บางใหญ่ซิตี้ น้ำท่วมทั้งพื้นที่ ครั้งหนึ่งในชีวิต กับ ประสบการณ์ หนีภัย น้ำท่วม

  1. itasian
    itasian
    เหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิด ก็เกิดขึ้นแล้ว ในยุคนี้
    เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเอง แต่ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาส่วนรวม

    เขียนเรื่องราวนี้ เพราะอยากให้ได้อ่าน


    ขอบคุณ รูปจาก voicetv

    ตั้งแต่มีสถานการณ์ฝนตกหนัก มีน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ในภาคเหนือ จนกระทั่งเกิดน้ำท่วมทั้งจังหวัด นครสวรรค์
    ช่วงนี้ เพื่อนผมที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม และการตัดสินใจของคณะทำงาน อย่างใกล้ชิด
    ได้มาเล่าให้ผมฟัง ซึ่งใช้ชีวิตปกติ อยู่ใน บางใหญ่ซิตี้
    เพื่อเตือนภัย และให้เตรียมการอพยพ เป็นระยะๆ ว่า ให้วิเคราะห์และประเมินสถานการณ์น้ำท่วม
    เพื่อตัดสินใจ ว่า น้ำจะท่วมในพื้นที่ ที่อาศัยไหม และได้ให้กรอบคิดหนึ่งไว้ว่า
    ให้อ่านความจริง เพื่อประเมินว่า พื้นที่ที่อยู่ น้ำจะท่วมไหม หากน้ำท่วม เราจะทำงานกันอย่างไร
    ก่อนจะเกิดน้ำท่วม ขณะเกิดน้ำท่วม และ หลังจากเกิดน้ำท่วม จะทำงานกันอย่างไร
    หากต้องอพยพ ย้ายออกจากพื้นที่ ก็เตรียมการให้พร้อม ตั้งองศาการอพยพให้สูงสุด
    เช่น การยกของขึ้นที่สูง ก็ให้ย้ายขึ้นชั้น 2 แล้วออกจากพื้นที่
    หาตำแหน่งที่สามารถไปอยู่ได้ช่วงน้ำท่วม และให้สามารถทำงานต่อไปได้ด้วย

    ซึ่งเพื่อนผมได้ เตือนภัยนี้อยู่หลายครั้ง ผมก็ไม่เชื่อว่า น้ำจะท่วมจริง
    จนเมื่อน้ำท่วมขยายพื้นที่มาถึง นิคมฯ นวนคร
    และคณะทำงาน การจัดการน้ำท่วม ไม่สามารถสร้างแนวกั้นน้ำได้แล้ว

    ช่วงนั้น ได้ฟังการอ่านความจริงของเพื่อนอีกครั้ง คิดตาม ก็เห็นว่า น้ำจะเข้ามาท่วมในพื้นที่ บางใหญ่ซิตี้ จริง
    จึงยกของขึ้นที่สูงบางส่วนยกไว้บนโต๊ะ ซึ่งสูงจากพื้นในบ้านประมาณ 70-80 ซม. (ยังไม่ตั้งองศาการหนีภัยให้สูงสุด)
    แต่ยังไม่ตัดสินใจออกจากพื้นที่ เพราะยังคิดอยู่ว่า น้ำคงท่วมไม่สูงหรอก ไม่น่าจะถึงขั้นต้องอพยพ


    ขอบคุณ รูปจาก www.toptenthailand.com

    ช่วงก่อนน้ำท่วม มีโอกาสได้คุยกับคนที่อาศัยอยู่ในบางใหญ่ซิตี้ หลายคน
    เมื่อพูดถึงน้ำท่วม เขาก็บอกว่า

    "น้ำไม่ท่วมหรอก เมื่อปี 38 ที่ว่า น้ำท่วมหนักแล้ว บางใหญ่ซิตี้ ท่วมก็แค่นิดหน่อย ไม่กี่ซม.เอง"

    "ผมไม่กั้นกระสอบทราย ยังไงน้ำก็ไม่ท่วม"

    "ไหนล่ะที่ว่าน้ำท่วม บนถนนไม่เห็นน้ำซักหยดเลย"

    "ให้น้ำมาถึงก่อน เดี๋ยวค่อยย้ายของก็ยังทัน ยังไง ถ้าท่วมก็ท่วมหมู่บ้านมิตรประชาก่อน ยังไงก็ทัน"

    "ให้น้ำมาถึงก่อน เดี๋ยวค่อยย้ายของ ยังทัน น้ำมาไม่เร็วหรอก ยังมีเวลา"




    ขอบคุณ รูปจาก news.kkuengplay.com

    เมื่อน้ำมาถึงบางบัวทอง แค่ข้ามถนนกาญจนภิเษก ก็เข้าสู่โซนบางใหญ่ซิตี้ ได้แล้ว
    ในวันที่ 17 ต.ค.54 จึงตัดสินใจ หนีภัย ย้ายที่อยู่ ก่อนที่น้ำจะมาถึง
    จึงจัดการขนของจากที่อยู่บนโต๊ะ ไปไว้ที่ชั้น 2 และขนย้ายของที่ต้องใช้เพื่อทำงานต่อให้ได้ไปกับตัวด้วย
    เมื่อขนของจากชั้นที่ 1 ขึ้นชั้น 2 หมดแล้ว ก็ปิดออฟฟิศให้แน่นหนา เรียบร้อย
    แล้วย้ายไปอยู่ที่อื่น ตอนนั้น ย้ายไปยัง ตำแหน่งที่สูงจากเดิม ในหมู่บ้านเฟื่องฟ้า ยังคงอยู่ใน บางใหญ่ซิตี้
    และไปเช็ตพื้นที่การทำงานใหม่ที่ชั้น 2 เพราะหากน้ำท่วมในชั้น 1 ยังสามารถทำงานต่อไปได้
    แต่ ยังไม่ได้คิดถึง สถานการณ์ที่น้ำท่วมสูง ส่งผลให้ไม่สามารถทำงานที่ต้องออกไปจัดการซื้อของ ส่งของที่ ปณ.ได้

    จนเมื่อกลางวัน ของวันพฤหัส ทื่ 20 ต.ค. 54 น้ำเริ่มเข้ามาในพื้นที่ หมู่บ้านบัวทอง
    ซึ่งเป็นหมู่บ้านแรกที่รับน้ำ ก่อนที่น้ำจะมาถึง หมู่บ้านมิตรประชา และบางใหญ่ซิตี้ ตามลำดับ
    ขณะนั้นที่ทราบข่าวช่วง 13.00น.-14.00น.น้ำท่วมในหมู่บ้านบัวทอง สูง 80 ซม.แล้ว
    พอตกค่ำประมาณ 1-2 ทุ่ม น้ำท่วมหมู่บ้านมิตรประชา สูงถึงหน้าอก ประมาณ 1.5-2 ม. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    และน้ำเริ่มทะลักเข้ามาในพื้นที่ บางใหญ่ซิตี้ สูงประมาณ 1-2 ซม.แล้วในตำแหน่งใกล้แนวกั้นน้ำ
    คืนนั้น ผมต้องเดินทางไป ม.เกษตร เพื่อขนย้ายหนูซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงของทีมงานคนหนึ่งให้ไปอยู่ในที่ๆ ปลอดภัย
    แต่ เส้นทางปกติช่วงจากบางใหญ่ซิตี้ ผ่านแยกไปบางบัวทอง น้ำได้ท่วมจนถนนถูกตัดขาดเรียบร้อยแล้ว
    เราจึงต้องเดินทางอ้อมไปทางเส้นทางพระราม 5 แทน ไปถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย
    และกลับมาถึง บางใหญ่ซิตี้ เวลาประมาณเที่ยงคืน จึงไปดูสถานการณ์น้ำอีกครั้ง พบว่า
    มีชาวบ้าน ทหาร อาสา หน่วยกู้ภัย ช่วยกันสร้างแนวกั้นน้ำ สามารถกั้นไว้ได้
    ทำให้น้ำไม่ทะลักเร็วเกินไป ค่อยๆ ซึมตามแนวกระสอบทราย
    ผมจึงกลับไปพักผ่อน พรุ่งนี้ค่อยดูสถานการณ์อีกครั้งในตอนเช้า

    รุ่่งเช้า ตื่นขึ้นมา ด้วยการปลุกของน้องทีมงานอีกคนที่อยู่ด้วยกัน และคุณพ่อของเขา บอกให้อพยพออกจากพื้นที่
    เพราะตอนนี้ น้ำขึ้นสูงเพิ่มขึ้นอีก ประมาณ 4-5 ซม. จากเมื่อคืน และเริ่มมาถึง พื้นถนน หน้าบ้านแล้ว
    ตอนนั้น ผมตัดสินใจหนีออกจากพื้นที่ โดยไปแต่ตัว ไม่คิดจะไปเซ็ตที่ทำงานใหม่แล้ว
    เรียกได้ว่า ทิ้งงาน เอาแค่ให้ตัวเองรอด อยู่ที่ไหนก็ได้ ขอให้ตัวเองรอด
    ไม่สนใจ แม้ งานที่ทำ เพื่อให้ทุกคนรอดด้วยกัน

    http://stream264.voicetv.co.th/videos//12530/288.f4v
    ขอบคุณ คลิปรายงานข่าวจาก voicetv

    ตอนนั้น ก่อนจะออกไปจากพื้นที่ บางใหญ่ซิตี้ ขับรถออกไปเช็คสถานการณ์เส้นทางในการเดินทาง
    และสถานการณ์น้ำเป็นอย่างไร ตอนนั้น ออกไปเพียงแค่ 30 นาที กลับมาถึงที่บ้าน
    พบว่า น้ำสูงขึ้นอีก ประมาณ 2 ซม. แล้วเริ่มเต็มถนนหน้าบ้านแล้ว
    ตอนนั้น ตกอยู่ในภาวะลนลาน ละทิ้งงาน คิดแต่ เอาตัวเองให้รอด
    ช่วงเวลานั้น เพื่อนคนที่เตือนภัยเรื่องนี้มาตลอด โทรติดต่อมา
    บอกว่า ทางทีมงานตัดสินใจ จะเข้ามาช่วยชีวิตและขนย้ายสิ่งของออกจากที่นั่น
    เพื่อให้่ ไปเซ็ตที่ทำงานใหม่ ที่สามารถทำงานต่อไปได้ งานจะได้ไม่หยุดชะงัก
    จึงได้กลับมาตั้งสติ และรีบขนย้ายสิ่งของเพื่อการทำงานต่อไปได้ และพาตัวเองออกจากบ้าน

    ขอขอบคุณการตัดสินใจของทุกคนที่เกี่ยวข้องในช่วงเวลานั้น
    ที่ช่วยนำพาผมให้มีชีวิตรอดออกจากพื้นที่ และสามารถทำงานต่อไปได้ด้วย โดยไม่ได้เอาแต่ตัวเองรอด


    ตอนที่เริ่มเคลื่อนที่ออกจากพื้นที่บางใหญ่ซิตี้
    ในตอนนั้น เวลาประมาณ 13.00น. น้ำท่วมสูงหน้าบ้านประมาณ 15 ซม.
    ขณะเดินทางออกมา ช่วงเวลานั้น มีความโกลาหล วุ่นวาย เต็มพื้นที่ บางใหญ่ซิตี้
    น้ำเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ขณะนั้น ประมาณ 10-15 ซม. ทั่วพื้นที่บางใหญ่ซิตี้


    ขอบคุณรูปจาก daily.bangkokbiznews.com

    http://stream264.voicetv.co.th/videos//12540/288.f4v
    ขอขอบคุณ คลิปรายงานข่าว จาก voicetv

    ถือได้ว่า เป็นประสบการณ์หนีภัย ที่ไม่เคยประสบมาก่อน
    รอดมาได้อย่างหวุดหวิด และยังสามารถตั้งหลักให้ทำงานต่อไปได้ด้วย

    และได้เซ็ตพื้นที่ทำงานขึ้นมาใหม่ที่ ตัวเมือง นครปฐม

    เที่ยงวัน ของ วันที่ 22 ต.ค. 54 ผมได้โทรติดต่อไปยัง คุณลุง ร้านค้าหน้าบ้าน
    ที่ผมเพิ่งหนีภัยจากมา เมื่อ 21 ต.ค. 54 เพื่อชวนให้คุณลุงอพยพออกจากบางใหญ่ซิตี้ ด้วย
    และเพื่อถามถึงสถานการณ์น้ำท่วม ทางคุณลุงแจ้งว่า น้ำท่วมสูงประมาณ 80 ซม. แล้ว
    แต่ ทางคุณลุงยังคงเลือกอยู่ต่อ เพราะเป็นห่วงบ้าน


    ขอบคุณรูปจาก www.thaimtb.com


    ขอบคุณรูปจาก isarapost.net


















    ขอบคุณรูปจาก manager.co.th






    ขอบคุณรูปจาก voicetv

    จากเหตุการณ์นี้ของชีวิต หนีภัย หนีตาย จากสถานการณ์น้ำท่วม
    ผมก็ต้องทบทวน อ่านความจริงที่เจอกับตน เพื่อให้ตัวเองได้เรียนรู้
    ครั้งต่อไป หากเกิดสถานการณ์เช่นนี้อีก จะตัดสินใจกันอย่างไร

    (A) ผมไม่เชื่อ สิ่งที่เพื่อนอธิบายจากการอ่านความจริงให้ฟัง
    ที่ว่าน้ำจะท่วมบางใหญ่ซิตี้ ก่อนที่น้ำจะมาถึง บางบัวทอง ด้วยซ้ำ
    ถึงแม้ว่า ฟังแล้วคิดตาม พอจะเห็นความเป็นไปได้ว่าน้ำคงท่วมจริง
    เพราะเพื่อนเอาตัวเลขมาคำนวณ ให้ได้คิด ก็เห็นความจริงได้ง่าย ไม่คิดเอาเอง
    แต่ก็ยังไม่เชื่อ

    เหตุที่ไม่เชื่อ เพราะไม่คิดจะรับผิดชอบ ให้ตัวเองหรือแม้กระทั่งครอบครัวให้อยู่รอดปลอดภัย
    ไม่อยากเคลื่อนย้ายตัวเองไปอยู่กับความจริง จึงสร้างความคิดขึ้นมา เพียงเพื่อหลอกตัวเอง

    "น้ำไม่ท่วมหรอก จะท่วมได้ยังไง ที่ผ่านมา ยังไม่ท่วมบางใหญ่ซิตี้เลย"

    แล้วรู้ได้อย่างไร ว่า คราวนี้ ปีนี้ น้ำจะไม่ท่วมจริง

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต ใช่ว่า ปัจจุบัน จะไม่เกิดขึ้นซ้ำ
    เราต้องหาคำอธิบาย ข้อเท็จจริง มายืนยันให้ได้ว่า จะเกิดขึ้นซ้ำหรือไม่
    ไม่คิดเอาเองว่า ไม่เกิด โดยอธิบายไม่ได้ด้วยซ้ำว่า ทำไมไม่เกิด ?
    เช่น เมื่อ 3 วันที่แล้ว ฝนไม่ตก แล้วเรามีข้อเท็จจริงอะไร จึงสรุปว่า วันนี้ ฝนจะไม่ตก ด้วย

    อีกตัวอย่าง ที่เพิ่งเกิดขึ้น ดังเช่น ในกระทู้นี้
    "พื้นที่น้ำท่วม ที่ไม่เคยน้ำท่วม"

    ก่อนหน้านี้ คนในตัวเมือง นครปฐม คงไม่เชื่อว่า น้ำจะท่วมองค์พระปฐมเจดีย์

    "น้ำจะท่วมองค์พระได้ยังไง อยู่มาเป็น 10 ปี ไม่เคยเห็นน้ำท่วมองค์พระเลย"

    เพียงแค่ 30 นาที ที่ฝนตกหนัก น้ำท่วมสูง 20 ซม.
    อย่างนี้แล้ว มีข้อเท็จจริงอะไรที่สามารถยืนยันได้อีกบ้างว่า น้ำจะไม่ท่วมองค์พระปฐมเจดีย์

    (B) เหตุการณ์ที่ขนของขึ้นที่สูง ก็ไม่คิดให้สูงสุดว่า หากน้ำท่วมสูงร่วม 2 เมตร จะทำอย่างไร
    จึงย้ายขึ้นสูงแค่บนโต๊ะ ซึ่งสูงจากพื้นเพียง 60-80 ซม.โดยประมาณ

    เราไม่รู้ว่า น้ำที่ท่วมเข้ามาจริงๆ จะสูงได้แค่ไหน
    หากเราคิดด้วยองศาความปลอดภัยที่ต่ำ เช่น ที่ขนย้ายของขึ้นสูงเพียง 60-80 ซม.
    และน้ำเกิดท่วมจริงเกินระยะนี้ เมื่อน้ำลด กลับสู่ภาวะปกติ
    สิ่งของก็เสียหาย เมื่อเรากลับมาเห็น เราจะรู้สึกเสียใจขนาดไหน และจะโทษตัวเองกันขนาดไหน
    "รู้อย่างนี้ ย้ายของขึ้นไปที่ชั้น 2 ดีกว่า" จะมีประโยชน์อะไรกับความคิดเช่นนี้ ในเมื่อตอนนี้มันสายไปแล้ว

    หากเราคิดด้วยองศาความปลอดภัยที่สูง เช่น คิดว่าน้ำท่วมสูง 2 เมตร ชั้น 2 สูงกว่าถนนเกิน 2 เมตร
    น้ำท่วมจริง ไม่ถึง 2 เมตร สิ่งของของเรา ก็ไม่เสียหาย กลับมา ก็ไม่เกิดความทุกข์ ในเรื่องนี้
    และ หากน้ำท่วมจริง ไม่เข้าไปในตัวบ้านด้วยซ้ำ ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ ที่น้ำไม่เข้าไปในตัวบ้าน

    ผลที่ออกมาต่างกันมากมาย หากขนย้ายสูงเพียง 60-80 ซม. ทั้งๆ ที่สามารถจัดการขนย้ายให้สูงกว่า 2 เมตรได้ แต่ไม่ทำ
    เพราะยังคิดว่า น้ำคงท่วมไม่ถึง ก็เป็นปัญหาเช่นข้อ (A) ยังหลอกตัวเอง ไม่คิดจะรับผิดชอบ เช่นเดิม

    ก็อาจมีคนพูดขึ้นว่า
    "เห็นไหม บอกแล้วไม่เชื่อ น้ำไม่ท่วมหรอก ถึงท่วมก็ไม่สูงเข้าตัวบ้าน ไม่ต้องย้ายของขึ้นชั้น 2 ก็ได้"

    แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า น้ำจะท่วม หรือไม่ท่วม ?
    ถ้า น้ำท่วม จะรู้ได้อย่างไรว่า ท่วมแล้วจะสูงได้เท่าไหร่ ?

    หากเรา ไม่มีข้อเท็จจริง แล้วคิดเอาเองว่า น้ำไม่ท่วม เราก็ไม่คิดป้องกัน ความเสียหายที่เกิดขึ้น ก็มากมาย
    หากเรา มีข้อเท็จจริง เอามาคิด คำนวณ จนได้ผลว่า น้ำไม่ท่วม ก็ไม่มั่ว ไม่ได้คิดเอาเอง
    แต่ หาก คิดแล้ว ได้ผลว่า น้ำท่วม ก็จะได้เตรียมการป้องกัน หรือลดผลกระทบให้ได้มากที่สุด
    หากเกิดความเสียหายขึ้น ก็น้อยลง

    เราก็ต้องถามตัวเราเองว่า เราจะตัดสินใจอย่างไร ?
    รอให้ สถานการณ์เกิด แล้ว เสียใจ กับสิ่งที่ไม่ได้ทำ หรือ
    ตัดสินใจ ก่อนที่ สถานการณ์จะเกิด จนบังคับ ให้เรา ต้อง ตัดสินใจ

    (C) เหตุการณ์เช้าวันหนีภัย ที่เมื่อภัยมา ก็หนี หนี แค่เอาตัวเองให้รอด โดยไม่คิดถึงคนอื่นที่ทำงานร่วมกัน
    งานที่ทำ เพื่อให้ทุกคนรอดด้วยกัน ก็ไม่สำเร็จ ก็ให้เห็นปรากฏการณ์จริง กับตัวเองว่า
    "เมื่อมีภัยอยู่ตรงหน้า มนุษย์ ที่ใช้หัวคิด คิด แค่ให้ ตัวเองรอด ไม่ได้คิด จะรอดด้วยกัน"
    หลังจากวันนั้น ผมเริ่มเซ็ตการทำงานใหม่ที่ นครปฐม และสามารถทำงานต่อไปได้
    เมื่อโทรไปสอบถามคนที่พื้นที่บางใหญ่ซิตี้ ว่า เขาเป็นอย่างไร และสถานการณ์ที่นั่นเป็นอย่างไร
    เขาบอกว่า เขาปิดร้าน แล้วใช้ชีวิตอยู่ชั้น 3 น้ำในชั้น 1 สูงเท่าเข่า ซึ่งพื้นบ้านสูงจากถนนประมาณ 60-70 ซม.

    ต้องหยุดร้าน ไม่มีรายได้ หากน้ำท่วมนับเดือน และไม่มีเงินสำรองเอาไว้
    เมื่อน้ำลด จะใช้ชีวิตกันต่อไปอย่างไร

    และเขารู้สึกแปลกใจ กับที่ผมบอกว่า ผมยังทำงานต่อได้
    ซึ่งงานของผม ต้องใช้การเดินทาง หมายความว่า หากน้ำท่วม เดินทางไม่ได้ ผมจะทำงานไม่ได้

    อีกรายหนึ่ง เขาต้องออกจากพื้นที่น้ำท่วม อพยพไปอยู่ชลบุรี
    เขาบอกว่า เขาไม่ได้เอาอะไรออกมาเลยที่จะให้ทำงานต่อไปได้

    ตอนนี้ ถึงแม้น้ำท่วม แต่ ผมสามารถทำงานต่อไปได้

    ขอบคุณทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวเหล่านี้
    ที่ให้ผมได้เรียนรู้ ตัวเองเพิ่มขึ้น

    ขอบคุณครับ
  2. Siambrandname Webmaster
    Siambrandname Webmaster
    ขอบคุณคุณ itasian เป็นกระทู้ที่เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจอ่านแล้วเหมือนตัวเองอยู่ในเหตุการณ์ครับ นำไปแบ่งไว้ในกระทู้ ขอแสดงความเสียใจกับเพื่อนร่วมชาติที่กำลังประสบภัยน้ำท่วมอยู่ตอนนี้ นี้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
  3. PO
    PO
    ชอบประโยคนี้ค่ะ



    หากเรา ไม่มีข้อเท็จจริง แล้วคิดเอาเองว่า น้ำไม่ท่วม เราก็ไม่คิดป้องกัน ความเสียหายที่เกิดขึ้น ก็มากมาย
    หากเรา มีข้อเท็จจริง เอามาคิด คำนวณ จนได้ผลว่า น้ำไม่ท่วม ก็ไม่มั่ว ไม่ได้คิดเอาเอง
    แต่ หาก คิดแล้ว ได้ผลว่า น้ำท่วม ก็จะได้เตรียมการป้องกัน หรือลดผลกระทบให้ได้มากที่สุด
    หากเกิดความเสียหายขึ้น ก็น้อยลง
  4. itasian
    itasian
    ขอบคุณ คุณ po ครับ ที่เข้ามาพูดคุย
  5. itasian
    itasian
    มีผู้ที่ถ่ายรูป น้ำท่วม พื้นที่ บางใหญ่ซิตี้ เอาไว้
    จึงได้นำมาลงในกระทู้นี้ ให้เพื่อนๆ ได้เข้าไปดูกันครับ
    ขอบคุณ คุณ Nui San ครับ

    อัลบั๊ม BangYai_Flood.05.11.2011

    ตัวอย่างครับ








  6. wnonach
    wnonach
    ขอบคุณ คุณเบิ้มมากมายที่นำข้อมูลดีๆมาแบ่งปันค่ะ เห็นภาพแล้วพูดไม่ออกจริงๆค่ะ เศร้า เห็นใจ รันทดหดหูยังไงไม่รู้ค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆทุกๆท่านนะคะ
Results 1 to 6 of 6