กระแสความนิยมผิวขาวใสของสังคมยุคนี้ทำให้หนุ่มสาวรุ่นใหม่เสาะแสวงหาสารพัดวิธีทำผิวขาวจนหลงเชื่อคำโฆษณาอวดอ้างตามสื่อต่างๆ ว่ามียาหรือเครื่องสำอางทำให้หน้าขาวใส ผิวขาวสวยแม้กระทั่งการฉีดยารักษาโรคมะเร็งที่มีสาร "กลูต้าไธโอน" เข้าเส้นเลือดหวังให้ยับยั้งการสร้างเม็ดสีที่ผิวหนังเพื่อให้ผิวขาวใสโดยหารู้ไม่ว่าเป็นผลดีหรือผลร้ายและมีผลข้างเคียงระยะยาวอย่างไร...?

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับ"สารกลูต้าไธโอน"กันเสียก่อน โดย ศ.นพ.นิวัติ พล นิกร ประธานวิชาการสมาคมเวชสำอางและศัลยศาสตร์ผิวพรรณ อธิบายว่า กลูต้าไธโอน (Glutathione)เป็นสารจากธรรมชาติที่อยู่ในร่างกายที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์ได้เองโดยปกติเซลล์ในร่างกายสามารถสร้างเองได้จากกระบวนปฏิกิริยาชีวเคมีในเซลล์ทั่วไป ทำหน้าที่ในการขจัดสารพิษในร่างกาย ต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่เกิดจากแสงแดด มีการกระทบกระเทือนหรือมีบาดแผล กลูต้าไธโอนก็จะขจัดออกไป จึงช่วยป้องกันชะลอความแก่ ริ้วรอยเหี่ยวย่นจากวัยที่มากขึ้นและป้องกันภาวะเสื่อมของเซลล์ที่อาจจะเกิดโรคมะเร็งกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย (Immune Enhancer) โดยกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์หลายชนิดเพื่อให้ร่างกายต่อต้านสิ่งแปลกปลอมรวมทั้งเชื้อแบคทีเรียและไวรัสและผลพลอยได้ที่พบคือสามารถทำให้สีผิวขาวขึ้นได้โดยอาศัยกลไกการทำงานที่มีคุณสมบัติในการไปยับยั้งการทำงานของเม็ดสีผลลัพธ์คือทำให้สีผิวขาวขึ้นได้ระดับหนึ่งแต่ก็เกิดขึ้นไม่ถาวรจากคุณสมบัตินี้ทำให้มีการสังเคราะห์สารตัวนี้ ขึ้นมาเป็นผงสีขาวโดยมีการนำไปผสมกับวิตามินซีและผลิตออกมาใช้ฉีด ทา และรับประทานปัจจุบันผลิตมากในต่างประเทศ เช่น อิตาลี ญี่ปุ่น เกาหลีจนกระทั่งมีแพร่หลาย และเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นหนุ่มสาวในประเทศไทยซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)ถือว่าเป็นเรื่องที่อันตรายเพราะสารดังกล่าวไม่ได้ยื่นขออนุญาตหรือขอจดทะเบียนกับทาง อย.

โดย
วิธีทำผิวขาวในปัจจุบันนี้นิยมการใช้สารกลูต้าไธโอนในการเพิ่มความขาวนั้น ศ.นพ.นิวัติ บอกว่าวิธีทาและรับประทานไม่ค่อยเห็นผล จึงนิยมใช้วิธีฉีดเข้าเส้นเลือดดำจะเห็นผลเร็วกว่า ปัจจุบันราคาเข็มละ 1,500-4,500 บาทโดยต้องฉีดต่อเนื่องหลายเข็มในปริมาณที่มากแล้วแต่ทางคลินิกจะจัดเป็นคอร์สเมื่อฉีดแล้วสารกลูต้าไธโอนจะไปยับยั้งการสร้างเม็ดสีทำให้ผิวขาวใสเหมือนฝรั่งแต่เมื่อเลิกใช้เม็ดสีผิวจะทำงานตามปกติและสีผิวเราก็จะกลับเป็นเหมือนเดิมตามเผ่าพันธุ์ที่เป็นมาแต่กำเนิดและการที่เราไปหยุดการสร้างเอนไซม์เม็ดสีที่เป็นธรรมชาตินานๆเกิดผลข้างเคียงระยะยาวอย่างแน่นอน คือทำให้ผิวคนเอเชียจากที่เคยกรองแสงอัลตราไวโอเลตได้มากก็ทำให้กรองได้ลดลงทำให้ผิวจะไวต่อรังสียูวีมากขึ้น และได้รับอันตรายจากแสงแดด ทำให้เกิดฝ้ากระ หรือมะเร็งผิวหนังได้ง่าย รวมทั้งเกิดอาการผิวหนังเหี่ยวและแก่ก่อนวัย

ที่สำคัญผิวหนังเรามีอยู่ทั่วทั้งร่างกายไม่ว่าจะเป็นผิวหนังลูกตาซึ่งเป็นเซลล์สีในการสร้างเมลานินรับภาพและถ้ามีการยับยั้งเป็นเวลานานจะทำให้ม่านตาเสื่อม และอาจจะทำให้จอประสาทตาไวต่อแสงมากขึ้นทำให้การมองเห็นผิดปกติได้ นอกจากนี้ยังมีอวัยวะอื่นอีก เช่น หู สมองที่เป็นผิวหนัง หากเซลล์ผิวที่หูและสมองเสื่อมจะทำให้หูตึงสุดท้ายเป็นอันตรายถึงกับเยื่อบุสมองเสื่อมนี่เป็นผลข้างเคียงระยะยาวที่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต 5-10 ปี หากใช้ต่อเนื่องแต่ตอนนี้ยังไม่เห็นผลพราะสารกลูต้าไธโอนเพิ่งจะมีการผลิตและนำมาใช้ได้ไม่นาน

คลินิกสถาบันเสริมความงามชื่อดังแห่งหนึ่งเปิดให้บริการ
ฉีดผิวขาวโดยเชื่อว่าการ ฉีดกลูต้าไธโอนเพื่อให้ผิวขาว เป็นวิธีทำผิวขาวโดยการฉีดเข้ากระแสเลือดฟอกจากข้างในสู่ภายนอก แพทย์หญิงคลินิกสถาบันเสริมความงามแห่งนี้ บอกว่าฉีดเข็มแรกจะเห็นว่าหน้าจะสดใสไร้สิวขึ้นเพราะที่คลินิกจะใช้กลูต้าไธโอนผสมกับคอลลาเจนและวิตามินซีลูกค้าจะนิยมซื้อเป็นคอร์สเนื่องจากจะคุ้มกว่า ราคาอยู่ที่ครั้งละ 1,500 บาท ฉีดอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งต่อเนื่อง 10 สัปดาห์ หลังจากนั้น 2 สัปดาห์ต่อครั้งลูกค้าส่วนใหญ่จะกลับมาใช้บริการต่อเนื่องเพราะเห็นความเปลี่ยนแปลง คือ ขาวกระจ่างใสขึ้นเมื่อฉีดผิวขาวแล้วสามารถกินอาหาร และทาครีม โลชั่นได้ตามปกตินอกจากนี้ยังมีทางเลือกใหม่สำหรับลูกค้าที่กลัวเข็ม คือการกินยากลูต้าไธโอนสังเคราะห์แบบเม็ด กินวันละ 2 เม็ด เช้า-เย็น ได้ผลดีเช่นกันแต่เห็นผลช้ากว่าแบบฉีด ปัจจุบันมีในรูปแบบของการผสมน้ำดื่มหลากรสชาติ

สำหรับผู้ที่อยากมีผิวขาวและเลือกใช้บริการ
ฉีดผิวขาวนายเป็นหนึ่ง ชัยฤกษ์หรือหนุ่ย อายุ32ปี อาชีพ make up artist ด้วยอาชีพที่เกี่ยวข้องกับความสวยความงามเขาจึงเลือกที่จะสวยด้วยการฉีดกลูต้าไธโอนโดยที่ไม่ทราบผลเสียว่าเป็นอย่างไรตอนที่ทำรู้สึกไม่กลัวเลย ขอแค่ให้ออกมาสวยก็พอก่อนทำได้ศึกษาข้อมูลจากหนังสือทั่วไปและลองไปสอบถามร้านเสริมความงามหลายร้าน ซึ่งราคาก็จะเท่าๆ กันอยู่ที่เข็มละ 1,550 บาท มี 2 ซีซีหมอแนะนำให้ฉีดสัปดาห์ละครั้ง หรือสองครั้งต่อสัปดาห์หลังจากฉีดเสร็จหมอจะแนะนำให้กินยาต่อเพื่อช่วยให้มันไม่กลับสู่สภาพเดิมเป็นยาเม็ด กินวันละสองเม็ด เช้า-เย็น จึงตัดสินใจทำตอนนี้ฉีดผิวขาวมาได้สองสัปดาห์แล้ว รู้สึกขาวเนียนขึ้นก็จริงแต่มีผลข้างเคียงคือฉีดแล้วรู้สึกว่าหน้าช้ำมากการฉีดผิวขาวมีมาปีกว่าแล้ว แต่ช่วงนี้นิยมมากเพราะผิวขาวเทรนด์ญี่ปุ่นเกาหลีกำลังมาแรง แต่ผมว่าการหันมาดูแลตัว เองสวยจากธรรมชาติด้วยการกินอาหารดีมีประโยชน์ ดื่มน้ำมากๆออกกำลังกายดูแลสุขภาพเราเองก็น่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีไม่แพ้กัน

ความขาวมีประโยชน์อย่างไร..? เพียงแค่เป็นค่านิยมที่เชื่อกันว่าถ้าผิวขาวแล้วจะสวยแค่นั้นหรือที่เรายอมเอาตัวเข้าเสี่ยงโดยไม่มองถึงผลเสียที่จะตามมาและเสียเงินโดยใช่เหตุทำไมเราไม่เปลี่ยนความคิดหรือค่านิยมบ้างว่าผิวคล้ำก็สวยได้ เช่นผิวที่สวยคือผิวที่มีสุขภาพดีไม่เป็นโรค



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก: women.kapook