สินค้าดีมาบอกต่อ เเม่ค้าทานมาตลอด 3ปี ซื้อเป็นของฝากญาติผู้ใหญ่ เเละคนที่คุณรัก หรือดูเเลตัวเองเพื่อสุขภาพที่ดี
คลอโรฟิลล์ บ้านมุนไพร อย.21-4-00449-1-0001

"คลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ & อาหารอายุวัฒนะ",
"คุณเคยพบกับปัญหานี้หรือไม่"?
• ปัญหาเกี่ยวกับระบบความดันโลหิตสูง ไขมันในเส้นเลือดสูง เส้นเลือดตีบ
• ความดันต่ำ หน้ามืดบ่อย อึดอัดหน้าอก ลมในกระเพราะ หายใจไม่เต็มอิ่ม ใจสั่นหวิว กลัวเสียงดัง หนาวในอก มือเท้าเย็น อารมณ์เสียง่าย
• ปัญหาเกี่ยวกับระบบเลือด เช่น เกล็ดเลือดต่ำ เลือดจาง ปรับสมดุลของเลือด ล้างสารพิษ บำรุงเลือด
• ปัญหาเกี่ยวกับระบบน้ำตาลในเลือดสูง สำหรับกรณีผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน
• มีอาการปวดข้อ ปวดเมื่อยตามตัว
• ปัญหาเกี่ยวกับท้องผูก และระบบขับถ่าย
• ปัญหาเกี่ยวกับอาการปวดท้องเนื่องจากโรคกระเพาะ
• มีกลิ่นตัว กลิ่นเท้า
• มีอาการชาบวม และมีปัญหาเรื่องเส้นเลือดขอด
• แผลอักเสบ แผลเปื่อย แผลเรื้อรัง แผลถลอก เหงือกอักเสบ และแผลในปาก
• โรคประจำตัวปวดศีรษะเป็นประจำ และปวดศีรษะจากไมเกรน
• มีปัญหาการหลุดร่วงของเส้นผม
• มีปัญหาเกี่ยวกับอาการโรคภูมิแพ้ ไซนัส หรือโรคเรื้อรัง แผลเรื้อรัง แผลเน่าอักเสบ แพ้สารพิษ หรือแพ้สารเคมีอย่างรุนแรง
• มีปัญหาเกี่ยวกับการเสื่อมของระบบเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว
• ปัญหาเกี่ยวกับสิวฝ้า ปวดประจำเดือน ประจำเดือนมาไม่ปกติ ประจำเดือนมามาก
• โรคกระดูกผุ กระดูกเสื่อม เนื่องจากความไม่สมดุลของแคลเซี่ยม โรคข้อ เก๊าต์ รูมาตอยด์ ปวดข้อตึง เหยียดขาไม่ได้
• ผู้ที่เป็นโรคตา ต้อกระจก ต้อลม น้ำตาไหล ตาฟาง ปวดตา ตาอักเสบ มีปัญหาเรื่องการมองเห็น
• อาการนอนกรนเป็นประจำ
• ผู้ป่วยระยะพักฟื้น
• คนสูงอายุที่เหนื่อยง่าย แขนขาไม่มีแรง มึนงง เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ หูอื้อ ลุกนั่งเวียนหัว หน้ามืด อ่อนเพลีย ไม่มีแรง ลมหายใจหนัก
• ทำไมเราจึงเจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ เหล่านี้ ?

"คลอโรฟิลล์" ช่วยคุณได้อย่างไร
จากประสบการณ์ของผู้ใช้ ผู้บริโภคจากทั่วโลก ได้ข้อสรุปที่น่าสนใจของคลอโรฟิลล์ ดังนี้
+ ทำให้สดชื่น หายเหนื่อยจากการอ่อนเพลีย
+ ลดความดันโลหิต ลดปัญหาเส้นเลือดหัวใจตีบ
+ ปรับระดับน้ำตาลสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน
+ ทำให้อาการของคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ แพ้อากาศ ผื่นลมพิษ ทุเลาลง
+ ขับกรดจากข้อต่อต่างๆ ทำให้อาการปวดข้อ ปวดเมื่อยตามตัวทุเลาลง
+ ขับสารพิษออกจากร่างกาย สารตกค้างของยาปฏิชีวนะ สารเคมีตกค้างในอาหาร ทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานดี สุขภาพแข็งแรง สดชื่นขึ้น
+ เพิ่มประสิทธิภาพเม็ดเลือดแดงและเซลล์เม็ดเลือดแดงทำให้ระบบเลือดไหลเวียนดีขึ้น
+ ป้องกันการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
+ แก้ปัญหาท้องผูก การขับถ่ายจะดีขึ้น ริดสีดวงทวารทุเลาและหายได้
+ ช่วยดับกลิ่นตัว กลิ่นปาก กลิ่นเท้า
+ บรรเทาอาการชา บวมและเส้นเลือดขอดให้ทุเลาลงได้
+ ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย,ใช้รักษาแผลอักเสบ,แผลเปื่อย,แผลเรื้อรัง,แผลถลอก,แผลไฟไหม้,เหงือกอักเสบ,แผลในปาก
+ บรรเทาอาการปวดศรีษะทั่วไป และปวดศรีษะไมแกรนได้
+ ช่วยบรรเทาเรื่องโรคกระเพาะและลำไส้อักเสบได้
+ แก้ปัญหาเรื่องสิว,ฝ้า,ปวดประจำเดือน,ประจำเดือนมาไม่ปกติ
+ ช่วยให้ผู้ที่เป็นต้อกระจกมองเห็นดีขึ้น
+ มีสารอาหารบำรุงเส้นผม ทำให้ผมหงอกดำขึ้น ช่วยลดอาการผมร่วง

** ข้อมูลข้างต้นเรียบเรียงจากหนังสือและข้อเขียนของ
"ดร.ฮาวเวิร์ด ไปเปอร์" ,( "Dr.HOWARD PEIPER" )


"คลอโรฟิลล์" คือ สารประกอบที่ทำให้พืชมีสีเขียว และทำหน้าที่หลักคือ สังเคราะห์แสง (Photosynthesis) โดยการเปลี่ยนพลังงานจากแสงอาทิตย์ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และแร่ธาตุต่างๆ จากดินให้กลายเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของพืช รวมทั้งให้ก๊าซออกซิเจนที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์และสัตว์"คลอโรฟีลล์"ธรรมชาติมีหลายชนิด บางชนิดสังเคราะห์แสงได้ในที่มีแสงแดดเท่านั้น แต่บางชนิดสังเคราะห์แสงได้แม้ในที่ไม่มีแสง เช่น ร่างกายของคน จึงมีการค้นคว้าเกี่ยวกับการทำงานหรือปฏิกิริยาคลอโรฟิลล์ต่อคน พบว่าคลอโรฟิลล์ที่อยู่ในเซลล์ของพืชทั่วไปจะถูกปกป้องและปิดกั้นด้วยเยื่อหุ้มเซลล์อีกชั้นหนึ่ง ทำให้ระบบการย่อยอาหารปกติของร่างกายเราไม่สามารถบดย่อยเพื่อให้ได้สารคลอโรฟิลล์เพียงพอกับความต้องการของร่างกายเราได้ ถึงแม้ว่าเราจะบริโภคผักใบเขียวเป็นจำนวนมากในแต่ละวันก็ตาม อีกทั้งคลอโรฟิลล์โดยตัวของมันเองละลายน้ำไม่ได้ จะละลายได้ในไขมันหรือในแอลกอฮอลล์บางชนิดเท่านั้น แต่ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน เราสามารถสกัดเอาเฉพาะสาร"คลอโรฟิลล์" ออกมาได้อย่างสมบูรณ์และบริสุทธิ์ โดยปราศจากการสูญเสียคุณค่าทางอาหารตามธรรมชาติ ร่างกายจึงสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันทีอย่างเต็มที่ และเป็นคลอโรฟิลล์ชนิดละลายน้ำได้ จึงดูดซึมได้ทันทีในกระเพาะอาหารในกรณีที่ร่างกายใช้ไม่หมด จะถูกขับทิ้งไปทางระบบขับถ่ายไม่สะสมไว้ในร่างกายผิดกับคลอโรฟิลล์ชนิดที่ละลายในไขมัน จะไม่ถูกดูดซึมที่กระเพาะอาหารแต่จะย่อยและดูดซึมได้ในลำไส้เล็ก "คลอโรฟิลล์" ชนิดนี้เมื่อร่างกายใช้ไม่หมดจะถูกส่งไปสะสมไว้ที่ตับ (Liver)
ในระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งอาจจะเกิดอันตรายต่อตับได้ องค์การอาหารและยาสหรัฐจึงให้การรับรองเฉพาะคลอโรฟิลล์ที่ละลายน้ำได้ ("WATER SOLUBLE CHLOROPHYLL") เท่านั้นว่าปลอดภัยต่อการบริโภคของคน ถึงแม้ว่าจะบริโภคในปริมาณมากต่อวัน ก็ไม่เกิดผลเสียต่อร่างกายแต่อย่างใด


"คุณประโยชน์หลักของคลอโรฟีลล์" คือ คุณสมบัติในการ"ชำระล้างขจัดสารพิษ" และสิ่งสกปรกออกจากร่างกาย รักษาสมดุล บำรุงรักษาเม็ดเลือดแดง คือเพิ่มปริมาณออกซิเจนและเม็ดเลือดแดง ช่วยเสริมบำรุงสุขภาพของเราได้ดีขึ้นดังต่อไปนี้

1. "ระบบเลือด" บำรุงเลือด ล้างพิษ ทำลายอนุมูลอิสระในเม็ดเลือด แก้"โลหิตจาง"และลด"ความดันโลหิตสูง"แต่ไม่มีอันตรายกับผู้ที่มีความดันเลือดปกติ ผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงจะพบว่าเม็ดเลือดแดงกระจายตัวอยู่ในน้ำเลือด"พลาสม่า" เม็ดเลือดแดงจะมีลักษณะกลมแบบคล้ายขนมโดนัท ส่วนที่แบนทั้งสองด้านเว้าตรงกลางซึ่งสำคัญมาก เพราะส่วนเว้านี้คือพื้นที่ผิวทำปฏิกิริยาทางชีวเคมีต่างๆ แลกเปลี่ยนอาหาร ตลอดจนการขับถ่ายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และของเสียต่างๆ ตามมาตรฐานสากล ในน้ำเลือด 1 ลูกบาศก์มิลลิเมตร มีเม็ดเลือดแดง 4 - 5 ล้านตัว ร่างกายคนเรามีเลือดทั้งหมดประมาณ 5 ลิตรจึงมีเม็ดเลือดแดง 25 ล้านล้านตัว ส่วนผู้ที่มีสุขภาพไม่ค่อยดีนั้น เม็ดเลือดแดงจะจับตัวกันเป็นก้อน กลุ่มก้อนของเม็ดเลือดแดงจะมีการซ้อนตัวกันเรียกว่า (" รูโล ") เป็นจำนวนมากทำให้มองเห็นเหมือนเศษเหรียญสตางค์หลายๆอันซ้อนกันอยู่ การจับตัวกันเป็นกลุ่มก้อนของเม็ดเลือดแดงทำให้ความสามารถในการทำงานของพื้นที่ผิวลดน้อยลง พื้นที่ผิวสามารถทำงานได้เพียง 5 - 15% นั้นหมายความว่าเลือดทำงานสูญเสียประโยชน์ไปถึง 85 - 95% นับเป็นการสูญเสียอย่างมาก แต่หลังจากรับประทานคลอโรฟีลล์บริสุทธิ์ 120 มิลลิกรัม (15 ซีซี ในน้ำดื่มหนึ่งแก้ว) ประมาณ 20 - 30 นาที คลอโรฟีลล์จะทำหน้าที่ล้างพิษในเลือด เมื่อเจาะเลือดดูจากกล้องจุลทรรศน์ จะพบว่าเม็ดเลือดแดงมีการกระจายตัวออกจากกันมีพื้นที่ผิวทำงานได้ดีขึ้น การล้างพิษในเลือด การทำลายสารอนุมูลอิสระในเลือด การทำความสะอาดให้กับเลือด ทำให้เลือดสามารถทำงานได้เต็มที่ จึงเป็นส่วนสำคัญมากในการที่จะมีสุขภาพแข็งแรง เป็นหัวใจของการดำรงชีวิตให้ยืนยาวและมีความสุข การมีเม็ดเลือดแดงที่ทำงานได้ดียังจะเป็นตัวนำพาอาหารและก๊าซออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆและทุกอวัยวะได้ทั่วถึงอีกด้วย คลอโลฟีลล์จึงเป็นอาหารเสริมที่บำรุงเลือดได้ดีที่สุด

2. "ระบบทางเดินอาหาร" คลอโรฟีลล์ ล้างพิษโดยตรงในกระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก และลำไส้ใหญ่ ทำลายพิษตลอดระบบทางเดินอาหาร การเน่าเหม็นของอาหารที่สะสมโดยเฉพาะคือ โปรตีนจากเนื้อสัตว์ซึ่งใช้ประโยชน์ได้ 67% ส่วนอีก 33% เน่าเหม็นตกค้างอยู่ในลำไส้ได้นานหลายวันลำไส้คือด่านแรกที่ต่อสู้กับความเจ็บป่วย ตามขอบผนังลำไส้มีกระเป๋าเล็กๆมากมายกระเป๋าเหล่านี้จะถูกขังด้วยเศษโปรตีนที่เน่าเสียและเป็นพิษไหลเข้าสู่กระแสเลือดซึ่งกระจายไปทั่วร่างกาย เหลือตรงค้างอยู่ในกระเป๋านานไปเกิดอักเสบเป็นแผล การย่อยอาหารต่างๆจะดำเนินไปได้ด้วยดีนั้นลำไส้จะต้องสะอาด ลำไส้ที่สกปรกจะทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานบกพร่อง คลอโรฟีลล์ช่วยสมานแผลที่เกิดในกระเพาะอาหารและลำไส้ บรรเทาอาการปวดท้องเนื่องจากอาหารเป็นพิษ กระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ คลอโรฟีลล์จะไปเคลือบบริเวณที่อักเสบและไปกระตุ้นให้เนื้อเยื่อฟื้นตัวในสองสามวันแรก อาจจะพบว่าอุจจาระมีสีเขียวเป็นเพราะสีเขียวของคลอโรฟีลล์ในส่วนที่ร่างกายดูดซึมไม่หมด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะลำไส้มีความสกปรกมานานแล้ว เมื่อรับประทานไปได้ซัก 2 - 4 วันลำไส้จะสะอาดขึ้น สามารถดูดซึมอาหารได้ดีขึ้น สีเขียวจะค่อยๆจางไป อีกประการหนึ่งถ้าสังเกตว่ามีการถ่ายเหลวมากไปไม่ใช่เพราะคลอโรฟีลล์แต่เป็นสิ่งที่แพทย์ธรรมชาติบำบัดเรียกว่า "ปฏิกิริยาตอบโต้การบำบัด" อาจทำให้มีอาการแปรปรวนในระยะสั้นๆเป็นสิ่งที่แสดงว่าสารที่นำมาใช้กับร่างกายนั้นได้ผลแต่ถ้าอุจจาระเหลวมากจนคล้ายๆจะเป็นน้ำควรลดขนาดของคลอโรฟีลล์ลงครึ่งหนึ่ง อาการจะเบาลง ผู้ที่มีสุขภาพดี อุจจาระที่ถ่ายจะเป็นก้อนลอยน้ำและมีกลิ่นจางมาก เมื่อดื่มคลอโรฟีลล์เข้าไป คลอโรฟีลล์จะเข้าไปล้างพิษทำให้ลำไส้เคลื่นไหวได้เร็วขึ้นจึงไม่มีการหมักหมมพิษค้างในลำไส้

3. "บำรุงปากและฟัน" คลอโรฟีลล์บริสุทธิ์ บำรุงสุขภาพเหงือกและฟันให้แข็งแรง โรคเหงือกอักเสบและแผลในช่องปากจะทุเลาลงภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากอมน้ำคลอโรฟีลล์(คลอโรฟีลล์บริสุทธิ์ 1 ส่วนต่อน้ำสะอาด 5 - 10 ส่วน) วันละ 2 - 4 ครั้งประมาณ 2-3 นาที คลอโรฟีลล์จะไปเคลือบเนื้อเยื่อต่างๆภายในช่องปากไปฟื้นฟูเนื้อเยื่อให้ทำงานดีเป็นปกติ การอมน้ำคลอโรฟีลล์บริสุทธิ์โดยเฉพาะมื้อก่อนนอนสำคัญที่สุด จะช่วยลดการเสื่อมของเหงือกและฟันได้ดี อมแล้วอย่าบ้วนทิ้งให้กลืนลงไปได้เลยเพื่อที่คลอโรฟีลล์จะได้ตามไปดับกลิ่นในกระเพาะอาหาร ลำไส้และทำความสะอาดระบบต่างๆต่อไป ชาวฮันซา(ชนเผ่าที่อายุยืนที่สุดในโลก) ไม่ใช้ยาสีฟัน ไม่มีการแปรงฟัน แต่ชาวฮันซาที่มีอายุเกินร้อยปีขึ้นไปต่างก็มีฟันแท้อยู่เต็มปาก คนฮันซาไม่เป็นโรคฟันผุเพราะพวกเขาบริโภคคลอโรฟีลล์ธรรมชาติจากพืชผักผลไม้เป็นจำนวนมากทุกวันอยู่แล้ว

4. "รักษาแผลต่างๆ" คลอโรฟีลล์ สามารถกำจัดแบคทีเรียและยับยั้งการเจริญเติบโตได้บางชนิดแต่ที่สำคัญคือ "คลอโรฟีลล์บริสุทธิ์"ทำหน้าที่ฟื้นฟูเนื้อเยื่อของแผลทุกชนิดทั้งภายในและภายนอกซึ่งคุณสมบัติอันนี้ นายแพทย์เดวิด สตีนบล็อค เชื่อว่ากลุ่มพอร์ไพริน(โครงสร้างวงแหวน 5 เหลี่ยมของคาร์บอน 4 อะตอม ไนโตรเจน 1 อะตอม) เป็นจำนวนมากของคลอโรฟีลล์ไปกระตุ้นเซลล์ที่บาดแผลทำหน้าสมานแผล แผลจะหายเร็วกว่าปกติเป็นการใช้ธรรมชาติบำบัด

5. "ระงับกลิ่น" กลิ่นตัวแรงมีพื้นฐานมาจากการรับประทานเนื้อสัตว์มากรวมถึงพืชบางชนิดหรือเครื่องเทศที่มีรสจัดบางชนิด ประกอบกับการย่อยและดูดซึมของลำไส้ที่ไม่ได้ผลดี กระแสโลหิตจึงพาเอากลิ่นเหล่านี้ไปสู่ผิวหนังแล้วออกมาเป็นเหงื่อ การมีเหงื่อเป็นการล้างพิษอย่างนึงแต่กลิ่นเหงื่อที่รุนแรงกว่าปกติก็ไม่เป็นที่พึงปารถนาของคนทั่วไป ดร. เวสต์คอต์ ได้พบว่าคลอโรฟีลล์สามารถกำจัดกลิ่นตัวได้ดีผู้ที่มารักษาบางหลายไม่มีกลิ่นตัวหลงเหลืออยู่เลย บางหลายลดลงจนอยู่ในระดับที่น่าพอใจ กลิ่นเหล่านี้จะหมดไปทันทีที่ได้สัมผัสคลอโรฟีลลบริสุทธิ์ แผลที่มีบริเวณกว้างหรือแผลเน่าให้ใช้ผ้าก๊อซชุบคลอโรฟีลล์แล้วปิดแผลไว้ กลิ่นของแผลจะหายไปทันที อีก 4 วันไม่มีการติดเชื้อเหลืออยู่อีกเลย

6. "ควบคุมความสมดุลของแคลเซียม" แคลเซี่ยมทำหน้าที่สำคัญหลายอย่าง การขาดความสมดุลของแคลเซี่ยมทำให้ป่วยเป็นโรคสารพัดชนิด ตั้งแต่ "โรคกระดูกผุ", "โรคหัวใจ", "โรคกล้ามเนื้อ", "โรคผิวหนัง","โรคเลือดไม่แข็งตัว" เมื่อมีบาดแผล ประจำเดือนมาไม่ปกติ ฯลฯ ตัวอย่างเช่น การสร้างกระดูกจะประกอบด้วยสัดส่วนที่สมดุลของธาตุ"แคลเซี่ยม", "ฟอสฟอรัส","แมกนีเซี่ยม", "แมงกานีส" และต้องการความสมดุลของธาตุสังกะสีกับทองแดงมาเสริมด้วยแต่ในอาหารสัตว์ (ที่เลี้ยงผิดวิธีธรรมชาติ) มีธาตุฟอสฟอรัสในปริมาณที่สูงกว่าแคลเซี่ยม 8 - 20 เท่าทำให้ขาดสมดุลอย่างมากมีผลทำให้ความสมดุลของธาตุอื่นๆเสียไปอย่างช้าๆซึ่งสะสมนานเกิน 30 ปีขึ้นไปเพราะฉะนั้นการรับประทานแคลเซี่ยมมากเพียงใดก็ไม่อาจฟื้นฟูความสมดุลดังเดิมได้ เพราะกลไกการทำงานอีกลายอย่างไม่ได้ทำงานสอดคล้องกัน

การคืนความสมดุลของแคลเซี่มทำได้โดยอาศัยหลักธรรมชาติ 2 ประการ คือ

1. ออกกำลังกายให้กับกระดูกโดยการเดินให้มีแรงกระแทก ชาวฮันซาเดินเร็วมากเดินทุกวันเฉลี่ยวันละ 50 กิโลเมตรเราควรฝึกการหายใจให้หายใจยาวเพื่อรับก๊าซออกซิเจนมากๆ ดร.ฮอฟแมนกล่าวว่าชาวฮันทุกคนยามเดินจะหายใจยาวและลึกตลอดเวลาจึงมีร่างกายแข็งแรงมากเราจึงควรฝึกหายใจยาวและลึกรับอากาศบริสุทธิ์อย่างน้อยวันละ10 นาทีก็ยังดี

2. การบริโภคพืชผักสดมากๆเพื่อต้องการคลอโรฟีลล์เป็นวิธีทางธรรมชาติของชาวฮันซา นักธรรมชาติบำบัดที่มีชื่อเสียง ได้สรุปว่าชาวฮันซา (ตลอดชีวิตของชาวฮันซากินแต่พืชผักผลไม้สดเท่านั้นโดยแทบจะไม่เคยไกนเนื้อสัตว์เลยนอกจากเนื้อแพะภูเขาปีละครั้งเท่านั้นและถ่านฟืนเป็นสิ่งที่มีค่ามากจะไม่มีการนำมาใช้ฟุ่มเฟือย) มีการควบคุมความสมดุลของแคลเซี่ยมในร่างกายดีเยี่ยมเพราะผลของคลอโรฟีลล์จากพืชผักสีเขียวนั้นเอง

7. "โรคภูมิแพ้" โดยทั่วไปเกิดจากการที่อากาศและอาหารเป็นพิษ โดยการสะสมมาเป็นเวลานาน อาหารประเภทเนื้อ นม ไข่ นั้นนอกจากจะได้มาจากการใช้สารเคมีและยาปฏิชีวนะแล้วในตัวของมันเอง คลอโรฟีลล์บริสุทธิ์เป็นอาหารเสริมและยังใช้ภายนอก (หยอดหรือทา) เพื่อล้างพิษและบรรเทาอาการแพ้ต่างๆได้ดี ทำให้หายจากอาการต่างๆได้เร็วขึ้น

8. "ยาบำรุงร่างกาย" คลอโรฟีลล์ทำหน้า ที่ส่งเสริมขบวนการเมตาโบลิสม์ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องร่วมกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งไปกระตุ้นการทำงานของวิตามินและเกลือแร่ธาตุต่างๆ คุณสมบัติเด่นอีกเรื่องหนึ่งคือการไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ดร.รูดอล์ฟ แนะนำให้ใช้คลอโรฟีลล์บริสุทธิ์บำรุงร่างกายวันละ 2 มื้อมื้อละ 120 มิลลิกรัม มีการทดลองเจาะเลือดในหนูออกแล้วแทนที่ด้วยน้ำเกลือทดลอง ทำให้หนูเสียชีวิตในเวลาอันสั้น แต่เมื่อแทนที่เลือดด้วยคลอโรฟีลล์ปรากฎว่าหนูมีชีวิตต่อไปตามปกติ จากการทดลองจะเห็นได้ว่า คลอโรฟีลล์บริสุทธิ์มีส่วนช่วยให้ชีวิตยืนยาวและทำให้ร่างกายแข็งแรงดีขึ้นมาก






วิธีการสั่งซื้อ
สั่งซื้อ ได้ที่ Line : ppureaura /082-7958054 (ไม่สะดวกรับเวลาทำงาน) สะดวกตอบไลน์มากที่สุดคะ
โอนเงิน ,เเจ้งโอนเงินพร้อมสลิป,เเจ้งที่อยู่เพื่อจัดส่ง