Review สารพัดกิจกรรมสำหรับน้องวัย 0-16 เดือน

  1. teerasak
    teerasak
    Review กระทู้นี้เน้นขำขัน อาจโดนล็อคกระทู้ในเร็ววัน เนื่องจากสาระไม่ค่อยมี มาดูกิจกรรมสารพัดที่เจ้าตัวแสบสามารถทำได้ ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิด


    หลักการ : - หลีกเลี่ยงห้างสรรพสินค้า
    - ไม่มีคำว่า "กลัว" ไม่มีการหลอกหรือขู่เด็ก
    แอบได้ยินบ่อยๆจาบรรดาคุณๆพี่เลี้ยง การขู่หรือ
    ใช้ความกลัวเพื่อให้เด็กยอมตาม เป็นการปิดกั้น
    การเรียนรู้อย่างสิ้นเชิง ทำให้เด็กขาดความมั่นใจ
    ..ข้อเสียจากการที่ลูกไม่กลัวคือจะซนระดับแปดดาว
    จึงต้องมีคำว่า การดูแลอย่างใกล้ชิด
    กำกับไว้ด้วย นอกจากนี้ไม่พบข้อเสียใดๆ (^^)
    - อารมณ์ขัน

    ผู้สาธิตกิจกรรม : ด.ช. อายุ 16 เดือน

    เริ่มที่กิจกรรมแรก : รดน้ำต้นไม้ 8 เดือน



    เช็คสต็อกสินค้า 9 เดือน



    หักคอยีราฟมือเปล่า



    แถมลากไปให้แม่ครัวทำกับข้าวได้ด้วย



    ชิลล์เอ๊าท์ที่ร้านกาแฟ 10 เดือน



    หรือจะไปขี่ม้าดี ?? 11 เดือน



    พอขวบนึงก็ขับรถเกียร์ออโต้เป็นแล้ว



    ขับไปสวนสัตว์ได้เอง...ไม่ต้อง้อแม่



    โตเป็นหนุ่ม เริ่มหัดเกียร์กระปุก 13 เดือน



    ลองเล่นรถบังคับดูบ้าง 15 เดือน



    หมายเหตุ** มีกิจกรรมอีกเยอะมากๆที่สามารถทำได้ อาทิเช่น ว่ายน้ำตอนอายุ 9 เดือน ขี่ช้าง ลงเรือ ETC. แต่แม่เกรงว่า ปดส. หรือ คุณ สส.ปวีณา อาจมาเชิญตัวไปสอบสวนได้ เพื่อนๆท่านไหนต้องการรายละเอียดกิจกรรมต่างๆเพิ่มเติม PM มาสอบถามได้นะค๊า ยินดีช่วยมากๆเลยจ้า

    *** เค้าว่ากระทู้นี้ ควรจะอยู่ห้อง specific แบบนี้น่ะค่ะ ไม่ใช่ ห้อง all reviews..เพื่อนๆเห็นว่าอย่างไรบ้างคะ

    **** สมควรแก่เวลาขออนุญาตลบรูปทั้งหมดออกค่ะ **** แอบเห็นคุณฝ้ายโดนภัยมืดคุกคาม ขอเป็นกำลังใจมาให้ ณ. ที่นี้ด้วยค่ะ เค้าไม่ทราบตัวโรคจิต แต่ถ้ามาถึงบ้านเค้าขนาดนั้น โดนรุมตรื๊บไปแร๊ววว ไม่เกี่ยงสถานะ และ เพศเลยจ้ะ แล้วตังค์จ้างนักสืบเค้าก็ไม่จ้าง แต่เค้าจะจ้างมือปืนแทนล่ะตัว เหอ เหอ เหอ ลงชื่อ แม่จงอางหวงไข่ (เพราะว่าลูกทำยากจ้ะ แท้งซ้ำซ้อนเกิ๊นน!!!!)
  2. oohio
    oohio
    คุณอ้อ ฮาได้อีกค่ะ บรรยายได้ขำเชียว แต่ลูกชายหล่อฮ่ะ น่ารักมาก ซนขั้นเทพเหมือนยัยแสบที่บ้านเลย ว่าแต่เอ่อ ของเล่นจะเยอะไปมั้ยอ่ะคะ เราว่าของยัยครีมเยอะแล้วนะ เจอของคุณอ้อหลบไปเลย 55555
  3. Bforsleeping
    Bforsleeping
    พี่อ้ออออออ ลูกชายมีแววหล่อตั้งแต่เด็กเลยค่ะ
    คุณม่ก็ยังเปรี้ยวอยู่เลย อิอิ
  4. teerasak
    teerasak
    Quote Originally Posted by oohio View Post
    คุณอ้อ ฮาได้อีกค่ะ บรรยายได้ขำเชียว แต่ลูกชายหล่อฮ่ะ น่ารักมาก ซนขั้นเทพเหมือนยัยแสบที่บ้านเลย ว่าแต่เอ่อ ของเล่นจะเยอะไปมั้ยอ่ะคะ เราว่าของยัยครีมเยอะแล้วนะ เจอของคุณอ้อหลบไปเลย 55555
    ของเล่นญาติโยมกระหน่ำซื้อกันมาอ่ะคุณโอ๋..อ้อไม่ค่อยได้ซื้อเลยค๊า กลับมาเมื่อไรพามาแทคทีมม๊ยคะ เดี๋ยวอ้อหายาดมไปเผื่อคุณโอ๋ด้วย ซนกระจายแม่เป็นลม (o_O)'

    Quote Originally Posted by Bforsleeping View Post
    พี่อ้ออออออ ลูกชายมีแววหล่อตั้งแต่เด็กเลยค่ะ
    คุณม่ก็ยังเปรี้ยวอยู่เลย อิอิ
    น้องเบลจ๋า ยังไม่ได้โทรไปขอบคุณเลยอ่า--เรื่องหล่อคุณพ่อเค้ายิ่งได้เครดิตอยู่ คุณแม่เปรี้ยวไม่ออกตอนนี้ค่อนไปทางเค็มๆจ้า อ้วนอืดเกิน เสื้อเซลล์ก็ซื้อไม่ได้ เพราะใส่ไม่เข้า กำ (-_-)'
  5. wawe
    wawe
    รีวิวได้สนุกดีค่ะ อ่านไป ดูไป ยิ้มไป เพราะตัวเอกในเรื่องน่ารักดีค่ะ
  6. srichardson
    srichardson
    น่ารักเชียวน้องอ้อเข้าใจบรรยายจัง อ่านแล้วขำ ฮิๆๆ
  7. cottonchef
    cottonchef
    [quote=teerasak;1063632351]Review กระทู้นี้เน้นขำขัน อาจโดนล็อคกระทู้ในเร็ววัน เนื่องจากสาระไม่ค่อยมี มาดูกิจกรรมสารพัดที่เจ้าตัวแสบสามารถทำได้ ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิด


    หลักการ : - หลีกเลี่ยงห้างสรรพสินค้า
    - ไม่มีคำว่า "กลัว" ไม่มีการหลอกหรือขู่เด็ก
    แอบได้ยินบ่อยๆจาบรรดาคุณๆพี่เลี้ยง การขู่หรือ
    ใช้ความกลัวเพื่อให้เด็กยอมตาม เป็นการปิดกั้น
    การเรียนรู้อย่างสิ้นเชิง ทำให้เด็กขาดความมั่นใจ
    ..ข้อเสียจากการที่ลูกไม่กลัวคือจะซนระดับแปดดาว
    จึงต้องมีคำว่า การดูแลอย่างใกล้ชิด
    กำกับไว้ด้วย นอกจากนี้ไม่พบข้อเสียใดๆ (^^)




    น่ารักมากมากค่ะ ขอสมัครเป็นสมาชิกด้วยคนนะคะ คุณแม่มือใหม่
    ขอคำแนะนำจากพี่ ๆ ด้วยนะคะ

    ตัวเล็ก อายุ 2 ขวบแล้วค่ะ พี่เลี้ยงหลายคน (เนื่องจากที่บ้านอยู่กันเยอะ) ทุกคนขู่หมดเลย ไปตรงโน้นไม่ได้เจอจิ้งจก เจอแม่มด ไปตรงนี้ไม่ได้เจอ บ้องแบ๊ว (งงมากว่ามันคือตัวอะไร) ทำไงดี จะทันมั๊ยอ่ะคะ (จะไล่ออกก็ไม่ได้แล้วเพราะว่าลูกติดพี่เลี้ยงในระดับนึงแล้ว อีกอย่างเค้าเป็นพี่น้องกันหมด ไล่ออกไปเค้าก็ต้องยกกันออกทั้งบ้านแน่) ปรกติเลี้ยงเองนะคะ แต่ช่วงนี้ยุ่งเล็กน้อย บวก วันไหนหยุดเรียนเลยปล่อยให้อยู่บ้าน เลยคิดว่า ควรพาไปโรงเรียนจะดีกว่าปล่อยให้อยู่กับพี่เลี้ยงเวลาเราไม่อยู่บ้านเนอะ

    พูดถึง บ้องแบ๊ว ไม่ว่าน้องจะซน วิ่งไปไหน ทำอะไรที่เสี่ยงต่อการเจ็บตัว พี่เลี้ยงจะสมมุติชื่อขึ้นมาว่า บ้องแบ๊ว ลูกจะกลัวบ้องแบ๊วมากเลยค่ะ ปิดหูปิดตา ยอมทำตามทุกอย่าง(อยากรู้มากว่าไอ้เจ้า บ้องแบ๊ว หน้าตามันเป็นยังไง) เวลานอน ก็กลัว ไม่ยอมให้ปิดไฟค่ะ กลัวเอามากมาก ตอนนี้ต้องให้พี่เลี้ยงไปไกล ๆ เลยค่ะเวลากล่อมนอนจะพยายามกล่อมเองตลอด แล้วค่อยให้พี่เลี้ยงมาเฝ้าตอนหลับแล้วแทน......

    ตอนทานข้าวก็ไม่ยอมทานเลย (ย้ำเลยนะคะ ว่าไม่ทานจริง ๆ) ต้องขู่ว่า เดี๋ยวหมอมาฉีดยานะ ไม่ทานปลา ทานไข่เดี๋ยวต้องนอนโรงพยาบาลนะ ไม่งั้นไม่ทานซักคำเลยจริง ๆ ค่ะ กลุ้มใจมาก

    ต่อไปต้องใช้วิธีปล่อย บ้างแล้ว

    ......แต่เค้าจะเอาแต่ใจตัวเองหรือป่าวคะ........


    2 ขวบแล้ว แก้ไขจะทันมั๊ยคะเนี่ย อยากจะถามหลายอย่างเลย เกรงใจมั๊กมาย

    ขอบคุณมากนะคะ ขอให้ลูกชาย และเด็กๆทุกคน สุขภาพแข็งแรงค่า
  8. teerasak
    teerasak
    **สมควรแก่เวลา ขอลบรูปออกคร๊า ****

    ยินดีต้อนรับคุณ cotton chef ค่ะ..ขออนุญาติเรียกคุณฝ้ายนะคะ (จำได้เพราะว่าเคยเห็นในกระทู้ต่างๆอ่ะค่ะ) ขอออกเอี๊ยดก่อนว่า ความรู้อ้อก็เท่าหางอึ่งค่ะ ลองผิดลองถูกกันไป คำแนะนำต่อไปนี้ไม่มีสูตรตายตัวเป๊ะๆค่ะ เด็กแต่ละคนมี nature ต่างกัน คนเลี้ยงต้องคอยสังเกตุและปรับเปลี่ยนวิธีรับมือค่ะ


    -อย่าทำให้เด็กกลัว : อันนี้สำคัญค่ะ ไม่มีเด็กวัยไหนจะขี้กลัวเท่าวัย1.5-2 ขวบอีกแล้ว ถ้ามีใครทำให้แกกลัวมีหวังต้องยุ่งกับแกอีกนาน การที่พี่เลี้ยงชอบหลอกอ้อแนะนำให้ใช้เรียกมาเคลียร์ เอ๊ย เรียกมาทำความเข้าใจจะดีกว่าค่ะ ว่าอย่าพยายามหลอกให้น้องกลัวอีก เพราะเมื่อเด็กกลัวแกจะไม่เป็นตัวของตัวเอง และอาจจะโตไปเป็นเด็กที่ขาดความมั่นใจในตัวเองได้ เพราะการทำแบบนั้นไม่ใช่การฝึกเด็ก ยิ่ง 2 ขวบนี่เป็นวัยที่กำลังสำรวจ กำลังซนเลยค่ะ (เข้าใจได้อยู่ ก็หนูเกิดมาไม่เคยได้เห็นเลยนี่นา) พี่เลี้ยงอย่าขี้เกียจค่ะ เป็นไปไม่ได้ที่น้องจะอยู่นิ่งๆกับที่ ให้คุณพี่เลี้ยงนั่งชิลล์แน่นอน แล้วถ้าจะห้ามไม้ให้ไปก็บอกเหตุผลไปเลยว่าเพราะอะไร แหย่ปลั๊กไปไม่ได้เพราะไฟจะดูดทำให้หนูเจ็บมาก บลา บลา ว่าไป เด็กวัยนี้เข้าใจเหตุผลได้บ้างแล้วค่ะ..พี่เลี้ยงต้องขยันหน่อยที่สำคัญต้องไวด้วย น้องบางคนชอบปีนป่ายชอบวิ่งไปมา พี่เลี้ยงก็ต้องคอยตามคอยสำรวจข้างหน้าที่น้องจะไป และคอยระมัดระวังไม่ให้น้องหล่น หรือ วิ่งไปชนอะไรเข้าค่ะ ย้ำว่าต้องคอยระวังนะคะ ไม่ใช่ห้ามไปหมดทุกอย่าง บ้านคุณฝ้ายมีคนเยอะๆก็ดีแล้วค่ะ เมื่อทุกคน get concept ก็จะมีหลายๆหูหลายๆตาช่วยกันสอดส่อง บ้านก็ชายฉกรรจ์เพียบค่ะ...ทุกคนเข้าใจคอนเซ็ปตรงกัน เพราะฉะนั้นน้องไม่สนิทกับคำว่ากลัว แต่ต้องทำใจเนิ่นๆคือจะซนมาก วิ่งกระจายค่ะ เรื่องนี้ต้องค่อยๆปรับค่ะ ทั้งผู้ใหญ่ทั้งเด็กค่อยๆปรับกันไป น่าจะยังทัน ตัวแสบที่บ้านไม่กลัวและพูดกันพอรู้เรื่องว่า ถ้าแม่ผู้นุ่มนวลเปลี่ยนเป็นแม่หน้ายักษ์เสียงดังขึ้นมา นั่นคือต้องหยุดแล้ว ก็มีบางทีที่ he มึนทำเป็นไม่สน...เช่นวันนี้เทการ์ดคำศัพท์(ที่แม่เอาไปเคลือบพลาสติกเรียบร้อยแล้ว)ลงพื้น อย่า ไม่ฟัง เรียกมาช่วยเก็บ ไม่มา--ซักพัก เหยียบการ์ดลื่นหัวโป๊กก คราวนี้ยอมฟังทั้งน้ำตา (วิธีนี้ไม่แนะนำนะคะ โหดไปหน่อย)แต่แอบกระซิบว่า การป้อนข้อมูล ป้อนคำสั่งใดๆตอนที่เจ็บตัวเนี่ย จำได้แม่นทีเดียว ไม่ใช่ซ้ำนะคะ ป้อนข้อมูลไปเลยว่า ทำไมถึงเทการ์ดไม่ได้ เพราะมันลื่น แล้วลูกก็จะ บลา บลา บลา

    ส่วนเรื่องน้องทานข้าวยาก ขอมาต่อพรุ่งนี้นะคะ ตาปรือแล้วค่ะ แนะนำหนังสือคู่มือหน่อยค่ะ จริงๆมีเป็นสิบแต่เล่มนี้ข้อมูลเรื่องเด็กทานข้าวยากค่อนข้างแน่น หยิบใช้ได้ไม่ต้องกรองซักเท่าไร รายละเอียดหนังสือน่าจะลงได้ได้ไม่ผิดกฎเว็บ

    หนังสือปกแข็งของ สนพ: หมอชาวบ้าน
    ชื่อเรื่อง: สารานุกรมการเลี้ยงดูเด็ก มีเล่ม 1 และ 2
    ผู้เขียน : นายแพทย์ มิชิโอะ มัตสุดะ
    แปลและเรียบเรียงโดย : พรอนงค์ นิยมค้า
    ราคา : เล่มละ 160

    คุณฝ้ายซื้อเฉพาะเล่ม 2 ก็ได้ค่ะ เพราะน้อง 2 ขวบแล้ว ..เล่มแรกจะเป็นเด็กอ่อน ที่อ้อว่าไม่ค่อยปึ้กเท่าข้อมูลบ้านๆจากญาติโยมรอบๆตัวเรา เล่มสองสอยมาจาก ร้านนายอินทร์ สาขา พารากล้วย
  9. teerasak
    teerasak
    Quote Originally Posted by wawe View Post
    รีวิวได้สนุกดีค่ะ อ่านไป ดูไป ยิ้มไป เพราะตัวเอกในเรื่องน่ารักดีค่ะ
    เลี้ยงลูกนี่แอบเครียดค่ะพี่แหวว เลยต้องใช้อารมณ์ขันเข้าข่ม

    Quote Originally Posted by srichardson View Post
    น่ารักเชียวน้องอ้อเข้าใจบรรยายจัง อ่านแล้วขำ ฮิๆๆ
    พี่นีน่าเข้ามาเจิมด้วย ดีอกดีใจ (^_^)
  10. cottonchef
    cottonchef
    Quote Originally Posted by teerasak View Post
    ลืมไปว่าลบรูปใน photobucket แล้วรูปจะหาย..เดี๋ยวขออนุญาติอัพใหม่อีกรอบนะคะ

    ยินดีต้อนรับคุณ cotton chef ค่ะ..ขออนุญาติเรียกคุณฝ้ายนะคะ (อ้อจำได้เพราะว่าเคยเห็นในกระทู้ต่างๆอ่ะค่ะ) ขอออกเอี๊ยดก่อนว่า ความรู้อ้อก็เท่าหางอึ่งค่ะ ลองผิดลองถูกกันไป คำแนะนำต่อไปนี้ไม่มีสูตรตายตัวเป๊ะๆค่ะ เด็กแต่ละคนมี nature ต่างกัน คนเลี้ยงต้องคอยสังเกตุและปรับเปลี่ยนวิธีรับมือค่ะ


    -อย่าทำให้เด็กกลัว : อันนี้สำคัญค่ะ ไม่มีเด็กวัยไหนจะขี้กลัวเท่าวัย1.5-2 ขวบอีกแล้ว ถ้ามีใครทำให้แกกลัวมีหวังต้องยุ่งกับแกอีกนาน การที่พี่เลี้ยงชอบหลอกอ้อแนะนำให้ใช้เรียกมาเคลียร์ เอ๊ย เรียกมาทำความเข้าใจจะดีกว่าค่ะ ว่าอย่าพยายามหลอกให้น้องกลัวอีก เพราะเมื่อเด็กกลัวแกจะไม่เป็นตัวของตัวเอง และอาจจะโตไปเป็นเด็กที่ขาดความมั่นใจในตัวเองได้ เพราะการทำแบบนั้นไม่ใช่การฝึกเด็ก ยิ่ง 2 ขวบนี่เป็นวัยที่กำลังสำรวจ กำลังซนเลยค่ะ (เข้าใจได้อยู่ ก็หนูเกิดมาไม่เคยได้เห็นเลยนี่นา) พี่เลี้ยงอย่าขี้เกียจค่ะ เป็นไปไม่ได้ที่น้องจะอยู่นิ่งๆกับที่ ให้คุณพี่เลี้ยงนั่งชิลล์แน่นอน แล้วถ้าจะห้ามไม้ให้ไปก็บอกเหตุผลไปเลยว่าเพราะอะไร แหย่ปลั๊กไปไม่ได้เพราะไฟจะดูดทำให้หนูเจ็บมาก บลา บลา ว่าไป เด็กวัยนี้เข้าใจเหตุผลได้บ้างแล้วค่ะ..พี่เลี้ยงต้องขยันหน่อยที่สำคัญต้องไวด้วย น้องบางคนชอบปีนป่ายชอบวิ่งไปมา พี่เลี้ยงก็ต้องคอยตามคอยสำรวจข้างหน้าที่น้องจะไป และคอยระมัดระวังไม่ให้น้องหล่น หรือ วิ่งไปชนอะไรเข้าค่ะ ย้ำว่าต้องคอยระวังนะคะ ไม่ใช่ห้ามไปหมดทุกอย่าง บ้านคุณฝ้ายมีคนเยอะๆก็ดีแล้วค่ะ เมื่อทุกคน get concept ก็จะมีหลายๆหูหลายๆตาช่วยกันสอดส่อง บ้านอ้อก็คนงานเพียบค่ะ...ทุกคนเข้าใจคอนเซ็ปตรงกัน เพราะฉะนั้นน้องไม่สนิทกับคำว่ากลัว แต่ต้องทำใจเนิ่นๆคือจะซนมาก วิ่งกระจายค่ะ เรื่องนี้ต้องค่อยๆปรับค่ะ ทั้งผู้ใหญ่ทั้งเด็กค่อยๆปรับกันไป น่าจะยังทัน ตัวแสบที่บ้านไม่กลัวและพูดกันพอรู้เรื่องว่า ถ้าแม่ผู้นุ่มนวลเปลี่ยนเป็นแม่หน้ายักษ์เสียงดังขึ้นมา นั่นคือต้องหยุดแล้ว ก็มีบางทีที่ he มึนทำเป็นไม่สน...เช่นวันนี้เทการ์ดคำศัพท์(ที่แม่เอาไปเคลือบพลาสติกเรียบร้อยแล้ว)ลงพื้น อย่า ไม่ฟัง เรียกมาช่วยเก็บ ไม่มา--ซักพัก เหยียบการ์ดลื่นหัวโป๊กก คราวนี้ยอมฟังทั้งน้ำตา (วิธีนี้ไม่แนะนำนะคะ โหดไปหน่อย)แต่แอบกระซิบว่า การป้อนข้อมูล ป้อนคำสั่งใดๆตอนที่เจ็บตัวเนี่ย จำได้แม่นทีเดียว ไม่ใช่ซ้ำนะคะ ป้อนข้อมูลไปเลยว่า ทำไมถึงเทการ์ดไม่ได้ เพราะมันลื่น แล้วลูกก็จะ บลา บลา บลา

    ส่วนเรื่องน้องทานข้าวยาก อ้อขอมาต่อพรุ่งนี้นะคะ ตาปรือแล้วค่ะ แนะนำหนังสือคู่มือหน่อยค่ะ จริงๆมีเป็นสิบแต่เล่มนี้ข้อมูลเรื่องเด็กทานข้าวยากค่อนข้างแน่น หยิบใช้ได้ไม่ต้องกรองซักเท่าไร รายละเอียดหนังสือน่าจะลงได้ได้ไม่ผิดกฎเว็บ

    หนังสือปกแข็งของ สนพ: หมอชาวบ้าน
    ชื่อเรื่อง: สารานุกรมการเลี้ยงดูเด็ก มีเล่ม 1 และ 2
    ผู้เขียน : นายแพทย์ มิชิโอะ มัตสุดะ
    แปลและเรียบเรียงโดย : พรอนงค์ นิยมค้า
    ราคา : เล่มละ 160

    คุณฝ้ายซื้อเฉพาะเล่ม 2 ก็ได้ค่ะ เพราะน้อง 2 ขวบแล้ว ..เล่มแรกจะเป็นเด็กอ่อน ที่อ้อว่าไม่ค่อยปึ้กเท่าข้อมูลบ้านๆจากญาติโยมรอบๆตัวเรา เล่มสองอ้อสอยมาจาก ร้านนายอินทร์ สาขา พารากล้วย
    ร้านนายอินทร์นี่ขาประจำกันเลยค่ะ
    คุณอ้อบรรยายภาพได้ฮามากค่ะ ขอบอก อ่านแล้วนึกภาพออก บวกกับนึกถึงจอมซนที่บ้าน อิอิ แต่ก็เป็นความปวดหัวที่ทำให้เรายิ้มมมได้มากมาย เมื่อยามนึกถึง คือเบบี๋เรานี่แหล่ะค่ะ

    ขอบคุณมากมากค่ะคุณอ้อ เด๋วจะรอชมภาคต่อไปนะคะ
  11. oohio
    oohio
    น้องฝ้าย ต้องควบคุมพี่เลี้ยงหน่อยเป่าคะ เรื่องทำให้น้องกลัวเนี่ย สำคัญมาก ตอนเด็ก ๆ พี่โตมาแบบถูกหลอกให้กลัวนู่นนี่เหมือนกัน มันไม่ดีน่ะ ประมาณห้ามไปทุกอย่าง เด็กมันจะกลัวก่อนที่จะได้ลอง ลูกสาวพี่ อ่อนกว่าลูกน้องฝ้ายหน่อยนึง แต่ชีกล้ามาก ไปเพลกราวน์กัน พี่เป็นคนกลัวความสูง แต่ลูกพี่มันไปแล้ว ปีนไปเล่นสไลด์ตัวที่สูงที่สุด พี่แทบร้องไห้ เพราะพี่กลัวลูกตก ตอนนี้เลยพยายามจะให้พ่อเค้าเป็นคนพาไป เค้าไม่มีปัญหาเรื่องกลัวอะไร

    ที่ไม่อยากให้หลอกเด็กว่าอย่าทำนั่นนะ อย่าทำนี่นะ มันเป็นการปลูกฝังให้เด็กเชื่อหรือกลัวอะไรที่มีจริงรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่กลัวไว้ก่อน เอาเป็นว่าโตมานี่พี่ยังถามตัวเองเลย ว่าไอ้ที่แม่เคยบอกว่า อย่านอนกินเด๋วเป็นงูเนี่ย มันยังไง ก็คือง่าย ๆ มันจะดูเหมือนคนขี้เกียจ นอนกินอย่างนั้นอย่างนี้ ตุ๊กแกจะมากินตับ หรือสร้างตัวละครให้เด็กกลัวหรืออะไรอีก ไม่ดีเลย
    ถ้าลูกดื้อ ห้ามแล้วไม่ฟัง ก็ปล่อยให้เค้าได้ลอง (ถ้าไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต) ปล่อยให้ทำค่ะ ถ้าเค้าเจ็บแล้วเค้าจะจำ แค่ครั้งเดียวเท่านั้นล่ะ ดึงลิ้นชักหนีบมือ ร้อง..... จำ เปิดตู้แล้วปิดกระแทกมือ ร้อง.....จำ etc. เด็กมันต้องได้ลองน่ะ ฉะนั้น คนเลี้ยงสำคัญ

    พี่เลี้ยงลูกเอง แรก ๆ ก็จะเป็นอย่างน้องฝ้ายนั่นแหละ หวงลูกมาก ก็นะ ลูกคนเดียวนี่ รักมากเป็นธรรมดา แต่ว่าอยากให้ปล่อยวางบ้าง อย่าโอ๋มาก เลี้ยงให้เค้าล้มแล้วลุกขึ้นยืนได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่ล้มแล้วเราวิ่งไปอุ้มหรือโอ๋เลย มันจะส่งผลถึงตอนโตน่ะ เป็นไรนิดหน่อย ก็อย่าพาไปหาหมอหรือ รพ.เลย ไม่สบาย ตัวร้อน ที่ทำได้ก็ให้ยาลดไข้ (สำหรับเด็ก) เด็กเล็กทำได้แค่นี้จริง ๆ ให้ทุก ๆ 4-6 ช.ม. คุมไม่ให้ไข้สูง ถ้าให้สองสามวันแล้วไม่ดีขึ้น อันนี้ถึงค่อยพาไปรพ. ลูกพี่ล้มตอน 6 เดือน คิ้วแตก พ่อเค้ายังไม่พาไปรพ. เลย ตอนนั้นพี่โมโห แต่สุดท้าย มันก็แห้งหายไปเอง ตอนนี้พี่มานึกดีใจที่เลี้ยงลูกที่เมกา อาจจะเป็นระบบ health care system ที่นี่มันห่วยแตกรึเปล่าก็ไม่แน่ใจ ทำให้พี่เลือกที่จะอดทน หรือเลือกที่จะช่วยเหลือตัวเองก่อน ที่จะพึ่งคนอื่น (โรงพยาบาล)

    ปล. มีหลานที่ไทย เป็นลูกของลูกพี่ลูกน้อง ปวดท้องนิดหน่อย (จริง ๆ ก็ปวดมากนั่นแหละ) แต่เค้าเป็นโรคกระเพาะ คือปวดท้องแทนที่แม่จะให้ยาลดกรด เด็กอาจจะเสียดท้อง หรือมีลมในกระเพาะมาก ก็ไม่ทำ บอกว่าลูกอยากไปรพ. สุดท้าย ลูกไปนอนรพ. หมอให้ยาลดกรด ลดลม แล้วก็หายปวด เสียเงินค่าหมอ ค่ารพ. โดยใช่เหตุ

    ยังไงเอาใจช่วยนะจ๊ะ (เป็นเพียงความคิดพี่นะน้องฝ้าย ถ้าไม่ชอบยังไงพี่ขอโทษไว้ ก่อนนะจ๊ะ)
  12. cottonchef
    cottonchef
    Quote Originally Posted by oohio View Post
    น้องฝ้าย ต้องควบคุมพี่เลี้ยงหน่อยเป่าคะ เรื่องทำให้น้องกลัวเนี่ย สำคัญมาก ตอนเด็ก ๆ พี่โตมาแบบถูกหลอกให้กลัวนู่นนี่เหมือนกัน มันไม่ดีน่ะ ประมาณห้ามไปทุกอย่าง เด็กมันจะกลัวก่อนที่จะได้ลอง ลูกสาวพี่ อ่อนกว่าลูกน้องฝ้ายหน่อยนึง แต่ชีกล้ามาก ไปเพลกราวน์กัน พี่เป็นคนกลัวความสูง แต่ลูกพี่มันไปแล้ว ปีนไปเล่นสไลด์ตัวที่สูงที่สุด พี่แทบร้องไห้ เพราะพี่กลัวลูกตก ตอนนี้เลยพยายามจะให้พ่อเค้าเป็นคนพาไป เค้าไม่มีปัญหาเรื่องกลัวอะไร

    ที่ไม่อยากให้หลอกเด็กว่าอย่าทำนั่นนะ อย่าทำนี่นะ มันเป็นการปลูกฝังให้เด็กเชื่อหรือกลัวอะไรที่มีจริงรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่กลัวไว้ก่อน เอาเป็นว่าโตมานี่พี่ยังถามตัวเองเลย ว่าไอ้ที่แม่เคยบอกว่า อย่านอนกินเด๋วเป็นงูเนี่ย มันยังไง ก็คือง่าย ๆ มันจะดูเหมือนคนขี้เกียจ นอนกินอย่างนั้นอย่างนี้ ตุ๊กแกจะมากินตับ หรือสร้างตัวละครให้เด็กกลัวหรืออะไรอีก ไม่ดีเลย
    ถ้าลูกดื้อ ห้ามแล้วไม่ฟัง ก็ปล่อยให้เค้าได้ลอง (ถ้าไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต) ปล่อยให้ทำค่ะ ถ้าเค้าเจ็บแล้วเค้าจะจำ แค่ครั้งเดียวเท่านั้นล่ะ ดึงลิ้นชักหนีบมือ ร้อง..... จำ เปิดตู้แล้วปิดกระแทกมือ ร้อง.....จำ etc. เด็กมันต้องได้ลองน่ะ ฉะนั้น คนเลี้ยงสำคัญ

    พี่เลี้ยงลูกเอง แรก ๆ ก็จะเป็นอย่างน้องฝ้ายนั่นแหละ หวงลูกมาก ก็นะ ลูกคนเดียวนี่ รักมากเป็นธรรมดา แต่ว่าอยากให้ปล่อยวางบ้าง อย่าโอ๋มาก เลี้ยงให้เค้าล้มแล้วลุกขึ้นยืนได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่ล้มแล้วเราวิ่งไปอุ้มหรือโอ๋เลย มันจะส่งผลถึงตอนโตน่ะ เป็นไรนิดหน่อย ก็อย่าพาไปหาหมอหรือ รพ.เลย ไม่สบาย ตัวร้อน ที่ทำได้ก็ให้ยาลดไข้ (สำหรับเด็ก) เด็กเล็กทำได้แค่นี้จริง ๆ ให้ทุก ๆ 4-6 ช.ม. คุมไม่ให้ไข้สูง ถ้าให้สองสามวันแล้วไม่ดีขึ้น อันนี้ถึงค่อยพาไปรพ. ลูกพี่ล้มตอน 6 เดือน คิ้วแตก พ่อเค้ายังไม่พาไปรพ. เลย ตอนนั้นพี่โมโห แต่สุดท้าย มันก็แห้งหายไปเอง ตอนนี้พี่มานึกดีใจที่เลี้ยงลูกที่เมกา อาจจะเป็นระบบ health care system ที่นี่มันห่วยแตกรึเปล่าก็ไม่แน่ใจ ทำให้พี่เลือกที่จะอดทน หรือเลือกที่จะช่วยเหลือตัวเองก่อน ที่จะพึ่งคนอื่น (โรงพยาบาล)

    ปล. มีหลานที่ไทย เป็นลูกของลูกพี่ลูกน้อง ปวดท้องนิดหน่อย (จริง ๆ ก็ปวดมากนั่นแหละ) แต่เค้าเป็นโรคกระเพาะ คือปวดท้องแทนที่แม่จะให้ยาลดกรด เด็กอาจจะเสียดท้อง หรือมีลมในกระเพาะมาก ก็ไม่ทำ บอกว่าลูกอยากไปรพ. สุดท้าย ลูกไปนอนรพ. หมอให้ยาลดกรด ลดลม แล้วก็หายปวด เสียเงินค่าหมอ ค่ารพ. โดยใช่เหตุ

    ยังไงเอาใจช่วยนะจ๊ะ (เป็นเพียงความคิดพี่นะน้องฝ้าย ถ้าไม่ชอบยังไงพี่ขอโทษไว้ ก่อนนะจ๊ะ)

    พี่โอ๋ เปลี่ยน avater กับ Signature จนหนูจำไม่ได้เลยอ่ะค่ะ
    ดีนะจำนางฟ้าองค์น้อยของพี่ได้

    พูดถึง นอนกินเดี๋ยวเป็นงู หนูก็ยังงงถึงตอนนี้นะคะ แบบว่า อะไรกันเนี่ย
    จะบอกว่าหนูก็ยังเชื่อนะคะ แล้วก็ ห้ามพูดตอนทำแกงจืดมะระ ไม่งั้นจะขม
    (มันอะไรกันเนี่ย) 555

    แล้วก็ไอ้หง่าว หนูกลัวไอ้หง่าวจนถึงทุกวันนี้ คุณยายหลอกประจำเวลาหนูแอบขึ้นไปข้างบนบ้านคนเดียว เซ็งยายมากมาก
    ทุกวันนี้กว่าจะหายกลัว เลิกวิ่งตอนขึ้นบันได ใช้เวลานานมากเลยค่ะ (แต่ตอนนี้ไม่กลัวแย้ว)

    ส่วนลูก .... เรื่องมันยาวค่ะพี่โอ๋ มีมี story แยะ
    หนูโพสต์ที่กระทู้คุณ my_nim ตั้งแต่เช้า

    เพิ่งจะมาเห็นทู้พี่โอ๋ตอนดึกเนี่ยเลยค่ะ ขอเล่าให้พี่ฟังเพิ่มว่า
    หนูคิดผิดเลยที่คลอดลูกที่ไทย (เฉพาะสำหรับตัวหนูคนเดียวนะคะ)
    ครอบครัวอื่น ๆ อาจไม่คิดเหมือนหนูคร่า)

    ตอนแรกคลอดที่ ตปท. ก็ดีอยู่แล้ว แต่กลัวโน่นกลัวนี่
    แถมหนูก็ไม่ค่อยจะแข็งแรงเลยต้องกลับมาคลอดที่ไทย
    พี่อยู่ต่างประเทศ ระบบเค้าดีมากมาก คนส่วนใหญ่เค้าไม่ค่อยไปโรงพยาบาลกันเลย
    แล้วรัฐบาลก็ support เต็มที่เรื่องการหยุดงาน
    การดูแลเด็กก็ดี เฮ่อคิดแล้วเสียดายค่ะ
    อยากจะเอาลูกใส่ท้องเข้าไปใหม่ซะจริง
    หนูเคยจะไปซื้อยา ต้องไปศูนย์อะไรซักอย่างต้องรอบัตรคิว
    (จ่ายตังค์ก่อนด้วยนะ) เพื่อขอคำปรึกษาจากแพทย์
    เพื่อนำใบแพทย์ ไปซื้อยาตามร้านขายยาข้างทาง
    แสดงว่า การจ่ายยาของต่างประเทศ ต้องเข้มงวดมากมาก
    แต่พี่คะ เมืองไทยบ้านเรา มันง่ายกว่าปลอกกล้วยเข้าปากอีกค่ะ
    ที่บ้านเลยต้องพึ่งหมอกันหมด แถมค่าเงินบ้านเราน้อย
    เราเลยคิดว่า นอนโรงพยาบาล มีประกันสุขภาพ คุ้มสุด
    อยู่ใกล้มือหมอด้วยอีกต่างหาก

    สุดท้ายเข้าประเด็นที่ว่า พี่เลี้ยงหลอกให้ลูกกลัว
    ต้องบอกแล้วค่ะ ต่อไปนี้จะต้องย้ำแล้วด้วย เซ็งจิตจริง ๆ
    เลี้ยงเองดีที่สุดค่ะ คอนเฟิร์ม บางทีไม่รู้จะทำไง
    ยิ่งตอนหัดขับรถไปส่งลูกที่โรงเรียน
    เค้าชอบกระโดดมานั่งหน้าพวงมาลัย เปิดเสื้อเราจะกินนม
    รถจะชนหลายครั้งแล้วค่ะพี่ พี่เลี้ยงจับก็โดนลูกตบ
    พี่เลี้ยงเลยต้องขู่ว่าตำรวจจะมาจับตัว ถึงจะยอม

    ยังไงก็สู้ ๆ อยู่แล้วค่ะพี่
    ขอบคุณพี่มากนะคะ ฝากBig Kiss Angle น้อยด้วยจ้า
  13. oohio
    oohio
    น้องฝ้าย
    พี่เข้าใจนะ ถ้าจะเปรียบระบบ healthcare system ของเมกากับไทยอ่ะ เปรียบกันไม่ได้เลย ถึงแม้พี่จะอยู่ตรงนี้ พี่ก็ยังรู้สึกว่า ระบบของไทยน่ะสุดยอดแล้ว ส่วนเรื่องคลอดลูกน่ะ แว้ก พี่อยากกลับไปคลอดที่ไทยจะตาย ได้ยินประสบการณ์คนคลอดลูกที่เมกาแล้วน่ากลัว คือมันเลือกไม่ได้ไง ว่าจะผ่าคลอดหรือยังไง นอกจากครรภ์มีปัญหาน่ะถึงจะเลือกผ่าได้ (ล่าสุดได้ยินพยาบาลที่คลินิคทำฟันเล่าให้ฟังว่าเค้าคลอดแบบธรรมชาติ หมอทำไงไม่รู้ บล็อกหลังพลาดสองครั้ง แล้วบล็อกไม่ได้อีก เค้าต้องทนเจ็บ 35 ช.ม.จนกว่าจะคลอดน่ะ พี่ฟังแล้วหืม ถ้าเป็นพี่นี่คงแกล้งเป็นลมตายอ่ะ ตั้ง 35 ช.ม. หมอยังไม่ผ่าให้เลย ไม่รู้ทำไม

    ที่พี่บอกว่าพี่ดีใจที่ได้เลี้ยงลูกที่นี่ เหตุผลอย่างเดียวเลย คือมันทำให้เราแกร่งอ่ะ เลือกที่จะช่วยเหลือตัวเองก่อนที่จะไปรพ. หรือคิดจะไปหาหมอนั่นแหละจ้ะ ที่พี่หมายถึงในเม้นท์ก่อน ส่วนเรื่องคลอดหรือเลี้ยงลูกที่ไทย ที่ดีที่สุดคือ อยู่ใกล้กับพ่อแม่พี่น้อง เหนื่อยก็ยังมีคนช่วยเลี้ยง ให้ได้พักบ้าง ไม่เครีียดมากจนเกินไป มันก็มีทั้งดีและไม่ดีแตกต่างกันไปอ่ะจ้ะ

    ส่วนเรื่องพี่เลี้ยง อืม ก็ต้องค่อย ๆ ฝึกกันไปเนอะ ให้คนอื่นเลี้ยง มันจะไม่ได้ดังใจอย่างที่เราต้องการเสมอ ส่วนเรื่องขับรถไปรร. น้องฝ้ายไม่ได้หัดเค้านั่งคาร์ซีทเหรอ ถ้าไม่เคย จะมาหัดป่านนี้แล้วเค้าจะยอมมั้ยเนอะ พี่ก็ไม่แน่ใจ แต่มันปลอดภัยจริง ๆ จ้ะ ที่ไทยเรายังไม่มีเป็นกฏหมายบังคับใช่เป่าเรื่องคาร์ซีทเนี่ย จริง ๆ มีมันก็ดีเนอะ แต่ว่าก็อีกล่ะ เรายังโตกันมาแบบไม่มีคาร์ซีทได้เลย

    เด๋วพี่จะกลับไปอ่านที่กระทู้นั้นก่อน ที่ฝ้ายโพสต์ไว้อ่ะ ยังไงเอารูปตัวน้อยมาอัพเดทมั่งเน่อ จุ๊บ ๆ จ๊ะ
  14. srichardson
    srichardson
    พี่เป็นคนที่เลี้ยงลูกเองมากับมือ ขอย้ำว่าเลี้ยงเองแบบไม่มีพี่เลี้ยงด้วยจนลูกคนโตอายุได้ 3 ขวบและคนเล้กได้ ขวบเศษๆถึงได้มายอมมีพี่เลี้ยง คุณแม่พี่ยังแปลกใจมากพูดเลย "ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะเลี้ยงลูกเองได้" เพราะว่าที่บ้านพี่จะรู้ว่าพี่อ่ะคุณหนูมาก ทำอะไรก้อไม่เป็น และไม่อยากทำด้วย ฮิๆๆ สาเหตุที่ไม่อยากมีพี่เลี้ยงคือ

    1. เป็นคนที่ห่วงลูกมาก นอยด์ไปหมดกลัวเค้าเลี้ยงลูกเราไม่ดี กลัวไม่สะอาด กลัวเค้าแอบตีลูกเรา
    2. บอกตรงๆว่าจะอิจฉา มากถ้าลูกติดพี่เลี้ยง จะไม่อยากให้ลูกเรา ติดใครมากไปกว่าเราเลย
    3. อยากจะเป็นคนแรกที่ได้ยินคำพูดแรกของลูก ก้าวเดินในก้าวแรกของลูก และพัฒนาการต่างๆของลูกด้วยตัวเองแทนที่จะเป็นพี่เลี้ยงค่ะ (ยกให้สามีกับคุณตาคุณยาย ที่ยอมให้ได้ )

    พี่เห็นด้วยและคิดเหมือนน้องอ้อ เรื่องที่อย่าสอนให้ลูกกลัว แต่พี่จะสอนให้เค้ามีเหตุผลมากกว่า อย่างตอนเล็ก เวลาที่เค้าดื้อไม่ฟังเรา แต่ว่าอยากลองเช่นจะเอามือใส่เข้าไปในพัดลม พี่ก้อจะกระดาษมาทำใบพัดแล้วแสดงให้เค้าดูว่าใบพัดของพัดลมจะ ปัดมือของลูกแบบนี้นะแต่ว่าใบพัดของจริงเนี้ยมันแข็งกว่านี่อีกลองจับดูซิ แล้วก้อปิดพัดลมให้เค้าจับใบพัดดู เพราะฉะนั้นมันต้องเจ็บน่าดูเลยนะถ้ามันตัดมือลุกเนี้ย ถ้าไม่เชื่อลูกลองเอามือใส่ก้อได้ อ่ะลองดูเลย และเค้าก้อจะไม่ทำ

    เห็นคุณ cottonchef บอกว่าลูกปีนตัวจะกินนมตอนที่ขับรถอยู่น่าจะให้ลูกนั่ง car seat นะค่ะของลูกพี่เค้านั่งมาตั้งแต่แรกเกิดเลยค่ะ พี่ไม่เคยอุ้มลุกเลยแม้กระทั่งว่าเราไม่ได้ขับรถเองก้อเถอะ ปลอดภัยกว่าเยอะเลย และลุกพี่เค้าก้อจะชินค่ะ ใหม่ๆทะเลาะกับคุณแม่พี่จะตายเรื่องนั่ง car seat เนี้ยเพราะคุณยาย เธอบ่นหาว่า "มัดหลานเธอ ไม่ให้ได้กระดิกกระเดี้ยไปไหน" แต่ว่าพี่ไม่กับคุณสามีไม่ยอมจนท้ายสุดเธอก้อต้องยอมค่ะ

    คราวหลังแทนที่จะบอกว่าตำรวจจะจับให้แกล้งบอกว่า "ถ้าหนูปีนขึ้นมาบนตัวคุณแม่อีกตอนที่คุณแม่กำลังขับรถเนี้ย มันจะเกิดอุบัติเหตุได้นะค่ะ แล้วลุกก้อจะเจ็บตัวคุณแม่กับพี่เลี้ยงก้อจะเจ็บตัวกันหมด และเราต้องไปนอนโรงพยาบาลไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนกันอีก ลูกคงไม่อยากเจ็บตัวและไม่อยากไปนอนที่โรงพยาบาลใช่มั้ยค่ะ" ดีกว่ามั้ย

    และอีกอย่างเด้กในวัยนี้ 2-3 ขวบกำลังอยู่ในวัยที่อยากรู้อยากเห็นและเค้าจะชอบถามอันนี้น้องสาวพึ่งโทรมาคุยเมื่อไม่นานมานี่เอง ว่าลุกชายเค้าอายุได้ 2 ขวบ 4 เดือน ถามไม่หยุด "ทำไมเป็นอย่างนั้น ทำไมเป็นอย่างนี้ ทำไม "ตลอดเวลาและเค้าจะทำยังงัยดี สำหรับพี่พี่ใช้วิธี "ถามกลับค่ะ" เช่น วันก่อนหลานชายมาที่บ้าน "อาอี๊ครับอันนี้คืออะไร" จับตุก๊ตาไดโนเสาร์สีเขียวขึ้นมาถามพี่ "แล้วน้องต้าร์คิดว่ามันคือตัวอะไรละครับ" เค้าก้อตอบกลับว่า "ตาต้าว่ากบ" เราถามกลับอีก "ทำมั้ยถึงคิดว่าเป็นกบละครับ" "มันตัวเขียว" " แต่ว่าน้องดูให้ดีๆนะ เห้นมั้ยว่ามีหางยาวด้วย กบมีหางยาวๆมั้ยครับ" "ไม่มีครับ" "อาอี๊ก้อว่าไม่น่าจะเป็นกบ แล้วที่นี้น้องคิดว่ามันคืออะไรครับ" สำเร็จค่ะทำท่าคิดไหญ่เลย พี่ก้อเลยเฉลย "มันคือไดโนเสาร์ครับ" เค้าก้อทำพยักหน้าเสร็จแล้วเค้าก้อวิ่งจู้ดไปเลย นี่แหล่ะค่ะจะเป็นการสอนให้เค้ารู้จักคิดและสังเกตุไปในตัวด้วยแทนที่เราจะตอบเค้าหมดทุกอยาง

    โอ้ย...พูดเรื่องลูกเนี้ย ยาววววววว ค่ะไม่มีวันจบในแต่ละช่วงอายุก้อจะมีอะไรที่ให้มาท้าทายตลอด ยิ่งตอนนี้ลูกพี่คนโตย่างแปดขวบเห็นเพื่อนเธอบางคนมีโทรศัพท์มือถือใช้แล้ว เธอก้อยากจะมีบ้าง พี่ก้อไม่ปฎิเสธ แต่มีข้อแม้ว่า "จะต้องเก็บเงินค่าขนมซื้อโทรศัพท์เองหรืออย่างน้อยออกครึ่งหนึ่งและพี่จะออกให้อีกครึ่งหนึ่ง (พี่ให้ค่าขนมไปโรงเรียนวันละ 20 บาท) และจะต้องรับผิดชอบค่าโทรศัพท์เองด้วย ถ้าเค้าทำได้ก้อจะให้ค่ะ" ปรากฎว่าอึ้งค่ะ เธออึ้ง ตอนหลังเค้าก้อมาถามว่า "แล้วเมื่อไหรเค้าถึงจะมีโทรศัพท์ได้" พี่ก้อบอกว่าเมื่อตอนอายุ 12 ปี หรือขึ้นอยู่กับว่า mummy daddy เห็นว่าสมควรแล้ว ถามอีกแล้วเมื่อไหรที่จะเรียกว่า "สมควร"แล้วละ "ก้อตอนที่ยูสามารถรับผิดชอบและสามารถจัดสรรเงินค่าขนมของยูได้เมือ่ไหรนั้นแหล่ะเพราะว่ายูจะต้องจ่ายตังค์ค่าโทรศัพท์เองค่ะ" เค้าก้อเข้าใจค่ะ คิดว่าน่าจะยื้อเวลาไปได้อีกพักหนึ่งแหล่ะก่อนที่เธอจะกลับมาขออิกที ตอนนี้ได้แต่หวังว่าเธอจะยังเก็บเงินได้ไม่ครบเร็วนะ ฮ่าๆๆ

  15. srichardson
    srichardson
    โอ้...ลืมเล่าอีกเรื่องมีเพือนเค้าแต่งงานกับคนสวืเดนและอยู่ที่ประเทสสวีเดนค่ะ ตอนที่เค้าเจ็บท้องจะคลอดลูกนั้น หมอที่โน้นไม่ยอมผ่าให้ค่ะ ทั้ๆที่เห็นจากอัตราซาวน์แล้วว่าเด้กตัวโตมาก เพื่อนพี่สูง 155 เอง แต่เค้าก้อไม่ยอมผ่าตัดให้จนเพื่อนพี่ "มดลูกแตก" สลบไปสองวันเต็มๆหมอถามสามีเลยว่ายูจะเอาแม่หรือว่าจะเอาลูกไว้ ท้ายสุดก้อรอดมาได้ทั้งแม่ทั้งลูกแต่เพื่อนพี่ก้อไม่สามารถมีลูกได้อีกต้องตัดมดลูกทิ้งไปและลูกเค้าน้ำหนักแรกคลอด 5.4 กิโละค่ะ คุณพระ ช่วยยังงัยก้อก้อคลอดที่เมืองไทยนี่แหล่ะ เลือกวันคลอดก้ได้ (ถ้าผ่าคลอด) หมอก้อเชี่ยวชาญกว่าเพราะว่าเจอเคสเยอะกว่า
  16. wawe
    wawe
    สมัยนี้คุณแม่หลาย ๆ ท่านโชคดีนะคะ ที่มีความคิดเลี้ยงลูกแบบผสมผสานทั้งทางตะวันตก และตะวันออก ในการระมัดระวัง ไม่ระแวง ใช้เหตุและผลในการฝึก การสอน แสดงอารมณ์รักผูกพัน โอบกอด จูบหอมลูก ๆ บอกรักกันบ่อย ๆ สมัยก่อนปู่ ย่า ตา ยาย พ่อแม่ ในหลาย ๆ ครอบครัว จะเขินอายในการกอด จูบ บอกรักกัน เวลาจะบอก หรือสั่งสอนอะไรก็จะประมาณว่าผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อน ต้องเชื่อ ต้องฟัง ถ้าลูก ๆ หลาน ๆ พูดขัดแย้งก็จะบอกว่าเถียง เฮ้อ
  17. oohio
    oohio
    Quote Originally Posted by wawe View Post
    สมัยนี้คุณแม่หลาย ๆ ท่านโชคดีนะคะ ที่มีความคิดเลี้ยงลูกแบบผสมผสานทั้งทางตะวันตก และตะวันออก ในการระมัดระวัง ไม่ระแวง ใช้เหตุและผลในการฝึก การสอน แสดงอารมณ์รักผูกพัน โอบกอด จูบหอมลูก ๆ บอกรักกันบ่อย ๆ สมัยก่อนปู่ ย่า ตา ยาย พ่อแม่ ในหลาย ๆ ครอบครัว จะเขินอายในการกอด จูบ บอกรักกัน เวลาจะบอก หรือสั่งสอนอะไรก็จะประมาณว่าผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อน ต้องเชื่อ ต้องฟัง ถ้าลูก ๆ หลาน ๆ พูดขัดแย้งก็จะบอกว่าเถียง เฮ้อ
    นี่ล่ะค่ะพี่ เห็นหนึ่งในเหตุผลที่ตอนนี้โอ๋กอดหอมลูกแบบไม่มีขีดจำกัด เค้าหลับก็แอบไปหอม ไปคิสที่ปาก คือรักมาก ก็แสดงออกมากว่ารักเค้ามาก จนเด๋วนี้ขอคิสแล้วเค้าจะส่ายหัวแล้ว คงจะรำคาญ คืออยากทำเพราะเติบโตมาในครอบครัวที่อายที่จะแสดงออกแบบนี้น่ะค่ะ เลยอยากแสดงออกอย่างเต็มที่กับลูก ก็กลัวเหมือนกันนะว่าจะมากเกินไป แต่ก็คิดว่า สำหรับแม่ไม่มีมากเกินไปหรอก ก็คงรักได้เท่านี้แหละ มากกว่าหรือน้อยกว่านี้ไม่ได้ละ


    พี่นีน่า อ่านเรื่องการเลี้ยงลูกของพี่แล้วต้องขอชื่นชมค่ะ เพราะอยู่เมืองไทยนี่พร้อมทุกอย่าง ครอบครัวอยู่ครบ ค่าจ้างสำหรับพี่เลี้ยงก็ไม่แพง อ็อพชั่นขนาดนั้น แต่พี่เลือกจะเลี้ยงด้วยตัวเอง มันเป็นความสุขและภาคภูมิใจที่ยากจะเอ่ยเป็นคำพูดเนอะพี่
  18. teerasak
    teerasak
    หนีไปเที่ยวแป๊บเดียว กลับมากระทู้ตัวเองต้องเอาปากกามาจดยิกๆ คห.มีประโยชน์ เพียบ คุณฝ้ายคะน้องโดดมาหานมกินเวลาขับรถ (-_-)' อันตรายมากๆ อ้อเพิ่งกลับมา เดี๋ยวจะมาต่อภาคสองให้ค่ะ รอแป๊บนึงน๊า (^^)
    Quote Originally Posted by srichardson View Post
    โอ้...ลืมเล่าอีกเรื่องมีเพือนเค้าแต่งงานกับคนสวืเดนและอยู่ที่ประเทสสวีเดนค่ะ ตอนที่เค้าเจ็บท้องจะคลอดลูกนั้น หมอที่โน้นไม่ยอมผ่าให้ค่ะ ทั้ๆที่เห็นจากอัตราซาวน์แล้วว่าเด้กตัวโตมาก เพื่อนพี่สูง 155 เอง แต่เค้าก้อไม่ยอมผ่าตัดให้จนเพื่อนพี่ "มดลูกแตก" สลบไปสองวันเต็มๆหมอถามสามีเลยว่ายูจะเอาแม่หรือว่าจะเอาลูกไว้ ท้ายสุดก้อรอดมาได้ทั้งแม่ทั้งลูกแต่เพื่อนพี่ก้อไม่สามารถมีลูกได้อีกต้องตัดมดลูกทิ้งไปและลูกเค้าน้ำหนักแรกคลอด 5.4 กิโละค่ะ คุณพระ ช่วยยังงัยก้อก้อคลอดที่เมืองไทยนี่แหล่ะ เลือกวันคลอดก้ได้ (ถ้าผ่าคลอด) หมอก้อเชี่ยวชาญกว่าเพราะว่าเจอเคสเยอะกว่า
    พยักหน้าหงึกหงักกับ คห.14 ของพี่นีน่า อ้อก็เลี้ยงเองกับมือ พี่เลี้ยงที่คุณปู้คุณย่าจัดหามาให้เป็นแค่มือแค่แขนแทนเราในการเก็บล้าง หรือเตรียมของลูกเท่านั้น(ขนาด"เท่านั้น" นี่ยังเปลี่ยนคนไปจะครบโหลเลยค่ะ)แอบยกเครดิตให้คุณปู่ย่าของลูก ไม่ว่าจะอยู่บ้านเดียวกัน หรือตอนที่อยู่คนละบ้านก็ให้อิสสระในการเลี้ยงดูเต็มที่ แต่กรณีคุณยายคล้ายพี่นีน่าเลยค่ะ รายนี่คนละบ้าน คนละจังหวัดแต่โทรถี่ยิบ กว่าแต่ละเรื่องจะลงตัว เล่นเอาเหนื่อย เป็นมากถึงขั้นจะเอา web cam มาติดที่บ้าน ตจว.ที่อยู่ (จะได้รู้ว่าเธอทำอะไรกับหลานฉันบ้าง..แม่จ้าวว)และอันข้างบนนี้ เจ็บแทนมากๆ...สงสารคุณเพื่อนพี่นีน่าจับใจค่ะ เรื่องนี้อินเป็นการส่วนตัว มดลูกนี่เจ็บเห็นดาวที่สุด หนูว่าหนูอึดแล้ว ยังนอนน้ำตาไหลพรากทีเดียว--จะร้องก็ร้องไม่ออก ได้แต่นอนน้ำตาหยดแหมะ ขอยาแก้ปวดดด พยาบาลก็บอกว่า "ไม่ได้ค่ะ ดี๋ยวคุณหมอจะ or แล๊วว อดทนนิดนะคะ"(ชิ ยูลองมานอนปวดโฮรกกๆ แบบนี้บ้างมั๊ยเล่า พยาบาล)ฝาชีแอบมาค่อนขอดให้แม่ยายฟังว่าถ้าลุกได้สงสัยพยาบาลโดนหักคอจิ้มน้ำพริกไปแล้วนะฮะ แล้วนี่ถึงขั้นมดลูกแตก (*_*) กรณีที่แพทย์ไม่วินิจฉัยให้ผ่า เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เค้าออกมารับผิดชอบอะไรบ้างมั๊ยคะพี่นีน่า แม่เกือบตายแถมมีลูกไม่ได้อีกตลอดชีวิต ..เป็นหนูหายเจ็บเมื่อไร ลุกได้ล่ะจะซู ถอนเสาเข็มโรงพยาบาลซะเลย


    พี่แหวว//พี่โอ๋ อ้อก็กอดเยอะเหมือนกัน จนเดี๋ยวนี้เวลาพี่เค้าทำอะไรผิดนี่จะวิ่งจี๋มากระโดดกอด จุ๊บปากแม่ก่อนเลยแล้วบอกว่า "ร๊ากกก" เหอะ เหอะ วิธีการเอาตัวรอดของเด็กหนึ่งขวบค่ะ


    มีพี่โอ๋ (พี่น้ำหายไปไหนเลย สงสัยจะยุ่งกับเจ้าตัวเล็ก) แล้วเพื่อนๆท่านไหนอีกคะที่คลอดเมืองนอก ขอถามเรื่องแผลค่ะ เป็นยังไง ใครคลอดเอง ใครผ่าบ้างคะ..แผลเป็น เป็นยังไงบ้าง อ้อเคยเห็นแค่ 2 คน..ขอบอกว่าหมอไทยเนียนกว่ามาก
  19. oohio
    oohio
    น้องอ้อ ถ้าเทียบหมอไทยกับหมอที่เมืองนอก พี่ยกให้หมอไทยนะ คิดว่าเก่งกว่ามาก ส่วนเรื่องคลอด พี่น้ำคลอดที่ไทยจ้า ส่วนพี่นี่คลอดธรรมชาติค่ะ แทบตาย พอคลอดแล้วคุณสามีถึงได้ทำหมันเลยไง ไม่เอาอีกแล้ว หลังคลอดตอนหมอเย็บปากมดลูก พี่สั่นเป็นลูกนกเลย ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
  20. srichardson
    srichardson
    บ้านพี่ก้อ กอดหอมลูกทั้งวัน โดยเฉพาะพี่จะติดลูกมากชอบ อ้อนลูกถามอยู่นั้นแหล่ะว่า "หนูรักหม่ามี๊มั้ยๆ รักมากแค่ไหนและบอกรักลูกตลอดเวลา หม่ามี๊รักลุกที่สุดในโลกเลย" พอใกล้ถึงเวลาที่ลูกจะกลับมาจากโรงเรียนก้อเริ่มคิดถึงแล้ว คิดอยู่นั้นแหล่ะเมื่อไหรลูกจะกลับถึงบ้านซ่ะที

    ของพี่ผ่าคลอดทั้งสองคน เพราะว่าหัวเด้กอยู่ใน position ที่พี่คลอดเองไม่ได้และอุ้งเชิงกรานพี่เล้กด้วยค่ะเด้กตัวโต แรกคลอด 3.55 กิโลทั้งสองคนเลยค่ะ ตอนที่กำหนดวันผ่าขำจะตายคุณหมอบอกว่ามาเตรียมผ่าตอนบ่ายนี้ได้เลยนะ แต่สองคนผัวเมียบอกว่า "ไม่เอาจะผ่าพรุ่งนี้เพราะเดี๋ยวคืนนี้ขอไปฉลองก่อน" คุณหมอบอกว่า "งั้นมาแต่เช้าเลยซัก 8 โมง" สองคนผัวเมืยบอกว่า "ไม่เอาจะเอาซัก 11 โมงเพราะจะตื่นสาย" ดูซิ ยื้อสุดชืวิต ฮิๆๆ

    กับผ่าคนที่สอง ตามปกติพี่จะแวกซ์น้องจิมิ๊ตลอดงัย พอไปถึงห้องเตรียมคลอดพยาบาลชมใหญ่เลย "แหมคุณแม่เตรียมพร้อมดีจังเลยนะค่ะ " ไอ้เราก้อไม่อยากจะบอกได้แต่หัวเราะ แฮ่ะๆๆ
  21. cottonchef
    cottonchef
    Quote Originally Posted by oohio View Post
    น้องฝ้าย
    พี่เข้าใจนะ ถ้าจะเปรียบระบบ healthcare system ของเมกากับไทยอ่ะ เปรียบกันไม่ได้เลย ถึงแม้พี่จะอยู่ตรงนี้ พี่ก็ยังรู้สึกว่า ระบบของไทยน่ะสุดยอดแล้ว ส่วนเรื่องคลอดลูกน่ะ แว้ก พี่อยากกลับไปคลอดที่ไทยจะตาย ได้ยินประสบการณ์คนคลอดลูกที่เมกาแล้วน่ากลัว คือมันเลือกไม่ได้ไง ว่าจะผ่าคลอดหรือยังไง นอกจากครรภ์มีปัญหาน่ะถึงจะเลือกผ่าได้ (ล่าสุดได้ยินพยาบาลที่คลินิคทำฟันเล่าให้ฟังว่าเค้าคลอดแบบธรรมชาติ หมอทำไงไม่รู้ บล็อกหลังพลาดสองครั้ง แล้วบล็อกไม่ได้อีก เค้าต้องทนเจ็บ 35 ช.ม.จนกว่าจะคลอดน่ะ พี่ฟังแล้วหืม ถ้าเป็นพี่นี่คงแกล้งเป็นลมตายอ่ะ ตั้ง 35 ช.ม. หมอยังไม่ผ่าให้เลย ไม่รู้ทำไม

    ที่พี่บอกว่าพี่ดีใจที่ได้เลี้ยงลูกที่นี่ เหตุผลอย่างเดียวเลย คือมันทำให้เราแกร่งอ่ะ เลือกที่จะช่วยเหลือตัวเองก่อนที่จะไปรพ. หรือคิดจะไปหาหมอนั่นแหละจ้ะ ที่พี่หมายถึงในเม้นท์ก่อน ส่วนเรื่องคลอดหรือเลี้ยงลูกที่ไทย ที่ดีที่สุดคือ อยู่ใกล้กับพ่อแม่พี่น้อง เหนื่อยก็ยังมีคนช่วยเลี้ยง ให้ได้พักบ้าง ไม่เครีียดมากจนเกินไป มันก็มีทั้งดีและไม่ดีแตกต่างกันไปอ่ะจ้ะ

    ส่วนเรื่องพี่เลี้ยง อืม ก็ต้องค่อย ๆ ฝึกกันไปเนอะ ให้คนอื่นเลี้ยง มันจะไม่ได้ดังใจอย่างที่เราต้องการเสมอ ส่วนเรื่องขับรถไปรร. น้องฝ้ายไม่ได้หัดเค้านั่งคาร์ซีทเหรอ ถ้าไม่เคย จะมาหัดป่านนี้แล้วเค้าจะยอมมั้ยเนอะ พี่ก็ไม่แน่ใจ แต่มันปลอดภัยจริง ๆ จ้ะ ที่ไทยเรายังไม่มีเป็นกฏหมายบังคับใช่เป่าเรื่องคาร์ซีทเนี่ย จริง ๆ มีมันก็ดีเนอะ แต่ว่าก็อีกล่ะ เรายังโตกันมาแบบไม่มีคาร์ซีทได้เลย

    เด๋วพี่จะกลับไปอ่านที่กระทู้นั้นก่อน ที่ฝ้ายโพสต์ไว้อ่ะ ยังไงเอารูปตัวน้อยมาอัพเดทมั่งเน่อ จุ๊บ ๆ จ๊ะ
    พี่โอ๋คะ ในความรู้สึกฝ้าย ฝ้ายก็ว่าพี่โอ๋โชคดีอยู่ดี ฝ้ายยังอยากลอง ไปคลอดที่โน่นอยู่นะคะ ฝ้ายคลอดเองที่ไทย เจ็บ แต่ยังไม่สุด ฝ้ายอยากเลี้ยงลองเลี้ยงเองแบบ คนเดียว อยากอยู่อากาศดีดี อยากพาลูกไปเดินเล่นทุกวัน อยู่ที่ไทย ฝ้ายไม่ได้อยู่หมู่บ้านใหญ่โต ก็ไม่มีสนามเด็กเล่นกะเค้า ไม่มีสระว่ายน้ำ เบื่อมากกับการไปเดินห้าง และพาไปหมู่บ้านเพื่อน

    ส่วนเรื่องพี่เลี้ยง ต้องคุยยาวค่ะ เล่าแปดวันก็ไม่หมด

    วันนี้ลูกก็ไม่สบายค่ะ ฝ้ายก็พยายามลุย ๆ อยู่ ไม่พาไปโรงพยาบาลแล้ว ให้นอนพักแล้วกินยา
    หมอที่โรงพยาบาลก็จะให้นอนอยู่นั่น แต่ฝ้ายเอายากลับมากินที่บ้านค่ะ
    เนี่ยก็วิ่งเตาะแตะอยู่ข้าง ๆ


    Quote Originally Posted by srichardson View Post
    พี่เป็นคนที่เลี้ยงลูกเองมากับมือ ขอย้ำว่าเลี้ยงเองแบบไม่มีพี่เลี้ยงด้วยจนลูกคนโตอายุได้ 3 ขวบและคนเล้กได้ ขวบเศษๆถึงได้มายอมมีพี่เลี้ยง คุณแม่พี่ยังแปลกใจมากพูดเลย "ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะเลี้ยงลูกเองได้" เพราะว่าที่บ้านพี่จะรู้ว่าพี่อ่ะคุณหนูมาก ทำอะไรก้อไม่เป็น และไม่อยากทำด้วย ฮิๆๆ สาเหตุที่ไม่อยากมีพี่เลี้ยงคือ

    1. เป็นคนที่ห่วงลูกมาก นอยด์ไปหมดกลัวเค้าเลี้ยงลูกเราไม่ดี กลัวไม่สะอาด กลัวเค้าแอบตีลูกเรา
    2. บอกตรงๆว่าจะอิจฉา มากถ้าลูกติดพี่เลี้ยง จะไม่อยากให้ลูกเรา ติดใครมากไปกว่าเราเลย
    3. อยากจะเป็นคนแรกที่ได้ยินคำพูดแรกของลูก ก้าวเดินในก้าวแรกของลูก และพัฒนาการต่างๆของลูกด้วยตัวเองแทนที่จะเป็นพี่เลี้ยงค่ะ (ยกให้สามีกับคุณตาคุณยาย ที่ยอมให้ได้ )

    พี่เห็นด้วยและคิดเหมือนน้องอ้อ เรื่องที่อย่าสอนให้ลูกกลัว แต่พี่จะสอนให้เค้ามีเหตุผลมากกว่า อย่างตอนเล็ก เวลาที่เค้าดื้อไม่ฟังเรา แต่ว่าอยากลองเช่นจะเอามือใส่เข้าไปในพัดลม พี่ก้อจะกระดาษมาทำใบพัดแล้วแสดงให้เค้าดูว่าใบพัดของพัดลมจะ ปัดมือของลูกแบบนี้นะแต่ว่าใบพัดของจริงเนี้ยมันแข็งกว่านี่อีกลองจับดูซิ แล้วก้อปิดพัดลมให้เค้าจับใบพัดดู เพราะฉะนั้นมันต้องเจ็บน่าดูเลยนะถ้ามันตัดมือลุกเนี้ย ถ้าไม่เชื่อลูกลองเอามือใส่ก้อได้ อ่ะลองดูเลย และเค้าก้อจะไม่ทำ

    เห็นคุณ cottonchef บอกว่าลูกปีนตัวจะกินนมตอนที่ขับรถอยู่น่าจะให้ลูกนั่ง car seat นะค่ะของลูกพี่เค้านั่งมาตั้งแต่แรกเกิดเลยค่ะ พี่ไม่เคยอุ้มลุกเลยแม้กระทั่งว่าเราไม่ได้ขับรถเองก้อเถอะ ปลอดภัยกว่าเยอะเลย และลุกพี่เค้าก้อจะชินค่ะ ใหม่ๆทะเลาะกับคุณแม่พี่จะตายเรื่องนั่ง car seat เนี้ยเพราะคุณยาย เธอบ่นหาว่า "มัดหลานเธอ ไม่ให้ได้กระดิกกระเดี้ยไปไหน" แต่ว่าพี่ไม่กับคุณสามีไม่ยอมจนท้ายสุดเธอก้อต้องยอมค่ะ

    คราวหลังแทนที่จะบอกว่าตำรวจจะจับให้แกล้งบอกว่า "ถ้าหนูปีนขึ้นมาบนตัวคุณแม่อีกตอนที่คุณแม่กำลังขับรถเนี้ย มันจะเกิดอุบัติเหตุได้นะค่ะ แล้วลุกก้อจะเจ็บตัวคุณแม่กับพี่เลี้ยงก้อจะเจ็บตัวกันหมด และเราต้องไปนอนโรงพยาบาลไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนกันอีก ลูกคงไม่อยากเจ็บตัวและไม่อยากไปนอนที่โรงพยาบาลใช่มั้ยค่ะ" ดีกว่ามั้ย




    ข้อ 1 นี่เหมือนกันตอนแรก ๆ ค่ะ ตอนหลัง เริ่มจ้างมาช่วยเรื่องอื่น ๆ ของลูก บางทีก็ลองให้เค้าเอาตัวรอดกับการอยู่รวมกันคนอื่นอยู่ เราแอบมอง ปรากฎว่าเราเห็นว่าเค้ามีสัญชาติญาณการเอาตัวรอดสูงมากเลยค่ะ อยู่กับพี่เลี้ยงสองคนนะคะ เรียบร้อยว่าง่ายมาก แต่พอเห็นแม่มาปุ๊ป พี่เลี้ยงโดนกรี๊ด โดนตีทุกที

    ข้อ 2 นึกว่าเราเป็นคนเดียวซะอีก ขนาดทุกวันนี้ยังถามลูกอยู่เลยว่า รักเรามั๊ย ถามอยู่นั่น ถามจนลูกรำคาญ ถามทุกวัน เวลาลูกวิ่งไปหาพี่เลี้ยงก็น้อยใจ เราก็ะแกล้งทำเสียง ฮือ ๆ ให้ลูกกลับมาหาเรา ขำมาก

    ข้อ 3 เราก็จดไดอารี่ไว้ทุกวันทุกการเปลี่ยนแปลงเลยค่ะ


    ส่วนเรื่องขับรถ คิดเหมือนกันจะใช้คาร์ซีท แต่กลัวซื้อมาแล้วลูกไม่นั่ง
    เสียดายมากเลยค่ะเพราะคาร์ซีทดีดีก็แพงเอาการอยู่ นี่ก็พยายามให้พี่เลี้ยงจับ แต่ก็จับไม่ได้ซักทีค่ะวันก่อนก็โดนตีก้นไป หนึ่งที เพราะว่าร้องไห้ งองแง
    ไม่ยอมอยู่กะที่ กระโดดมานั่งตักเราอีกเราขับรถไปก็เสียวไปค่ะ กลัวเกิดอุบัติเหตุมากมาก
  22. teerasak
    teerasak
    QOUTE เองด้วยเอ๊า----กร๊ากกกกก (>_<)/

    Quote Originally Posted by teerasak View Post
    Review กระทู้นี้เน้นขำขัน อาจโดนล็อคกระทู้ในเร็ววัน เนื่องจากสาระไม่ค่อยมี มาดูกิจกรรมสารพัดที่เจ้าตัวแสบสามารถทำได้ ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิด


    หลักการ : - หลีกเลี่ยงห้างสรรพสินค้า
    - ไม่มีคำว่า "กลัว" ไม่มีการหลอกหรือขู่เด็ก
    แอบได้ยินบ่อยๆจาบรรดาคุณๆพี่เลี้ยง การขู่หรือ
    ใช้ความกลัวเพื่อให้เด็กยอมตาม เป็นการปิดกั้น
    การเรียนรู้อย่างสิ้นเชิง ทำให้เด็กขาดความมั่นใจ
    ..ข้อเสียจากการที่ลูกไม่กลัวคือจะซนระดับแปดดาว
    จึงต้องมีคำว่า การดูแลอย่างใกล้ชิด
    กำกับไว้ด้วย นอกจากนี้ไม่พบข้อเสียใดๆ (^^)
    - อารมณ์ขัน

    ผู้สาธิตกิจกรรม : ด.ช. อายุ 16 เดือน

    เริ่มที่กิจกรรมแรก : รดน้ำต้นไม้ 8 เดือน



    เช็คสต็อกสินค้า 9 เดือน



    หักคอยีราฟมือเปล่า



    แถมลากไปให้แม่ครัวทำกับข้าวได้ด้วย



    ชิลล์เอ๊าท์ที่ร้านกาแฟ 10 เดือน



    หรือจะไปขี่ม้าดี ?? 11 เดือน



    พอขวบนึงก็ขับรถเกียร์ออโต้เป็นแล้ว



    ขับไปสวนสัตว์ได้เอง...ไม่ต้อง้อแม่



    โตเป็นหนุ่ม เริ่มหัดเกียร์กระปุก 13 เดือน



    ลองเล่นรถบังคับดูบ้าง 15 เดือน



    หมายเหตุ** มีกิจกรรมอีกเยอะมากๆที่สามารถทำได้ อาทิเช่น ว่ายน้ำตอนอายุ 9 เดือน ขี่ช้าง ลงเรือ ETC. แต่แม่เกรงว่า ปดส. หรือ คุณ สส.ปวีณา อาจมาเชิญตัวไปสอบสวนได้ เพื่อนๆท่านไหนต้องการรายละเอียดกิจกรรมต่างๆเพิ่มเติม PM มาสอบถามได้นะค๊า ยินดีช่วยมากๆเลยจ้า

    *** เค้าว่ากระทู้นี้ ควรจะอยู่ห้อง specific แบบนี้น่ะค่ะ ไม่ใช่ ห้อง all reviews..เพื่อนๆเห็นว่าอย่างไรบ้างคะ

    **** สมควรแก่เวลาขออนุญาตลบรูปทั้งหมดออกค่ะ **** แอบเห็นคุณฝ้ายโดนภัยมืดคุกคาม ขอเป็นกำลังใจมาให้ ณ. ที่นี้ด้วยค่ะ เค้าไม่ทราบตัวโรคจิต แต่ถ้ามาถึงบ้านเค้าขนาดนั้น โดนรุมตรื๊บไปแร๊ววว ไม่เกี่ยงสถานะ และ เพศเลยจ้ะ แล้วตังค์จ้างนักสืบเค้าก็ไม่จ้าง แต่เค้าจะจ้างมือปืนแทนล่ะตัว เหอ เหอ เหอ ลงชื่อ แม่จงอางหวงไข่ (เพราะว่าลูกทำยากจ้ะ แท้งซ้ำซ้อนเกิ๊นน!!!!)
  23. Siambrandname Webmaster
    Siambrandname Webmaster
    ขออนุญาตเจ้าของกระทู้และเจ้าของกรุ๊ปครับ ทดสอบระบบการเชื่อมต่อกระทู้ระหว่าง Social Group และ Main Forum ครับ

    ขอบคุณครับ
Results 1 to 23 of 23