What kind of movies do u like to watch ?

  1. SuperZiGAR
    SuperZiGAR
    ภาพยนตร์แนวไหนที่โดนใจคุณค๊า ?
    ถ้าเลือกได้แล้วซีนขอชื่อเรื่องด้วยน๊าค๊า
  2. iDnOuSe4
    iDnOuSe4
    ถามซะกว้างเลยครับ

    ก็ชอบหลายเรื่องครับ

    ชอบสองแนวหลัก ๆ คือ แนวบู๊ผจญภัย กับแนวดราม่าหักมุม

    ส่วนหนังที่คิดออกเป็นซีน ก็เรื่อง สไปเดอร์แมนครับ

    ตอนที่ ถอดชุด ทิ้งลงถังขยะครับ ^ ^
  3. SuperZiGAR
    SuperZiGAR
    คือซีนเป็นคนที่ชอบดูหนังเอามากๆเลยอะค๊า เรียกได้ว่าติดเลย ต้องหาดูทุกวัน
    ใช้เงินกับเรื่องนี้เยอะพอสมควร และก็จะผิดหวังอยู่บ้างถ้าดูแล้วงั้นๆอะ
    ถ้ามีเรื่องไหนที่สนุกๆก็อยากจะให้ทุกคนเอามาเล่าสู่กันฟัง
    เผื่อเพื่อนๆที่กำลังหาหนังดีๆดู จะได้มีแนว + ชื่อหนังให้เลือก
    ใน Slide นี้คือตัวอย่างภาพยนตร์เกือบจะทุกเรื่องที่ซีนชอบเอามากๆเลยค๊า


    http://www.slide.com/r/mDRv4yh11z9Tg...t_embedded_url
  4. Siambrandname Webmaster
    Siambrandname Webmaster
    เปิดกรุ๊ปไว้ ไม่ได้เข้ามาพูดคุยเลยต้องขอโทษด้วยครับ ตั้งกระทู้ The hurt locker หน่วยระห่ำ ปลดล็อคระเบิดโลก ชวนมาคุยเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้กันครับ ไว้จะีรีวิวก็ยังไม่ได้รีวิวเลยครับ

    ได้เข้าไปดูสไลด์หนังที่คุณ SuperZiGAR แนะนำแล้วน่าดูทุกเรื่องเลยครับ ได้ดูสไลด์แล้วคงขอให้แนะนำหนังอีกหลายเรื่องเลยครับ คุณ SuperZiGAR ดูหนังเยอะจริงๆ ครับ ทำให้อยากรู้เลยครับว่าใน 76 เรื่องนี้ในสไลด์นี้ 10 เีิรื่องแรกที่โปรดนี้เรื่องอะไรบ้างครับ

    ส่วนเรื่องคำถามที่ว่า ภาพยนตร์แนวไหนที่โดนใจคุณค๊า ?
    ชอบดูทุกแนวเลยครับ แต่ถ้าให้ดูแบบไม่ต้องคิดเลยดูได้ง่ายๆ ชอบหนังฮีโร่ ครับ

    ขอบคุณมากครับ
  5. SuperZiGAR
    SuperZiGAR
    จริงๆแล้วใน slide ยังน้อยไปนะค๊า จากที่ซีนดูทั้งหมดเยอะกว่านี้มากลงไม่ไหวหรอกค๊า ซีนก็ชอบดูทุกแนวละค๊า
    แต่ถ้าแนว SUPER HERO ซีนชอบให้เป็นแบบ cartoon มากกว่าค๊า
    เพราะทุกวันนี้ซีนยังดู Cartoon Network อยู่เลย ใจยังคงเป็นเด็กเสมอ
    (ขอนอกเรื่องนิส1นะค๊า ซีนชอบดู Generator Rex เพราะ สนุกกว่า BEN10 และซีนแอบติด Teen Titans )
    ส่วนเรื่องของคำถามที่ถามมา ตอบยากนะค๊าเนี่ย
    ถ้าให้จัดอันดับจริงๆจังๆคงยากมากๆแต่ถ้าให้ตอบแบบสบายๆก็ตามนี้เลยค๊า

    1. Catch Me If You Can



    ความเห็นส่วนตัว เรื่องนี้ดีมากๆค๊าอ้างอิงจะเรื่องจริง สนุกชวนติดตาม ต้องดูให้ได้เลยค๊าเรื่องนี้

    แฟรงค์ ดับเบิ้ลยู อบาเนล (ลีโอนาโด ดีคาปริโอ) ทำงานเป็นทั้งหมอ ทนายความ และนักบินร่วมของสายการบินสำคัญ ทั้งหมดนี้เขาทำมา ก่อนที่จะถึงวันเกิดปีที่ 21 ของเขา นอกจากนี้เขายังเป็นพวก 18 มงกุฎ จอมลวงโลกในเรื่องการโกงเช็ค ทำให้เขาได้เงินหลายล้านดอลลาร์ นักสืบเอฟบีไอ คาร์ล ฮันแร็ทตี้ (ทอม แฮงค์) ผู้มุ่งมั่น และอดทน มีภารกิจสำคัญ ในการจับกุมแฟรงค์ และนำเขามาขึ้นศาล ...แต่แฟรงค์มักจะนำเขาไปหนึ่งก้าวเสมอ


    --------------------------------------------------------------------------------

    สตีเว่น สปีลเบอร์ก กำกับภาพยนตร์เรื่อง Catch Me If You Can จากบทภาพยนตร์โดย เจฟฟ์ นาธานสัน (Rush Hour, Rush Hour 2, Twister) จากหนังสืออัตชีวประวัติ ที่มีชื่อเดียวกันโดย แฟรงค์ ดับเบิลยู อบาเนล และ สแตน เร็ดดิ้ง ซึ่งเป็นลำดับเรื่องราวชีวิตของอบาเนล ในยุคทศวรรษที่ 1960 ตั้งแต่เป็นวัยรุ่นที่หนีออกจากบ้าน มีความรู้ไม่ถึงมัธยมปลาย พยายามทำให้ตัวเองเป็นนักบิน หมอ ทนายความ ศาสตราจารย์ในวิทยาลัย รวมถึงการปลอมแปลงเช็ค ไปขึ้นเงินหลายล้านดอลลาร์ หนังสือเล่มนี้ถูกตีพิมพ์เป็นครั้งแรกในปี 1980 ติดอันดับขายดี และเป็นที่ประทับใจผู้อ่านนับล้าน ภาพยนตร์เรื่องนี้ อำนวยการสร้างโดย สตีเว่น สปีลเบอร์ก และ วอลเตอร์ เอฟ. พาร์คส์ (Men in Black II, Gladiator), โดยมี แบร์รี่ เคมพ์, ลอรี แม็คโดนัลด์, มิเชล เชน และ โทนี โรมาโน อำนวยการสร้าง

    ลีโอนาโด ดีคาปริโอ (ผู้ได้รับการเสนอชื่อ เข้าชิงรางวัลออสการ์จาก What's Eating Gilbert Grape, Titanic) ปะทะบทบาทครั้งสำคัญกับ ทอม แฮงค์ (ผู้ได้รับสองรางวัลออสการ์จาก Philadelphia, Forrest Gump) ในเกมไล่ล่าในภาพยนตร์เรื่องใหม่ Catch Me If You Can ภายใต้การกำกับของ สตีเว่น สปีลเบอร์ก ผู้กำกับเจ้าของสามรางวัลออสการ์ (Saving Private Ryan, Schindler's List)

    ภาพยนตร์เรื่องนี้ ยังมีนักแสดงคุณภาพ อาทิ คริสโตเฟอร์ วอลเคน เจ้าของรางวัลออสการ์จาก The Deer Hunter รับบทเป็น แฟรงค์ อบาเนล ซีเนียร์ พ่อของ แฟรงค์ อบาเนล ผู้มีอิทธิพลยิ่งใหญ่ในชีวิตของลูกชาย, มาร์ติน ชีน เจ้าของรางวัลเอ็มมี และรางวัลลูกโลกทองคำ จากซีรีส์โทรทัศน์ The West Wing รับบทเป็น โรเจอร์ สตรอง พ่อของเบรนดา ผู้มีอาชีพเป็นทนายความ ประจำตำบลของนิวออร์ลีนส์, นักแสดงหญิงชาวฝรั่งเศส นาธาลี เบย์ (Day for Night) รับบทเป็น พอลลา อบาเนล แม่ของ แฟรงค์ อบาเนล, เอมี่ อดัมส์ (Psycho Beach Party, Drop Dead Gorgeous) รับบทเป็น เบรนด้า สตรอง หญิงสาวธรรมดาๆ ที่แฟรงค์ลงหลักปักฐานด้วย, เจมส์ โบรลิน (Traffic, The Master of Disguise) รับบท แจ็ค บาร์นส์, ไบรอัน โฮวี (The Majestic, K-Pax, Return to Me) รับทนักสืบเอฟบีไอ เอิร์ล แอมเดอรสกี้, แฟรค์ จอห์น ฮิวจ์ส (Bad Boys) รับบทนักสืบเอฟบีไอ ทอม ฟ็อกซ์ และเจ้าของรางวัลลูกโลกทองคำอย่าง เจนนิเฟอร์ การ์เนอร์ จากซีรีส์โทรทัศน์ Alias และมีผลงานใน Pearl Harbor, Dude, Where’s My Car?, Daredevil มารับบทเป็น เชอริล แอนน์ หญิงสาวสวยที่ขายบริการให้กับแฟรงค์ (หรืออย่างน้อยเธอก็คิดอย่างนั้น)

    ทีมงานสร้าง Catch Me If You Can ประกอบด้วย ผู้กำกับภาพ จานุสซ์ คามินสกี้ (เจ้าของรางวัลออสการ์ 2 ครั้งจากงานที่ทำกับสปีลเบอร์กเรื่อง Schindler's List และ Saving Private Ryan), ผู้ออกแบบโปรดักชั่น เจนนีน ออพพ์วอลล์ (Pleasantville, L.A. Confidential, The Bridges of Madison County), ผู้ตัดต่อ ไมเคิล คาห์น (เจ้าของ 3 รางวัลออสการ์จาก Saving Private Ryan, Schindler's List, Raiders of the Lost Ark), ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย แมรี่ ซอฟเรส (Fargo, O Brother, Where Art Thou?, Any Given Sunday), ผู้ประพันธ์เพลง ที่เป็นที่ยกย่องสูงสุดคนหนึ่งแห่งยุค จอห์น วิลเลียมส์ เจ้าของรางวัลออสการ์ห้ารางวัล รางวัลลูกโลกทองคำสามรางวัล รางวัล BAFTA หนึ่งรางวัล และรางวัลแกรมมีสิบแปดรางวัล


    --------------------------------------------------------------------------------

    เกร็ดภาพยนตร์

    ช่วงเวลาที่อบาเนลเที่ยวต้มตุ๋นนั้น เป็นยุคทศวรรษที่ 1960 และทั้งผู้อำนวยการสร้าง วอลเตอร์ เอฟ. พาร์คส์ และผู้กำกับ สตีเว่น สปีลเบอร์ก ต่างก็เห็นด้วยว่า ที่อบาเนลทำสำเร็จได้ อย่างน้อยก็เพราะ เป็นช่วงเวลาที่คนเราไม่ค่อยมีเล่ห์เหลี่ยมนัก

    ช่วงที่ สตีเว่น สปีลเบอร์ก เริ่มงานสร้าง Catch Me If You Can นั้น เขาเพิ่งเสร็จสิ้นการถ่ายทำเรื่อง 'Minority Report' ภาพยนตร์ไซ-ไฟธริลเลอร์ เกี่ยวกับอนาคตที่มีแต่ความไม่ไว้วางใจกัน ดังนั้นการกำกับเรื่อง Catch Me If You Can จึงเป็นอีกด้านหนึ่งโดยสิ้นเชิง สปีลเบอร์กกล่าวว่า "ผมเพิ่งเสร็จการถ่ายทำเรื่อง 'Minority Report' และเป็นเรื่องเกี่ยวกับด้านมืดของโลก ผมถือว่าการทำเรื่อง 'Catch Me If You Can' เป็นการได้สูดอากาศบริสุทธิ์ ผมชอบการวิ่งจากสุดขั้วหนึ่ง จากภาพยนตร์อย่าง 'Jurassic Park' ไปที่เรื่อง 'Schindler's List' และตอนนี้จากเรื่อง 'Minority Report' ไปที่เรื่อง 'Catch Me If You Can' ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นโอกาสที่จะได้ทำงาน กับนักแสดงหนุ่มที่ผมรู้สึกยกย่อง"

    ปัจจุบัน แฟรงค์ ดับเบิลยู อบาเนล (Frank W. Abagnale) เป็นบุคคลที่เป็นที่นับถือมากที่สุดคนหนึ่งในโลก ในด้านการปลอมแปลง การฉ้อโกง และเอกสารสำคัญ แต่เมื่อ 35 ปีก่อน เขาเป็นที่รู้จักมากกว่า ในฐานะบุคคลคนหนึ่งของโลกที่มีชื่อเสียง และมั่นใจมากที่สุดคนหนึ่งของโลก ในช่วงอายุ 16 และ 21 เขาปลอมเป็นนักบิน และทนายความ ศาสตราจารย์วิทยาลัย และกุมารแพทย์ได้สำเร็จ ในช่วง 5 ปีนั้น เขาทำเงินได้ถึง 2.5 ล้านเหรียญ จากเช็คปลอมทั่วสหรัฐ และใน 26 ประเทศ

    เขาถูกตำรวจฝรั่งเศสจับเมื่ออายุ 21 ปี ติดคุกในฝรั่งเศส สวีเดน และสหรัฐฯ หลังจาก 5 ปี เขาได้รับการปล่อยตัว ภายใต้เงื่อนไขว่า เขาต้องให้ความช่วยเหลือรัฐในการสอน และช่วยเหลือองค์การทางกฎหมายของรัฐ ในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา อบาเนลทำตามเงื่อนไขนั้นเกินคุ้ม

    อบาเนลเชื่อว่า ยากที่จะมีการลงโทษฐานปลอมแปลง และการที่จะนำเงินที่ขโมยไปคืนมาได้เป็นเรื่องยาก อบาเนลจึงสอนเรื่องการป้องกัน สำหรับเป็นหลักการถือปฎิบัติ เขาพัฒนากระบวนการใหม่ และสร้างสรรค์คู่มือ และโปรแกรมการศึกษาใหม่ๆ ที่ใช้สำหรับสถาบันการเงิน หน่วยงานกฎหมาย และบริษัทมากกว่า 14,000 แห่ง เขาบรรยาย และให้คำแนะนำแก่สถาบันฝึกเอฟบีไอ และเจ้าหน้าที่ภาคสนาม และจัดการสัมนาทั้งในและนอกประเทศ มาแล้วมากกว่า 140 ครั้งในแต่ละปี โดยมีเป้าหมายเดียวคือ ต้องการสอนผู้เข้าอบรมให้ทราบว่า จะลดการต้มตุ๋น การปลอมแปลงเอกสาร และการฉ้อโกงได้อย่างไร

    ในด้านธุรกิจ อบาเนล ออกแบบเช็คทางการของ IPS ซึ่งใช้โดยสถาบันการเงินหลายหมื่นแห่ง แทนที่แคชเชียร์เช็ค เขายังออกแบบและพัฒนาโปรแกรม SAFEChecks™ และ Check Plus™ ซึ่งเป็นการทำให้ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง มีเช็คที่ปลอดภัยใช้โดยไม่ต้องจ่ายแพง ความเชี่ยวชาญของเขา เป็นที่ไว้วางใจของผู้พิมพ์เอกสารสำคัญ และผู้ผลิตเครดิตการ์ดสามแห่ง นอกจากนี้ เขายังเป็นที่ปรึกษา ให้กับบริษัทตรวจสอบบัญชี ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศด้วย

    ธุรกิจให้คำปรึกษาของ แฟรงค์ อบาเนลรวมถึงการจัดการเอกสาร และออกแบบ รวมทั้งการอบรม และสัมมนาเฉพาะทาง เขายังมุ่งหน้าที่จะทำให้บริษัทมีงานด้านกฏหมาย โดยศึกษาข้อมูลอาชญากรรมไฮเทค อบาเนลตีพิมพ์หนังสือชื่อ The Client Service Bulletin, เอกสารที่อุทิศเพื่อการศึกษา และป้องกันการปลอมแปลง และการฉ้อโกง เขายังตีพิมพ์ The Abagnale Document Verification and Currency Transaction Manual และ Abagnale Advisor Newsletter รายสามเดือน ในปี 1998 เขาได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกคนสำคัญของ "Pinnacle 400" โดยข่าวการเงินของ CNN

    ตั้งแต่เขียนบันทึกที่ขายดีที่สุดในปี 1980 ที่ชื่อว่า 'Catch Me If You Can' ล่าสุดเขาเขียนเรื่อง 'The Art of the Steal' หนังสือลำดับเหตุการณ์ว่า เขาใช้ความรู้และประสบการณ์ในอดีต เพื่อช่วยให้เขาประสบความสำเร็จ ในงานอาชีพได้อย่างไร ในฐานะที่ปรึกษา ด้านการป้องกันการปลอมแปลงด้านการเงิน และผู้อ่านจะได้ทราบ ถึงลักษณะและรู้ทันนักปลอมแปลง




    2. The Butterfly Effect



    ความเห็นส่วนตัว เรื่องนี้จัดมาสนุกอีกเช่นกัน ดูแล้วก็ชวนติดตามดีค๊า แนวคิดที่ว่า ถ้าเราสามารถเปลี่ยนสิ่ง1ในอดีตได้ อนาคตก็ต้องเปลี่ยนไปด้วย มันจริงเสมอ


    อีแวน ทรีบอร์น (แอชตัน คุชเชอร์) หลงเข้าไปในกาลเวลา ในช่วงแรกๆ ช่วงสำคัญในชีวิตของเขา หายสาบสูญไปกับการหลงลืม ชีวิตวัยเด็กของเขา เต็มไปด้วยเหตุการณ์ที่น่ากลัวมากมายที่เขาจำไม่ได้ สิ่งที่หลงเหลือ ก็คือวิญญาณร้ายของความทรงจำ และชีวิตที่แตกสลายรอบๆ ตัวเขา ซึ่งคือชีวิตของเพื่อนวัยเด็กของเขา ได้แก่ เคย์ลีห์ (เอมี่ สมาร์ท), เลนนี่ (เอลเดน เฮ็นสัน) และ ทอมมี่ (วิลเลี่ยม ลี สก็อตต์)

    อีแวนเคยอยู่ภายใต้การดูแลของจิตแพทย์ ผู้ที่ซึ่งกระตุ้นให้เขาบันทึกรายวัน โดยจดรายละเอียดเหตุการณ์ในชีวิตของเขาแบบวันต่อวัน บัดนี้เขาอยู่ในมหาวิทยาลัย อีแวนได้อ่านบันทึกอันหนึ่งของเขา และพบว่าตัวเองถูกผลักให้ย้อนเวลากลับไปในทันใด เขากลับรู้ตัวว่า สมุดจดที่เขาเก็บเอาไว้ใต้เตียง เป็นยานพาหนะซึ่งเขาสามารถย้อนกลับไปยังอดีต และเตือนความทรงจำของเขาได้ แต่ความทรงจำเหล่านี้ ทำให้อีแวนรู้สึกต้องรับผิดชอบ กับชีวิตที่พังยับเยินของเพื่อนๆ ของเขา โดยส่วนใหญ่จะเป็นชีวิตของเคย์ลีห์ แฟนในวัยเด็กที่เขายังคงรักอยู่ อีแวนตั้งใจเดินทางย้อนกลับไปในอดีต โดยตัดสินใจที่จะทำบางสิ่ง ที่เขาไม่สามารถทำได้ในเวลานั้น จิตใจในปัจจุบัน ได้ครอบครองร่างกายในวัยเด็กของเขา...

    ด้วยความพยายามที่จะเขียนประวัติศาสตร์ขึ้นมาใหม่ และช่วยเหลือเพื่อน อีกทั้งคนรักของเขา อีแวนหวังที่จะเปลี่ยนแปลงปัจจุบัน โดยการเปลี่ยนเหตุการณ์หลายอย่างในอดีต แต่ทุกครั้งที่อีแวนเปลี่ยนบางสิ่งในอดีต เมื่อเขากลับมายังปัจจุบัน เขาพบว่าการกระทำของเขา ทำให้เกิดผลที่ตามมาที่เกินคาดและร้ายแรง ด้วยความพยายามที่เขาสามารถ แต่ดูเหมือนว่า เขาจะไม่สามารถทำให้ความจริงที่ว่า เขาและเคย์ลีห์จะได้อยู่ด้วยกัน "อย่างมีความสุขตลอดกาล" ได้...


    --------------------------------------------------------------------------------

    The Butterfly Effect ภาพยนตร์ทริลเลอร์สืบสวนสอบสวน ที่แสดงถึงความน่าทึ่งในทิศทางใหม่ของ แอชตัน คุชเชอร์ (That '70's Show, Dude Where's My Car, Just Married) และเต็มไปด้วยนักแสดงที่ทรงพลัง อย่างเช่น เอมี่ สมาร์ท (Roadtrip, Varsity Blues), อีริค สโตลท์ซ (Pulp Fiction, The Rules of Attraction), วิลเลี่ยม ลี สก็อตต์ (Pearl Harbour, Gone in Sixty Seconds), เอลเดน เฮ็นสัน (The Mighty, She's All That), โลแกน เลอร์แมน และ มีโลร่า วอลเตอร์ส (Boogie Nights, Magnolia)

    The Butterfly Effect เป็นผลงานกำกับของ อีริค เบรส และ เจ แม็คคีย์ กรูเบอร์ (ทีมเขียนบทเบื้องหลังหนังทริลเลอร์ฮิต ปี 2003 เรื่อง Final Destination 2) ซึ่งยังทำหน้าที่เขียนบทด้วย ภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นผลงานการสร้างของ เบ็นเดอร์สปริงค์, ฟิลม์ เอนจิ้น และ คาทาไลท์ อำนวยการสร้างโดย คริส เบ็นเดอร์, เอ เจ ดิกซ์, แอนโทนี่ รูห์เลน และ เจ ซี สปริงค์ ผู้อำนวยการสร้างบริหารได้แก่ โทบี้ เอ็มเมอร์ริช, ริชาร์ด บรีเนอร์, คาล บอยเตอร์, วิลเลี่ยม ชีฟลี่ย์, เดวิด ครินท์ซแมน, เจสัน โกลด์เบิร์ก และ แอชตัน คุชเชอร์ ส่วน ลิซ่า ริชาร์ดสัน ทำหน้าที่ผู้ร่วมอำนวยการสร้าง



    3. The Bicentennial Man



    ความเห็นส่วนตัว ออก Drama นะ แอบซึ้ง เป็นหนังดีอีก 1 เรื่อง หนังดีๆมักเป็น Drama ซะส่วนใหญ่ไม่รู้ทำไม
    แต่ซีนชอบพอๆกับ A.I. เลยค๊า แต่ซึ้งคนละแบบกัน

    เป็นนิยายวิทยาศาสตร์ ประเภทเรื่องสั้น ที่แต่งโดยไอแซค อสิมอฟ ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2519 และได้รับรางวัลฮิวโก ในปีนั้น

    นิยายบอกเล่าถึงเรื่องราวของหุ่นยนต์ชื่อ แอนดรูว์ ซึ่งทำหน้าที่รับใช้ครอบครัวหนึ่งอย่างซื่อสัตย์เป็นเวลาหลายชั่วอายุคน จากการได้คลุกคลีกับมนุษย์เป็นเวลาหลายปี แอนดรูว์ค่อยๆ ซึมซับด้านต่าง ๆ ของมนุษย์ ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงชิ้นส่วนต่างๆ ของตัวมัน ลดทอนความเป็นเครื่องจักรลงทีละน้อย จนในที่สุดก็ได้รับการยอมรับว่ามีความเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ ในนิยายมีการนำเสนอเรื่องกฎ 3 ข้อของหุ่นยนต์ ด้วย

    ต่อมา ไอแซค อสิมอฟ ได้ร่วมกับ โรเบิร์ต ซิลเวอร์เบิร์ก เขียนนิยายขยายความเรื่อง The Bicentennial Man ออกมาเป็น The Positronic Man ตีพิมพ์เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2536 ภายหลังการเสียชีวิตของอสิมอฟในปี พ.ศ. 2535

    ในปี พ.ศ. 2542 มีการนำนิยายเรื่องนี้มาสร้างเป็นภาพยนตร์ ชื่อ Bicentennial Man นำแสดงโดย โรบิน วิลเลียมส์ ใช้ชื่อไทยว่า "บุรุษสองศตวรรษ"



    4. The Curious Case of Benjamin Button




    ความเห็นส่วนตัว เป็นภาพยนตร์ที่ดีมากๆนะค๊า อาจจะดูเกินจริงแต่ว่าดีมากๆเลยอะค๊า
    แต่ถ้าคนที่ไม่ชอบแนว Drama ก็จบเลยค๊า เปลี่ยนไปดูเรื่องอื่นดีกว่า

    "ผมเกิดมาในสภาวะที่ไม่ปกติ"

    และนั่นเป็นการเริ่มต้นของภาพยนตร์เรื่อง "The Curious Case of Benjamin Button" ซึ่งดัดแปลงจากเรื่องราวของ เอฟ สก๊อต ฟิทซ์เจอราลด์ ในปี 1920 ของชายที่เกิดมาด้วยวัยแปดสิบ และย้อนอายุถอยหลัง เขาก็เหมือนเราทุกคนที่ไม่สามารถหยุดเวลาได้ จากนิวออร์ลีนส์ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี 1918 จนถึงศตวรรษที่ 21 กับการเดินทางที่ไม่ธรรมดาที่สุดเท่าที่คนๆ หนึ่งจะเป็นไปได้ ภาพยนตร์บอกเล่าเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ของชายผู้ที่ไม่เหมือนคนทั่วไป และผู้คนกับสถานที่ๆ เขาได้ค้นพบในช่วงชีวิตเขา ควมรักที่ได้พบพานและสูญเสียไป สีสันความสุขแห่งชีวิตและความโศกเศร้าแห่งความตาย และสิ่งที่คงอยู่เหนือกาลเวลา

    Paramount Pictures และ Warner Bros. Pictures ภูมิใจเสนอผลงานของ Kennedy / Marshall Production ภาพยนตร์โดย David Fincher Film เรื่อง "The Curious Case of Benjamin Button" นำแสดงโดย แบรด พิตต์, เคท บลันเชตต์, ทาราจิ พี เฮนสัน, จูเลีย ออร์มอนด์, เจสัน เฟลมมิ่ง, อีเลียส โคเทียส และ ทิลด้า สวินตัน จากการกำกับการแสดงของ เดวิด ฟินเชอร์ บทภาพยนตร์โดย อีริค ร็อธ เนื้อเรื่องโดย อีริค ร็อธ และโรบิน สไวคอร์ด เค้าโครงเรื่องโดย เอฟ ฟิทซ์เจอราลด์ ทีมผู้อำนวยการสร้างคือ แคทเธอรีน เคนเนดี้, แฟรงค์ มาร์แชล และซีอาน ชาฟฟิน

    ทีมงานเบื้องหลัง โดยคลอดิโอ มิแรนด้า ผู้กำกับภาพ, โดนัลด์ เกรแฮม เบิร์ต ผู้กำกับศิลป์, ลำดับภาพโดย เคิร์ต แบกซ์เตอร์และแองกัส วอลล์ โดยมี แจคเกอลีน เวสต์ดูแลด้านออกแบบเครื่องแต่งกาย และดนตรีประกอบโดย อเล็กซานเดร เดสเพลท


    ข้อมูลการสร้าง

    ภาพยนตร์เรื่อง "The Curious Case of Benjamin Button" เริ่มเปิดตัวจากเรื่องสั้นที่เขียนขึ้นในปี 1920 โดย เอฟ สก๊อต ฟิทซ์เจอราลด์ ซึ่งได้ดึงจินตนาการของเขาออกมาจากคำพูดของมาร์ค ทเวนที่ว่า "ชีวิตน่าจะมีความสุขเหลือล้นมากกว่านี้ ถ้าพวกเราเกิดมาที่อายุแปดสิบแล้วค่อยๆ ลดอายุลงมาจนสิบแปด"

    เรื่องราวของฟิทซ์เจอราลด์นั้นเป็นไปตามใจ เป็นการค้นพบของสิ่งที่ชอบ และการนำมันมานำเสนอบนจอภาพยนตร์ต้องมีความเข้าใจและทะเยอทะยานอย่างยิ่ง รวมไปถึงเหนือจินตนาการกว่าที่จะเป็นเรื่องจริงไปได้ โปรเจ็คนี้จึงลอยไปมากว่า 40 ปีกระทั่งผู้อำนวยการสร้าง แคทเธอรีน เคนเนดี้ และ แฟรงค์ มาร์แชลได้เลือกมัน เป็นเวลากว่าทศวรรษที่โปรเจ็คนี้เป็นพลังผลักดันให้กับ อีริค ร็อธ เดวิด ฟินช์เชอร์และแบรด พิตต์ เช่นเดียวกันสำหรับร๊อท แนวคิดนี้ได้กลายมาเป็นโอกาสให้เขาได้ใคร่ครวญความคิดที่เป็นเหมือนผ้าใบผืนกว้างแห่งชีวิตผ่านการปะติดปะต่อของความรู้สึกและประสบการณ์ที่อยู่ภายในจากแต่ละวัน โดยนำเสนอเหตุการณ์ที่อาจจะยิ่งใหญ่อย่างเช่นสงครามโลกหรืออาจจะเล็กน้อยเช่นการจูบสักครั้งหนึ่ง "อีริคเป็นบุคคลตัวอย่าง ที่มีความเข้าอกเข้าใจของความเป็นไปได้ของเหตุการณ์ยิ่งใหญ่แต่เป็นเรื่องราวที่เข้าถึงตัวบุคคลอย่างลึกซึ้งค่ะ" เคนเนดี้ให้ข้อสังเกตุ "ในภาพยนตร์เรื่อง Forest Gump เขานำเสนอภาพที่อยู่ภายในโดยใช้ฉากเป็นการบอกเล่าเรื่องราว และพรสวรรค์ในการสังเกตุรายละเอียดอย่างมากมาย"

    โอกาสที่จะมีชีวิตเดินกลับหลังดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ดีเยี่ยม "แต่มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น" ร็อธกล่าว "ดูผิวเผินแล้ว คุณจะคิดว่ามันคงจะดีจัง แต่มันเป็นชีวิตที่แตกต่างไปอีกแบบหนึ่ง ซึ่งตัวผมคิดว่ามันมีความประทับใจเกี่ยวกับเรื่องราวนี้นะครับ ถึงแม้ว่าเบนจามินจะมีวัยที่ย้อนกลับ แต่จูบแรกและความรักครั้งแรกยังคงเป็นสิ่งสำคัญและมีความหมายอย่างยิ่งสำหรับตัวเขา มันไม่ได้มีความแตกต่างเลยว่าคุณจะมีชีวิตตามวัย หรือว่าย้อนกลับนะครับ - มันก็คือว่าเราจะมีชีวิตอยู่อย่างไรต่างหากครับ"




    5. Gladiator



    ความเห็นส่วนตัว สนุกดีค๊าสั้นๆง่ายๆเลย เรื่องนี้ซีนดูได้ 20 กว่ารอบแล้วมั้ง ไม่เบื่อสักที

    บรรยายเรื่องราวของแม็กซิมัส เดคิมัส เมริดัส (Russell Crowe) นายพลแห่งกองทัพโรมัน แม็กซิมัสประสบความสำเร็จจากการขยายอณาจักรโรมันภายใต้ร่มธงของ ซีซาร์ มาคัส ออรีรุส (Richard Harris) จักรพรรดิผู้ซึ่งได้รับความเคารพนับถือจากขุนพลหนุ่ม เป็นอย่างสูง และซีซาร์ก็รักและดูแลเขาเหมือนกับลูกชายคนหนึ่ง แต่ซีซาร์ออรีรุส มีทายาทที่ถูกต้องก็คือ ลูกชายของเขาเองที่มีชื่อว่า คอมโมดุส (Joaquin Phoenix) บุรุษขี้ขลาด แต่ชอบสนุกกับการเล่นสงครามขยายอณาจักร คอมโมดุส ต้องตกตะลึงเมื่อได้รับทราบจากพ่อของเขาว่า มีแผนจะให้แม๊กซิมันเป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง และนั่นทำให้บุตรชายของเขาตัดสินใจทำปิตุฆาต อย่างอำมหิต ก่อนที่ซีซาร์จะมีโอกาสถ่ายทอดคำสั่ง


    แต่สายเกินไปเมื่อซีซาร์มาร์คัสได้บอกให้แม็คซิมัสได้รู้ล่วงหน้าแล้ว คอมโมดัสจึงจำเป็นต้องรีบเดินแผนต่อเพื่อชิงอำนาจ โดยใส่ร้ายแม็คซิมัสและออกคำสั่งประหารชีวิตแม่ทัพหนุ่ม แต่แม๊คซิมัสหลบนีออกไปได้ และเมื่อเขากลับไปถึงบ้านก็ได้พบว่า ภรรยาและบุตรชายของเขาถูกฆ่าทิ้งจากบัญชาของคอมโมดุส แม๊คซิมัสหมดกำลังที่จะยืนอยู่ และสิ้นสติลงไปท่ามกลางความพินาศของครอบครัวและทรัพย์สินของเขา หลังจากฟิ้นคืนสติ เขาก็ถูกจับเป็นทาสและถูกขายให้กับ พรอกซิโม (Oliver Reed) นายจ้างที่มีชายนักรบอยู่ในความครอบครองมากมาย และเขาสร้างแม็คซิมัสให้กลายเป็นนักสู้ และสอนให้แม็คซิมัสต่อสู้อย่างสุดชีวิตในสนามนักสู้ตามเมืองต่างๆ แม็คซิมัสจำต้องกล้ำกลืนความอัปยศด้วยความปราถนาเพียงอย่างเดียวคือการล้างแค้น ความหวังของเขาก็คือสามารถได้เข้าไปต่อสู้ในโคลอสเซ๊ยมของโรมัน ต่อหน้าจักรพรรดิแห่งโรม คอมโมดุส และนั่นจะเป็นวันที่จักรพรรดิชั่วต้องชดใช้ให้กับโรม และครอบครัวของเขา



    หนังแนว Epic รุ่งเรื่องที่สุดในช่วงทษวรรษปี 50 แต่ภายหลังความล้มเหลวของหนังฟอร์มยักษ์เรื่อง Cleopatra ส่งผลกระทบให้หนังแนว Epic หายไปจากประวัติศาสตร์ เนื่องจากเป็นแนวหนังที่ต้องใช้คนแสดงมากมาย และฉากขนาดยักษ์เพื่อถ่ายทอดความยิ่งใหญ่ของหนังแนวนี้ การที่ต้องใช้ทุนสร้างมหาศาล ทำให้สตูดิโอ่มีความเสี่ยงต่อการขาดทุนมากกว่าหนังประเภทอื่น ข้อจำกัดนี้ทำให้หนังขาดช่วงไปนานหลายทศวรรษ และในปี 2000 นี้ ภาพยนตร์ Epic สามารถกลับคืนสู่ฮอลลีวู๊ดได้อีกครั้ง แต่เป็นการกลับมาด้วยการปฏิวัติวิธีทำงานใหม่หมด เมื่อเทคโนโลยี ทางด้านเอฟเฟคเจริญขึ้นจนสามารถสร้างฉากและคนด้วยกรรมวิธีทางดิจิตอล ทำให้ลดทุนในการสร้างฉากที่ใหญ่โต และลดค่าใช้จ่ายตลอดจนความวุ่นวายในกองถ่าย อันเนื่องจากการระดมคนแบบมืดฟ้ามัวดินอย่างในอดีต Gladiator อาศัยประโยชน์จากความก้าวหน้าของเทคโนโนโลยี ด้วยการใช้คอมพิวเตอร์รดับไฮเอนด์สร้างสรรค์ จินตนาการของผู้กำกับ ให้ปรากฏเป็นภาพที่สวยงามแบบ panoramic ซึ่งแสดงถึงอำนาจของเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่สามารถ ที่ทำให้โรมกลับฟื้นคืนชีวิตจากซากปรักหักพัง และบันดาลให้ผลงานอลังการที่สูญหายไปในช่วงเวลาหนึ่ง ได้กลายเป็นจริงอีกครั้ง



    ไม่ต้องสงสัยเลยว่า Gladiator ของ Ridley Scott ได้กลายมาเป็นผลงานที่ฮือฮาและได้รับการกล่าวขวัญมากที่สุด ในขณะที่หลายสถาบันรวมถึงออสการ์ก็ ยกย่องให้เป็นภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประจำปี 2000 ความสำเร็จนี้ เป็นผลที่มาจากการร่วมมือสร้างระหว่างสองสตูดิโอยักษ์ของฮฮลลีวู๊ด คือ Dreamworks กับ Universal



    Gladiator เน้นการผจญภัยและการแสดงออกทางอารมณ์ ผ่านตัวเอกที่ชื่อแม็คซิมัส นายพลผู้ยิ่งใหญ่แห่งโรมัน แม้ว่าแนวทางของเรื่องจะทำให้เราจะคาดเดาได้ว่า ในที่สุดแล้ว แม็คซิมัสจะต้องล้างแค้นได้สำเร็จ แต่ Gladiator ก็ทำให้การผจญภัยเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและให้ความบันเทิงอย่างสุดขีด ดาราเด่นในระดับตำนานหลายคนถูกดึงให้มาเล่นในหนังเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็น Richard Harris, Derek Jacobi, หรือแม้กระทั่ง Oliver Reed ที่ผ่านงานแนวนี้มาอย่างมากมาย ก็ได้มีโอกาสกลับมาแสดงผลงานร่วมกับดาวรุ่งดวงใหม่ของวงการอย่าง Joaquin Phoenix, Connie Nielsen และ ดารานำ Russell Crowe ที่รับผิดชอบในบทที่ต้องใช้อารมณ์เพื่อแสดงพลีงของหนังออกมา Gladiator ทำให้โครว์ขึ้นมายืนในกลุ่มเดียวกับนักแสดงระดับหัวแถวของฮอลลีวู๊ด และเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้หนัง ประสบความสำเร็จทั้งในแง่ของการบันเทิง การทำเงิน และการได้รับรางวัลที่ทรงเกียรติยศที่สุดของวงการ ...



    Academy Awards


    Gladiator ได้รับเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ 12 รางวัลได้กลับมา 5 รางวัลคือ


    ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม


    นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม


    ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม


    บันทึกเสียงยอดเยี่ยม


    เทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม



    อีก 7 รางวัลที่พลาดไปคือ


    Ridley Scott เข้าชิงผู้กำกับยอดเยี่ยม แพ้ Steven Soderbergh จาก Traffic


    Joaquin Phoenix เข้าชิงนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม แพ้ Benicio Del Toro จาก Traffic


    เข้าชิงบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แพ้ Cameron Crowe จาก Almost Famous


    เข้าชิงกำกับภาพยอดเยี่ยม แพ้ Peter Pau จาก Crouching Tiger, Hidden Dragon


    เข้าชิงตัดต่อภาพยอดเยี่ยมแพ้ Traffic


    เข้าชิงกำกับศิลป์ยอดเยี่ยม แพ้ Crouching Tiger, Hidden Dragon


    เข้าชิงเพลงประกอบยอดเยี่ยม แพ้ "Things Have Changed" จาก Wonder Boys



    รางวัลลูกโลกทองคำ Golden Globes Awards


    ภาพยนตร์ Drama ยอดเยี่ยม


    ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม




    6. “300”



    ความเห็นส่วนตัว
    ใครไม่เคยดูเรื่องนี้ก็แย่แล้วค๊าสนุกน๊าาา

    คือการเล่าขานย้อนไปถึงความโหดร้ายแห่งสงครามเธอร์โมไพเล ซึ่งกษัตริย์เลโอนิดาส์ (เจอราร์ด บัทเลอร์) และกองทัพสปาร์ตัน 300 นายพลีชีพในการต่อสู้กับเซอร์เซสและกองทัพมหึมาแห่งเปอร์เซีย ในการเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่มีกำลังท่วมท้น กำลังใจและการเสียสละของพวกเขากลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับชาวกรีกทั้งมวลในการร่วมกันต่อสู้กับกองกำลังข้าศึกชาวเปอร์เซีย การขีดเส้นบนผืนทรายเพื่อประชาธิปไตย ภาพยนตร์ได้นำเอานวนิยายกราฟฟิคเรื่องดังของมิลเลอร์ (Sin City)มาสู่ความมีชีวิตด้วยการผสานไลฟ์แอ็คชั่นเข้ากับแบ็คกราวน์เสมือนจริงที่นำเสนอภาพตำนานประวัติศาสตร์โบราณในจินตนาการอันแจ่มชัดของเขา




    7. Die Hard 4



    ความเห็นส่วนตัว ชอบตรงที่เสียดสีสังคมว่าสื่อบีดเบียนข่าว ปิดบังความจริงกับผู้คน ชอบค๊า สนุกดี

    (ชอบภาคนี้เป็นพิเศษ) จอห์น แมคเคลน ชีวิตนักสืบตำรวจของเขาไม่ค่อยจะดีนัก หลังจากต้องหย่ากับภรรยา และ ลูซี่ ลูกสาวยังไม่ยอมคุยด้วย เพราะความหวงลูกสาวเกินเหตุ เขากำลังจะพบกับเหตุการณ์ที่ต้องเอาตัวเข้าเสี่ยงตายอีกครั้งหนึ่ง เขาได้รับภาระกิจด่วน ให้ไปพาตัวแฮ็คเกอร์หนุ่ม แม็ท ฟาร์เรล ไปสอบสวน แต่แล้วเขาก็ต้องพบกับเรื่องลำบาก ต้องเอาตัวเข้าเสี่ยงตาย เมื่อเขาและแฮ็คเกอร์หนุ่มตกเป็นเป้าหมายของการตามล่า โดยกลุ่มแฮ็คเกอร์ที่สามารถควบคุมได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ควบคุมด้วย คอมพิวเตอร์ ทุกระบบในประเทศกำลังถูกคุกคามโดยแฮ็คเกอร์กลุ่มนี้ จอห์น และ แม็ท จึงต้องร่วมมือกันเพื่อหยุดยั้งแผนการร้ายนี้ โดยมีชะตากรรมของประเทศ และลูกสาวเป็นเดิมพัน



    8. Texas Chainsaw Massacre


    ความเห็นส่วนตัว เรื่องนี้ชอบที่ตอนจบมันเป็นตอนแรก เฉลยว่าทำไมคนถึงต้องมาที่นี้ ฉลาดดีอะค๊า

    Texas Chainsaw Massacre สร้างจากเรื่องจริงอีกเช่นกัน

    รถแวนคันหนึ่งวิ่งตรงอยู่บนทางหลวงของรัฐเท็กซัส โดยสมาชิกวัยรุ่นภายในรถทั้งห้าคน ได้แก่ สาวทอมบอย อีริน (เจสซิก้า บีล) กับแฟนหนุ่มขี้เล่น เคมเปอร์ (อีริค บัลโฟร์), หนุ่มหล่อผมบลอนด์ แอนดี้ (ไมค์ โวเกล), หนุ่มผมหยิกสวมแว่นมาดคงแก่เรียน มอร์แกน (โจนาธาน ทัคเกอร์) และสาวนักโบก เป๊ปเปอร์ (อีริคก้า เลียร์เซน) ซึ่งขอติดรถมาด้วยระหว่างทาง พวกเขากำลังวางแผน จะเดินทางไปร่วมชมคอนเสิร์ตในเมืองดัลลัส แต่ทุกอย่างกลับลงเอยด้วยความสยอง เมื่ออีรินยืนกราน ขอให้เคมเปอร์จอดรถรับนักโบกสาวอีกราย (ลอเรน เจอร์แมน) ที่กำลังเดินล่องลอยอย่างไร้จุดหมาย อยู่บนถนนเพียงลำพัง แรกทีเดียวหญิงสาวแปลกหน้าได้แต่นั่งนิ่งเงียบ แต่ต่อมาไม่นาน เธอก็เริ่มพูดพล่ามร่ายยาวไม่หยุดหย่อน จนกระทั่งออกอาการตื่นตระหนกแบบคนเป็นโรคประสาท ก่อนสุดท้ายจะหยิบปืนพก ออกมาระเบิดสมองตัวเองตายคารถ!



    แนะนำให้ดูภาคนี้ (เรื่องย่อด้านบน)



    ก่อน



    นะค๊า (ภาคที่มาที่ไป ไว้ดูที่หลัง)





    9. Big Fish



    ความเห็นส่วนตัว ดูแล้วค่อนข้างชอบนะค๊าแบบน่ารักดีอะค๊า ภาพก็ดูเด็กๆสีสวยๆ ชอบค๊า เนื้อเรื่องแอบอบอุ่น

    เอ็ดเวิร์ด บลูม (อัลเบิร์ต ฟินนี่ย์) ผู้ที่ชอบเล่าเรื่องราวชีวิตของตนในวัยหนุ่ม (แสดงโดย ยวน แมคเกรเกอร์) โดยผสมผสานกับจินตนาการอันลึกซึ้ง เพราะความปรารถนาอันท่วมท้น ที่จะออกเดินทางไปยังที่ต่างๆ ได้นำให้เขาต้องออกเดินทางจากเมืองเล็กๆ ในแอลบาม่า ไปยังสถานที่ที่ไม่น่าจะมีอยู่ในโลก เขาต้องเจอกับทั้งยักษ์ แม่มด และผู้หญิงฝาแฝดสองหัว ทุกคนที่ได้ฟัง ต่างชื่นชมไปกับเรื่องราวมหัศจรรย์พราวฝัน ยกเว้นลูกชายที่ห่างเหินของเขา วิลล์ (บิลลี่ ครูดรัพ) วิลล์ต้องการให้พ่อเรียนรู้ที่จะแยกแยะ ระหว่างเรื่องจริงและความเพ้อฝัน เขาไม่เคยเชื่อในสิ่งที่พ่อเล่า แต่การพิสูจน์ข้อเท็จจริง จากเรื่องเล่าที่เหลือเชื่อของพ่อ จะทำให้ลูกชายได้พบกับความจริงที่ลึกซึ้งกว่านั้น...


    --------------------------------------------------------------------------------

    ภาพยนตร์อบอุ่นที่สุดแห่งปี Big Fish โดยผู้กำกับฝีมือดีชื่อดัง ทิม เบอร์ตัน (Planet of the Apes, Sleepy Hollow, Mars Attacks!, Beetlejuice, Batman, Edward Scissorhands) สร้างสรรค์ผลงานเหนือจินตนาการสุดเลิศล้ำ ถึงเรื่องราวการเดินทางเสาะแสวงหาอันลึกซึ้ง ของความสัมพันธ์ระหว่างพ่อและลูกชาย



    10. Jumanji



    ความเห็นส่วนตัว ตอนเด็กๆชอบดูเรื่องนี้มากๆค๊า ก็เลยต้องเอามาลง สนุกมากค๊าจริงๆ
    พอได้มาดู Zathura เลยรู้สึกเฉยๆเพราะเจอ Jumanji มาแล้ว สนุกกว่ากันเยอะเลย

    เมื่อเป็นเด็ก อลัน(โรบิน วิลเลี่ยม) และ.เพื่อนสาว ได้เล่นเกมโบราณลึกลับที่พวกเขาค้นพบ ทำให้อลันต้องเข้า ไปติดอยู่ในเกมป่าที่เต็มไปด้วยสารพัดสัตว์
    26 ปีต่อมา มีเด็กสองคสเปิดมันอีกครั้งทำให้ อลันสามารถหลุดออกมาจากเกมนั้นได้ และเหล่า สัตว์ป่านานาชนิดได้หลุดออกมาเพ่นพ่านในเมือง ถึงเวลาที่อลันจะต้องหยุดยั้งความโกลาหลครั้งนี้..ให้ได้ ซึ่งมีวิธีเดียวคือ เล่นเกมนี้ให้จบ


    ถ้าเป็นแนว Series ก็มี 1 เดียวในดวงใจ ซีนขอยกให้ Prison Break เท่านั้น


    Prison Break



    ช่วงที่ซีนได้ดูเรื่องนี้ติดแบบสุดๆนอนวันละ 4 ชั่วโมงเองค๊า
    เพราะเป็นช่วงที่ต้องตื่นไปเรียน summer กลับจากเรียนก็มานั้งดูต่อไม่ค่อยได้กินไรเลยติดมาก
    ทำแบบนี้ทุกวันจนดูจบทุก season ( พอถึง season 5 เซ็งค๊าจบละ )
    ซีนยอมให้ตัวเองโทรมเพราะเรื่องนี้เลยค๊า สนุกจริงๆ
  6. iDnOuSe4
    iDnOuSe4
    เข้ามาขอบคุณก่อน ยังไม่ได้อ่านทั้งหมด มันเยอะมากครับ

    :d
  7. SuperZiGAR
    SuperZiGAR
    Quote Originally Posted by iDnOuSe4 View Post
    เข้ามาขอบคุณก่อน ยังไม่ได้อ่านทั้งหมด มันเยอะมากครับ

    :d
    ซีนก็จัดไปซะ Combo Set ยาวอยู่แล้ว
    ถ้ายังไงสนใจเรื่องไหน ลองถามซีนเข้ามาได้นะค๊า เผื่อซีนเคยดู
    จะได้แนะนำว่าควรดูดีมั้ย ไม่งั้นอาจผิดหวังเหมือนที่ซีนผิดหวังบ่อยๆ
    ประมาณว่า เนี่ยสนุกแล้วหรอ เราเคยดูสนุกมากกว่านี้อีก ไรงี้อะค๊า
    ขอบคุณมากๆที่สนใจค๊า มีเรื่องไหนสนุกๆแวะมาเล่าให้ฟังบ้างนะค๊า
  8. iDnOuSe4
    iDnOuSe4
    เคยดู 1 2 5 6 7 ครับ
    ขออ่านที่เหลือก่อน


    อยากดู Big Fish
    แล้วก็ Piston break ยังหาเวลาดูยาวๆ ไม่ได้เลย ฮาๆ
  9. SuperZiGAR
    SuperZiGAR
    Quote Originally Posted by iDnOuSe4 View Post
    เคยดู 1 2 5 6 7 ครับ
    ขออ่านที่เหลือก่อน


    อยากดู Big Fish
    แล้วก็ Piston break ยังหาเวลาดูยาวๆ ไม่ได้เลย ฮาๆ
    ลองหาเวลาดู Piston break นะค๊าแล้วจะติดแบบสุดๆไปเลย
    ของเค้าดีจริงจนซีนกล้าแนะนำเลยค๊า
  10. amm0pat
    amm0pat
    เห็นคุณซีนแนะนำPrison Breakไว้ พอดีมีแผ่นของเพื่อนอยู่ที่ห้องเลยลองเอามาดู
    ปรากฏว่าติดงอมแงมเช่นกันค่ะ ขนาดเป็นช่วงปิดเทอมยัง รู้สึกว่าเหนื่อยมากๆเพราะ ดูแล้วหยุดไม่ได้
    เพิ่งดูถึงseason2 เลยขอยุติไว้ยังไม่ดู3ละกัน เพราะเปิดเรียนแล้ว เลยอ่านเรื่องย่อให้พอตัดใจไม่ดูได้ไปก่อนค่ะ^^
    ขอบคุณมากค่ะที่แนะนำหนังดีๆให้ได้ดู
Results 1 to 10 of 10