ให้ได้ เพราะเขาโชคดีที่ยังมีคนรักอย่างมิเชล ที่มอบรักแท้ให้แก่เขา และเขาก็กำลังจะเป็นพ่อคน สิ่งนี้จะเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้เขาเข็มแข็ง เพื่อจะได้ดูแลครอบครัวของเขาต่อไป

    ตอนนี้มาร์ตินได้รับคัดเลือกให้เป็นนักกีฬา ไอซ์ฮ็อกกี้ของคนพิการ เพื่อไปแข่งขันใน พาราลิมปิคเกมส์ นอกจากนี้ เขายังช่วยงานการกุศลหารายได้ช่วยเหลือเพื่อนทหารผู้บาดเจ็บและพิการอีกด้วย....นี่เป็นสิ่งหนึ่งซึ่งพิสูจน์ได้แล้วว่า เขาไม่ยอมแพ้แก่โชคชะตาอันโหดร้าย





    ใครหลายคนอาจจะคิดว่า ความรักแท้ และความเข้มแข็งของคู่รักคู่นี้ ช่างเป็นเรื่องราวที่แสนพิเศษอย่างแท้จริง แต่ทว่า มิเชลไม่ได้คิดเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย เธอกลับคิดว่า เรื่องราวความรักของพวกเขาเป็นเรื่องธรรมดาๆ ของมนุษย์ทั่วไปที่มีหัวใจรักให้กันและกัน





    และเธอสรุปไว้อย่างน่าประทับใจว่า...."ฉันก็แค่หลงรักผู้ชายคนนี้ที่หัวใจ ไม่ใช่รูปลักษณ์ภายนอก ก็เท่านั้นเอง"




    "ต่อให้ร่างกายและใบหน้าเขาจะเปลี่ยนไปขนาดไหน แต่ถ้าเขายังเป็นมาร์ตินคนเดิม ผู้ที่ทำให้ฉันตกหลุมรักเขา.... ฉันก็ไม่มีวันที่จะหมดรักเขาไปได้ และไม่มีวันที่จะทิ้งเขาไปไหนโดยเด็ดขาด"


    เฮ้อ... ฟังเธอพูด(บวกการกระทำที่เธอพิสูจน์มาแล้วพักใหญ่) ก็อดไม่ได้ที่จะปลาบปลื้มและมีความสุข ที่ได้รับรู้เรื่องราวของคนดีๆ แบบนี้ ในภาวะโลกร้อน และสังคมเสื่อมโทรม... เอ้า ใครหลายๆ คนที่กำลังท้อแท้ อ่านเรื่องนี้แล้ว ก็ต้องสร้างพลังใจให้ตัวเรา สู้ๆ กับโลกใบนี้ ที่เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย กันต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้ทุกท่านค่ะ

    Thanks to Elizabeth Sanderson from Daily Mail the uk for a story and all pictures.

    แปลจากรายงานข่าวของ Elizabeth Sanderson จากหนังสือพิมพ์เดลี่เมลล์ ประเทศอังกฤษค่ะ






    ขอบคุณคุณ Natayaa เจ้าของบทความจาก บล๊อก Natayaa อีกครั้ง และ
    ขอบคุณเพื่อนสมาชิกที่ร่วมสร้างสรรค์แบ่งปันสาระเก็บไว้ให้ในชุมชนแห่งนี้
  2. oh_ic
    oh_ic
    ขอบคุณที่นำบทความดีๆมาให้อ่านนะคะ
    อ่านแล้วรู้สึกซาบซึ้งในความรักที่ทั้งสองมีให้กัน
    ขอร่วมเป็นกำลังใจให้เค้าทั้งคู่ฝ่าฟันทุกอย่างไปด้วยกัน
    และขอให้ลูกน้อยที่กำลังจะเกิดมาแข็งแรงทั้งกายและใจค่ะ
  3. bookerian
    bookerian
    ขอบคุณมากๆ ค่ะที่นำมาให้อ่าน "รักแท้ที่ไม่ยอมแพ้...แม้โชคร้าย"

    ขอบคุณเจ้าของบทความ คุณ Natayaa ด้วยค่ะ
  4. itasian
    itasian
    ขอบคุณครับ คุณ SBNWM ที่นำมาให้ได้อ่าน

    ขอบคุณ คุณ Natayaa ที่นำเรื่องราวมาเผยแพร่ให้ได้อ่านกัน

    ขอบคุณ คุณ Martyn และ Michelle สำหรับเรื่องราวความรักที่มีคุณค่ายิ่ง
  5. iDnOuSe4
    iDnOuSe4
    เอ่อ ก่อนอื่นต้องขอบคุณ WM ที่นำเรื่องราว"ความรัก" มาให้อ่าน
    และคุณ-Natayaa เจ้าของบทความจาก บล๊อก Natayaa อีกครั้ง-
    อ่านแล้วรูสึก ใจสั่นๆ
    เหตุการณ์ที่พวกเขาได้รับ หากลองเป็นเรา ก็ไม่รู้ว่าจะสู้ได้เท่าเขาหรือป่าว

    ส่วนตัวแล้วชอบข้อความของคุณผู้หญิงที่พูดว่า
    และเธอสรุปไว้อย่างน่าประทับใจว่า...."ฉันก็แค่หลงรักผู้ชายคนนี้ที่หัวใจ ไม่ใช่รูปลักษณ์ภายนอก ก็เท่านั้นเอง"




    "ต่อให้ร่างกายและใบหน้าเขาจะเปลี่ยนไปขนาดไหน แต่ถ้าเขายังเป็นมาร์ตินคนเดิม ผู้ที่ทำให้ฉันตกหลุมรักเขา.... ฉันก็ไม่มีวันที่จะหมดรักเขาไปได้ และไม่มีวันที่จะทิ้งเขาไปไหนโดยเด็ดขาด"
    สุดท้ายขอบคุณ WM และเพื่อนสมาชิกที่เข้ามาในกรุ๊ปนี้นะครับ
    หลังจากที่ไม่ได้รับผิดชอบกลุ่มนี้มานานมาก
Results 1 to 5 of 5