DigitalKnowledge

เปรียบเทียบหมัดต่อหมัด! 4 โปรแกรมช่วยขายของออนไลน์ เจ้าไหนดียังไงมาดูกัน!

Rate this Entry
ถ้าหากคุณกำลังมองหาโปรแกรมสำหรับขายของออนไลน์เพื่อมาเป็นตัวช่วยสำหรับธุรกิจออนไลน์อยู่ล่ะก็ วันนี้เราจะมารีวิว 4 โปรแกรมช่วยขายของออนไลน์ชื่อดังที่ร้านค้าในไทยนิยมใช้เป็นอันดับต้นๆ พร้อมทั้งเปรียบเทียบจุดเด่นของแต่ละโปรแกรมให้เห็นกันชัดๆ ว่าแล้วก็มาดูกันเลยดีกว่าว่าโปรแกรมไหนที่จะเหมาะกับธุรกิจของคุณมากที่สุด

1. Fillgoods


ภาพจาก Facebook Fillgoods

อันดับแรกเริ่มกันที่ Fillgoods ระบบจัดการข้อมูลหลังบ้านที่กำลังมาแรงในบ้านเรา ด้วยความครบเครื่องตั้งแต่การสร้างร้านค้า จัดการออเดอร์ จัดการคลังสินค้า Report ภาพรวมการขาย ไปจนถึงการขนส่งพัสดุ มีฟีเจอร์หลากหลายทั้งการจัดการพนักงาน จัดการตัวแทน สร้างสต๊อกสินค้า การแจ้งเตือนเมื่อสินค้าหมด จัดการการชำระเงิน และอีกมากมาย ทำให้สามารถนำไปใช้ได้กับธุรกิจออนไลน์เกือบทุกประเภท นอกจากนี้ตัวระบบยังออกแบบมาใช้สามารถเชื่อมกับร้านค้าบนโซเชียลมีเดีย(Facebook, Line, IG, ฯลฯ)ได้ง่ายและมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ยุคนี้ได้อย่างดีเยี่ยม

จุดเด่น – เป็นโปรแกรมช่วยขายของออนไลน์ที่มีความครบเครื่อง เน้นช่วยแก้ปัญหาที่ร้านค้าออนไลน์ส่วนใหญ่ต้องเจอ นอกจากนี้จุดเด่นที่เห็นได้ชัดอีกอย่างคือระบบที่ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย มี Customer Support คอยดูแลช่วยแก้ปัญหาเรื่องการขนส่ง ทำให้เหมาะกับพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ที่ยังไม่มีความรู้เรื่องการขายของออนไลน์มากนัก

2. StoreHub


ภาพจาก Facebook StoreHub

โปรแกรมช่วยขายของออนไลน์ยอดฮิต ที่มีการใช้งานใน 13 ประเทศทั่วโลก ด้วยความครบเครื่องตั้งแต่ระบบจัดการหน้าร้านไปจนถึงหลังร้าน ทำให้สามารถตอบโจทย์พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ได้ครบทุกด้านด้วยระบบ POS ที่มีฟีเจอร์การใช้งานกว่า 20 อย่าง ทำให้คุณสามารถจัดการร้านค้าได้ทุกที่ทุกเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ

จุดเด่น – เป็นโปรแกรมช่วยขายของออนไลน์ที่มีความน่าเชื่อถือในระดับสากล ด้วย ระบบ POS ครบวงจรที่สามารถใช้บริหารร้านค้าออนไลน์ได้ในทุก ๆ ด้าน

3. Shipnity


ภาพจาก Facebook Shipnity

Shipnity ระบบหลังร้านออนไลน์ของคนรุ่นใหม่ ขึ้นชื่อว่าเป็นโปรแกรมช่วยขายของออนไลน์ที่ใช้งานง่าย และมีฟีเจอร์ที่คอยอำนวยความสะดวกให้กับพ่อค้าแม่ค้ามากมาย เช่น มีระบบจัดการออเดอร์ครบวงจร ระบบจัดการใบเสร็จ ระบบจัดการการสต็อกสินค้า มีระบบแจ้งเตือนเมื่อสินค้าใกล้หมด ระบบจัดการบัญชี และยังมีรายงานสถิติที่น่าสนใจของร้านค้าให้อีกด้วย

จุดเด่น – Shipnity มีระบบที่ใช้งานง่าย และโดดเด่นเรื่องฟีเจอร์ตัวแทนจำหน่ายที่ทางผู้พัฒนาเครมว่าดีที่สุดสำหรับร้านออนไลน์

4. ThaiBackOffice


ภาพจาก Facebook ThaiBackOffice

ThaiBackOffice คือโปรแกรมช่วยขายของออนไลน์ที่ถูกพัฒนามาให้เหมาะกับร้านค้าออนไลน์ของคนไทย ด้วยว่าทางผู้พัฒนาเล็งเห็นถึงปัญหาและมีความเข้าใจในรูปแบบการขายของออนไลน์ในประเทศไทยเป็นอย่างดี จึงตั้งใจพัฒนา ThaiBackOffice ให้เป็นระบบหลังร้านที่ตอบโจทย์กับปัญหาและความต้องการของพ่อค้าแม่ค้าชาวไทย

ไม่เพียงเท่านั้นตัวระบบ ThaiBackOffice ถูกออกแบบมาให้สามารถใช้ร่วมกับร้านค้าออนไลน์ในโซเชียลมีเดียได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าคุณจะขายของผ่าน Line, facebook, e-mail, IG, หรือ หน้าร้านสำเร็จรูป นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ไว้คอยอำนวยความสะดวก ทั้งการสต็อกสินค้า, มองภาพรวมกำไร, จัดการตัวแทนจำหน่าย, ระบบเช็คติดตามเลขพัสดุ และอีกมากมาย

จุดเด่น – ผู้พัฒนามีความเข้าใจในรูปแบบและปัญหาของการขายของออนไลน์ในประเทศไทยซึ่งมาจากประสบการณ์จริง ทำให้ ThaiBackOffice เป็นโปรแกรมช่วยขายของออนไลน์ที่ตอบโจทย์คนขายออนไลน์ได้อย่างดีเยี่ยม

Updated 08-28-2020 at 10:30 AM by DigitalKnowledge

Tags: None Add / Edit Tags
Categories
Uncategorized

Comments