DigitalKnowledge

หากใครที่เคยเผชิญกับอาการ ‘ใจสั่น’ คงอดสงสัยไม่ได้ว่าอาการที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้โดยปกติทั่วไป หรือความจริงแล้วเป็นสัญญาณบอกโรคหัวใจกันแน่ เพราะอาการดังกล่าวมักเกิดขึ้นในช่วงสั้นๆ แล้วก็หายไป จึงทำให้หลายคนละเลยปัญหาสุขภาพในด้านนี้ แต่ความจริงแล้วอาการใจสั่นอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นเกี่ยวกับโรคหัวใจ ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ อาจนำไปสู่ภาวะที่ร้ายแรงจนทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ โดยวันนี้เรามีรายละเอียดเกี่ยวกับภาวะดังกล่าวมาให้ได้ศึกษากัน

อาการใจสั่น

อาการใจสั่นนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกๆ อิริยาบถ โดยขณะที่มีอาการผู้ป่วยจะรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วหรือแรงกว่าปกติ หัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอหรือเต้นผิดจังหวะ รวมถึงรู้สึกว่าการเต้นของหัวใจขาดหายไป

นอกจากนี้ หากพบว่ามีอาการต่างๆ เหล่านี้เกิดขึ้นร่วมด้วย ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณอันตรายเกี่ยวกับหัวใจ

รู้สึกเจ็บหรือแน่นหน้าอก
- หายใจตื้น
- เวียนศีรษะ
- หน้ามืด เป็นลม

สาเหตุของอาการใจสั่น

อาการใจสั่นนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกันทั้งพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ภาวะทางอารมณ์และจิตใจ การใช้ยารักษาโรค รวมไปถึงความเจ็บป่วยทางร่างกาย โดยมีรายละเอียด ดังนี้

- พฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การออกกำลังที่ต้องใช้แรงมาก การนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น
- ภาวะด้านอารมณ์และจิตใจ เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล ความกลัว ความรู้สึกดีใจ เสียใจ และอาการตื่นตระหนก เป็นต้น
- การใช้ยารักษาโรคบางชนิด เช่น ยารักษาหอบหืดที่มีส่วนประกอบของสารกระตุ้น ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง ยาแก้แพ้ ยาปฏิชีวนะ และยารักษาภาวะซึมเศร้า เป็นต้น
- ภาวะหรือโรคบางชนิด เช่น ไทรอยด์เป็นพิษ โลหิตจาง ภาวะร่างกายขาดน้ำ ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ความผิดปกติของระดับเกลือแร่ในร่างกาย รวมถึงการมีไข้สูงตั้งแต่ 38 องศาเซลเซียสขึ้นไป

การรักษาอาการใจสั่น

แพทย์จะทำการรักษาอาการใจสั่นตามสาเหตุ และแนะนำให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นอาการให้เกิดขึ้น ซึ่งหากผู้ป่วยมีอาการไม่มากส่วนใหญ่แล้วอาการมักจะหายไปได้เอง อย่างไรก็ตาม หากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้วยังไม่ได้ แพทย์อาจใช้ยาแคลเซียมแชนแนลบล็อกเกอร์ หรือเบต้า บล็อกเกอร์ในการรักษา

ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่พบว่าตัวเองมีอาการใจสั่นร่วมกับอาการแน่นหรือเจ็บหน้าอก หน้ามืด เวียนศีรษะมาก หรือมีอาการเหนื่อยหอบอย่างรุนแรง ควรเข้าพบแพทย์เพื่อรับการรักษาโดยด่วน ทั้งนี้ สำหรับอาการใจสั่นที่สามารถป้องกันได้ ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่กระตุ้นให้อาการกำเริบขึ้น รวมถึงหันมาออกกำลังกายดูแลสุขภาพ รวมถึงควบคุมระดับความดันโลหิตและคอเลสเตอรอลให้อยู่ในระดับปกติ